หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
แชร์รีวิวผิดพลาดจากการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าอก Part 2
กระทู้สนทนา
ศัลยกรรมความงาม
อ่าน Part 1 ได้ที่
https://pantip.com/topic/38826412
หลังจากนั้นแผลเริ่มดีขึ้นจนได้พบกับแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งท่านเช็คแผลแล้วบอกว่าให้ทำแผลเอง 1 สัปดาห์ ค่อยกลับมาเช็คแผลอีกทีและนัดวันเย็บปิดแผล ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากใกล้หายแล้วนะ ทำแผลเองได้ 2-3 วันก็สังเกตุเห็นว่าข้างปานนมด้านขวามีอาการแดงเหมือนตอนด้านซ้าย ตกใจมากรีบไปโรงพยาบาลด่วน คุณหมอตรวจแล้วก็บอกว่าเชื้อจากด้านซ้ายมันลามมาเพาะเชื้อทางด้านขวาต้องผ่ากรีดออกเราก็หน้าซีดลงทันที เจ็บตัวอีกแล้วเหรอบอกกับตัวเองและนี่ก็เป็นการผ่าตัดครั้งที่ 2 เปลี่ยนชุดเจาะเลือดรอผลตรวจรอเข้าห้องผ่าตัดอีกรอบหัวใจเต้นแรงมากมีความกลัวและกังวลเป็นอย่างมาก....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทุกวันก็ยังไปทำแผลอยู่เหมือนเดิมจาก 1แผลเพิ่มเป็น 2 แผล ความเจ็บความทรมานมันสะสมมากจนกลายเป็นความเครียด แผลที่2ผ่าใกล้รักแร้ทำให้ปวดระบมจนแขนไม่มีแรงเริ่มที่จะขับรถไม่ได้ มีอารมณ์ชั่ววูบที่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย นอนร้องไห้ไม่อยากอยู่แล้ว ถ้าตายไปจะได้ไม่เจ็บไม่ปวดทรมานแบบนี้ แต่สุดท้ายก็เรียกสติตัวเองกลับมาเมื่อนึกถึงครอบครัวที่เราต้องดูแลแม่ก็แก่แล้ว ส่วนหลานสาวก็ยังเด็กเตรียมตัวเข้าอนุบาล ถ้าเราตายไปครอบครัวจะอยู่กันยังไง เราทำงานดูแลแม่มาตั้งแต่เด็กต้องสู้ต่อไปซิบอกกับตัวเองแบบนี้ นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภาวนาให้คุ้มครองให้เรารอดปลอดภัย
และสิ่งที่คาดไม่ถึงก็ได้เกิดขึ้นอีกหลังจากผ่าตัดครั้งที่ 2 ไม่ถึงสัปดาห์ตอนมาทำแผล พยาบาลบอกว่า แผลที่ติดเชื้อลามมาจุดที่ 3 ด้านบนของปานนมก็ต้องผ่าอีก ตอนนั้นแฟนไปธุระที่ต่างจังหวัดติดต่อไม่ได้น่าจะอยู่บนเครื่องบิน โทรหาที่บ้านก็ไม่ได้เพราะแม่ไม่รู้อาการป่วย ค่าผ่าตัดครั้งหนึ่งก็เกือบแสน เลยตัดสินใจผ่าในห้องทำแผลโดยการฉีดยาชาแทน รอบนี้รับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อย่างแสนสาหัส คุณหมอคว้านแผลที่ติดเชื้อตรงที่ฉีดยาชาแต่แผลมันสามารถคว้านได้ไปถึงแผลอีกด้าน ซึ่งเป็นตรงส่วนที่ไม่มียาชาก็ไม่ต่างจากการผ่าสด ร้องไห้หนักมากพยาบาล 3-4 คนช่วยกันจับไม่ให้ดิ้น มือจิกผ้าจนเปียก เหงื่อแตกท่วมตัวเจ็บจนแทบจะเป็นลมหมดสติ พยาบาลต้องเอาแอมโมเนียมาให้ดม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังผ่าตัดครั้งที่ 3 ได้ไม่กี่วัน แฟนก็บอกเลิก แฟนโทรมาบอกว่า “พี่ขอถอยถ้าเราป่วยอีก 6 เดือน พี่ก็ตายซิ” ฟังแล้วสะอึกหยุดนิ่งไปซักพัก พอตั้งสติได้ก็บอกกับตัวเองว่า ฉันต้องไม่ตายนะฉันต้องสู้ต้องรอดแล้วกลับมาสวยเหมือนเดิม แล้วก็โทรหาแม่บอกว่าหนูป่วยหนัก มารับหนูกลับบ้านหน่อย พอแม่มารับมาอยู่ที่บ้านแม่เห็นสภาพลูกตัวเองป่วยก็ถึงกับน้ำตาคลอ ถามว่าป่วยหนักขนาดนี้ทำไมไม่บอก แล้วแฟนทำไมไม่ดูแล ก็บอกแม่ไปว่าแฟนเพิ่งบอกเลิกไปไม่กี่วัน เค้าคงรับสภาพที่เราป่วยนานไม่ได้เป็นภาระเค้าอีก แม่บอกไม่เป็นไรลูกแม่ แม่ดูแลได้กลับมาอยู่บ้านเรารักษาตัวให้หายนะ กำลังใจที่ดีที่สุดตอนนั้นก็คือครอบครัวเราเองนี่แหละ จากนั้นก็ย้ายมาทำแผลที่โรงพยาบาลใกล้บ้านแม่ ก็ยังต้องเดรนหนองออกจากแผลทั้ง 3 จุดทุกวัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และความโชคร้ายก็บังเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 4 เริ่มมีอาการติดเชื้อใกล้ๆกับจุดที่ 3 มีอาการแดงๆ เหมือนทุกครั้ง คุณหมอแนะนำให้ผ่าตัดคว้านฟิลเลอร์ออกทั้งหมดจะดีกว่า เพราะไม่อย่างนั้นแผลก็จะติดเชื้อไปที่ตำแหน่งใหม่เรื่อยๆ ถ้ากลับไปผ่าที่โรงพยาบาลเก่าค่าใช้จ่ายก็หลายแสนจ่ายไม่ไหวจริงๆ ถ้าผ่าที่โรงพยาบาลของรัฐบาลก็รอคิวนานเกินไม่น่าจะรอดติดเชื้อเข้ากระแสเลือดตายก่อน เข้ากูเกิ้ลหาข้อมูลอีกครั้งจนมาเจอกับคุณหมอท่านหนึ่งที่รับแก้เคสผิดพลาดโดยเฉพาะ รีบเข้ามาพบและปรึกษาคุณหมอทันที แนวทางการรักษาคือขูดฟิลเลอร์ออกทั้ง 2 ข้าง และพักหน้าอกก่อนหลังจากนั้น 6 เดือนมาเช็คอีกทีว่าสามารถใส่ซิลิโคนได้หรือยัง หลังจากปรึกษาเช็คคิวต้องรอ 1 เดือนเราเลยแจ้งทางคุณหมอว่าแผลรอได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ เพราะแผลจะติดเชื้อและอักเสบขึ้นอีก คุณหมอขอโทรเช็คห้องผ่าตัดก่อนพรุ่งนี้จะโทรแจ้งว่ายังไง รุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่คลินิกโทรมาแจ้งเรื่องได้ห้องผ่าตัดและวันผ่าตัด ให้ไปตรวจร่างกายแล้วเอาผลตรวจมาให้คุณหมอดูก่อนวันผ่าตัด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผลตรวจร่างกายแข็งแรงปกติทุกอย่าง อีกไม่กี่วันก็จะไม่ต้องทรมานทำแผลแบบเดิมๆ อีกแล้ว มีความตื่นเต้นสำหรับการผ่าตัดใหญ่ ไม่รู้ผลผ่าตัดจะเป็นอย่างไรบ้างเดี๋ยวมาเล่าต่อใน Part 3
อ่าน Part 3 ได้ที่
https://pantip.com/topic/38830094
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
แพทย์ชี้ “ส่องกล้องข้อเข่า” เทคโนโลยีรักษาเจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ลดความเสี่ยงข้อเสื่อมก่อนวัย
ปัญหาการบาดเจ็บของข้อเข่า ไม่ว่าจะเป็นเอ็นเข่าขาดหรือหมอนรองกระดูกฉีกขาด กำลังกลายเป็นหนึ่งในความท้าทายด้านสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุจากการใช้ชีวิตประจำวัน
สมาชิกหมายเลข 4599855
นอนโรงพยาบาล 14 ปี รพ.วชิระภูเก็ต ทำสำเร็จ ในที่สุดผู้ป่วยได้กลับบ้าน
นานมาก 14 ปี ได้กลับบ้านแล้ว หลังผู้ป่วยนอนรักษาตัวที่ รพ.วชิระภูเก็ต นาน 14 ปี 3 เดือน https://www.tnnthailand.com/health/220465/?fbclid=IwdGRjcAOz7h9leHRuA2FlbQIxMQBzcnRjBmFwcF9pZAo2NjI4NTY4Mzc5
สมาชิกหมายเลข 2933266
เป็นถุงน้ำที่ต่อมไทรอยด์ ในนี้มีใครเป็นบ้างคะ แล้วจำเป็นไหมที่ต้องผ่าออก
ตามกระทู้ข้างบนเลยค่ะ เมื่อเดือนที่แล้วเราคลำเจอก้อนที่คอไปหาหมอคลีนิคในเบื้องต้นหมอบอกใหญ่ประมาณ2เซน แต่คลีนิคไม่สามารถบอกรายละเอียดอะไรได้แนะนำให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเพราะอาจต้องอัลตร้าซาวด์ดูว่าลักษณ
สินีนารถ
แมวใครคยเป็นถุงน้ำลายใต้ลิ้นบวมมั้ยคับ
มีแมวใครเคยเป็นมั้ยคับ พอไปหาหมอ เช็คค่าเลือดปกติ หมอบอกอาจจะเกิดจากการกระแทกอะไรแรงๆแล้วหมอก็เจาะดูดออกมาเป็นน้ำลาย หมอให้ยาแก้อักเสบมากิน หมอบอกไม่เคยเจอแมวเป็นแบบนี้เจาะได้3-4วันก็บวมเหมือนเดิม กลั
สมาชิกหมายเลข 1001887
ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม – ทางเลือกเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมเป็นหนึ่งในวิธีรักษาที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมขั้นรุนแรง โรงพยาบาลธนบุรีพร้อมให้บริการด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและทีมแพท
โรงพยาบาลธนบุรี
เมื่อคุณแม่ติดเชื้อในกระแสเลือด จากการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า สู่การผ่าตัด 5 ครั้งเพื่อรักษาชีวิตในช่วงเวลา 3 เดือน...EP.3
(EP.3: การผ่าตัดครั้งที่ 3 ที่ไม่คาดคิด) ต่อ 12/8/25.... หลังจากการผ่าตัด เช้าวันนั้น คุณหมอที่แจ้งให้ทราบว่า เชื้อได้เข้ากระแสเลือดคุณแม่แล้ว คุณหมอที่ผ่าล้างหัวเข่าแสดงสีหน้าหนักใจ แต่ทางครอบครัวก
สมาชิกหมายเลข 3181130
เมื่อคุณแม่ติดเชื้อในกระแสเลือด จากการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า สู่การผ่าตัด 5 ครั้งเพื่อรักษาชีวิตในช่วงเวลา 3 เดือน...EP.2
EP.2: พบอาการผิดปกติ เมื่อเข้าสัปดาห์ที่ 5-6หลังจากการผ่าตัด อาการคุณแม่ดีขึ้นเรื่อย ๆ คะ สามารถเดินได้ดีขึ้น โดยไม่ใช้ walker ตั้งแต่ผ่าออกมาได้ 3-4 วัน แผลแห้งดี ทุกอย่างดูเรียบร้อยไปหมด แต่โดยอาการ
สมาชิกหมายเลข 3181130
มาเล่าประสบการณ์ การดูแลเนื้อคว้านจากแผลอักเสบ แผลกดทับ
เนื่องจากต้นปี คุณแม่ไปนอนโรงพยาบาล และกลับมาผิวหนังติดเชื้อ อักเสบบริเวณก้น ทำให้ลามกลายเป็นแผลกดทับ บริเวณก้น แรกๆเราก็พยายามดูแล รักษาเอง ดูจากภายนอก ก็จะเป็นสะเก็ดแผลใหญ่ ขนาดฝ่ามือที่มีสะเก็ดผิว
สมาชิกหมายเลข 8477940
แชร์ประสบการณ์เข้าโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นครั้งแรก! (ในฐานะหมอไทยที่ล้มป่วย) ค่ารักษาเฉียด 2 หมื่นบาท! 💸 (ยาที่ได้มาทำผมงง)
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาว Pantip ทุกคน ผมเป็นหมอที่ชอบเดินทางกับแฟนครับ ทริปญี่ปุ่น 18-30 พ.ย. นี้ ตั้งใจมาพักผ่อนเต็มที่ แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดครับ... เที่ยวไปได้แค่ 1 สัปดาห์ อาการไข้หวัดก็
SarinPoom
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ศัลยกรรมความงาม
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 3
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
แชร์รีวิวผิดพลาดจากการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าอก Part 2
หลังจากนั้นแผลเริ่มดีขึ้นจนได้พบกับแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งท่านเช็คแผลแล้วบอกว่าให้ทำแผลเอง 1 สัปดาห์ ค่อยกลับมาเช็คแผลอีกทีและนัดวันเย็บปิดแผล ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากใกล้หายแล้วนะ ทำแผลเองได้ 2-3 วันก็สังเกตุเห็นว่าข้างปานนมด้านขวามีอาการแดงเหมือนตอนด้านซ้าย ตกใจมากรีบไปโรงพยาบาลด่วน คุณหมอตรวจแล้วก็บอกว่าเชื้อจากด้านซ้ายมันลามมาเพาะเชื้อทางด้านขวาต้องผ่ากรีดออกเราก็หน้าซีดลงทันที เจ็บตัวอีกแล้วเหรอบอกกับตัวเองและนี่ก็เป็นการผ่าตัดครั้งที่ 2 เปลี่ยนชุดเจาะเลือดรอผลตรวจรอเข้าห้องผ่าตัดอีกรอบหัวใจเต้นแรงมากมีความกลัวและกังวลเป็นอย่างมาก....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทุกวันก็ยังไปทำแผลอยู่เหมือนเดิมจาก 1แผลเพิ่มเป็น 2 แผล ความเจ็บความทรมานมันสะสมมากจนกลายเป็นความเครียด แผลที่2ผ่าใกล้รักแร้ทำให้ปวดระบมจนแขนไม่มีแรงเริ่มที่จะขับรถไม่ได้ มีอารมณ์ชั่ววูบที่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย นอนร้องไห้ไม่อยากอยู่แล้ว ถ้าตายไปจะได้ไม่เจ็บไม่ปวดทรมานแบบนี้ แต่สุดท้ายก็เรียกสติตัวเองกลับมาเมื่อนึกถึงครอบครัวที่เราต้องดูแลแม่ก็แก่แล้ว ส่วนหลานสาวก็ยังเด็กเตรียมตัวเข้าอนุบาล ถ้าเราตายไปครอบครัวจะอยู่กันยังไง เราทำงานดูแลแม่มาตั้งแต่เด็กต้องสู้ต่อไปซิบอกกับตัวเองแบบนี้ นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภาวนาให้คุ้มครองให้เรารอดปลอดภัย
และสิ่งที่คาดไม่ถึงก็ได้เกิดขึ้นอีกหลังจากผ่าตัดครั้งที่ 2 ไม่ถึงสัปดาห์ตอนมาทำแผล พยาบาลบอกว่า แผลที่ติดเชื้อลามมาจุดที่ 3 ด้านบนของปานนมก็ต้องผ่าอีก ตอนนั้นแฟนไปธุระที่ต่างจังหวัดติดต่อไม่ได้น่าจะอยู่บนเครื่องบิน โทรหาที่บ้านก็ไม่ได้เพราะแม่ไม่รู้อาการป่วย ค่าผ่าตัดครั้งหนึ่งก็เกือบแสน เลยตัดสินใจผ่าในห้องทำแผลโดยการฉีดยาชาแทน รอบนี้รับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อย่างแสนสาหัส คุณหมอคว้านแผลที่ติดเชื้อตรงที่ฉีดยาชาแต่แผลมันสามารถคว้านได้ไปถึงแผลอีกด้าน ซึ่งเป็นตรงส่วนที่ไม่มียาชาก็ไม่ต่างจากการผ่าสด ร้องไห้หนักมากพยาบาล 3-4 คนช่วยกันจับไม่ให้ดิ้น มือจิกผ้าจนเปียก เหงื่อแตกท่วมตัวเจ็บจนแทบจะเป็นลมหมดสติ พยาบาลต้องเอาแอมโมเนียมาให้ดม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังผ่าตัดครั้งที่ 3 ได้ไม่กี่วัน แฟนก็บอกเลิก แฟนโทรมาบอกว่า “พี่ขอถอยถ้าเราป่วยอีก 6 เดือน พี่ก็ตายซิ” ฟังแล้วสะอึกหยุดนิ่งไปซักพัก พอตั้งสติได้ก็บอกกับตัวเองว่า ฉันต้องไม่ตายนะฉันต้องสู้ต้องรอดแล้วกลับมาสวยเหมือนเดิม แล้วก็โทรหาแม่บอกว่าหนูป่วยหนัก มารับหนูกลับบ้านหน่อย พอแม่มารับมาอยู่ที่บ้านแม่เห็นสภาพลูกตัวเองป่วยก็ถึงกับน้ำตาคลอ ถามว่าป่วยหนักขนาดนี้ทำไมไม่บอก แล้วแฟนทำไมไม่ดูแล ก็บอกแม่ไปว่าแฟนเพิ่งบอกเลิกไปไม่กี่วัน เค้าคงรับสภาพที่เราป่วยนานไม่ได้เป็นภาระเค้าอีก แม่บอกไม่เป็นไรลูกแม่ แม่ดูแลได้กลับมาอยู่บ้านเรารักษาตัวให้หายนะ กำลังใจที่ดีที่สุดตอนนั้นก็คือครอบครัวเราเองนี่แหละ จากนั้นก็ย้ายมาทำแผลที่โรงพยาบาลใกล้บ้านแม่ ก็ยังต้องเดรนหนองออกจากแผลทั้ง 3 จุดทุกวัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และความโชคร้ายก็บังเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 4 เริ่มมีอาการติดเชื้อใกล้ๆกับจุดที่ 3 มีอาการแดงๆ เหมือนทุกครั้ง คุณหมอแนะนำให้ผ่าตัดคว้านฟิลเลอร์ออกทั้งหมดจะดีกว่า เพราะไม่อย่างนั้นแผลก็จะติดเชื้อไปที่ตำแหน่งใหม่เรื่อยๆ ถ้ากลับไปผ่าที่โรงพยาบาลเก่าค่าใช้จ่ายก็หลายแสนจ่ายไม่ไหวจริงๆ ถ้าผ่าที่โรงพยาบาลของรัฐบาลก็รอคิวนานเกินไม่น่าจะรอดติดเชื้อเข้ากระแสเลือดตายก่อน เข้ากูเกิ้ลหาข้อมูลอีกครั้งจนมาเจอกับคุณหมอท่านหนึ่งที่รับแก้เคสผิดพลาดโดยเฉพาะ รีบเข้ามาพบและปรึกษาคุณหมอทันที แนวทางการรักษาคือขูดฟิลเลอร์ออกทั้ง 2 ข้าง และพักหน้าอกก่อนหลังจากนั้น 6 เดือนมาเช็คอีกทีว่าสามารถใส่ซิลิโคนได้หรือยัง หลังจากปรึกษาเช็คคิวต้องรอ 1 เดือนเราเลยแจ้งทางคุณหมอว่าแผลรอได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ เพราะแผลจะติดเชื้อและอักเสบขึ้นอีก คุณหมอขอโทรเช็คห้องผ่าตัดก่อนพรุ่งนี้จะโทรแจ้งว่ายังไง รุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่คลินิกโทรมาแจ้งเรื่องได้ห้องผ่าตัดและวันผ่าตัด ให้ไปตรวจร่างกายแล้วเอาผลตรวจมาให้คุณหมอดูก่อนวันผ่าตัด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผลตรวจร่างกายแข็งแรงปกติทุกอย่าง อีกไม่กี่วันก็จะไม่ต้องทรมานทำแผลแบบเดิมๆ อีกแล้ว มีความตื่นเต้นสำหรับการผ่าตัดใหญ่ ไม่รู้ผลผ่าตัดจะเป็นอย่างไรบ้างเดี๋ยวมาเล่าต่อใน Part 3
อ่าน Part 3 ได้ที่ https://pantip.com/topic/38830094