แชร์รีวิวผิดพลาดจากการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าอก Part 2

กระทู้สนทนา
อ่าน Part 1 ได้ที่ https://pantip.com/topic/38826412

หลังจากนั้นแผลเริ่มดีขึ้นจนได้พบกับแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งท่านเช็คแผลแล้วบอกว่าให้ทำแผลเอง 1 สัปดาห์ ค่อยกลับมาเช็คแผลอีกทีและนัดวันเย็บปิดแผล ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากใกล้หายแล้วนะ ทำแผลเองได้ 2-3 วันก็สังเกตุเห็นว่าข้างปานนมด้านขวามีอาการแดงเหมือนตอนด้านซ้าย ตกใจมากรีบไปโรงพยาบาลด่วน คุณหมอตรวจแล้วก็บอกว่าเชื้อจากด้านซ้ายมันลามมาเพาะเชื้อทางด้านขวาต้องผ่ากรีดออกเราก็หน้าซีดลงทันที เจ็บตัวอีกแล้วเหรอบอกกับตัวเองและนี่ก็เป็นการผ่าตัดครั้งที่ 2 เปลี่ยนชุดเจาะเลือดรอผลตรวจรอเข้าห้องผ่าตัดอีกรอบหัวใจเต้นแรงมากมีความกลัวและกังวลเป็นอย่างมาก....

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ทุกวันก็ยังไปทำแผลอยู่เหมือนเดิมจาก 1แผลเพิ่มเป็น 2 แผล ความเจ็บความทรมานมันสะสมมากจนกลายเป็นความเครียด แผลที่2ผ่าใกล้รักแร้ทำให้ปวดระบมจนแขนไม่มีแรงเริ่มที่จะขับรถไม่ได้ มีอารมณ์ชั่ววูบที่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย นอนร้องไห้ไม่อยากอยู่แล้ว ถ้าตายไปจะได้ไม่เจ็บไม่ปวดทรมานแบบนี้ แต่สุดท้ายก็เรียกสติตัวเองกลับมาเมื่อนึกถึงครอบครัวที่เราต้องดูแลแม่ก็แก่แล้ว ส่วนหลานสาวก็ยังเด็กเตรียมตัวเข้าอนุบาล ถ้าเราตายไปครอบครัวจะอยู่กันยังไง เราทำงานดูแลแม่มาตั้งแต่เด็กต้องสู้ต่อไปซิบอกกับตัวเองแบบนี้ นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภาวนาให้คุ้มครองให้เรารอดปลอดภัย

และสิ่งที่คาดไม่ถึงก็ได้เกิดขึ้นอีกหลังจากผ่าตัดครั้งที่ 2 ไม่ถึงสัปดาห์ตอนมาทำแผล พยาบาลบอกว่า แผลที่ติดเชื้อลามมาจุดที่ 3 ด้านบนของปานนมก็ต้องผ่าอีก ตอนนั้นแฟนไปธุระที่ต่างจังหวัดติดต่อไม่ได้น่าจะอยู่บนเครื่องบิน โทรหาที่บ้านก็ไม่ได้เพราะแม่ไม่รู้อาการป่วย ค่าผ่าตัดครั้งหนึ่งก็เกือบแสน เลยตัดสินใจผ่าในห้องทำแผลโดยการฉีดยาชาแทน รอบนี้รับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อย่างแสนสาหัส คุณหมอคว้านแผลที่ติดเชื้อตรงที่ฉีดยาชาแต่แผลมันสามารถคว้านได้ไปถึงแผลอีกด้าน ซึ่งเป็นตรงส่วนที่ไม่มียาชาก็ไม่ต่างจากการผ่าสด ร้องไห้หนักมากพยาบาล 3-4 คนช่วยกันจับไม่ให้ดิ้น มือจิกผ้าจนเปียก เหงื่อแตกท่วมตัวเจ็บจนแทบจะเป็นลมหมดสติ พยาบาลต้องเอาแอมโมเนียมาให้ดม

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

หลังผ่าตัดครั้งที่ 3 ได้ไม่กี่วัน แฟนก็บอกเลิก แฟนโทรมาบอกว่า “พี่ขอถอยถ้าเราป่วยอีก 6 เดือน พี่ก็ตายซิ” ฟังแล้วสะอึกหยุดนิ่งไปซักพัก พอตั้งสติได้ก็บอกกับตัวเองว่า ฉันต้องไม่ตายนะฉันต้องสู้ต้องรอดแล้วกลับมาสวยเหมือนเดิม แล้วก็โทรหาแม่บอกว่าหนูป่วยหนัก มารับหนูกลับบ้านหน่อย พอแม่มารับมาอยู่ที่บ้านแม่เห็นสภาพลูกตัวเองป่วยก็ถึงกับน้ำตาคลอ ถามว่าป่วยหนักขนาดนี้ทำไมไม่บอก แล้วแฟนทำไมไม่ดูแล ก็บอกแม่ไปว่าแฟนเพิ่งบอกเลิกไปไม่กี่วัน เค้าคงรับสภาพที่เราป่วยนานไม่ได้เป็นภาระเค้าอีก แม่บอกไม่เป็นไรลูกแม่ แม่ดูแลได้กลับมาอยู่บ้านเรารักษาตัวให้หายนะ กำลังใจที่ดีที่สุดตอนนั้นก็คือครอบครัวเราเองนี่แหละ จากนั้นก็ย้ายมาทำแผลที่โรงพยาบาลใกล้บ้านแม่ ก็ยังต้องเดรนหนองออกจากแผลทั้ง 3 จุดทุกวัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

และความโชคร้ายก็บังเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 4 เริ่มมีอาการติดเชื้อใกล้ๆกับจุดที่ 3 มีอาการแดงๆ เหมือนทุกครั้ง คุณหมอแนะนำให้ผ่าตัดคว้านฟิลเลอร์ออกทั้งหมดจะดีกว่า เพราะไม่อย่างนั้นแผลก็จะติดเชื้อไปที่ตำแหน่งใหม่เรื่อยๆ ถ้ากลับไปผ่าที่โรงพยาบาลเก่าค่าใช้จ่ายก็หลายแสนจ่ายไม่ไหวจริงๆ ถ้าผ่าที่โรงพยาบาลของรัฐบาลก็รอคิวนานเกินไม่น่าจะรอดติดเชื้อเข้ากระแสเลือดตายก่อน เข้ากูเกิ้ลหาข้อมูลอีกครั้งจนมาเจอกับคุณหมอท่านหนึ่งที่รับแก้เคสผิดพลาดโดยเฉพาะ รีบเข้ามาพบและปรึกษาคุณหมอทันที  แนวทางการรักษาคือขูดฟิลเลอร์ออกทั้ง 2 ข้าง และพักหน้าอกก่อนหลังจากนั้น 6 เดือนมาเช็คอีกทีว่าสามารถใส่ซิลิโคนได้หรือยัง หลังจากปรึกษาเช็คคิวต้องรอ 1 เดือนเราเลยแจ้งทางคุณหมอว่าแผลรอได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ เพราะแผลจะติดเชื้อและอักเสบขึ้นอีก คุณหมอขอโทรเช็คห้องผ่าตัดก่อนพรุ่งนี้จะโทรแจ้งว่ายังไง รุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่คลินิกโทรมาแจ้งเรื่องได้ห้องผ่าตัดและวันผ่าตัด ให้ไปตรวจร่างกายแล้วเอาผลตรวจมาให้คุณหมอดูก่อนวันผ่าตัด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ผลตรวจร่างกายแข็งแรงปกติทุกอย่าง อีกไม่กี่วันก็จะไม่ต้องทรมานทำแผลแบบเดิมๆ อีกแล้ว มีความตื่นเต้นสำหรับการผ่าตัดใหญ่ ไม่รู้ผลผ่าตัดจะเป็นอย่างไรบ้างเดี๋ยวมาเล่าต่อใน Part 3

อ่าน Part 3 ได้ที่ https://pantip.com/topic/38830094
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่