แชร์รีวิวผิดพลาดจากการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าอก Part 3

กระทู้สนทนา
อ่าน Part 1 ได้ที่ https://pantip.com/topic/38826412
อ่าน Part 2 ได้ที่ https://pantip.com/topic/38819329

วันผ่าตัดก็มาถึง...วาวามาถึงโรงพยาบาลแต่เช้า ทำประวัติเสร็จเจ้าหน้าก็พาไปเปลี่ยนชุดและนอนรอบนเตียง เมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่ก็มาเข็นเข้าห้องผ่าตัด วิสัญญีแพทย์ก็มาดูแลเรื่องการวางยาสลบ ใช้เวลาผ่าตัดหลายชั่วโมง พอฟื้นขึ้นมาทางเจ้าหน้าก็เข็นไปที่ตึกห้องพักฟื้น ตลอดทางที่เข็นมาห้องพักฟื้นมีความเจ็บปวดจากแผลหลังผ่าตัดสุดแสนจะทรมานปวดร้าวไปทั้งตัวน้ำตาไหลตลอดทาง และเมื่อถึงห้องพักขั้นตอนการย้ายผู้ป่วยจากรถเข็นไปบนเตียงเจ็บจี๊ดจนถึงขึ้นกรีดร้องออกมา คุณหมอให้เลือด 1 ถุง เนื่องจากในห้องผ่าตัดเสียเลือดมาก ผ่านไปไม่ถึง 2 ชั่วโมงประจำเดือนก็มาอีก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ เสียเลือดในห้องผ่าตัดแล้วประจำเดือนยังจะมาตอนนี้อีก เสียเลือดจนตัวซีดเหมือนศพเลยตอนนั้น นอนอยู่บนเตียงแบบนิ่งๆ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โชคดีที่มีรุ่นพี่มาช่วยดูแล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รุ่งขึ้นก็กลับไปพักฟื้นที่บ้านแม่ หลังผ่าตัดกินอาหารอะไรไม่ได้เลย คลื่นไส้อาเจียนตลอด แต่ก็ต้องพยายามกินให้ได้ เพื่อที่จะต้องกินยาหลังอาหารมีแม่และหลานคอยดูแลให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด เพราะลุกนั่งหรือหยิบของช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ร่างกายมันปวดร้าวระบมไปทั้งตัวได้แต่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เวลาจะเข้าห้องน้ำก็ลำบากมาก แม่ประคองเดินหิ้วปีกแขนทั้งสองข้างส่วนหลานสาววัย 3 ขวบก็ช่วยถือถุงใส่กระปุกสายเดรนเลือด เดินประคองกัน 3 คนพร้อมกันเข้าห้องน้ำทุกครั้ง และทุกมื้อแม่ก็ต้องคอยป้อนอาหารเพราะมือวาวาไม่มีแรงยกช้อนเองไม่ได้ ทุกคนคงสงสัยว่าทำไมอาการถึงหนักขนาดนั้น คำตอบก็คือตั้งแต่วันแรกที่แอดมิดโรงพยาบาล จนถึงวันที่ผ่าตัดใหญ่คว้านเอาฟิลเลอร์ออกทั้งหมด ภายในระยะเวลา 2 เดือน วาวาผ่าตัดทั้งหมด 4 ครั้ง ร่างกายผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง น้ำหนักจาก 43 กิโลกรัม ลดลงมาเหลือ 39-40 กิโลกรัม เสียเลือดมากมายตั้งแต่การเดรนหนองออกทุกวัน การผ่าตัดทุกครั้งและการดมยาก่อนผ่าตัดทุกครั้งอีก คุณคิดว่าร่างกายมันจะเจ็บปวดรวดร้าวทรมานแค่ไหน เมื่อถึงกำหนดนัดแกะผ้าพันแผลออก วินาทีแรกที่เห็นสภาพหน้าอกตัวเองแทบช็อกน้ำตาร่วงเลยคะ รับสภาพตัวเองไม่ได้จริงๆ รูปทรงหน้าอกเปลี่ยนไปไม่ได้แค่แบนราบ แต่ยุบลงไปเป็นแอ่งอีกด้วย เนื่องจากเนื้อนมถูกตัดออก ทำให้อกยุบลงไปทั้ง 2 ข้าง และผิวหน้าอกก็ยังเป็นคลื่นๆ ไตๆ เพราะไม่สามารถเอาออกได้ 100% ต้องมาพบแพทย์ทุกสัปดาห์ ประมาณ 1 เดือน เพื่อตรวจเช็คแผลและอาการติดเชื้อ สภาพใจจิตตัวเองเริ่มมีอาการจิตตกและแย่ลงเรื่อยๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชีวิตหลังผ่าตัดใหญ่เอาฟิลเลอร์ออกทั้งหมดก็ยังต้องเจอกับปัญหาอีกหลายอย่างตามมา วาวาไม่สามารถทำงานได้ ขับรถไม่ได้ ยกของหนักก็ไม่ได้ งดอาหารแสลงทุกชนิด เน้นทานไก่และไข่ขาว ทุกวันต้องทานอกไก่และไข่ขาววันละ 8 ฟองเพื่อเสริมสร้างเนื้อเยื่อหน้าอก การแต่งตัวก็ใส่ได้แค่เสื้อยืดกับเสื้อเชิ้ต เสื้อในก็ใส่เป็นสปอร์ตบราเสริมฟองน้ำแทน การเดินก็เดินอย่างช้าๆ การนอนก็ต้องนอนหงายเท่านั้น นอนตะแคงไม่ได้เพราะจะเจ็บแผลยังคงปวดร้าวไปทั้งตัว สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนั้นก็คือการสวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิ ซึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจได้ดีที่สุด ผ่านไป 2-3 เดือนเริ่มมีอาการนอนไม่หลับไปฝังเข็มก็ไม่ดีขึ้น สุดท้ายเลยตัดสินใจไปพบแพทย์ระบบประสาท ก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้แพทย์ฟัง แพทย์วิเคราะห์อาการว่าเป็นอาการของโรคซึมเศรา รักษาด้วยวิธีการกินยาอย่างต่อเนื่องประมาณ 2 ปี หรืออย่างเร็วที่สุดก็ 1 ปี ควรออกกำลังกายและพบปะพูดคุยกับผู้คนมากๆ แพทย์สั่งจ่ายยาและนัดพบทุกเดือน มียาปรับอารมณ์และยาคลายเครียด โรคซึมเศร้าที่วาวาเป็นเกิดจากสภาวะการเจ็บป่วยเรื้อรังและรักษาเป็นเวลานาน ไม่สามารถทำงานได้ ไม่มีรายได้ซึ่งมีภาระครอบครัวที่ต้องดูแลและถูกคนรักทอดทิ้งในขณะที่เจ็บป่วย การทานยาตามแพทย์สั่งและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้อาการดีขึ้นตามลำดับ
6 เดือนผ่านไปมาพบหมอเพื่อตรวจเช็คหน้าอก ซึ่งผลก็คือเนื้อเยื่อยังไม่ดีเท่าที่ควร รออีก 3 เดือนมาตรวจเช็คอีกที ชีวิตที่ไม่มีหน้าอกมันช่างทรมานจริงๆ กินยาฆ่าเชื้ออย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นโอเวอร์โดสหน้าบวมแขนขาบวมไปหมด แต่ก็ยังคงดำรงชีวิตให้อยู่ได้และสู้ต่อไป ครบ 1 ปี มาพบคุณหมอท่านบอกว่าสามารถผ่าตัดใส่ซิลิโคนได้แล้ว รู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากที่จะได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว ก่อนผ่าตัดคุณหมอได้แจ้งไว้ก่อนแล้วว่าหลังผ่าตัดใส่ซิลิโคนหน้าอกของเราจะไม่ได้สวยงามเพอร์เฟค 100% นะ เพราะเป็นคนเนื้อบางและถูกตัดเนื้อนมออกไป แต่หมอจะทำออกมาให้ดีที่สุด เชื่อใจคุณหมอค่ะ เพราะคุณหมอคือคนท่ีช่วยชีวิตเราให้รอดตายจากการติดเชื้อมาแล้ว ครั้งนี้ก็มั่นใจว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมถึงแม้จะไม่สมบูรณ์ 100% ก็ตาม
วันที่รอคอยก็มาถึงไปโรงพยาบาลตามนัดแต่เช้าเตรียมตัวพร้อมเข้าห้องผ่าตัด หมอแจ้งว่าครั้งนี้การผ่าตัดง่ายกว่าครั้งก่อนแค่ผ่าเสริมซิลิโคนใส่สายเดรนเลือดนอนพัก 1 คืนก็กลับบ้านได้ คุณหมอเสริมซิลิโคน 300 cc ยี่ห้อ Mentor ทรงกลมคะ ไม่สามารถใส่ขนาดใหญ่กว่านี้ได้เนื่องจากเคยตัดเนื้อนมออกและผิวค่อนข้างบาง หลังผ่าตัดเสร็จย้ายมาห้องพักฟื้นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด นอนขยับตัวไม่ได้เลยปวดร้าวเจ็บทรมานไปทั้งตัวยิ่งเจ็บกว่าผ่าตัดครั้งที่แล้วอีก แม้แต่หายใจหรือจะพูดคุยก็เจ็บไปทั้งตัวได้แต่นอนร้องไห้น้ำตาไหลนองหน้ากับความเจ็บปวดผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก็ขอยาแก้ปวดเพิ่มทั้งยาแก้ปวดและมอร์ฟีนก็เอาไม่อยู่กับความเจ็บปวดในครั้งนี้ วันรุ่งขึ้นตื่นมาก็ยังขยับร่างกายไม่ได้ ลุกขึ้นไม่ไหวคุณหมอให้พักอีก 1 คืน ความปวดก็ยังมีตลอดเวลาให้กินยาแก้ปวดชนิดแรงสุดก็ยังเอาไม่อยู่ ให้มอร์ฟีนก็แก้ปวดได้แค่ชั่วคราวต้องสู้และอดทนกับความเจ็บปวดพยายามข่มตาให้หลับเพื่อลดความเจ็บปวด รุ่งขึ้นอาการดีขึ้นพอขยับตัวลุกขึ้นได้คุณหมอมาตัดสายเดรนเลือดออกแล้วอนุญาติให้กลับบ้านได้ และมาพบตามนัด
หลังเสริมซิลิโคนก็ยังต้องดูแลรักษาตัวเองอีกหลายอย่าง ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ดูแลแผลหลังผ่าตัดไม่ให้เป็นคีย์รอย ดูแลสุขภาพฟื้นฟูจิตใจรักษาโรคซึมเศร้ากินยาและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอใช้เวลาเกือบ 3 ปีในการรักษากว่าจะกลับมาเป็นปกติ เงินเก็บที่เคยมีอยู่ก็หมดไปกับค่ารักษาจนหมดเนื้อหมดตัว ต้องกู้ยืมเงินคนอื่นมาเป็นค่าผ่าตัด พอสามารถขับรถได้ก็เริ่มกลับมาทำงานเหมือนเดิม ดีใจที่ได้กลับมาทำงานดูแลครอบครัวอีกครั้ง การป่วยหนักอย่างแสนสาหัสในครั้งนี้เป็นบทเรียนราคาแพงเลยทีเดียว มันทำให้เราได้รู้ว่าในวันที่เราป่วยหนักปางตายผ่าตัดแล้วผ่าตัดอีกเกือบติดเชื้อเข้ากระเเสเลือดเอาชีวิตเกือบไม่รอด ใครที่ทอดทิ้งเราและใครที่อยู่เคียงข้างเราดูแลช่วยเหลือเรา เชื่อมั้ยคนรักที่เคยบอกว่าจะดูแลเราไปตลอดกลับมาทิ้งเราในวันที่เราต้องการกำลังใจมากที่สุดแล้วไปมีความสุขกับผู้หญิงคนใหม่ มีแต่ครอบครัวที่ดูแลเราด้วยความรักด้วยใจบริสุทธิ์จากคนที่เราเรียกว่าแม่ แม่อดหลับอดนอนประคองเราเข้าห้องน้ำตลอดคืน ป้อนข้าว ป้อนน้ำ เตรียมยาตามเวลา เช็ดหน้า เช็ดตัว สระผม ตัดเล็บมือเล็บเท้าให้เรา เหนื่อยแค่ไหนแม่ก็ดูแลเราไม่เคยบ่น และอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เรารอดมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การสวดมนต์ การนั่งสมาธิเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ให้เราฟุ้งซ่านและมีสติในการดำรงชีวิตมากขึ้น หลังจากที่เคยคิดฆ่าตัวตาย เมื่อเรามีสติเราก็จะมีแรงสู้และดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่
“ศัลยกรรมยังเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคนที่รักสวยรักงามและอยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ควรศึกษาและหาข้อมูลให้ดีก่อนทำทุกประเภท อย่าเพียงแต่ฟังจากคำพูดที่เค้าพูดต่อกันมา จากจุดผิดพลาดเล็กๆสามารถกลายเป็นความผิดพลาดอย่างแสนสาเหตุเลยทีเดียว บทเรียนราคาแพง”
ขอขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆทุกคนที่ช่วยเหลือดูแลและให้กำลังใจวาวาจนกลับมาหายดีเป็นปกติและหวังว่าการเขียนแชร์ประสบการณ์ผิดพลาดศัลยกรรมจากฟิลเลอร์ในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับใครอีกหลายๆคนที่กำลังประสบปัญหาอยู่ ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านตั้งแต่ต้นจนจบนะคะถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ 
ปล. ติดตามหรือเข้ามาพูดคุยปรึกษาที่เฟสบุ๊คได้เช่นกันนะคะวาวายินดีให้คำแนะนำ
facebook : Passaran Wawa
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่