[CR] Mission in Seoul~รีวิวยัด 44 เมนูทั่วกรุงโซล (ตามรอยร้านดังใน Twitter จะปังหรือพัง?)

สวัสดีค่ะทู้กโค้นนนน
วันนี้จะมาชี้เป้าของกินทุกอย่างที่ได้กินที่ Seoul เป็นเวลา 6 วัน (แต่กินไม่เยอะเท่าที่หวังไว้เท่าไหร่)

ซึ่งก่อนจะไปเนี่ย ก็ดูรีวิวเอาไว้เยอะมาก แต่บางร้านก็ไม่ได้อยู่ในเส้นทางเที่ยวที่จะผ่านไป ก็เลยต้องกินร้านที่ไม่ได้ตั้งใจ หรือบางวันก็ตื่นสาย เที่ยวไม่ทันก็ไม่ค่อยได้กิน แต่ก็ทำให้ได้ไปเจอร้านใหม่ๆ ร้านที่มีคนเคยรีวิวแล้วเค้าว่าอร่อยแต่เราไม่อร่อยก็มี ตามมาดูกันเลยยยยยค่าาา

Day 1
มื้อแรกตั้งแต่ยังไม่ถึง Seoul แต่มันอร่อยมากกก เกินกว่าที่จะเป็นอาหารบนเครื่องบิน ใครที่กำลังจะบิน Air Asia แล้วยังเลือกไม่ได้ จัดเมนู “ข้าวอบไก่ย่าง”ไปเลยค่ะ เป็นไก่ย่างนุ่มๆมาพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว พ่อคุณแม่คุณเอ่ย แกะมาทีสงสารคนเกาหลีเหลือเกิน กลิ่นหึ่งมาก แต่กับคนไทยแล้ว ได้กลิ่นเป็นต้องร้องขอข้าวสวยแน่ๆ ไม่รู้ว่าหอมหรือเหม็น แต่ตอนที่แอร์มาเสริฟ์ หนุ่มเกาหลีข้างหน้าก็เปิดเมนูหากับข้าวกินกันบ้างเลยแหละ รสชาตินี้แซ่บ น้ำจิ้มอร่อย รสชาติแบบไทยๆเลย อร่อย 10/10 ไปเลยยย

ส่วนเมนูของเพื่อนนั่นเลือกสั่งข้าวมันไก่ย่าง Uncle Shin ตอนเขียนกระทู้ก็ไปอ่านของชาวบ้านมาก่อนว่าเมนูนี้มันมีอะไรพิเศษหรือเปล่าน้า จะได้มีข้อมูลมาเขียน ไปเจอมีคนบ่นว่า เมนูนี้ไก่น้อย!! ซึ่งในรูปของเขา ได้ไก่น้อยจริง แต่ตอนนี้คงปรับปรุงแล้วเพราะดูจากรูปของเราก็ได้ว่า ไก่โปะมาล้นๆเลย น้ำจิ้มค่อนข้างหวานแต่อร่อยใช้ได้

      เมื่อเหยียบย่างเข้าสู่โซลแล้ว มุ่งหน้าสู่ฮงแดค่ะ เราพักแถวนี้ เพราะฉะนั้นของกินในกระทู้นี้จะไปหนักที่ฮงแดหน่อย มื้อแรกที่ฝากท้องเป็นร้านขาหมูชื่อดัง เปิดมาตั้งแต่ปี 1987 ทั้งหมดก็ 32 ปีแล้ว ร้าน“Jokbal (จงบัล)” ของร้าน Myth Jokbal ดังขึ้นมาเพราะซีรี่ย์เรื่องBeautiful Gong Shim ที่พระเอกในเรื่องมาทานร้านนี้ค่ะ
ไปถึงจะงงๆที่ร้านมี 2 ฝั่งนิดนึง ให้ไปเอาบัตรคิวก่อน จากนั้นรอเค้าเรียกเลข แล้วถึงจะเข้าไปทานในร้านได้ค่ะ ตอนที่เราไปยืนรอประมาณ 10 นาทีก็ได้ทานแล้ว  ร้านนี้น้ำฟรีค่ะ ไม่ต้องเติมน้ำแข็งก็เย็นเพราะใส่ขวดสแตนเลสแบบนี้ ส่วนใหญ่ในเกาหลีน้ำเปล่ากินฟรีตลอดเลย 

เราเลือกเซตเล็กสุด (Size M) และเลือกขาหมูแบบ Original จริงๆจะมีแบบมีซอสกระเทียมโปะมาด้วย แต่ครั้งแรกขอลองแบบต้นตำรับก่อนดีกว่า ก็จะมีซุปกิมจิมาตั้งเตาให้ทันที พร้อมเสริฟ์จานถั่วงอกหัวโตและเส้นบะหมี่อ้วนๆมาให้ น้ำซุปเปรี้ยวๆ เราเฉยๆนะคะกับรสชาติซุปเพียงอย่างเดียว แต่พอได้ทานกับขาหมูแล้ว ความเปรี้ยวมันตัดกับความเลี่ยนของขาหมูได้ดีเลย ยิ่งอากาศหนาวๆยังไงก็ต้องซดน้ำซุปร้อนๆล่ะน้าา ส่วนบะหมี่นี่ตัดกำลังมาก ส่วนตัวชอบกินกับถั่วงอก ไม่จุกดี
ปริมาณขาหมูและอาหารแต่ละจานก็จะมาประมาณนี้ค่ะ จานใหญ่โตทั้งนั้น
ขาหมูที่นี่จะแตกต่างกันเมืองไทย ตรงที่ขาหมูที่ไทยจะมีความนุ่มละลายของหนังไปเลย รสชาติจะหวานเค็ม แต่ของที่นี่ไม่ได้หวานมากเท่าเมืองไทย หนังหมูมีความหนึบๆสู้ฟันไม่ได้ละลายหายไปเลย ซึ่งเพื่อนเราที่ไม่กินมันหมูเลย สามารถทานร้านนี้ได้ และทานจนหมดด้วย แทะกันสนุกสนาน เพราะเค้ามาทั้งส่วนที่หั่นเป็นชิ้นและส่วนที่ติดกระดูกอยู่ แต่ไม่ต้องห่วง มีถุงมือให้เรียบร้อย ไม่ต้องห่วงสวย น้ำจิ้มมีมา 3 แบบ (ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายเจาะ) รสชาติจะไม่หนีกันมาก อันแดงๆรสชาติเหมือนซอสบาร์บีคิว อีกสองอันจำรสชาติไม่ได้ แต่จิ้มอันไหนก็อร่อยหมดเลยค่ะ T^T เราก็จิ้มสลับกันไปเรื่อยๆ 

          ในส่วนของสลัดนี่ดีไม่รู้จะอธิบายยังไง ผัดสด กรอบ หน้าตาดี น้ำสลัดแบบบัลซามิก เปรี้ยวๆแก้เลี่ยนดีมากเลย 
ส่วนเครื่องเคียงกิมจิ เราไม่สนใจเลยค่ะ เพราะสลัดกินขาด แก้เลี่ยนได้หมดจด
          ร้านนี้เซตนึงค่อนข้างใหญ่มากก และมีคนบอกว่า 2 คนก็ทานแทบไม่หมด ต้อง 3 คน แต่ก็อยากกินอ่ะนะ เลยยอมเหลือก็ได้ ตอนแรกนึกว่าเซตนี้ 2 คนจะทานไม่หมด สรุปคือขาหมูหมดเกลี้ยงแทะกันสนุกเลย สลัดอร่อย เหลือนิดหน่อย ส่วนซุปกิมจิถั่วงอกเหลือค่ะ ร้านนี้ดี ถ้าได้ไปอีกก็จะกินอีกค่ะ

ราคา: ประมาณ 30,000 W (ราวๆ 900 บาท) 
พิกัด: สถานี Hongik University ทางออก 9 ตรงแถวที่เค้ามาเต้นๆกันย่านฮงแด
เวลาเปิดปิด: 11:00 – 03:00

 จบจากเมนูคาวแล้วมาต่อเมนูของหวานกันค่ะ ชื่อร้าน Yoger presso
เป็นร้านกาแฟที่แม้ว่าจะอิ่มแค่ไหนก็ต้องสั่ง 2 เมนูเพราะที่เกาหลีส่วนใหญ่จะบังคับสั่งต่อคนตลอดเลย
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหนาวขนาดนี้แต่ก็ยังจะกินของเย็นได้อีก แต่ก็สั่ง Merry Strawberry (อารมณ์ strawberry Milkshake ) กับ Peppermint hot tea มาดื่มแก้หนาว ซึ่งโอเคแหละชามิ้นท์แต่ไม่ได้ถ่ายมาเพราะถ่ายมาก็ไม่เห็นอะไรเพราะถ้วยปิดทึบธรรมดา แต่ตัวที่ต้องนำเสนอคือ เจ้าสตรอเบอร์รี่โยเกิร์ตเนี่ยแหละ ด้านบนไล่ชั้นเลยนะ จะเป็นเหมือนโยเกิร์ตหอมๆเปรี้ยวหวานกำลังดี นุ่มเนียนเหมือนเมฆโปะด้วยสตรอเบอร์รี่ลูกโต (ขนาดหั่นแล้วยังเต็มช้อน) อร่อยมากค่ะด้านบน แต่พอเจาะลงถึงชั้นสีชมพู ถึงกับร้อง “อิหยังวะ” มันหวานเกินไป ไม่ค่อยชอบ เหมือนกินนมสตรอเบอร์รี่ที่หวานไป ทั้งๆที่ฟินกะโยเกิร์ตขั้นเทพอยู่แท้ๆ แต่มากินเฉพาะแค่ด้านบนกับสตรอเบอร์รี่ฉ่ำๆก็คุ้มค่ากับการลองอยู่ค่ะ อันนี้จะไปซ้ำแล้วกินเฉพาะด้านบน 5555

ราคา: 6,800 W (ราวๆ 190 บาท)
พิกัด: สถานี Hongik University ทางออก 3
เวลาเปิดปิด : ไม่แน่ใจน้า ไม่กินตอนประมาณ 2-3 ทุ่มยังเปิดอยู่ค่ะ

ไปต่อค่ะไปต่อ กินคาวเสร็จ กินหวานแล้ว ก็ต้องตบด้วยคาวอีกรอบ ถึงจะนอนหลับฝันดี

ขนมไข่ที่ใครๆก็ต้องเคยชิม บางคนบอกอร่อย บางคนบอกไม่อร่อย แต่สำหรับเรา เอาไป 7/10 ค่ะ มันเกือบจะอร่อยมากเลยนะคะ ตอนที่กัดโดนความเค็มจากอะไรไม่รู้ที่เค้าใส่มา แต่ตรงส่วนที่เค็มๆมันน้อยมาก เหมือนเปื้อนอ่ะ ไม่ได้ตั้งใจใส่ให้เค็ม ทั้งๆที่ส่วนอร่อยมันอยู่ที่ความเค็มผสมกับความมันของไข่ (ที่ก็สุกไป เราชอบไข่ไม่สุกมากกว่า) ส่วนตัวแป้งมีความหวานเล็กๆ ซึ่งเราเชื่อว่า มันเหมือนโตเกียวของไทยเนี่ยแหละ ถ้ามาอยู่ในมือคนไทยทำนะ ต้องมีแมกกี้ พริกไทย ไข่เยิ้มๆ อร่อยกว่านี้ได้อีก!!! อันนี้ถึงจะไม่อร่อยจนว้าว แต่มาถึงแล้วได้ลองชิมสักคำก็ได้อยู่นะ
ราคา: จำราคาไม่ได้ แง้ แต่ส่วนใหญ่จะขายที่ 2,000 W (56 บาท)
พิกัด: ย่านฮงแด
เวลาเปิด: ดึกๆสัก 4 ทุ่มยังขายอยู่ค่ะ

Day 2

เป็นวันที่ตื่นสายโด่งและฝนตก เสียใจมาก อดกินอะไรที่อยากกินเยอะแยะไปหมด วันนี้ไปย่านอัปกูจอง ตามหาคาเฟ่สุดฮิตที่มีาสาขาอยู่หลายประเทศเลยอย่าง Cafe Kitsune Seoul ค่ะ 
      ทางเข้าสวยงามเป็นสวนไผ่ตามทางเดินเข้าไปจะเจอกับร้านคาเฟ่ผสมร้านขายเสื้อผ้า Maison Kitsuné Seoul Boutique จากฝรั่งเศส (ราคาเสื้อผ้าประมาณ ₩165,000 to ₩956,000 ซี๊ดดเลยย) เอกลักษณ์ของร้านคือโลโก้หมาจิ้งจอก (แต่ไม่ได้ถ่ายมา รู้สึกว่าไม่น่าสนใจ 555) ถ้าสังเกตท้องฟ้าข้างนอกนี่มืดมาเลย ในรูปนี่คือประมาณบ่ายโมงเองนะ แต่ฝนตกสักพักก็กลายเป็นหิมะเฉยเลย ชะนีแบบเราไม่เคยเห็นหิมะก็ตื่นเต้นเป็นบ้ากับหิมะแล้วก็หนีไปหลบหนาวข้างในและหาอะไรรองท้องก่อนจะเป็นลมกันไปก่อนค่ะ

      ด้านในดูอบอุ่นและแสงไฟสวยมากค่ะ เหมือนเป็นหลุมหลบภัยจากความหนาวของใครหลายคนในวันนี้เลยลูกค้าเต็มแน่นทุกเก้าอี้ แถมบาริสต้าสาวยังหน้าตาดีเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารอีก ถ้าอยากรู้ว่าสวยแค่ไหนต้องลองไปเจอเองนะ เพราะไม่ได้ถ่ายรูปมา เกรงว่าจะโดนจับปรับถ้าไปถ่ายมามั่วซัว อิอิ แต่มองเพลินเลยแหละ
          สั่งช็อกโกแลตร้อนมา 2 แก้ว กับขนมมัฟฟินเบอร์รี่ซัมติงมาชิมอีกหนึ่งชิ้น ขนมอร่อยเลยตรงที่มีความหนึบๆของเบอร์รี่ ไม่หวานมาก ตัดกับความเปรี้ยวเล็กๆพอดี เสียดายที่ขนมไม่ได้ร้อนแบบอบใหม่ๆจากเตาอะไรแบบนั้น แต่เชื่อว่าถ้ากินตอนร้อนๆต้อง theBest แน่ๆ ส่วนเครื่องดื่มก็อร่อยหวานน้อยนุ่มนวล มีฟองนมช็อกโกแลตมาด้านบนพร้อมหัวใจดวงเล็กๆ ได้ของอุ่นๆตอนหิมะข้างนอกกำลังตก ต่อให้ดื่มน้ำร้อนก็ฟินอยู่ดี

ราคา: จำราคาไม่ได้แต่ก็คิดว่าแพงอยู่
พิกัด:  สถานี Sinsa ทางออก 8
เวลาเปิดปิด: Monday-Sunday 11:00 am – 8:00 pm

ไหนๆก็มาคาเฟ่แล้ว ก็ให้วันนี้เป็นวันคาเฟ่ไปเลยแล้วกัน เพราะคาเฟ่ที่ตั้งใจจะมา มันดันมาอยู่แถบเดียวกันหมดนี่นา สรุปคือข้าวไม่กินนะวันนี้ กินแต่ของหวาน 5555
ร้าน DORE DORE CAFE คาเฟ่สีชมพู้ววว ที่มุมถ่ายรูปเยอะมาก ขนมก็โซคิ้วท์ (แต่ไม่อร่อย แป่วว) มีชื่อเสียงเพราะถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ MV K-POP มาหลายเพลง (แต่ไม่รู้นะว่าสาขานี้ป่าว เพราะร้านนี้เค้ามีหลายสาขา)

ชั้น1และ 2 จะโทนมุ้งมิ้งสีชมพูจี๊ดๆ แต่พอชั้น 3 จะมู้ดโทนเป็นสีน้ำตาลเก่าๆ โบราณๆ เขาบอกว่าตั้งใจให้โทนสีเพื่อให้สีสันของเค้กตัดกับบรรยากาศค่ะ
เมนู Signature จะเป็น Rainbow Cake เป็นเค้กสายรุ้งหลากสีเป็นชั้นๆ แต่ดูหน้าตาแล้วไม่น่าจะอร่อย แป้งดูร่วนๆ เลยสั่งเป็นเค้กสตรอเบอร์รี่าวา ที่หน้าตาน่ารักกว่า ดูโพนี่อินวันเดอร์แลนด์มากๆและอาจจะอร่อยกว่า ส่วนเครื่องดื่มสั่งอเมริโน่ร้อน ชาผลไม้
      หลังจากชิมแล้วเค้กรสชาติหวานเลี่ยน ครีมก็เลี่ยน กินไม่ไหว เหลือบานเลย (ส่วนใหญ่คาเฟ่เกาหลีขนมไม่อร่อยเลยนะ แข่งกันที่คอนเซปต์ร้าน) ชาผลไม้ก็รสแปลกๆมีกลิ่นโรสแมรี่มาร่วมด้วยแบบไม่เข้ากันอ่ะ แต่อเมริกาโน่ร้อนของเรา กินร้านไหนก็อร่อย เพราะมันไม่อร่อยอยู่แล้วหรือเปล่าไม่รู้ 5555 แวะไปถ่ายรูปจิบเครื่องดื่มนิดๆหน่อยๆก็โอเคนะ แต่ใครจะลองของสั่งเค้กแบบอื่นมาชิมก็ได้ อาจจะอร่อยกว่าที่เราสั่งก็ได้นะ

ราคา: เฉพาะเค้กก้อนนั้นราคาประมาณ 8,000W (225 บาท)
พิกัด:  สาขากาโรซูกิล สถานีชินซา (Sinsa) ทางออกที่ 8
เวลาเปิดปิด: 11:00-23:00

ชื่อสินค้า:   เกาหลี , เที่ยวเกาหลี , ประเทศเกาหลีใต้
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่