เคสกรณีศึกษา แม่บ้านเงินล้าน มีแนวคิดการใช้ชีวิตที่น่าสนใจมาก

แม่บ้านเงินล้าน (millionaire housemaid)

"คุณผู้ชายจะขายห้องนี้หรอคะ" ผมได้ยินเสียงหนึ่งถามขึ้น ขณะที่ผมพาแขกคนหนึ่งมาดูห้องคอนโดที่กำลังจะขายต่อ

ผมหันไปมอง เจอแม่บ้านคนหนึ่งกำลังทำความสะอาดทางเดินของชั้นนั้นถามขึ้นมา

"ครับ หาคนซื้อมาสักพักแล้วครับ" ผมตอบกลับไป

"ให้ดิฉันช่วยไหมคะ พอดีมีลูกค้าเป็นชาวต่างชาติที่เคยคุยกันสนใจห้องขนาดเท่านี้ แต่เขาอยากได้ทางทิศตะวันตก ตรงกับห้องคุณผู้ชายเลย"

ผมงงเล็กน้อย ปนกับความทึ่ง "หมายถึงว่า พี่จะเป็นเอเย่นต์ช่วยขายห้องให้ผมหรอครับ"

"ใช่ค่ะ ถ้ายังไงคุณผู้ชายสะดวก จะได้ติดต่อลูกค้า ให้มาดูห้องเลย"

"ครับ ดีเลยครับ ถ้ายังไงผมแบ่ง % ให้พี่ เพราะผมยังไม่มีคนซื้อเลย มีแต่มาดูๆไปงั้น"

หลังจากนั้นผมก็พาแม่บ้านไปดูห้องเล็กน้อย

"ห้องค่อนข้างเลอะนะคะ เดี๋ยวดิฉันมาทำความสะอาดให้เลย แล้วจะพาลูกค้ามาดู อ่อ แล้วก็ตรงนี้ดูมีรอยน้ำซึมนะคะ น่าจะต้องให้ช่างเข้ามาช่วยแก้นิดหน่อยด้วย" แม่บ้านบอกกับผม

ผู้หญิงคนนี้ทำให้ผมทึ่ง เธอเป็นแม่บ้านที่นี่นานแล้วหละ เพราะผมเห็นเธอมาหลายปีแล้ว เท่าที่จำหน้าเธอได้ก็ 5-6 ปีอย่างต่ำ
เอเยนต์คนก่อนหน้าก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องพวกความสะอาด ความเรียบร้อยของห้องเลยด้วยซ้ำ
ผมรู้สึกขอบคุณคุณแม่บ้านมาก

สุดท้ายเราก็แลกการติดต่อกัน

ไม่กี่วันต่อมา
"คุณผู้ชายคะ ตอนนี้จัดการแก้ไขเรื่องน้ำซึม และทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าสะดวกวันไหนจะนัดมาเจอลูกค้านะคะ"
เธอทำให้ผมประทับใจอีกครั้ง เธอจัดการเรื่องทุกอย่างได้รวดเร็วมาก
1 สัปดาห์หลังจากนั้น ผมก็ได้เซ็นสัญญาซื้อขายกับลูกค้าเรียบร้อย และแบ่ง % ให้กับคุณแม่บ้าน
"พี่เป็นเอเย่นต์มานานเท่าไรแล้วครับเนี่ย" ผมถามด้วยความสงสัย
"เกือบสิบปีแล้วค่ะ"
"แล้วทำไมพี่ยังถึงมาทำงานแม่บ้านอะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะ แต่ผมอยากรู้ เพราะถ้าพี่ขายเก่ง พี่ไม่ไปทำตามบริษัทหรือลาออกมาทำเอเย่นต์เต็มตัวหละครับ"
"ฉันก็เริ่มต้นจากการเป็นแม่บ้านนี่แหละค่ะ ทำแม่บ้านก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร มีเหนื่อยบ้างเป็นธรรมดา
คอนโดสมัยนี้ขายต่อกันเยอะ ฉันสังเกตเห็นใครมีท่าทีอยากซื้อหรือขาย ฉันก็ลองสอบถามดู เข้าไปด้วยท่าทีสุภาพ เราก็เก็บข้อมูลไว้ พยายามให้ความช่วยเหลือเค้า โดยบอกว่า เราทำงานตรงนี้ก็รู้อยู่มีห้องไหนต้องการขาย ก็มีลูกค้าสนใจเยอะเลยค่ะ อย่างคอนโดนี้มีหลายเฟส ฉันก็ขายไปสิบกว่าห้องแล้ว หลายปีนี้"

"สุดยอดจริงๆครับพี่ งี้พี่ก็มีเงินเก็บเยอะเลยสิครับ"

"ก็พอมีพอกินค่ะ ทำเอเย่นต์ก็เหมือนเป็นรายได้เสริมมากกว่า ไม่ใช่ว่าเราจะขายได้ทุกเดือน บางเดือนขายไม่ได้ก็ไม่มีรายได้ ฉันก็ไม่ใช่คนพูดคุยเก่งหรือมีบุคลิกดี จบก็แค่ม.4 จะให้ไปทำบริษัทคงจะยาก ก็อยู่มันไปแบบนี้แหละค่ะ มีรายได้หลักเป็นแม่บ้าน เอเย่นต์เป็นรายได้เสริม"

เธอคนนี้เป็นคนที่ทำให้ผมทึ่งที่สุดในรอบหลายๆปี หรืออาจเรียกได้ว่าติดระดับทอปที่ผมเคยเจอมาในชีวิตเลยก็ได้

แค่คุยกับเธอไม่กี่ครั้ง เธอให้ข้อคิดอะไรกับผมมากมาย

แล้วคุณหละได้ข้อคิดอะไรจากเธอบ้าง ช่วยกันแชร์ความคิด หรือประสบการณ์ที่คุณเคยเจอกันได้

หมายเหตุ : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงครับ มาเล่าให้ฟังเพราะเห็นว่าน่าสนใจมาก

ติดตามเรื่องสั้นดีๆให้ข้อคิด ได้ทั้งในเฟซบุค https://www.facebook.com/intercreativestories/ 
และ blockdit ชื่อ เรื่องสั้น..วันละตอน the interactive stories ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่