สวัสดีค่ะ นามแฝงของฉันชื่อ W
ประสบการณ์ที่จะเล่านี้เป็นหนึ่งในเรื่องหลอนที่ฉันเจอกับตัวที่โรงแรมห้าดาวแห่งนึงในเมืองไมอามี่ รัฐฟลอริด้า, สหรัฐอเมริกา
คืนหลังจากงานแต่งงานในเดือนกันยายนปีคศ 2013 เราไปค้างคืนที่โรงแรม Fontainebleau, Miami Beach บอกเค้าว่าต้องการห้องวิวทะเล ก็ได้ตามที่ขอ ห้องเบอร์ 1413 (ชั้น14 ห้องที่13) ก่อนนอนก็สวดมนต์ก่อนนอนแบบทุกวัน พอเสร็จก็เอื้อมมือปิดไฟและกำลังล้มตัวลงนอน สายตากวาดไปทางหน้าห้องน้ำ ก็เห็นเป็นเงาดำของรูปร่างเหมือนคนหัวกระเซิง(อย่างกะโดนระเบิดมาเลย) จ้องมาทางเรา เราเลยเอื้อมมือเปิดไฟ ตรงจุดที่เงานั้นปรากฏก็กลายเป็นแค่รูปด้านข้างของกรอบกระจกที่หนาประมาณหนึ่งนิ้ว เราเริ่มงงๆและกลัวๆอยู่ เลยรีบปิดไฟแล้วลองมองไปที่เดิมอีกก็เห็นเงานั้นอีก เลยเปิดไฟอีกก็กลายด้านข้างของกรอบกระจก พอปิดไฟเปิดไฟสลับกันไป มันกลายเป็นว่า พอปิดไฟกลายเป็นเงาคนหัวกระเซิงจ้องมาทางเรา เปิดไฟกลายเป็นรูปด้านข้างของกรอบกระจกหนาหนึ่งนิ้ว สลับกันไป สามีก็หลับสนิทแบบเขย่าที่ข้อศอกก็ไม่ตื่น ด้วยความกลัวสุดๆตัดสินใจเปิดไฟนอนทั้งคืนและคลุมโปง ใต้ผ้าห่มก็หลับตาท่องพุทธโธ พุทธโธในใจจนเผลอหลับไป เช้าตื่นมาก็ Check-out
ตอนกลับบ้านมาก็เอาลูกโป่งในห้องพักที่เค้าเตรียมไว้ต้อนรับที่มีข้อความแสดงความยินดีที่เขียนว่า "Congratulations!!" กลับมาด้วย ตั้งไว้ในโถงทางเดินหน้าห้องรับแขก ในระหว่างนั้นก็ยืนคุยกับสามีอยู่ในห้องครัวถึงสิ่งที่เห็นเมื่อคืน ที่รูปด้านข้างของกรอบกระจกหนาหนึ่งนิ้วกลายเป็นรูปร่างเงาดำคล้ายคนหัวกระเซิงเวลาปิดไฟ บ่นใส่เค้าว่าพยายามปลุกเค้าให้ตื่นก็ไม่ตื่น สามีถามว่าปลุกเมื่อไรไม่เห็นได้ยิน แล้วแถมมาบอกเราว่าตอนที่เรามัวแต่ดูทีวีอยู่ เค้าก็เห็นเงาคนตรงห้องน้ำ แต่ก็นึกว่าตาฝาดเพราะเหนื่อยและดื่มเยอะ เลยไม่ได้พูดถึง
ลูกโป่งใบนั้นแปลก ไม่เคลื่อนไปทางที่แอร์เป่า แอร์เป่าไปทางโซฟาในห้องรับแขก แต่กลับเลื่อนเข้ามาในครัวซึ่งตรงข้ามกับห้องรับแขก โย้มาข้างใบหูเรา ในระหว่างที่เรามัวแต่คุยไม่ได้สนใจ พอรู้สึกเหมือนมีหน้าอะไรยื่นมาใกล้ๆหูซ้าย เราสะดุ้งตกใจร้องกรี๊ดลั่น (ความรู้สึกเหมือนเวลาที่มีใครแนบหน้าเข้ามากระซิบข้างหูอ่ะ) พอกรี้ดแล้วหันไปมอง ลูกโป่งใบนั้นก็ค่อยๆถอยออกไปอย่างช้า แข็งทื่อ แต่หันหน้าที่มีข้อความ"Congratulations!" มาทางเรา แบบไม่ไหวติงซ้ายขวาเลย ถอยแบบช้าๆและทื่อมาก หลังจากสิ้นเสียงกรี๊ดอันแสบแก้วหูของเราแล้ว สักไม่เกินสิบวินาที เจ้าลูกโป่งไปหยุดอยู่หน้าช่องแอร์ แล้วก็เคลื่อนไหวตามปกติคือตามทิศทางแอร์เป่าเหมือนลูกโป่งทั่วไป ตามที่มันควรจะเป็นตั้งแต่แรก เราเริ่มคิดในใจว่าคงมีใครอยากจะแสดงความยินดีเรื่องแต่งงานมั้ง แต่เงาคนหัวกระเซิงกับอาการแปลกๆของลูกโป่งมันเกี่ยวกันมั้ย ถ้าจะแสดงความยินดี แล้วทำไมทำให้เราตกใจกลัวเมื่อคืนนั้น (Note: ในเวลาต่อมาเราได้รับรู้ว่าโรงแรม Fontainebleau ในอดีตเคยใช้เป็นโรงพยาบาลคนเจ็บและทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง)
ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเลข 13 มั้ย แต่ว่าตั้งแต่นั้นมา เวลาไปจองโรงแรมทุกครั้งจะ request ว่าไม่เอาห้องที่มีเลข 13 เด็ดขาด กลัวเจอเงาดำหัวกระเซิงอีกค่ะ ระวังนะคะ ถึงแม้ปกติโรงแรมจะไม่มีชั้น 13(เพราะถูกใช้เป็น Mezzanine) แต่ว่าแต่ละชั้นมีห้องที่สิบสามค่ะ
เรื่องหลอนจากห้อง1413
ประสบการณ์ที่จะเล่านี้เป็นหนึ่งในเรื่องหลอนที่ฉันเจอกับตัวที่โรงแรมห้าดาวแห่งนึงในเมืองไมอามี่ รัฐฟลอริด้า, สหรัฐอเมริกา
คืนหลังจากงานแต่งงานในเดือนกันยายนปีคศ 2013 เราไปค้างคืนที่โรงแรม Fontainebleau, Miami Beach บอกเค้าว่าต้องการห้องวิวทะเล ก็ได้ตามที่ขอ ห้องเบอร์ 1413 (ชั้น14 ห้องที่13) ก่อนนอนก็สวดมนต์ก่อนนอนแบบทุกวัน พอเสร็จก็เอื้อมมือปิดไฟและกำลังล้มตัวลงนอน สายตากวาดไปทางหน้าห้องน้ำ ก็เห็นเป็นเงาดำของรูปร่างเหมือนคนหัวกระเซิง(อย่างกะโดนระเบิดมาเลย) จ้องมาทางเรา เราเลยเอื้อมมือเปิดไฟ ตรงจุดที่เงานั้นปรากฏก็กลายเป็นแค่รูปด้านข้างของกรอบกระจกที่หนาประมาณหนึ่งนิ้ว เราเริ่มงงๆและกลัวๆอยู่ เลยรีบปิดไฟแล้วลองมองไปที่เดิมอีกก็เห็นเงานั้นอีก เลยเปิดไฟอีกก็กลายด้านข้างของกรอบกระจก พอปิดไฟเปิดไฟสลับกันไป มันกลายเป็นว่า พอปิดไฟกลายเป็นเงาคนหัวกระเซิงจ้องมาทางเรา เปิดไฟกลายเป็นรูปด้านข้างของกรอบกระจกหนาหนึ่งนิ้ว สลับกันไป สามีก็หลับสนิทแบบเขย่าที่ข้อศอกก็ไม่ตื่น ด้วยความกลัวสุดๆตัดสินใจเปิดไฟนอนทั้งคืนและคลุมโปง ใต้ผ้าห่มก็หลับตาท่องพุทธโธ พุทธโธในใจจนเผลอหลับไป เช้าตื่นมาก็ Check-out
ตอนกลับบ้านมาก็เอาลูกโป่งในห้องพักที่เค้าเตรียมไว้ต้อนรับที่มีข้อความแสดงความยินดีที่เขียนว่า "Congratulations!!" กลับมาด้วย ตั้งไว้ในโถงทางเดินหน้าห้องรับแขก ในระหว่างนั้นก็ยืนคุยกับสามีอยู่ในห้องครัวถึงสิ่งที่เห็นเมื่อคืน ที่รูปด้านข้างของกรอบกระจกหนาหนึ่งนิ้วกลายเป็นรูปร่างเงาดำคล้ายคนหัวกระเซิงเวลาปิดไฟ บ่นใส่เค้าว่าพยายามปลุกเค้าให้ตื่นก็ไม่ตื่น สามีถามว่าปลุกเมื่อไรไม่เห็นได้ยิน แล้วแถมมาบอกเราว่าตอนที่เรามัวแต่ดูทีวีอยู่ เค้าก็เห็นเงาคนตรงห้องน้ำ แต่ก็นึกว่าตาฝาดเพราะเหนื่อยและดื่มเยอะ เลยไม่ได้พูดถึง
ลูกโป่งใบนั้นแปลก ไม่เคลื่อนไปทางที่แอร์เป่า แอร์เป่าไปทางโซฟาในห้องรับแขก แต่กลับเลื่อนเข้ามาในครัวซึ่งตรงข้ามกับห้องรับแขก โย้มาข้างใบหูเรา ในระหว่างที่เรามัวแต่คุยไม่ได้สนใจ พอรู้สึกเหมือนมีหน้าอะไรยื่นมาใกล้ๆหูซ้าย เราสะดุ้งตกใจร้องกรี๊ดลั่น (ความรู้สึกเหมือนเวลาที่มีใครแนบหน้าเข้ามากระซิบข้างหูอ่ะ) พอกรี้ดแล้วหันไปมอง ลูกโป่งใบนั้นก็ค่อยๆถอยออกไปอย่างช้า แข็งทื่อ แต่หันหน้าที่มีข้อความ"Congratulations!" มาทางเรา แบบไม่ไหวติงซ้ายขวาเลย ถอยแบบช้าๆและทื่อมาก หลังจากสิ้นเสียงกรี๊ดอันแสบแก้วหูของเราแล้ว สักไม่เกินสิบวินาที เจ้าลูกโป่งไปหยุดอยู่หน้าช่องแอร์ แล้วก็เคลื่อนไหวตามปกติคือตามทิศทางแอร์เป่าเหมือนลูกโป่งทั่วไป ตามที่มันควรจะเป็นตั้งแต่แรก เราเริ่มคิดในใจว่าคงมีใครอยากจะแสดงความยินดีเรื่องแต่งงานมั้ง แต่เงาคนหัวกระเซิงกับอาการแปลกๆของลูกโป่งมันเกี่ยวกันมั้ย ถ้าจะแสดงความยินดี แล้วทำไมทำให้เราตกใจกลัวเมื่อคืนนั้น (Note: ในเวลาต่อมาเราได้รับรู้ว่าโรงแรม Fontainebleau ในอดีตเคยใช้เป็นโรงพยาบาลคนเจ็บและทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง)
ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเลข 13 มั้ย แต่ว่าตั้งแต่นั้นมา เวลาไปจองโรงแรมทุกครั้งจะ request ว่าไม่เอาห้องที่มีเลข 13 เด็ดขาด กลัวเจอเงาดำหัวกระเซิงอีกค่ะ ระวังนะคะ ถึงแม้ปกติโรงแรมจะไม่มีชั้น 13(เพราะถูกใช้เป็น Mezzanine) แต่ว่าแต่ละชั้นมีห้องที่สิบสามค่ะ