สวัสดีครับ
บ่อยครั้งเมื่อคนเราเศร้า ทุกข์ เสียใจ ทรมานนั้นมันทำให้เราเกิดความรู้สึกเครียดและ down .. สิ่งๆนั้นเกิดกับผมครับ
ช่วงเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมมีอาการเก็บตัว หดหู่ ไม่พบปะผู้คน เกิดอาการเบื่อ สิ่งที่เคยชอบเคยทำ ก็เลิกทำไปโดยสิ้นเชิง เป็นแบบนั้นมานานมากคับ แต่ผมไม่ได้สนใจพฤติกรรมของตัวผมเองเลย
ทุกอาการที่เกิดขึ้นกับผมมันค่อยๆเป็นทีละนิดๆโดยไม่มีสาเหตุ ยกเว้นเรื่องเดียวคือการไม่พบปะผู้คนนั้น เกิดจากการที่ผมเลิกกับแฟนไป ส่วนที่เหลือมันก็ตามๆกันมาครับ
ผมมีอาการแบบนั้นอยู่นานมาก จนพักหลังผมเริ่มรู้สึกตัวว่าผมเปลี่ยนไป ความคิดผมเปลี่ยนไป จนสังเขปได้ว่า อืม..เราเป็นแบบนี้แล้วนะ แต่มันโอเคนะ จนนานวันเข้า คนรอบตัวผมรู้สึกและตักเตือนผมว่า ผมแลแปลกไป และคิดว่าผมอาจจะเป็นอะไรรึป่าว.. ไม่ใช่แค่เพือน แต่ครอบครัวผมเริ่มสังเกตุและสงสัย จนแอบไปปรึกษาจิตแพทย์และเล่าอาการของผมให้จิตแพทย์ฟังและรับรู้.. ผลสรุปที่ออกมา พี่ชายผมมาบอกกับผมว่า ''มืงเข้าค่ายที่จะเป็นโรคซึมเศร้านะ'' ผมได้ยินอย่างนั้น ไม่ได้ตกใจหรือแปลกใจอะไรเลย ผมพอจะทราบตัวเองอยู่แล้วว่าผมเข้าค่ายที่จะเป็นโรคนั้น และคนในครอบครัวผมรบเร้าให้ผมเข้าพบจิตแพทย์เพื่อทำการรักษา แต่ผมปฏิเสธทุกครั้ง ผมคิดว่าถ้าเราไม่ยอมรับมัน เราก็ไม่ได้เป็นหรอก.. เมื่อก่อนผมไม่ได้เป็นคนแบบนี้ แต่ก่อนผมออกไปเจอเพื่อน ออกไปเที่ยว ออกไปทำกิจกรรม เล่นกีฬา แต่ตั้งแต่1ปีที่ผ่านมานั้น ผมมีอาการอย่างนั้นตลอด และบ่อยครั้งที่ความคิดของผมนั้นมีแต่ด้านลบในเชิงไม่ดีและพยายามจะหาวิธีหรือทางออกที่จะทำให้มันแย่ตลอด และหนักถึงขั้นเคยคิดที่จะตาย.. แต่ผมก็ยังไม่เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายนะคับ แต่มีความคิดที่จะตาย ฟังดูมันอาจจะงง แต่ถ้าคุณอ่านดีๆคุณจะเข้าใจว่าคิดจะตาย กับคิดที่จะฆ่าตัวตายนั้นมันต่างกันนะ ผมมีความคิดที่จะตายนั้นบ่อยครั้งพอสมควร และ logicกับmindset ของผมมันมุ่งไปที่ว่าชีวิตผมไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ทุกวันนี้เราอยู่ไปเพื่ออะไร พอผมนึกขึ้นดีๆว่าทุกวันนี้ผมไม่มีเป้าหมายในชีวิตอะไรเลย มันทำให้เกิดคำถามว่าทำไมคนเรานั้นต้องมีชีวิตอยู่ เราอยู่ไปเพื่ออะไร คำถามพวกนี้วิ่งวนในสมองของผมตลอด ผมกำลังจะเลือกฝั่งว่าการที่เราเลือกให้จิตแพทย์ช่วยกับเลือกที่จะให้ธรรมะช่วย ฝ่ายไหนจะทำให้ผมกลายมาเป็นคนที่คิดบวกได้กว่านี้.. ทุกสิ่งนั้นได้ถูกยับยั้งช่างใจและพยายามลบเลือนไปได้ทั้งหมดด้วยความรักและความห่วงใยของผมที่ยังมีต่อครอบครัว เพราะผมยังรักและเป็นห่วงท่าน
และถ้าคุณจะตอบผมว่า ทำไมผมไม่ลองหาเป้าหมายในชีวิตดูล่ะ.. ผมจะตอบแบบนี้ ผมเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูงมากคนนึง ให้คุณค่าแก่ตัวเอง หมายถึงรักตัวเอง แต่ไม่ได้ละเลยหน้าที่ตนเองต่อครอบครัว แต่การที่ผมมีชีวิตอยู่ในตอนนี้ใน ณ ขณะนี้ มันยากสำหรับผมมากๆ ในทุกๆเรื่อง ผมไม่ได้ทุกข์ ผมไม่ได้สุข
ผมอยู่ในอัตราส่วน 4/10 - 6/10 ของชีวิตตลอดจาก1ปีที่ผ่านมา ผมเฝ้าคอยถามตัวเองอยู่ซ้ำๆซากๆ ว่าเราไม่ได้ทุกข์ ไม่ได้สุข แล้วทุกวันนี้เราอยู่เพื่อทำอะไร หรือเราควรจะทำอะไร และช่วงนี้ mindset ของผมพยายามผลักทุกๆอย่างออก focus แค่งาน แต่แล้วมันก็ไม่ใช่อะไร สุดท้ายความคิดที่ผมไม่อยากที่จะอยู่กับความคิดที่ ถ้าเราละทางโลกได้มันจะดีกว่ามั้ย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะไปต่อยังไง ขอบคุณที่รับฟังนะครับ
จากใจผู้ชายคนนึงที่อายุ 23 ปี ผู้ที่พยายามหาแสงสว่างมาดึงผมออกไปจากจุดนี้
มันช่างหน่ายเหลือเกิน...
จิตแพทย์หรือธรมมะ ควรเลือกทางไหนรักษาอาการคาดว่าจะเป็น ''โรคซึมเศร้า''