เห็นนักภาวนาบางท่านกลัวติดสมาธินักเวลาภาวนา
แต่ก็ให้ลองคิดดูในระหว่างวันแต่ละวันอารมณ์สมาธิหรืออารมณ์นิวรณ์มันมากกว่ากัน สมาธิมีความสุขมากกว่ากามมีโทษน้อยกว่ากาม แต่ท่านดันไปกลัวติดสุขในสมาธิ มีสมาธิเหมือนมีที่พักใจ เหมือนมีบ้าน
ตอนที่ไม่มีสมาธิก็เหมือนตากแดดตากฝนกลางแจ้ง พวกท่านหลายคนยังไม่มีอะไรเลย ยังอยู่กลางแจ้ง แต่พวกท่านดันไปกลัวการที่มีความสุขอยู่ในร่มในเงา ซึ่งสุดท้ายแล้วท่านก็ไม่มีอะไรเลย
ให้ท่านมีสมาธิให้ชำนาญในสมาธิก่อนเถอะแล้วค่อยไปละเอาก็ได้ เอาสมาธิให้มันดีมันชำนาญก่อน ชนิดนึกเข้าก็เข้าได้ออกก็ออกได้โน่น เอาให้มีบ้าน พอมีบ้านแล้วจะทำงานทำการอะไรในบ้านมันก็สบาย(หมายถึงพิจารณาธรรม)ทำนอกบ้านก็สบาย เหนื่อยก็กลับมาพักในบ้าน
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ฝึกพิจารณาอะไรเลย เพียงแต่เวลาสงบก็สงบให้จริง อย่าเพิ่งไปคิดอะไร อย่าเพิ่งไปกลัวติดสงบ ให้มันถอนออกมาก่อนค่อยพิจารณาธรรมะ เหมือนดังที่ครูบาอาจารย์สอนว่าสงบแค่ไหนก็พิจารณาแค่นั้น
ขอให้เจริญในธรรมทั่วๆกันทุกท่านนะครับ
ทำไมถึงกลัวติดสมาธิแต่ไม่กลัวติดกาม?
แต่ก็ให้ลองคิดดูในระหว่างวันแต่ละวันอารมณ์สมาธิหรืออารมณ์นิวรณ์มันมากกว่ากัน สมาธิมีความสุขมากกว่ากามมีโทษน้อยกว่ากาม แต่ท่านดันไปกลัวติดสุขในสมาธิ มีสมาธิเหมือนมีที่พักใจ เหมือนมีบ้าน
ตอนที่ไม่มีสมาธิก็เหมือนตากแดดตากฝนกลางแจ้ง พวกท่านหลายคนยังไม่มีอะไรเลย ยังอยู่กลางแจ้ง แต่พวกท่านดันไปกลัวการที่มีความสุขอยู่ในร่มในเงา ซึ่งสุดท้ายแล้วท่านก็ไม่มีอะไรเลย
ให้ท่านมีสมาธิให้ชำนาญในสมาธิก่อนเถอะแล้วค่อยไปละเอาก็ได้ เอาสมาธิให้มันดีมันชำนาญก่อน ชนิดนึกเข้าก็เข้าได้ออกก็ออกได้โน่น เอาให้มีบ้าน พอมีบ้านแล้วจะทำงานทำการอะไรในบ้านมันก็สบาย(หมายถึงพิจารณาธรรม)ทำนอกบ้านก็สบาย เหนื่อยก็กลับมาพักในบ้าน
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ฝึกพิจารณาอะไรเลย เพียงแต่เวลาสงบก็สงบให้จริง อย่าเพิ่งไปคิดอะไร อย่าเพิ่งไปกลัวติดสงบ ให้มันถอนออกมาก่อนค่อยพิจารณาธรรมะ เหมือนดังที่ครูบาอาจารย์สอนว่าสงบแค่ไหนก็พิจารณาแค่นั้น
ขอให้เจริญในธรรมทั่วๆกันทุกท่านนะครับ