จู่ๆมันก็โพล่ง แบบไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้ว่าแบบนี้เขามีคำเรียกว่าอะไร

>> เอาเป็นว่ากระทู้นี้มาในแนวเล่าประสบการณ์ละกัน  (มาจากไดอารี่)

สภาวะนี้เกิดขึ้นในครั้งที่ 3 ของการไปพักที่ภูม่านฟ้า เป็นวันที่ 7 ตอนนั้นเราไปบำเพ็ญทาน รักษาศีล8 ภาวนา

ทาน งานที่ทำหลักๆคือ แผนกช่างศิลป์ ไปแกะสลักวิหารพระพุทธศิลา กับไปร่อนดินทำอิฐบ้างบางวันที่แกะไม่ได้ (ทำเพื่อช่วยธำรงพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่ง เป็นการสละความเห็นแก่ตัวด้วย แทนที่จะเอาเวลาไปเล่นไปเที่ยว ก็สละเวลาตรงนี้มาสร้างวิหารทานในพระพุทธศาสนา แต่จริงๆ คือ เราตั้งใจมาทำ)

การภาวนา เราทำในรูปแบบตอนเช้ามืด ก็ตื่นตี3บ้าง ตี4บ้าง มานั่งสมาธิถึงเช้าฟ้าสว่าง (หลักๆก็ใช้อานาปาณสติ มีสติระลึกรู้อยู่กับปัจจุบัน) ส่วนในชีวิตประจำวัน ก็ดูกายดูใจทำงาน ดูความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของกาย ดูความเกิดดับของสภาวะธรรมที่จิต ประมาณนี้

พอเช้าวันที่ 7 (อังคาร 2 ต.ค. 2561 แรม 8 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ) เราสายมาก กว่าจะลุกจากบัลลังก์ก็8 โมงกว่า ไปกินข้าวเช้า 9 โมงกว่า ก็ไปนั่งกินในศาลาคนเดียว เพราะคนอื่นไปหมดแล้ว

ระหว่างที่กำลังตักข้าวเข้าปาก ตอนนั้นตักอาหารขึ้นมาแล้ว ยกขึ้นมาแล้ว ยังไม่ทันเข้าปาก ก็เกิดสภาวะนึงขึ้นมา มันหยุดไปกึกนึง เพียงแค่วินาที มันแป๊บเดียวจริงๆ แล้วในช่วงเวลาแป๊บเดียวนั้นน่ะ

>>> เราเห็นจิตเป็นดวงๆมันเกิดดับต่อเนื่องกันไวมากๆๆๆ ผึบๆๆๆๆเลยแหละ (ตอนนั้นเรานั่งลืมตาอยู่นะ) เราก็บอกไม่ถูกว่ามันเห็นยังไง แต่มันเห็น มันก้ำกึ่งตาในกับตาเนื้อ ไม่รู้สิ อ่ะ ต่อๆ แล้วเราก็รู้ว่าจิตมันไม่ใช่เรา (ดูสิมันเกิดแล้วมันก็ดับ หาที่ยึดถือว่าเป็นเราตรงไหนได้) แล้วมันก็ย้อนเข้ามาข้างในพิจารณาธาตุขันธ์หมดเลย ตอนที่มันย้อนกลับเข้ามาข้างใน มันตัดความรับรู้ภายนอกออกหมด เหลือแต่ความรับรู้ภายใน มันเห็น รูปเกิดแล้วดับ เวทนาเกิดแล้วดับ สัญญาเกิดแล้วดับ สังขารเกิดแล้วดับ วิญญาณเกิดแล้วดับ (มันเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดดับมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน มันมีแต่เกิดขึ้นแล้วดับไปทั้งหมด  แล้วตอนนี้มันมารู้รวมลงที่ตรงนี้)  ทุกสิ่งเกิดแล้วดับหมดเลย หาตัวตนไม่เจอเลย ไม่มีเลย ไม่พบว่ามีสิ่งใดที่พอจะยึดถือเป็นตัวเป็นตนได้เลย ไม่มี ไม่มีแก่นสารสาระอะไรที่จะยึดถือได้เลย สรุปคือเมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไปเป็นธรรมดา พอมันเห็นนะ มันรู้นะ ว่ามันไม่มีเรา มันมีแต่ของที่เกิดขึ้นแล้วดับไปทั้งนั้น ข้างในมันสะเทือนสนั่นหวั่นไหวไปหมด เหมือนดินถล่มฟ้าทลาย มันกัมปนาท มันสะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ที่ข้างใน มันรู้แล้ว เห็นแล้ว สังสารวัฏนี้หลอกมันให้หลงผิดเห็นผิดว่ามีตัวมีตนมีเรามีเขาไม่ได้อีกแล้ว <<<

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาแป๊บเดียว เวลาที่หยุดกึกระหว่างที่กำลังจะตักข้าวใส่ปากนั่นแหละ แค่ไม่กี่วินาทีเอง ถึง 5 วิรึเปล่าไม่รู้เลย รู้แต่แป๊บเดียว พอออกมาแล้วมันก็เห็นว่ามันวางความยึดถือว่ามีเราทิ้งไปแล้ว เพราะมันรู้แล้ว มันเห็นแล้วว่าไม่มี มันวางความเห็นผิดตรงนี้ไปเลย (มันก็ว่า แล้วก่อนหน้านี้มัวไปหลงอะไรอยู่ โง่ไปหลงยึดอยู่ตั้งนาน หลงมากี่กัปกี่กัลป์กี่ชาติแล้ว ตอนนี้วางได้จริงๆแล้ว เห็นแล้ว) ซึ่งพอมาถึงตรงนี้ ความสะเทือนเลื่อนลั่นสนั่นหวั่นไหวก็ยังคงกัมปนาทอยู่ที่กลางอกนี่ ความรู้สึกมันแบบ.. มันสลด มันซาบซึ้ง ปลื้มปริ่ม ปีติ ยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก ไม่รู้จะอธิบายยังไง มันแบบ.. รู้แล้ว เห็นแล้ว อย่างนี้นี่เอง มันเป็นอย่างนี้นี่เอง วางได้แล้ว ขุดรากถอนโคนความเห็นผิดตัวนี้ออกได้แล้ว

เราก็อ๋อ.. มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ที่เคยรู้มานี่ไม่เคยรู้จริงๆเลย แต่พอมารู้ตรงนี้ คือมันรู้จริงๆ มันแบบนี้นี่เอง เหมือนแบบ.. มันกระจ่างแจ่มแจ้งอ่ะ ประมาณนี้

พอสภาวะตรงนี้ดับลง ช้อนข้าวในมือก็ยกใส่ปาก แต่มันไม่เหมือนการกินในครั้งก่อนๆ ครั้งนี้เหมือนสติมันดี แทนที่จะเพลินไม่รู้ตัว มันกลับดูร่างกายมันกิน ดูกายมันทำงาน แบบเห็นชัดเจนมาก แล้วมันก็เห็นกายทำงานต่อเนื่องไปทั้งวัน จริงๆคือเราก็ฝึกสัมปชัญญะนี้มาตลอดแหละ แต่ครั้งนี้มันเห็นมันดูแบบไม่ตั้งใจ มันดูแบบธรรมชาติมาก

( เวลาที่เกิดรู้อะไร เราไม่รู้จะใช้คำไหนมาอธิบาย แต่มักใช้คำนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าคนฟัง/คนอ่านจะเข้าใจมั้ย คือ มันโพล่ง จู่ๆมันก็โพล่งออกมา โดยที่ไม่ทันตั้งตัวอะไร มันอ๋อ อ๋อจริงๆชัดๆเลย )

>>> อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของไดอารี่ที่เราบันทึกไว้ (ไม่ได้ก๊อปมาทั้งหมด มันจะยาวไป เลยตัดตอนมา)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่