🌞❄️🐌 เกมพิศวง (ฉบับเต็ม จากเกมถุงมือ+ตอนจบครับ) 🐌❄️🌞

กระทู้คำถาม
เกมพิศวง
 

คุณเคยเล่นเกมทอดลูกเต๋าไหม ?


แบบ...มีช่องเป็นตาให้เดินหลายตา ต่อกันยาวๆ จากจุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดจบเกม มีลูกเต๋าหนึ่งลูก เล่นกี่คนก็ได้ เวลาเล่นก็ผลัดกันทอดลูกเต๋า ได้กี่แต้ม ก็เดินไปตามช่องที่มีให้เดิน จำนวนช่องเท่ากับจำนวนที่ได้จากการทอดลูกเต๋าไงล่ะ

และตลอดเส้นทางการเดินไปตั้งแต่ต้นจนจบนั้น จะเจอกับอุปสรรคบ้าง เช่น คำสั่งให้ถอยหลังไปหลายๆ ตา ถ้าคุณโชคดี ก็เจอตัวช่วยให้กระโดดข้ามไปตาไกลๆ ข้างหน้าบ้าง กว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทาง บางทีใช้เวลาเป็นชั่วโมง หรืออาจจะมากกว่านั้น

ตอนเป็นเด็ก ผมชอบเล่นเกมชนิดนี้มาก ไม่มีเพื่อน ผมก็เล่นคนเดียว เป็นเกมที่ฆ่าเวลาได้เป็นอย่างดี

พอโตขึ้น เรียนจบ ทำงานแล้ว บางครั้งผมก็ยังงัดเอาเกมเก่าซึ่งผมเก็บไว้อย่างดีออกมาเล่น เล่นคนเดียวแหละครับ อยากชวนเพื่อนมาเล่นด้วยเหมือนกันนะ แต่ก็กลัวเขาจะว่ายังเล่นเหมือนเด็ก ก็เลยต้องเล่นคนเดียว

และแล้ว ผมก็พบกับเกมมหัศจรรย์อย่างหนึ่งเข้า!


บ่ายวันหนึ่ง ผมไปเที่ยวซื้อของและแวะเข้าไปในร้านขายของเก่าร้านหนึ่งซึ่งขึ้นป้ายลดราคาเลหลังเป็นพิเศษ เพราะเจ้าของร้านจะเลิกกิจการแล้ว

พอผมย่างก้าวเข้าไปในร้าน ก็เห็นสินค้าต่างๆ ซึ่งเป็นของเก่ามากมาย มีทั้งหนังสือ นิตยสาร การ์ตูนเก่าๆ อย่าง หนูจ๋า เบบี้ รุ่นที่ออกวางขายใหม่ๆ เลย
หัสนิยายเรื่อง พล นิกร กิมหงวน เล่มแรกๆ หรือหนังสือการ์ตูนเล่มละบาท ซึ่งมีหน้ามากถึง 32 หน้า ฯลฯ

นอกจากนั้นก็ยังมี หุ่นพลาสติกที่เป็นฮีโร่หนังญี่ปุ่นอย่างเช่น กาโม่ มนุษย์กายสิทธิ์ อุลตร้าแมนตัวแรก ไอ้มดแดงหมายเลขหนึ่ง หรือเก่ากว่านั้นก็มี อย่างเช่น บุสก้า เด็กสมัยนี้คงไม่รู้จักหรอกมั้ง

แต่ที่สะดุดตาผมอย่างจังก็คือ เกมทอดลูกเต๋าชุดหนึ่งครับ! มันมีชื่อว่า "เกมล่าฝัน" !!

บนกล่องบรรจุเกม มีภาพหนทางเดินอันกว้างไกลซึ่งแบ่งเป็นช่องๆ มีหมายเลขกำกับ เหมือนเกมที่ผมเคยเล่นประจำนั่นแหละครับ แต่มีประโยคซึ่งดึงดูดใจผมเป็นอันมาก เขียนไว้ว่า "ชนะเกมให้ได้ แล้วจะได้สิ่งที่ปรารถนา"

 
 
และ ยังมีข้อความเตือนเขียนไว้ข้างล่างกล่องว่า "คำเตือน! หากคุณแพ้เกม หรือหยุดเล่นโดยพบกับโชคร้ายเช่นใด คุณจะต้องเจอกับโชคร้ายเช่นนั้น ดังนั้นอย่ายอมแพ้ จงเล่นให้ชนะ! และเมื่อชนะแล้ว ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว จงให้คนอื่นเป็นเจ้าของ ห้ามเก็บไว้ครอบครองเกินเจ็ดวัน! มิฉะนั้น สิ่งที่ได้มาจะสูญเสียไปในไม่ช้า"


เกมชุดนี้ ประกอบด้วย แผงกระดาษขนาดใหญ่พับได้ และเป็นกระดาษหนาอย่างดี สีสดสวย หนังสือ 1 เล่ม มีร้อยหน้า แต่ละหน้าบ่งบอกผู้เล่นให้เล่นเกมทำภารกิจต่างๆ ซึ่งไม่ซ้ำกันเลย 52 ภารกิจ และไพ่ป๊อก 1 สำรับ

ผมสนใจเกมชุดนี้ทันที มันมีชุดเดียวเสียด้วยสิ! เพราะเมื่อมองดูเกมทอดลูกเต๋าแบบอื่นๆ ก็ล้วนแต่เป็นแบบธรรมดาๆ

"ว่าไงคุณ ปิ๊งเกมนี้เข้าแล้วละสิ" เจ้าของร้านซึ่งเป็นชายแก่วัยหกสิบปลายๆ เอ่ยทักผม

"เอ่อ...ครับ ดูแล้วเข้าท่าน่าเล่น" ผมตอบ และเขาก็ยิ้มร่า แต่เหมือนมีเลศนัย แล้วชักชวนให้ผมซื้อ

"อยากได้ไหมล่ะ ? มันมีชุดเดียวด้วยนะ ไม่มีอีกแล้ว"

"เท่าไรล่ะครับลุง"

"ร้อยนึงก็พอ ปกติมันต้องขายอย่างน้อยสามร้อยนะ แต่เพราะลุงจะเลิกกิจการแล้ว ก็เลยลดให้เป็นพิเศษ"

"โอเคเลยครับ ผมซื้อ" ผมตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล

"ไอ้หนุ่ม เอ็งต้องระวังหน่อยนะ ถ้าจะเล่นเกมนี้"

คำเตือนของเขาทำให้ผมยิ้มก่อนตอบ "โธ่...ลุงครับ เห็นผมเป็นเด็กเล็กๆ ไปได้สิน่า...มันจะมีอะไร้ กะอีแค่เกมเด็กเล่น!"

"เออน่ะ! อ่านคำเตือนเขาหน่อย เชื่อเขาหน่อยก็แล้วกัน อย่าประมาท เกมนี้ไม่ธรรมดานะโว้ย! สำคัญที่สุดคือ เวลาทอดเต๋าไปเจอตาร้ายเข้า อย่ายอมแพ้โดยหยุดเล่นเป็นอันขาด!"

"ฮี่โธ่เอ๊ย...เกมมันจะมาทำร้ายคนเล่นได้เร้อลุง!" ผมยิ้มและส่ายหน้า แล้วก็ควักแบ๊งค์ร้อยยื่นให้แกไป "เอ้านี่ลุง หนึ่งร้อยบาท ผมซื้อละ กลับถึงบ้านจะลองเล่นดูซักตา ดูซิจะมีอะไรอย่างที่ลุงว่าหรือเปล่า"

"เออน่า...เอ็งก็นึกถึงคำพูดข้าบ้างก็แล้วกัน อย่าลืมขอสิ่งที่เอ็งปรารถนาก่อนจะเริ่มเล่นด้วยล่ะ ไม่งั้น ถ้าเอ็งไม่ขอ และเล่นชนะขึ้นมา เอ็งก็จะไม่ได้อะไรเลย เหนื่อยเปล่า เสียเวลาเปล่า!"

"ขออะไรก็ได้งั้นเหรอลุง ?" ผมถามย้ำ

"เออสิวะ!" ลุงแกยืนยัน

"งั้น..ผมจะขอให้ตัวเอง ถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง!" ผมพูดแล้วก็ยิ้ม

"เอาเล้ย! ไอ้หนุ่ม...อยากขออะไรก็ขอ แล้วเล่นเกมให้ชนะ หลังจากนั้น เอ็งจะได้รู้!!"

ผมยังยิ้มด้วยรู้สึกตลกขบขันในสีหน้าท่าทางเอาจริงเอาจังของแก สั่นหัวอีกหนึ่งที แล้วก็เดินไปที่ประตูหน้าร้าน จับลูกบิดเปิดประตู กำลังจะเดินออกไปอยู่แล้ว แต่ก็นึกอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาได้จึงชะงักค้างไว้แล้วเหลียวกลับไปถาม

"ลุง เคยเล่นชนะมาก่อนไหม ?"

"เออ!" แกตอบและพยักหน้า "เพิ่งจะชนะก่อนหน้าเอ็งจะมาซื้อต่อนี่แหละ!!"

"เหรอ ? แหม เก่งจังนะลุง! แบบนี้ ผมก็ต้องเอาชนะมันให้ได้เหมือนลุงแล้วละสิเนี่ย...ไปละครับ" แล้วผมก็โบกมือลา

"เออ! โชคดี ไอ้หนุ่ม..." แกตะโกนตอบ

ผมนำเกมชุดนั้นกลับถึงบ้านในตอนเย็น อาบน้ำอาบท่าเสร็จก็เตรียมสุราอาหาร กะว่าจะกินไปด้วยเล่นเกมไปด้วย

พอจะเริ่มเล่นเกม ผมก็เปิดกล่อง กางแผ่นตารางกระดาษซึ่งหนาและแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อออก หยิบหนังสือคู่มือมาเปิดอ่าน

"วิธีเล่น เริ่มด้วยการทอดหรือโยนลูกเต๋า ได้กี่แต้มให้นับช่องตาเดินและเดินไปตามจำนวนแต้มนั้น ถ้าพบคำสั่งให้สับไพ่ ให้หยิบไพ่มาสับเท่าอายุของตัวเอง แล้วกรีดไพ่เป็นรูปครึ่งวงกลม จากนั้นเสี่ยงหยิบไพ่ออกมาหนึ่งใบ หงายไพ่นั้นขึ้น ไพ่บอกให้เปิดหนังสือเล่มนี้หน้าใดก็จงเปิดไปหน้านั้น และปฏิบัติภารกิจตามที่หน้านั้นสั่ง  และหากคุณโชคดีชนะเกมได้สิ่งที่ต้องการแล้ว โปรดให้คนอื่นได้เล่นเกมนี้ต่อจากคุณ มิฉะนั้นทุกสิ่งที่คุณได้มาจะสูญสลายหายไปทั้งหมด และหลังจากนั้นคุณจะเล่นซ้ำอีกไม่ได้ ถ้าคุณฝ่าฝืน คุณจะพบกับความวิบัติ! แต่ถ้าคุณแพ้ คุณสามารถเล่นใหม่เพื่อแก้ตัวได้จนกว่าคุณจะชนะ ขอให้โชคดี"


ผมอ่านจบแล้วก็ยิ้ม หยิบลูกเต๋ามาถือไว้ แล้วนึกอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดออกมา

"ถ้ากูเล่นชนะ กูขอถูกหวย รางวัลที่หนึ่ง งวดนี้!!"

พอพูดจบ ผมก็โยนลูกเต๋าขึ้นเหนือศีรษะทันที มันลอยขึ้น แล้วตกกลิ้งไปบนพื้นห้อง หยุดที่ 6 แต้ม

"อ้อ...ออกสตาร์ท โดยเดินไปตาที่ 6 โอเค้...เริ่มต้นได้สวย!"

ผมพูดกับตัวเองเสร็จก็ยกแก้วเหล้าขึ้นซดโฮก แล้ววางแก้วลง หยิบตัว "เบี้ย" ซึ่งทำเป็นวงกลมสีแดง วางลงไปในช่องหมายเลข 6 จากนั้นจึงหยิบลูกเต๋ามาทอดเป็นครั้งที่สอง...มันหยุดที่ 4 แต้ม...

ผมจับตัวเบี้ยสีแดง จากตำแหน่งเบอร์ 6 เดินไปข้างหน้าอีก4 แต้ม ก็คือช่องหมายเลข 10 มีข้อความสั่งว่า "สับไพ่" จึงหยิบไพ่สำรับนั้นมาสับตามที่เกมบอก แล้ววางไพ่คว่ำหน้าลงกับพื้น กรีดไพ่ออกเป็นรูปครึ่งวงกลมตามที่หนังสือนั้นบอก เสี่ยงดึงออกมาใบหนึ่ง...

เป็น 5 โพธิ์ดำ และมีข้อความเขียนว่า..."เปิดหนังสือหน้า 25"

พอผมหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดไปหน้า 25 ก็เจอข้อความซึ่งเป็นคำสั่งว่า

"ช่วยพ่อของคุณให้รอดตาย แล้วคุณจะชนะเกม!"

ผมตกใจ ขนลุกซู่ และยังไม่ทันจะตั้งตัว ทันใดนั้น ผมก็รู้สึกว่าตัวผมเองหน้ามืด และเหมือนผมถูกพลังลึกลับดูดร่างทั้งร่างเข้าไปในแผ่นตารางเกมนั้น


แล้วสติสัมปชัญญะก็ดับวูบ หมดสติไปในบัดดล !!


พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็ต้องตื่นตระหนกแทบช็อก เพราะพบว่าตัวเอง อยู่บนหนทางซึ่งนำไปสู่บ้านพักของพ่อ!


ถนนหนทาง และทุกสิ่งทุกอย่างรอบบริเวณนั้น ผมจำได้ มันเป็นภาพที่ผมเคยเห็นในสมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ในมหาวิทยาลัย และทุกครั้งที่ปิดเทอมผมจะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อเสมอ...

มันเป็นภาพแห่งอดีต ซึ่งปัจจุบันนี้ ผมไม่มีพ่ออยู่บนโลกนี้แล้ว ท่านประสพอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน !!!



"อะไรกันวะเนี่ย นี่เราคงฝันไปละมั้ง ???" 
 
พูดกับตัวเองแล้วก็ลองจิกเล็บหยิกแขนตัวเอง แล้วก็ต้องสูดปากร้องอู้ " อูยย....เจ็บชิบเป๋ง !! ไม่ได้ฝันนี่หว่าเฮ้ย!!"
 
มองซ้ายมองขวา ถนนก็โล่ง แต่จำได้ว่า เดินต่อไปอีกประมาณห้ากิโล จะพบกับหอพักให้เช่าทั้งรายวันและรายเดือน และจากตรงนั้นถ้าเดินต่อไปอีกราวห้าร้อยเมตรก็จะเป็นห้องแถวใกล้ๆ ตลาดสด ห้องแถวนั้นแหละที่พ่อผมเคยอยู่ และผมจะกลับมาอยู่ด้วยเสมอหลังจากมหาวิทยาลัยปิดเทอม

แต่ผมยังไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังอยู่ในเวลาแห่งอดีต เพราะเมื่อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู มันก็ยังแสดงวันเดือนปีของปัจจุบัน คือวันที่ 29 สิงหาคม ปี 2018 ! แต่ว่า สภาพถนนหนทางที่เห็นในตอนนี้มันเหมือนเมื่อราวสามสิบปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ผ่านไปถึง 30 ปีแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าผมจะไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเพราะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลยหลังจากเรียนจบก็ตาม แต่ก็เชื่อว่ามันต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง
 
ดังนั้นผมจึงข้องใจ ว่า ณ เวลาตอนนี้ ที่ผมกลับมาอยู่ตรงนี้อย่างแปลกประหลาด มันคือเวลาปัจจุบันหรืออดีตกันแน่ ?

ทางเดียวที่จะรู้ได้คือ เดินไปให้ถึงตลาดเพื่อถามชาวบ้าน หรือไม่ก็ซื้อหนังสือพิมพ์สักฉบับหนึ่ง
 
เดี๋ยวสิ! ผมมีสมาร์ทโฟนอยู่นี่นา ลองเอาออกมาใช้งานดูซิ !!
 
ไวเท่าความคิด ผมล้วงกระเป๋าเสื้อ หยิบสมาร์ทโฟน วีโว่ รุ่นฟุตบอลโลกออกมาเปิดดูหน้าจอ...
 
ไม่มีสัญญาณ !!!
 
อย่างนี้ ก็หมดสิทธิ์จะโทรหาใครๆ !!!
 
ผมจึงตัดสินใจเดินไปข้างหน้า ไปตามถนนสายนั้น จนกระทั่งถึงตลาด มีแผงขายหนังสืออยู่เจ้าหนึ่ง จึงเดินเข้าไป หยิบหนังสือพิมพ์มติชนขึ้นมาฉบับหนึ่ง
แล้วก็ตกใจกับพาดหัวข่าว ....
 
"บุกจับ 'จำลอง' สกัด 17 ผู้นำหนีออกนอก  จราจลขยาย เผาทั่วเมือง"  
 
มันคือ ข่าวเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ วันที่ 18 พฤษภาคม ปี 2535 !! 
 
"เฮ้ยย เอาจริงดิ !!!" ผมร้องอุทานเสียงดังลั่น
 
"ก็จริงน่ะซี่!" แม่ค้าคนขายเจ้าของร้านบอกกับผม "เฮ้อ...วุ่นวายจริงๆ บ้านเมืองนี้ เอ้า ! หยิบแล้วก็จ่ายตังซะสิ! เปื้อนเหงื่อมือแล้วไม่ซื้อไม่ได้นา"
 
ผมพยักหน้า แล้วควักกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง หยิบแบ๊งค์ยี่สิบยื่นให้
 
แม่ค้ารับแบ๊งค์ยี่สิบจากผมแล้วเบิ่งตาดูอย่างงงๆ ก่อนจะเอ็ดตะโรใส่ผม
 
"เล่นตลกอะไรเนี่ยพ่อคุณ!! ???"
 
"อะไรหรือครับป้า ?" ผมถามอย่างงงๆ เหมือนกัน
 
"ก็เธอเอาแบ๊งค์อะไรจ่ายมาให้ชั้นล่ะ ? รูปบนแบ๊งค์นี่ไม่ใช่รูปในหลวงนี่นา เป็นรูปสมเด็จพระบรมฯ ชัดๆ อย่าบอกนะว่านี่คือแบ๊งค์ออกใหม่! เพราะชั้นไม่เคยเห็น และไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีแบ๊งค์ออกใหม่ตอนนี้ด้วย!!" พูดจบแม่ค้าก็ยื่นแบ๊งค์ยี่สิบใบนั้นคืนมาให้ผมแล้วบอก "จ่ายมาใหม่!"
 
ผมจึงนึกขึ้นได้ว่า แบ๊งค์ของผมมันล้ำสมัยผิดยุคไปเสียแล้ว และในกระเป๋าสตางค์ผมก็มีแต่เงินที่ใช้ในยุคปัจจุบันของผมเท่านั้น ไม่ว่าแบ๊งค์พันแบ๊งค์ห้าร้อยหรือแบ๊งค์อื่นๆ รวมทั้งเหรียญสิบ เหรียญห้า และเหรียญบาท
 
แต่โชคดี ผมเก็บแบ๊งค์ร้อยแบบเก่าที่เคยใช้ได้ในปี 35 ไว้เป็นแบ๊งค์ขวัญถุง ซึ่งเป็นแบ๊งค์รูปในหลวง ร.9 สีแดงสดขนาดใหญ่ ผมมีอยู่ใบเดียวเสียด้วยสิ เสียดายชะมัด! แต่ก็ต้องจำใจดึงออกมายื่นให้แม่ค้าเจ้าของร้านนั้นไป

(มีต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่