สวัสดีครับ จะมาขอคำปรึกษาหน่อยครับว่ากรณีผม ผมสามารถทำอะไรได้บ้างตอนนี้ ...
ผมทำงานที่นี่ ถ้านับถึงปัจจุบันอายุงานตอนนี้ 5 ปี 6 เดือนครับ
บริษัทที่ผมทำเป็นบริษัทเซอร์เวย์เก็บข้อมูลให้แก่ธนาคารหรือแหล่งสินเชื่อต่าง ๆ เช่น ลงพื้นที่ตำแหน่งที่ดิน บ้าน อาคารห้องชุด ไปถ่ายรูปสถานที่จริง แล้วทำรายงานส่งสำนักงานใหญ่ บริษัทผมมีพนักงานประมาณ 20-30 คน มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพ และ หัวเมืองใหญ่ ๆ บางจังหวัด
ผมเป็นคนกรุงเทพครับ แต่ตอนสมัคร ผมเลือกสมัครสาขาต่างจังหวัด
อัตราค่าจ้างก็จะได้ เงินเดือน 12,000 บาท ค่ามาอยู่ต่างจังหวัด 2,000 บาท ค่าเช่าบ้าน 3,000 บาท ค่าโทรศัพย์และสมาร์ทโฟนเดือนละ 800 บาท ค่าน้ำมันเดินทางไปหาลูกค้า คิดตามจริง กิโลเมตรละ 4 บาท (ค่าเดินทางไปหาลูกค้าจะได้เดือนประมาณ 5-6,000 บาท , ประมาณเดือนละ 40 เคส + ) รวม ๆ เดือนนึง จะได้อยู่ประมาณ 24,000 บาท
บริษัทผมจะรับงานจากหลายที่ จังหวัดที่ผมดูแล รับงานจาก 8 ที่ครับ มันก็จะมีบริษัทงานมาก งานน้อย เรียงกันไป 1 - 8
ทำงานที่นี่ 3 ปีแรกก็โอเคดีทุกอย่างครับ งานกับเงินก็สอดคล้องกันจนมากระทั่งเข้าปีที่ 4 งานบริษัทที่ 4-8 หายไปอย่างดื้อ ๆ แต่งานก็ยังเยอะอยู๋จากบริษัท 1-4 บริษัทผมให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจไม่ดี และผู้บริหารขอปรับโครงสร้างใหม่กับผมโดยขอตัดค่าอยู่ต่างจังหวัดออก กับ ค่าเช่าบ้านครึ่งนึง เพื่อให้บริษัทอยู่รอดได้
ตรงนี้ผมก็ตกลงถือว่าช่วย ๆ กันไป แต่ก็เหมือนโดนมัดมือชก โดยรวมรายได้ยังคงเยอะอยู่ ก็เลยไม่ได้ติดใจอะไร
ผ่านมาอีก 2-3เดือนงานลดลงอย่างเห็นได้ชัดจนผู้บริหารโทรมาเจรจาว่าจะปรับลดค่าเดินทางออกไปหาลูกค้าเหลือกิโลเมตรละ2บาท
ถึงจุดนี้สิ่งที่ผมได้รับต่อเดือนคือ เงินเดือน 12000 ค่าบ้าน 1500 ค่าโทรศัพย์ 800 ค่าเดินทางออกหาลูกค้าประมาณเดือนละ 2000 รวม ๆ ประมาณ 16000
ผ่านมาอีก ไม่กี่เดือน งานลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือเดือนละประมาณ 10-15 เคส โดยที่ไม่มีการคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น พอถามผู้บริหารก็โทษว่าเศรษฐกิจไม่ดี และมาถึงจุดที่ว่า ผู้บริหารขอเปลี่ยนการจ่ายเงินโดยเป็นคิดรายเคส ให้เคสละ 1000 บาท ซึ่งตรงนี้ผมไม่ยินยอม และขอเจรจาใหม่หลายรอบ โดยไม่มีการชดเชยจากรายได้ประจำที่หายไป หรือ อะไรที่เป็นหลักประกันทางรายได้ ได้เลย หลังจากที่คุย เดือนถัดไป มีบริษัทใหม่ มาจ้าง ทำให้งานขึ้นมาอยู่ที่ 20 เคส + และเดือนนี้ เงินที่เข้ามาไม่ใช่เงินเดือน แต่เป็นเงิน ที่คิดรายเคส ผมได้อยู่ประมาณ 20000+ ผมโทรคุยกับผู้บริหารใหม่ ผู้บริหารบอกว่า เปลี่ยนมาเป็นจ่ายรายเคส ก็ได้เยอะอยู่นะ มีค่าเท่ากัน ...
จนผ่านไปแค่ 2 เดือน งานบริษัทใหม่หายไปอย่างดื้อ ๆ อีกแล้ว ในเดือนที่ 3 เงินผมได้ไม่ถึงหลักหมื่น ผมโทรถามผู้บริหารว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้บริหารแจ้งว่า สาขาอื่น ทำงานผิดพลาด จนทำให้บริษัทนี้เลิกจ้างเรา
ผมรู้สึกไม่โอเค จึงไปปรึกษากับกรมแรงงาน กรมแรงงานก็รับฟังและก็ งง ๆ กับปัญหาที่เกิดขึ้น และบอกให้กลับไปคุยกับนายจ้างเจรจากันเองก่อน
ผมกลับมาคุยกับผู้บริหารเขาก็ไม่มีทีท่าอะไร พูดว่า เดี๋ยวจะหางานป้อนเข้าไปให้เยอะ ๆ กำลังมีบริษัทใหม่มาจ้าง ให้อดทนรอไปก่อน
ผมกลับไปที่กรมแรงงาน เล่าให้ จนท.ฟัง จนท.แจ้งว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ให้เราเตรียมเอกสารอะไรที่แสดงว่าเขาเคยจ้างเราเป็นรายเดือน และให้กลับมายื่นคำร้อง
ผมกลับมาเตรียมเอกสาร แต่ก็ใช้เวลาอยู่เป็นอาทิตย์ ประกอบกับงานช่วงนั้นยุ่งพอสมควร พอกลับไปกรมแรงงาน ผมได้พบ จนท.อีกคน เพราะ จนท.คนที่เคยคุยด้วยไม่มา ผมได้คำตอบคือ "ไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่สามารถเรียกร้องหรือร้องเรียนอะไรได้ ผ่านมา 3 เดือนแล้ว เหมือนเรารับสภาพไปโดยปริยาย"
ถึงจุดนี้ผมก็ไม่รู้จะทำไง ไม่รู้ว่ามาจุดนี้ได้ไง จะหางานใหม่ มองย้อนไปเราก็ไม่ได้ผิดอะไร เหมือนเป็นเกมส์บีบให้เราออกเองอย่างไงอย่างงั้น
ผมก็ปรับตัวนะโดยการหาอาชีพเสริมทำที่ไม่กระทบกับงานบริษัทผมรับเงินจากบริษัทเดือนละหมื่นต้นๆเป็นต้นมาตลอด โดยไม่รู้ว่าเดือนนี้ จะได้เงินเท่าไหร่ เดือนนี้จะมีงานมากน้อยแค่ไหน เป็นแบบนี้มาระยะนึง
จนกระทั่งจุดพีค มาถึงวันที่ตั้งกระทู้นี้ บริษัทที่จ่ายงานมากเป็นอันดับ 1 งานหายไปอีกแล้ว ผมสังเหตุได้ จึงโทรไปถามผู้บริหาร ผู้หารจึงให้คำตอบว่า เขาไปจ้างบริษัทอื่นทำแล้ว ! ผู้บริหารบอกว่าขอดูแนวโน้มเดือนหน้าน่าจะมีอะไรดีขึ้น เดือนนี้มีงานเข้ามาทั้งหมด 4 เคส ซึ่งผมได้เงินในเดือนนี้ 4 พันบาท
ผมคิดว่า ผมต้องจัดการกับการเป็นพนักงานในบริษัทนี้ ผมควรทำยังไง มีอะไรที่ผมทำได้บ้าง หรือ ผมต้องรับสภาพและลาออกเองจริง ๆ ครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอคำปรึกษากฏหมายแรงงานหน่อยครับ มีปัญหายืดเยื้อกับนายจ้าง
ผมทำงานที่นี่ ถ้านับถึงปัจจุบันอายุงานตอนนี้ 5 ปี 6 เดือนครับ
บริษัทที่ผมทำเป็นบริษัทเซอร์เวย์เก็บข้อมูลให้แก่ธนาคารหรือแหล่งสินเชื่อต่าง ๆ เช่น ลงพื้นที่ตำแหน่งที่ดิน บ้าน อาคารห้องชุด ไปถ่ายรูปสถานที่จริง แล้วทำรายงานส่งสำนักงานใหญ่ บริษัทผมมีพนักงานประมาณ 20-30 คน มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพ และ หัวเมืองใหญ่ ๆ บางจังหวัด
ผมเป็นคนกรุงเทพครับ แต่ตอนสมัคร ผมเลือกสมัครสาขาต่างจังหวัด
อัตราค่าจ้างก็จะได้ เงินเดือน 12,000 บาท ค่ามาอยู่ต่างจังหวัด 2,000 บาท ค่าเช่าบ้าน 3,000 บาท ค่าโทรศัพย์และสมาร์ทโฟนเดือนละ 800 บาท ค่าน้ำมันเดินทางไปหาลูกค้า คิดตามจริง กิโลเมตรละ 4 บาท (ค่าเดินทางไปหาลูกค้าจะได้เดือนประมาณ 5-6,000 บาท , ประมาณเดือนละ 40 เคส + ) รวม ๆ เดือนนึง จะได้อยู่ประมาณ 24,000 บาท
บริษัทผมจะรับงานจากหลายที่ จังหวัดที่ผมดูแล รับงานจาก 8 ที่ครับ มันก็จะมีบริษัทงานมาก งานน้อย เรียงกันไป 1 - 8
ทำงานที่นี่ 3 ปีแรกก็โอเคดีทุกอย่างครับ งานกับเงินก็สอดคล้องกันจนมากระทั่งเข้าปีที่ 4 งานบริษัทที่ 4-8 หายไปอย่างดื้อ ๆ แต่งานก็ยังเยอะอยู๋จากบริษัท 1-4 บริษัทผมให้เหตุผลว่าเศรษฐกิจไม่ดี และผู้บริหารขอปรับโครงสร้างใหม่กับผมโดยขอตัดค่าอยู่ต่างจังหวัดออก กับ ค่าเช่าบ้านครึ่งนึง เพื่อให้บริษัทอยู่รอดได้
ตรงนี้ผมก็ตกลงถือว่าช่วย ๆ กันไป แต่ก็เหมือนโดนมัดมือชก โดยรวมรายได้ยังคงเยอะอยู่ ก็เลยไม่ได้ติดใจอะไร
ผ่านมาอีก 2-3เดือนงานลดลงอย่างเห็นได้ชัดจนผู้บริหารโทรมาเจรจาว่าจะปรับลดค่าเดินทางออกไปหาลูกค้าเหลือกิโลเมตรละ2บาท
ถึงจุดนี้สิ่งที่ผมได้รับต่อเดือนคือ เงินเดือน 12000 ค่าบ้าน 1500 ค่าโทรศัพย์ 800 ค่าเดินทางออกหาลูกค้าประมาณเดือนละ 2000 รวม ๆ ประมาณ 16000
ผ่านมาอีก ไม่กี่เดือน งานลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือเดือนละประมาณ 10-15 เคส โดยที่ไม่มีการคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น พอถามผู้บริหารก็โทษว่าเศรษฐกิจไม่ดี และมาถึงจุดที่ว่า ผู้บริหารขอเปลี่ยนการจ่ายเงินโดยเป็นคิดรายเคส ให้เคสละ 1000 บาท ซึ่งตรงนี้ผมไม่ยินยอม และขอเจรจาใหม่หลายรอบ โดยไม่มีการชดเชยจากรายได้ประจำที่หายไป หรือ อะไรที่เป็นหลักประกันทางรายได้ ได้เลย หลังจากที่คุย เดือนถัดไป มีบริษัทใหม่ มาจ้าง ทำให้งานขึ้นมาอยู่ที่ 20 เคส + และเดือนนี้ เงินที่เข้ามาไม่ใช่เงินเดือน แต่เป็นเงิน ที่คิดรายเคส ผมได้อยู่ประมาณ 20000+ ผมโทรคุยกับผู้บริหารใหม่ ผู้บริหารบอกว่า เปลี่ยนมาเป็นจ่ายรายเคส ก็ได้เยอะอยู่นะ มีค่าเท่ากัน ...
จนผ่านไปแค่ 2 เดือน งานบริษัทใหม่หายไปอย่างดื้อ ๆ อีกแล้ว ในเดือนที่ 3 เงินผมได้ไม่ถึงหลักหมื่น ผมโทรถามผู้บริหารว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้บริหารแจ้งว่า สาขาอื่น ทำงานผิดพลาด จนทำให้บริษัทนี้เลิกจ้างเรา
ผมรู้สึกไม่โอเค จึงไปปรึกษากับกรมแรงงาน กรมแรงงานก็รับฟังและก็ งง ๆ กับปัญหาที่เกิดขึ้น และบอกให้กลับไปคุยกับนายจ้างเจรจากันเองก่อน
ผมกลับมาคุยกับผู้บริหารเขาก็ไม่มีทีท่าอะไร พูดว่า เดี๋ยวจะหางานป้อนเข้าไปให้เยอะ ๆ กำลังมีบริษัทใหม่มาจ้าง ให้อดทนรอไปก่อน
ผมกลับไปที่กรมแรงงาน เล่าให้ จนท.ฟัง จนท.แจ้งว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ให้เราเตรียมเอกสารอะไรที่แสดงว่าเขาเคยจ้างเราเป็นรายเดือน และให้กลับมายื่นคำร้อง
ผมกลับมาเตรียมเอกสาร แต่ก็ใช้เวลาอยู่เป็นอาทิตย์ ประกอบกับงานช่วงนั้นยุ่งพอสมควร พอกลับไปกรมแรงงาน ผมได้พบ จนท.อีกคน เพราะ จนท.คนที่เคยคุยด้วยไม่มา ผมได้คำตอบคือ "ไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่สามารถเรียกร้องหรือร้องเรียนอะไรได้ ผ่านมา 3 เดือนแล้ว เหมือนเรารับสภาพไปโดยปริยาย"
ถึงจุดนี้ผมก็ไม่รู้จะทำไง ไม่รู้ว่ามาจุดนี้ได้ไง จะหางานใหม่ มองย้อนไปเราก็ไม่ได้ผิดอะไร เหมือนเป็นเกมส์บีบให้เราออกเองอย่างไงอย่างงั้น
ผมก็ปรับตัวนะโดยการหาอาชีพเสริมทำที่ไม่กระทบกับงานบริษัทผมรับเงินจากบริษัทเดือนละหมื่นต้นๆเป็นต้นมาตลอด โดยไม่รู้ว่าเดือนนี้ จะได้เงินเท่าไหร่ เดือนนี้จะมีงานมากน้อยแค่ไหน เป็นแบบนี้มาระยะนึง
จนกระทั่งจุดพีค มาถึงวันที่ตั้งกระทู้นี้ บริษัทที่จ่ายงานมากเป็นอันดับ 1 งานหายไปอีกแล้ว ผมสังเหตุได้ จึงโทรไปถามผู้บริหาร ผู้หารจึงให้คำตอบว่า เขาไปจ้างบริษัทอื่นทำแล้ว ! ผู้บริหารบอกว่าขอดูแนวโน้มเดือนหน้าน่าจะมีอะไรดีขึ้น เดือนนี้มีงานเข้ามาทั้งหมด 4 เคส ซึ่งผมได้เงินในเดือนนี้ 4 พันบาท
ผมคิดว่า ผมต้องจัดการกับการเป็นพนักงานในบริษัทนี้ ผมควรทำยังไง มีอะไรที่ผมทำได้บ้าง หรือ ผมต้องรับสภาพและลาออกเองจริง ๆ ครับ
ขอบคุณมากครับ