เรามาอยู่เป็นเพื่อนคนข้างตัวคนหนึ่งซึ่งเป็นโรควิตกกังวลค่ะ เขาต้องกินยา lexapro ทุกวัน ที่เรามาอยู่เป็นเพื่อนเนื่องจากเขามีสัญญาณของอาการที่ดูจะรุนแรงขึ้น ซึ่งเขาอยู่ตัวคนเดียวทำให้คนรอบข้างรวมทั้งเราเป็นห่วงว่าเขาอาการจะแย่ลง และอาจถึงขั้นคิดทำร้ายตัวเอง
ช่วงอาทิตย์แรกๆ ที่มาดูแลเราก็ช่วยเหลือ ช่วยทำให้เขาทุกอย่าง หาข้าวหาน้ำ ทำความสะอาดห้อง เราพยายามเป็นพลังงานบวกให้เขา หัวเราะในเรื่องตลกที่เขาเล่า ฟังเรื่องราวของเขาอย่างตั้งใจ มีอารมณ์ร่วมไปกับเขา ชวนเขาออกไปข้างนอก ชวนไปเดินเล่น
มีหลายครั้งที่เขาอารมณ์แปรปรวน อยู่ๆ ก็โกธร อยู่ๆ ก็น้อยใจขึ้นมา เราก็พยายามทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ขอโทษในสิ่งที่ตัวเองพลาด
ซึ่งเราก็รู้สึกว่าตัวเขามีอาการดีขึ้นจากวันแรกที่เรารีบบินมาหาเขามาก เหมือนว่าปัญหาคงจะเกิดจากการที่เขาอยู่คนเดียวจริงๆ
แต่หลังๆ มานี้ พออยู่ด้วยกันนานเข้า เราก็เริ่มคุมอารมณ์ความคิดบางอย่างของตัวเองไม่อยู่ เราเหมือนกลายเป็นพลังงานลบมากกว่าพลังงานบวก บางทีก็ไม่ตามใจเขา ขัดใจเขา เรารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายใส่ใจเขาคนเดียว แต่เขาไม่เคยสนใจความรู้สึกเรา เวลาเราพูดอะไรเขาจะบอกเลยเขาไม่อยากฟัง เขาไม่ชอบ และอารมณ์ไม่ดีใส่เรา ดูเหมือนว่าเขาอยากให้เราพูดในสิ่งที่เขาสนใจเท่านั้น เราเองก็ไม่ใช่คนพูดเก่ง เรื่องที่สนใจเราก็มีน้อยและไม่ตรงกับเขาเลย เขาอยากให้เราทำอะไรหลายๆอย่างให้ แต่บางทีเราก็รู้สึกเหนื่อย อยากพัก ไม่อยากทำ
เมื่อวานเราพูดจารุนแรงกระทบกระทั่งใส่เขาถึงความน้อยใจของเรา แล้วตอนนี้เราก็เครียดมาก เรากลัวเขารู้สึกไม่ดี กลัวเขาเอาไปคิดมาก กลัวเขาไม่มีความสุข กลัวโรคของเขาเป็นหนักขึ้น
พอเราขอโทษเราบอกไปว่าเราผิดเอง เขาบอกว่าเราประชด อย่าพูดดีกว่า เขาบอกว่าตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วยิ่งคุยกัน ยิ่งเราพูดเขาก็ยิ่งไม่มีความสุข
เขามักจะบอกว่าเราและทุกๆ คนในบ้านไม่เคยพยายามทำความเข้าใจเขา หรือสนใจเขาจริงๆ ทุกคนเอาแต่บอกให้เขาทำนู้นนี้เพราะอยากให้เขาหายจากโรคที่ทุกคนไม่ชอบ ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเขาจริงๆ
มีหลายครั้งที่เรารู้สึกอึดอัดมากเวลาคุยกับเขา เราทำตัวไม่ถูก กลัวพูดผิด กลัวทำผิด เราไม่กล้าบอกความคิดความรู้สึกของเรากับเขา เพราะกลัวเขาคิดมาก เรารู้สึกเหนื่อยที่ต้องฟังเรื่องราวที่เขาชอบซึ่งตัวเราไม่ได้มีความสนใจ เราอยากกลับบ้าน กลับไปอยู่คนเดียวเหมือนเดิม อยากหนีไปจากสถานการณ์นี้
เรารู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด เป็นเราเองที่ยังทำตัวไม่โตพอ ทั้งที่เป็นพี่ควรเป็นที่พึ่ง ไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ผิด เขาไม่สบายจึงมีปัญหา รู้ว่าเขาต้องการการดูแลเอาใจใส่มากกว่าคนอื่น
ตัวเราหนีออกจากการเข้าสังคมกับคนอื่นมานานแล้ว เมื่อไรที่เรารู้สึกอึดอัดใจที่จะคุยเราก็แค่เดินหนี หรือหลีกเลี่ยงที่จะคุยและมาอยู่คนเดียว ไม่ใช่ว่าเราอยู่กับใครไม่ได้ เราก็มีเพื่อนรักเพื่อนสนิท เดือนสองเดือนเจอกันที ก็ไปเที่ยวกันได้ แต่ถ้าให้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเราไม่ไหว เราไม่ชอบคิดว่าต้องคุยอะไร เพื่อให้คู่สนทนารู้สึกดี ไม่ชอบที่ต้องคอยกังวลความรู้สึกของคนที่คุยด้วย ไม่ชอบที่พอจบบทสนทนาแล้วกลับมานอนคิดว่าเราไม่น่าพูดแบบนั้นเลย ทำไมไม่พูดแบบนี้
ทุกวันนี้เราคิดว่าเราเริ่มมีปัญหาเอง อยู่ๆ ก็รู้สึกไม่มีความสุข อยู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัด อยู่ๆ ก็น้อยใจ อยู่ๆ ก็ซึม อยากกลับบ้าน อยากหนี อยากหายไปเราคิดว่าเราอาจจะเป็นโฮมซิกรึเปล่า เปลี่ยนสภาพแวดล้อมเลยเป็นแบบนี้
เราอาจจะเล่าไม่ละเอียด เล่างงนิดหน่อย ต้องขอโทษด้วย สิ่งที่เราอยากได้รับคำแนะนำคือ เราจะจัดการตัวเองซึ่งปกติสนใจแต่ตัวเองมากกว่าคนรอบข้างอย่างไรดี เมื่อต้องคอยดูแลคนข้างตัวซึ่งเป็นโรควิตกกังวลและจำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่
ขอบคุณที่รับฟังนะคะ
อาจมีพิมพ์ผิดพิมพ์ตกไปบ้างในบางจุดที่เราพลาด ต้องขออภัยด้วยค่ะ
ดูแลคนข้างตัวที่วิตกกังวล แต่ตัวเองเริ่มมีปัญหา
ช่วงอาทิตย์แรกๆ ที่มาดูแลเราก็ช่วยเหลือ ช่วยทำให้เขาทุกอย่าง หาข้าวหาน้ำ ทำความสะอาดห้อง เราพยายามเป็นพลังงานบวกให้เขา หัวเราะในเรื่องตลกที่เขาเล่า ฟังเรื่องราวของเขาอย่างตั้งใจ มีอารมณ์ร่วมไปกับเขา ชวนเขาออกไปข้างนอก ชวนไปเดินเล่น
มีหลายครั้งที่เขาอารมณ์แปรปรวน อยู่ๆ ก็โกธร อยู่ๆ ก็น้อยใจขึ้นมา เราก็พยายามทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ขอโทษในสิ่งที่ตัวเองพลาด
ซึ่งเราก็รู้สึกว่าตัวเขามีอาการดีขึ้นจากวันแรกที่เรารีบบินมาหาเขามาก เหมือนว่าปัญหาคงจะเกิดจากการที่เขาอยู่คนเดียวจริงๆ
แต่หลังๆ มานี้ พออยู่ด้วยกันนานเข้า เราก็เริ่มคุมอารมณ์ความคิดบางอย่างของตัวเองไม่อยู่ เราเหมือนกลายเป็นพลังงานลบมากกว่าพลังงานบวก บางทีก็ไม่ตามใจเขา ขัดใจเขา เรารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายใส่ใจเขาคนเดียว แต่เขาไม่เคยสนใจความรู้สึกเรา เวลาเราพูดอะไรเขาจะบอกเลยเขาไม่อยากฟัง เขาไม่ชอบ และอารมณ์ไม่ดีใส่เรา ดูเหมือนว่าเขาอยากให้เราพูดในสิ่งที่เขาสนใจเท่านั้น เราเองก็ไม่ใช่คนพูดเก่ง เรื่องที่สนใจเราก็มีน้อยและไม่ตรงกับเขาเลย เขาอยากให้เราทำอะไรหลายๆอย่างให้ แต่บางทีเราก็รู้สึกเหนื่อย อยากพัก ไม่อยากทำ
เมื่อวานเราพูดจารุนแรงกระทบกระทั่งใส่เขาถึงความน้อยใจของเรา แล้วตอนนี้เราก็เครียดมาก เรากลัวเขารู้สึกไม่ดี กลัวเขาเอาไปคิดมาก กลัวเขาไม่มีความสุข กลัวโรคของเขาเป็นหนักขึ้น
พอเราขอโทษเราบอกไปว่าเราผิดเอง เขาบอกว่าเราประชด อย่าพูดดีกว่า เขาบอกว่าตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วยิ่งคุยกัน ยิ่งเราพูดเขาก็ยิ่งไม่มีความสุข
เขามักจะบอกว่าเราและทุกๆ คนในบ้านไม่เคยพยายามทำความเข้าใจเขา หรือสนใจเขาจริงๆ ทุกคนเอาแต่บอกให้เขาทำนู้นนี้เพราะอยากให้เขาหายจากโรคที่ทุกคนไม่ชอบ ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเขาจริงๆ
มีหลายครั้งที่เรารู้สึกอึดอัดมากเวลาคุยกับเขา เราทำตัวไม่ถูก กลัวพูดผิด กลัวทำผิด เราไม่กล้าบอกความคิดความรู้สึกของเรากับเขา เพราะกลัวเขาคิดมาก เรารู้สึกเหนื่อยที่ต้องฟังเรื่องราวที่เขาชอบซึ่งตัวเราไม่ได้มีความสนใจ เราอยากกลับบ้าน กลับไปอยู่คนเดียวเหมือนเดิม อยากหนีไปจากสถานการณ์นี้
เรารู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด เป็นเราเองที่ยังทำตัวไม่โตพอ ทั้งที่เป็นพี่ควรเป็นที่พึ่ง ไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ผิด เขาไม่สบายจึงมีปัญหา รู้ว่าเขาต้องการการดูแลเอาใจใส่มากกว่าคนอื่น
ตัวเราหนีออกจากการเข้าสังคมกับคนอื่นมานานแล้ว เมื่อไรที่เรารู้สึกอึดอัดใจที่จะคุยเราก็แค่เดินหนี หรือหลีกเลี่ยงที่จะคุยและมาอยู่คนเดียว ไม่ใช่ว่าเราอยู่กับใครไม่ได้ เราก็มีเพื่อนรักเพื่อนสนิท เดือนสองเดือนเจอกันที ก็ไปเที่ยวกันได้ แต่ถ้าให้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเราไม่ไหว เราไม่ชอบคิดว่าต้องคุยอะไร เพื่อให้คู่สนทนารู้สึกดี ไม่ชอบที่ต้องคอยกังวลความรู้สึกของคนที่คุยด้วย ไม่ชอบที่พอจบบทสนทนาแล้วกลับมานอนคิดว่าเราไม่น่าพูดแบบนั้นเลย ทำไมไม่พูดแบบนี้
ทุกวันนี้เราคิดว่าเราเริ่มมีปัญหาเอง อยู่ๆ ก็รู้สึกไม่มีความสุข อยู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัด อยู่ๆ ก็น้อยใจ อยู่ๆ ก็ซึม อยากกลับบ้าน อยากหนี อยากหายไปเราคิดว่าเราอาจจะเป็นโฮมซิกรึเปล่า เปลี่ยนสภาพแวดล้อมเลยเป็นแบบนี้
เราอาจจะเล่าไม่ละเอียด เล่างงนิดหน่อย ต้องขอโทษด้วย สิ่งที่เราอยากได้รับคำแนะนำคือ เราจะจัดการตัวเองซึ่งปกติสนใจแต่ตัวเองมากกว่าคนรอบข้างอย่างไรดี เมื่อต้องคอยดูแลคนข้างตัวซึ่งเป็นโรควิตกกังวลและจำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่
ขอบคุณที่รับฟังนะคะ
อาจมีพิมพ์ผิดพิมพ์ตกไปบ้างในบางจุดที่เราพลาด ต้องขออภัยด้วยค่ะ