จุดเริ่มต้นและจุดจบ (กลอรี่คาวาซากิ กับ คาวาซากิ มอเตอร์ )
.
ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Kawasaki ประเทศไทยในก่อนช่วงเวลาประมาณปี 2541-2542 ถูกจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในนามบริษัท
“กลอรี่คาวาซากิ” ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างทางไทยกับค่าย Kawasaki
.
.
จนถึงประมาณปี 2541 ที่ทางบริษัท “คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย)” ซึ่งเป็นบริษัทโดยตรงของทางค่ายจากญี่ปุ่นได้ซื้อหุ้นของทางบริษัท กลอรี่คาวาซากิ และเข้ามาทำตลาดอย่างเต็มตัวแทนที่
ช่วงเวลาการเปลี่ยนถ่ายจาก กลอรี่คาวาซากิ ไปสู่ คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ล้วนเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองบริษัทต่างชิงไหวชิงพริบกัน โดยการดึงเกมของทางบริษัท คาวาซากิ มอเตอร์.. ที่ไม่ยอมส่งเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้แก่ทาง กลอรี่คาวาซากิ ซึ่งนับได้หลังจากรถตระกูล SE ในปี 2540 เป็นต้นมา ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าทาง กลอรี่คาวาซากิ กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในอีกไม่ช้า
.
เมื่อรับรู้ถึงสัญญาณเตือนที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า สิ่งที่ทาง กลอรี่คาวาซากิ ทำได้คือการรีบเร่งระบายอะไหล่ที่ค้างสต๊อกออกไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และรวมถึงรถจักรยานยนต์ที่ค้างสต๊อกด้วยเช่นกัน ทั้งการรีบเร่งระบายตัวรถและอะไหล่ที่ค้างสต๊อกส่งผลทำให้เกิดรถในรหัสพิเศษขึ้น โดยการแก้เกมในครั้งนี้คือการไปจับมือกับทาง PDK ให้ผลิตรถรุ่นพิเศษขึ้น
.
รถในรหัส PDK ถูกสร้างขึ้นที่อยู่บนแนวคิดที่ว่า เพื่อเป็นการระบายตัวรถและอะไหล่ที่ค้างสต๊อกให้ออกไปมากที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยเปลี่ยนจากรถให้เป็นจำนวนเงินเข้ามาแทนที่ เนื่องจากบริษัทกำลังมีปัญหากับทางค่ายรถ Kawasaki
.
ทั้งนี้สำหรับความคิดส่วนตัวของผู้เขียน หากจะยกว่ารถรุ่นใดคือที่สุดของทางค่าย Kawasaki แล้ว ผู้เขียนขอยกให้แก่ตระกูล SE (2540) เนื่องจากรหัส SE ได้รับการออกแบบในส่วนต่างๆ ล้วนตั้งอยู่บนความตั้งใจที่ว่าจะสามารถต่อกรกับรถสปอร์ต 150 cc ค่ายอื่นๆ
.
สำหรับช่วงเวลาการเปิดตัว SE ต่อสื่อมวลชนอยู่ในเดือนธันวาคม 2539 หากที่จะหาคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดในเวลานั้นคงจะเป็นรุ่นอื่นใดไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เจ้า NSR 150SP (2539) สังเกตุได้ว่าทั้งคู่มีระยะเวลาการจัดจำหน่ายที่ไล่เลี่ยกัน
.
ถือว่าเป็นความตั้งใจของทาง Kawasaki ที่ส่งรหัส SE มาเพื่อต่อกรกับทาง NSR 150Sp โดยตรง ซึ่งด้วยเหตุผลนี้เองทำให้งานออกแบบในส่วนต่างๆ ของรถตระกูลนี้มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน ผิดกับรถในรหัส PDK ที่มีแนวคิดสร้างรถที่ตั้งอยู่บนการระบายตัวรถและอะไหล่ที่ค้างสต๊อก
.
เมื่อแนวคิดและจุดประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างมาก สำหรับรหัส SE กับ PDK จึงไม่ผิดแปลกอะไรที่ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนจึงยกให้กับตระกูล SE คือรหัสที่ดีที่สุดของทางค่าย Kawasaki โดยอยู่ในพิกัด สองจังหวะขนาดไม่เกิน 150 cc
.
หลังจากที่ทางบริษัท กลอรี่คาวาซากิ ได้ทำการปล่อยรถตระกูล PDK ในปี 2541 แล้ว ภายในปี 2542 ทาง Kawasaki ก็ได้ทำการเปิดตัวสปอร์ตสองจังหวะในรหัส ZX 150 โดยมีสิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการคือบริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งของทางค่ายรถ Kawasaki
.
“คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย)” ความเป็นมือใหม่ในตลาดรถจักยานยนต์ประเทศไทย
.
หลังจากได้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างทางการแล้ว โจทย์ที่ยากที่สุดคือความไม่คุ้นชินกับตลาดรถจักรยานยนต์ในไทย อีกทั้งดันมาในช่วงเวลาขาลงของรถ 2 จังหวะแล้ว ซึ่งทิศทางตลาดกำลังเริ่มกลับมาสู่รถแม่บ้านอีกครั้ง
.
เมื่อสามารถจับทิศทางของกระแสรถในตลาดได้แล้ว ทาง คาวาซากิ มอเตอร์... ก็ได้เริ่มเดินเกมทำตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กทันที่ โดยได้ส่งรถแม่บ้านที่มีชื่อว่า Cheer 112 ตามด้วย Kaze 125 และปิดท้ายรถแม่บ้านด้วย Zx130
.
Cheer 112
Kaze 125
Zx130
จากหัวแถวในยุคทองสองจังหวะ กลับกลายเป็นรั้งท้ายในยุคเริ่มต้นของรถสี่จังหวะ ทั้งนี้อาจจะโทษถึงความไม่ถนัดของทาง คาวาซากิ มอเตอร์.. ที่ไม่สามารถออกแบบรถให้โดนใจคนไทย หรืออาจจะเป็นที่ความอดทนของทางค่ายมีน้อยเกินไปที่จะฝืนทำรถแม่บ้านออกมาเรื่อยๆ ตามแบบค่ายอื่นๆ ปัจจัยเหล่านี้เองทำให้ทางค่ายเลิกผลิตรถแม่บ้านจนถึงปัจจุบัน
.
ทั้งนี้ คาวาซากิ มอเตอร์.. ก็ยังที่จะพอกู้ชื่อเสียงกลับมาได้บ้างในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก โดยรุ่นที่เป็นหน้าเป็นตาที่สุดนับตั้งแต่เข้าสู่ยุคสี่จังหวะคือรุ่น Ksr 110 และปิดท้ายตอกย้ำความลมเหลวด้วยรถในรหัส Z125
ไม่ประสบความสำเร็จในตลาดจักรยานยนต์ขนาดเล็ก แต่ในทางกลับกันตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ของทาง คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) ล้วนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเริ่มตั้งแต่ ER6 ตามมาด้วย Ninja 300 และ Z300 เป็นต้น
อ้างอิงข้อมูล
ลิงค์ข้อมูลรุ่นรถที่ได้เขียนไปแล้ว เพื่อง่ายต่อการอ่าน
Honda
Nsr150 RRW /
-----------
Yamaha
-----------
Kawasaki
Kr 150 SE 2535 // Kr SSE (E1) 2537 /
----------
Suzuki
----------
Cagiva
---------
Gilera
จุดเริ่มต้นและจุดจบ (กลอรี่คาวาซากิ กับ คาวาซากิ มอเตอร์... )
“กลอรี่คาวาซากิ” ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างทางไทยกับค่าย Kawasaki
.
.
เมื่อรับรู้ถึงสัญญาณเตือนที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า สิ่งที่ทาง กลอรี่คาวาซากิ ทำได้คือการรีบเร่งระบายอะไหล่ที่ค้างสต๊อกออกไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และรวมถึงรถจักรยานยนต์ที่ค้างสต๊อกด้วยเช่นกัน ทั้งการรีบเร่งระบายตัวรถและอะไหล่ที่ค้างสต๊อกส่งผลทำให้เกิดรถในรหัสพิเศษขึ้น โดยการแก้เกมในครั้งนี้คือการไปจับมือกับทาง PDK ให้ผลิตรถรุ่นพิเศษขึ้น
.
รถในรหัส PDK ถูกสร้างขึ้นที่อยู่บนแนวคิดที่ว่า เพื่อเป็นการระบายตัวรถและอะไหล่ที่ค้างสต๊อกให้ออกไปมากที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยเปลี่ยนจากรถให้เป็นจำนวนเงินเข้ามาแทนที่ เนื่องจากบริษัทกำลังมีปัญหากับทางค่ายรถ Kawasaki
.
ทั้งนี้สำหรับความคิดส่วนตัวของผู้เขียน หากจะยกว่ารถรุ่นใดคือที่สุดของทางค่าย Kawasaki แล้ว ผู้เขียนขอยกให้แก่ตระกูล SE (2540) เนื่องจากรหัส SE ได้รับการออกแบบในส่วนต่างๆ ล้วนตั้งอยู่บนความตั้งใจที่ว่าจะสามารถต่อกรกับรถสปอร์ต 150 cc ค่ายอื่นๆ
.
สำหรับช่วงเวลาการเปิดตัว SE ต่อสื่อมวลชนอยู่ในเดือนธันวาคม 2539 หากที่จะหาคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดในเวลานั้นคงจะเป็นรุ่นอื่นใดไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เจ้า NSR 150SP (2539) สังเกตุได้ว่าทั้งคู่มีระยะเวลาการจัดจำหน่ายที่ไล่เลี่ยกัน
.
ถือว่าเป็นความตั้งใจของทาง Kawasaki ที่ส่งรหัส SE มาเพื่อต่อกรกับทาง NSR 150Sp โดยตรง ซึ่งด้วยเหตุผลนี้เองทำให้งานออกแบบในส่วนต่างๆ ของรถตระกูลนี้มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน ผิดกับรถในรหัส PDK ที่มีแนวคิดสร้างรถที่ตั้งอยู่บนการระบายตัวรถและอะไหล่ที่ค้างสต๊อก
.
เมื่อแนวคิดและจุดประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างมาก สำหรับรหัส SE กับ PDK จึงไม่ผิดแปลกอะไรที่ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนจึงยกให้กับตระกูล SE คือรหัสที่ดีที่สุดของทางค่าย Kawasaki โดยอยู่ในพิกัด สองจังหวะขนาดไม่เกิน 150 cc
.
หลังจากที่ทางบริษัท กลอรี่คาวาซากิ ได้ทำการปล่อยรถตระกูล PDK ในปี 2541 แล้ว ภายในปี 2542 ทาง Kawasaki ก็ได้ทำการเปิดตัวสปอร์ตสองจังหวะในรหัส ZX 150 โดยมีสิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการคือบริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งของทางค่ายรถ Kawasaki
.
.
หลังจากได้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างทางการแล้ว โจทย์ที่ยากที่สุดคือความไม่คุ้นชินกับตลาดรถจักรยานยนต์ในไทย อีกทั้งดันมาในช่วงเวลาขาลงของรถ 2 จังหวะแล้ว ซึ่งทิศทางตลาดกำลังเริ่มกลับมาสู่รถแม่บ้านอีกครั้ง
.
เมื่อสามารถจับทิศทางของกระแสรถในตลาดได้แล้ว ทาง คาวาซากิ มอเตอร์... ก็ได้เริ่มเดินเกมทำตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กทันที่ โดยได้ส่งรถแม่บ้านที่มีชื่อว่า Cheer 112 ตามด้วย Kaze 125 และปิดท้ายรถแม่บ้านด้วย Zx130
.
.
ทั้งนี้ คาวาซากิ มอเตอร์.. ก็ยังที่จะพอกู้ชื่อเสียงกลับมาได้บ้างในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก โดยรุ่นที่เป็นหน้าเป็นตาที่สุดนับตั้งแต่เข้าสู่ยุคสี่จังหวะคือรุ่น Ksr 110 และปิดท้ายตอกย้ำความลมเหลวด้วยรถในรหัส Z125