Kr150 SP Turbo Mag V1 (เทอร์โบแม็ก)
Kr150 SP (เทอร์โบแม็ก) ถูกจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปี 2533 โดยมีระยะเวลาห่างจาก Kr150R (2532) เพียง 1 ปี ซึ่งทาง Kawasaki ได้นำ Kr150R มาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็น Kr150 SP (เทอร์โบแม็ก) โดยสิ่งที่สามารถเห็นได้ชัดเจนที่สุดได้แก่ ล้อแม็ก
Kawasaki ได้เลือกล้อแม็กยี่ห้อ Enkai โดยมีความพิเศษตรงเป็นล้อสัญชาติญี่ปุ่น และยังมีลวดลายแม็กลักษณะเป็น 5 แฉก เปรียบเหมือนดัง “กังหันเจ็ทเทอร์โบ” ด้วยเหตุนี้ทำให้ทาง Kawasaki ได้ตั้งชื่อรุ่นว่า Kr150 SP “เทอร์โบแม็ก” ทั้งนี้มีสีทั้งหมด 3 สีได้แก่ เขียว แดง และ ดำ
Kr150 SP (เทอร์โบแม็ก) ยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ แคร้งเคสรีดวาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 148cc มีระยะชักที่ 57-54.4 มม และมีกำลังอัดอยู่ที่ 8.0: 1 พร้อมทั้งยังถูกควบคุมการทำงานด้วยระบบ KIPS (Kawasaki Integrated Power Valve System) ทั้งนี้สิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงมีเพียงแค่แรงม้าเท่านั้น โดยแรงม้าจาก 33 แรงม้ากลายเป็น 34 แรงม้า
สิ่งที่จะพูดถึง Kr150 SP (เทอร์โบแม็ก) คงเป็นเรื่องใดไม่ได้นอกจากเรื่องล้อแม็ก สำหรับล้อแม็กรุ่น “เทอร์โบแม็ก” ถูกผลิตขึ้นจากอลูมิเนียมอันลอยชนิดพิเศษ โดยวิธีการผลิตเป็นการฉีดอลูมิเนียมอันลอยชนิดพิเศษเข้าแบบและอัดขึ้นรูปด้วยแรงดันสูง ซึ่งทาง Kawasaki ได้รับประกันถึงความแข็งแกร่งเหนือวิธีการหล่อแบบธรรมดา รวมทั้งยังมีน้ำหนักเบาและสามารถรองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีส่วนต่างๆที่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับ Kr150 SP “เทอร์โบ แม็ก” โดยอ้างอิงจากเว็ป 2 Strokeclub ได้แก่
• ล้อซี่ลวดปรับเปลี่ยนเป็นล้อแม็กสีขาว แต่สำหรับในรุ่นสีดำเป็นล้อแม็กสีแดง โดยมีคำว่า Turbo Mag ติดอยู่ที่ล้อแม็กด้วย
• ดิสก์หน้าหลังเปลี่ยนเป็นลายกงจักร
• ตัวหนังสือ Turbo Mag ติดที่ไฟเลี้ยวหน้า
• กระจกมองข้างย้ายต่ำแหน่งมาติดตรงหน้ากากแทน
• ขนาดจานดิสก์หน้ากว้าง 260 มม. รูยึดน็อตเหลือ 5 รู
• ขนาดจานดิสก์หลังขนาด 220 มม. เปลี่ยนเป็นลายกงจักรสีดำ
• แรงม้าเพิ่มจาก 33 เป็น 34 แรงม้า
• เปลี่ยนปั๊มเบรคหน้าเป็นแบบใหม่ 2 ลูกสูบ
• ผ้าเบรคและขายึดปั๊มเบรคไม่เหมือน Kr150R
• ปั้มดิสก์เบรคหลังเพิ่มเป็น 2 ลูกสูบ และขายึดช่วงแรกเป็นสีดำ แต่ช่วงหลังเป็นสีเงิน
• พื้นเรือนไมล์เปลี่ยนลาย
• คอขวดท่อได้เปลี่ยนรูปแบบทำให้เสียงเงียบขึ้น
• ขายึดปั๊มเบรคช่วงแรกจะใช้สายรัดยึดสายน้ำมันเบรคแบบนี้ แต่ช่วงหลังจะมีห่วงคล้องมาให้
------------------------
Kr150 SP (V2) “หินแตก”
ถัดมาในปี 2534 (1991) ทาง Kawasaki ก็ได้ปล่อย Kr150 SP (V2) “หินแตก”
สำหรับชื่อรุ่นหินแตกมีที่มาจากลายสติกเกอร์ที่ช่วงท้ายรถมีลักษณะเหมือนกับหินแตกออกจากกัน
Kr150 SP (V2) ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2534 ในงาน “รวมน้ำใจสู่ชัยชนะ”
ทั้งนี้ทาง Kawasaki ได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง Kr150 SP (V2) ในส่วนหลักของรถ โดยเริ่มจากคาร์บูเรเตอร์แบบใหม่ Keihin PE28 และระบบไฟจุดระเบิด
Kr150 SP (V2) ยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 1 สูบ มีปริมาตรกระบอกสูบที่ 148cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ สามารถทำแรงม้าสูงสุดที่ 34 แรงม้า/10,500 รอบ/นาที และแรงบิดอยู่ที่ 2.4 กก.ม/10,500 รอบ/นาที การป้อนไอดีแบบแคร็งค์เคสรีดวาล์วและกล่องเก็บไอดีแบบพิเศษ Resonator รวมไปถึงเสื้อสูบอีเล็กซ์ที่มีความแข็งแกร่งและระบายความร้อนได้ดี รวมถึงทาง Kawasaki ยังรับประกันถึง 20.000 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ถูกเปลี่ยนแปลง โดยอ้างอิงจากเว็ป 2 Strokeclub ได้แก่
•ตัวหนังสือ Turbo Mag ที่ไฟเลี้ยวหน้าหายไป เหลือเพียงที่ล้อแม็กเท่านั้น
•ล้อแม็กสีขาวทุกรุ่น และกระจกมองข้างถูกเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่สำหรับรุ่นสีดำเท่านั้นที่กระจกจะเป็นสีดำ
•เฟรมกลมเล็กที่ใช้รองเครื่องเป็นสีดำ
------------
ณ. ช่วงเวลานั้น หากจะหาความโดดเด่นสะดุดตาในตระกูลรถขนาด 150cc แล้ว อาจพูดได้ว่า Kr150 Sp มีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งในเวลานั้นอย่างมาก โดยความโดดเด่นที่เด่นชัดสุดได้แก่ ล้อแม็ก
Kawasaki Kr150 Sp อาจถือได้ว่าเป็นผู้นำในการใช้ล้อแม็กแทนล้อซี่ลวด ในกลุ่มรถขนาด 150cc ในประเทศไทย
นอกจากนี้ หากย้อนกลับไปในปี 2526 ทาง Kawasaki ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์ที่เป็นล้อแม็กรุ่นแรกในประเทศไทย คือ "AR 125 E1"
หลังจากเปิดตัว Kr150 Sp ได้ไม่นาน ซึ่งส่งผลถึงทิศทางของรถขนาด 150cc ยี่ห้ออื่นๆ ในประเทศไทย ต้องถูกปรับเปลี่ยนเป็นล้อแม็กเช่นกัน โดยไล่เรียงจาก Nsr 150 RR (ตากลม) ในปี 2536 ตามด้วย Tzm ในปี 2537 และ RG GAMMA II 150 E ปิดท้าย
ความสวยงาม โดดเด่น สะดุดตาของ Kr150 Sp อาจต้องยอมแลกด้วยราคาค่าตัวที่แพงกว่าคู่แข่งในเวลานั้นอยู่พอประมาณ
แม้ราคาจะแพงกว่าคู่แข่งค่ายอื่นๆ แต่สิ่งที่สามารถยืนยันถึงความสำเร็จของ Kr150 Sp ได้คือ ยังสามารถพบเจอ Kr150 Sp ที่ยังคงโลดแล่นอยู่บนท้องถนนในยุคปัจจุบันเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุเหล่านี้อาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสำเร็จของ Kr150 Sp แม้ปัจจุบันส่วนใหญ่ได้ปรับเปลี่ยนจากล้อแม็กไปใช้ล้อซี่ล้วน ด้วยเหตุผลเรื่องน้ำหนักล้อซี่ลวดที่เบากว่าของล้อแม็กก็ตาม
แหล่งข้อมูล
https://www.2strokeclub.com/smf/index.php?topic=70201.0
https://www.facebook.com/groups/724093804294820
https://www.facebook.com/groups/2tspec
ขอฝากเพจหน่อยครับ
https://www.facebook.com/ต้นรถเป็นอะไรอะ-451481885345798
Kr150 SP Turbo Mag V1 / V2 ( จุดเริ่มกระแสล้อแม็กในรถขนาด 150 cc )
Kr150 SP (เทอร์โบแม็ก) ถูกจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปี 2533 โดยมีระยะเวลาห่างจาก Kr150R (2532) เพียง 1 ปี ซึ่งทาง Kawasaki ได้นำ Kr150R มาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็น Kr150 SP (เทอร์โบแม็ก) โดยสิ่งที่สามารถเห็นได้ชัดเจนที่สุดได้แก่ ล้อแม็ก
Kawasaki ได้เลือกล้อแม็กยี่ห้อ Enkai โดยมีความพิเศษตรงเป็นล้อสัญชาติญี่ปุ่น และยังมีลวดลายแม็กลักษณะเป็น 5 แฉก เปรียบเหมือนดัง “กังหันเจ็ทเทอร์โบ” ด้วยเหตุนี้ทำให้ทาง Kawasaki ได้ตั้งชื่อรุ่นว่า Kr150 SP “เทอร์โบแม็ก” ทั้งนี้มีสีทั้งหมด 3 สีได้แก่ เขียว แดง และ ดำ
Kr150 SP (เทอร์โบแม็ก) ยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ แคร้งเคสรีดวาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 148cc มีระยะชักที่ 57-54.4 มม และมีกำลังอัดอยู่ที่ 8.0: 1 พร้อมทั้งยังถูกควบคุมการทำงานด้วยระบบ KIPS (Kawasaki Integrated Power Valve System) ทั้งนี้สิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงมีเพียงแค่แรงม้าเท่านั้น โดยแรงม้าจาก 33 แรงม้ากลายเป็น 34 แรงม้า
สิ่งที่จะพูดถึง Kr150 SP (เทอร์โบแม็ก) คงเป็นเรื่องใดไม่ได้นอกจากเรื่องล้อแม็ก สำหรับล้อแม็กรุ่น “เทอร์โบแม็ก” ถูกผลิตขึ้นจากอลูมิเนียมอันลอยชนิดพิเศษ โดยวิธีการผลิตเป็นการฉีดอลูมิเนียมอันลอยชนิดพิเศษเข้าแบบและอัดขึ้นรูปด้วยแรงดันสูง ซึ่งทาง Kawasaki ได้รับประกันถึงความแข็งแกร่งเหนือวิธีการหล่อแบบธรรมดา รวมทั้งยังมีน้ำหนักเบาและสามารถรองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีส่วนต่างๆที่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับ Kr150 SP “เทอร์โบ แม็ก” โดยอ้างอิงจากเว็ป 2 Strokeclub ได้แก่
• ล้อซี่ลวดปรับเปลี่ยนเป็นล้อแม็กสีขาว แต่สำหรับในรุ่นสีดำเป็นล้อแม็กสีแดง โดยมีคำว่า Turbo Mag ติดอยู่ที่ล้อแม็กด้วย
• ดิสก์หน้าหลังเปลี่ยนเป็นลายกงจักร
• ตัวหนังสือ Turbo Mag ติดที่ไฟเลี้ยวหน้า
• กระจกมองข้างย้ายต่ำแหน่งมาติดตรงหน้ากากแทน
• ขนาดจานดิสก์หน้ากว้าง 260 มม. รูยึดน็อตเหลือ 5 รู
• ขนาดจานดิสก์หลังขนาด 220 มม. เปลี่ยนเป็นลายกงจักรสีดำ
• แรงม้าเพิ่มจาก 33 เป็น 34 แรงม้า
• เปลี่ยนปั๊มเบรคหน้าเป็นแบบใหม่ 2 ลูกสูบ
• ผ้าเบรคและขายึดปั๊มเบรคไม่เหมือน Kr150R
• ปั้มดิสก์เบรคหลังเพิ่มเป็น 2 ลูกสูบ และขายึดช่วงแรกเป็นสีดำ แต่ช่วงหลังเป็นสีเงิน
• พื้นเรือนไมล์เปลี่ยนลาย
• คอขวดท่อได้เปลี่ยนรูปแบบทำให้เสียงเงียบขึ้น
• ขายึดปั๊มเบรคช่วงแรกจะใช้สายรัดยึดสายน้ำมันเบรคแบบนี้ แต่ช่วงหลังจะมีห่วงคล้องมาให้
------------------------
Kr150 SP (V2) “หินแตก”
ถัดมาในปี 2534 (1991) ทาง Kawasaki ก็ได้ปล่อย Kr150 SP (V2) “หินแตก”
สำหรับชื่อรุ่นหินแตกมีที่มาจากลายสติกเกอร์ที่ช่วงท้ายรถมีลักษณะเหมือนกับหินแตกออกจากกัน
Kr150 SP (V2) ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2534 ในงาน “รวมน้ำใจสู่ชัยชนะ”
ทั้งนี้ทาง Kawasaki ได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง Kr150 SP (V2) ในส่วนหลักของรถ โดยเริ่มจากคาร์บูเรเตอร์แบบใหม่ Keihin PE28 และระบบไฟจุดระเบิด
Kr150 SP (V2) ยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 1 สูบ มีปริมาตรกระบอกสูบที่ 148cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ สามารถทำแรงม้าสูงสุดที่ 34 แรงม้า/10,500 รอบ/นาที และแรงบิดอยู่ที่ 2.4 กก.ม/10,500 รอบ/นาที การป้อนไอดีแบบแคร็งค์เคสรีดวาล์วและกล่องเก็บไอดีแบบพิเศษ Resonator รวมไปถึงเสื้อสูบอีเล็กซ์ที่มีความแข็งแกร่งและระบายความร้อนได้ดี รวมถึงทาง Kawasaki ยังรับประกันถึง 20.000 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ถูกเปลี่ยนแปลง โดยอ้างอิงจากเว็ป 2 Strokeclub ได้แก่
•ตัวหนังสือ Turbo Mag ที่ไฟเลี้ยวหน้าหายไป เหลือเพียงที่ล้อแม็กเท่านั้น
•ล้อแม็กสีขาวทุกรุ่น และกระจกมองข้างถูกเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่สำหรับรุ่นสีดำเท่านั้นที่กระจกจะเป็นสีดำ
•เฟรมกลมเล็กที่ใช้รองเครื่องเป็นสีดำ
------------
ณ. ช่วงเวลานั้น หากจะหาความโดดเด่นสะดุดตาในตระกูลรถขนาด 150cc แล้ว อาจพูดได้ว่า Kr150 Sp มีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งในเวลานั้นอย่างมาก โดยความโดดเด่นที่เด่นชัดสุดได้แก่ ล้อแม็ก
Kawasaki Kr150 Sp อาจถือได้ว่าเป็นผู้นำในการใช้ล้อแม็กแทนล้อซี่ลวด ในกลุ่มรถขนาด 150cc ในประเทศไทย
นอกจากนี้ หากย้อนกลับไปในปี 2526 ทาง Kawasaki ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์ที่เป็นล้อแม็กรุ่นแรกในประเทศไทย คือ "AR 125 E1"
หลังจากเปิดตัว Kr150 Sp ได้ไม่นาน ซึ่งส่งผลถึงทิศทางของรถขนาด 150cc ยี่ห้ออื่นๆ ในประเทศไทย ต้องถูกปรับเปลี่ยนเป็นล้อแม็กเช่นกัน โดยไล่เรียงจาก Nsr 150 RR (ตากลม) ในปี 2536 ตามด้วย Tzm ในปี 2537 และ RG GAMMA II 150 E ปิดท้าย
ความสวยงาม โดดเด่น สะดุดตาของ Kr150 Sp อาจต้องยอมแลกด้วยราคาค่าตัวที่แพงกว่าคู่แข่งในเวลานั้นอยู่พอประมาณ
แม้ราคาจะแพงกว่าคู่แข่งค่ายอื่นๆ แต่สิ่งที่สามารถยืนยันถึงความสำเร็จของ Kr150 Sp ได้คือ ยังสามารถพบเจอ Kr150 Sp ที่ยังคงโลดแล่นอยู่บนท้องถนนในยุคปัจจุบันเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุเหล่านี้อาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสำเร็จของ Kr150 Sp แม้ปัจจุบันส่วนใหญ่ได้ปรับเปลี่ยนจากล้อแม็กไปใช้ล้อซี่ล้วน ด้วยเหตุผลเรื่องน้ำหนักล้อซี่ลวดที่เบากว่าของล้อแม็กก็ตาม
แหล่งข้อมูล
https://www.2strokeclub.com/smf/index.php?topic=70201.0
https://www.facebook.com/groups/724093804294820
https://www.facebook.com/groups/2tspec
ขอฝากเพจหน่อยครับ
https://www.facebook.com/ต้นรถเป็นอะไรอะ-451481885345798