บทที่ 10
https://pantip.com/topic/38544801

สโรชินสะกดความประหม่าอยู่พักใหญ่ค่อยรับสาย จู่ๆความน้อยใจก็ปะทุขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เสียงที่พูดออกไปยังสะท้านไปด้วยความรู้สึก
“คุณหายไปไหนมา...”
......................................
“ก็...หายไปให้ใครบางคนคิดถึง” เสียงนุ่มปลายสายหยอกเย้าอย่างอารมณ์ดี แต่หญิงสาวยอมไม่เล่นด้วย เพราะอารมณ์น้อยใจยังระอุครุกรุ่นในความรู้สึก
“ถ้าคุณไม่ตอบดีๆ ฉันจะวางสาย และดึงสายโทรศัพท์ออก จะได้ไม่ต้องเป็นตัวตลกให้คุณมาคอยปั่นหัวเล่น”
“เอ้อ ดึงสายโทรศัพท์ออกแล้วเพื่อนคุณจะติดต่อมาได้ยังไงล่ะครับ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงสัญญาณโทรศัพท์สายอื่นยังไม่มีหรอกครับ เพราะผมใช้ความสามารถในเกม ตัดสัญญาณเพื่อนคุณไปเกลี้ยงแล้ว”
“คุณนี่...”
คุณสมบัติประเภทเจ้าเล่ห์ ร้ายกาจ ลอยอบอวลมากับคลื่นเสียง แทบจะเห็นรอยยิ้มพราวในดวงตาชวนให้น่าโมโห แต่แล้วก็ค่อยจางหาย เมื่อเขาเอ่ยขึ้นมาใหม่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอโทษนะครับ ผมคิดถึงคุณจนทนรอให้เพื่อนคุณวางสายไม่ไหว ที่หายไป เพราะผมถูกรถชน ต้องไปนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน พยาบาลไม่ยอมให้ผมกลับบ้านต้องอยู่ที่นั่นนานเลย ผมติดต่อคุณไม่ได้ เพิ่งรู้ว่าถ้าจะติดต่อกับคุณ ก็ต้องใช้โทรศัพท์โทรจากห้องของผม โทรเมื่อเล่นเกมเท่านั้น ไม่สามารถใช้โทรศัพท์เครื่องอื่นหรือที่อื่นได้เลย พอกลับมาถึงห้อง สิ่งแรกที่ผมทำคือรีบเปิดคอมพิวเตอร์ เข้าระบบเล่นเกมเพื่อจะได้รีบมาแจ้งข่าวคุณ เห็นคุณกำลังคุยอยู่กับเพื่อน ตั้งใจจะรอให้เพื่อนคุณวางสายเสียก่อน แต่ก็ด้วยความเห็นแก่ตัวของผมนี่แหละ เลยขอแทรกมาคุยกับคุณก่อน”
สโรชินใจอ่อนยวบตั้งแต่รู้ว่าเขาถูกรถชน นึกภาพแล้วชวนให้น่าตกใจ ที่สารภาพตามมานั้นทำให้ใจฟูฟ่องขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียวสินะ เขาเองก็คิดถึงเธอเหมือนกันจนสามารถรับรู้ได้ในคำพูด และฟังดูแล้วเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ กับการ”หายเสียง” ของชายหนุ่ม ว่าไม่ได้เป็นการจงใจหายหรือไม่ใส่ใจ
“แล้วตอนนี้ คุณหายดีหรือยังคะ อาการของคุณเป็นยังไงบ้าง” ถึงยังมีอารมณ์น้อยใจค้างคาอยู่ในความรู้สึกตามความเฉื่อยทางอารมณ์ ก็อดเป็นห่วงอาการของคนถูกรถชนไม่ได้
“ก็... ยังมีแผลถลอก ช้ำในนิดหน่อยครับ ช่างเถอะ ผมไม่เป็นไรแล้ว ไม่กระทบกระเทือนต่อความหล่ออันทนทานของผม ว่าแต่คุณหิวไหม เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทาน มีเมนูเด็ดๆ มาด้วยละครับคราวนี้ ผมคิดได้ตอนนอนอยู่โรงพยาบาล”
สำเนียงของเขามีแววห่วงใยจริงๆ ทั้งที่ตัวเองเพิ่งออกจากโรงพยาบาล เดาได้เลยว่าเขายังไม่ได้หาอาหารใส่ท้องเพราะมัวแต่ห่วงเกม ยังมีหน้ามาทำเป็นห่วงการอยู่การกินของคนอื่นอีก แม้จะพยายามคิดไปในทางพาลๆ แต่ขอบตากลับรื้นไปด้วยน้ำใส คนอะไรไม่รู้จักเป็นห่วงตัวเองบ้างเลย มันน่านักเชียว... น่าจะหยิกให้เนื้อเขียวเสียให้เข็ด
“อืม... ไม่หิวเท่าไหร่หรอกค่ะ แล้วคุณล่ะคะ ทานอะไรมาหรือยัง”
“ยังเลยครับ ผมเป็นห่วงคุณเลยรีบมา เดี๋ยวผมหาอะไรในเกมส่งไปให้คุณทานก่อน”
“ไม่เอาล่ะ คุณคงไม่เคยทานอาหารที่ตัวเองส่งมาให้ฉันเลยสิคะ” พูดแล้วหญิงสาวก็อดยิ้มไม่ได้ เมื่อนึกถึงรสชาติอาหารจานแรกที่สักกะทำส่งมาให้
“เอ้อ... จริงด้วยสิครับ อย่าบอกนะว่า รสชาติไม่ได้เรื่องเลย” น้ำเสียงแบบคนเริ่มใจเสีย
“อื้อ ค่ะ บอกเลยล่ะว่าครั้งแรกไม่ได้เรื่องเลย” สโรชินตอบสั้นๆ ชัดถ้อยชัดคำ ได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะเขินๆแบบไม่เต็มเสียง
“ขอโทษครับ จะให้ผมแก้ตัวยังไงดี”
“คุณก็ทำเองดูก่อนสิคะ ชิมเองก่อน แล้วค่อยส่งผ่านเกมมาให้ฉันสิคะ”
“เอ้อ ทำอย่างนั้นได้ไหม เดี๋ยวผมขอลองถามเกมดูก่อน”
สโรชินรอคำตอบด้วยอาการอมยิ้ม เกมคงไม่เลิศลอยเก่งกาจขนาดเคลื่อนย้ายมวลสารจากมิติหนึ่งมายังอีกมิติหนึ่งได้หรอกนะ อย่างไรก็ตามความสุขใจที่จางหายไปเริ่มกลับคืนมาแล้ว สักพักหนึ่งเสียงของสักกะก็อ่อยๆ มาตามสายฟังแล้วรู้สึกทั้งขำทั้งสงสาร
“ไม่ได้ครับ เกมไม่ยอมให้ผมรู้รสชาติของอาหารที่ผมทำว่าเป็นยังไง ใจร้ายมากเลย มีทางเดียวคือทำแล้วผมต้องมาชิมฝีมือตัวเองที่บ้านคุณ”
“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้หรอกค่ะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณลองทำอาหารจริงๆ ที่บ้านดูอีกทีสิคะ””
“เดี๋ยวสิครับ โธ่... ผมทำอาหารเป็นซะที่ไหน” เสียงอุทธรณ์ของชายหนุ่มทำให้สโรชินอดขำอีกครั้งไม่ได้ เพราะเรื่องง่ายๆ สำหรับเธอ ดูเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสกับเขาเหลือเกิน แต่ก็พอเข้าใจว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ได้มีฝีมือหรือความชำนาญเรื่องการทำอาหารมากนัก
“ก็ใครให้คุณทำคนเดียวล่ะคะ ฉันน่ะ นักเรียนเกรดสี่คหกรรมเชียวนะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะคะ ฉันบอกสูตรบอกวิธีทำให้ แล้วคุณค่อยๆทำตามที่บ้านคุณนั่นล่ะค่ะ...ตู้เย็นที่บ้านมีอะไรไหมคะที่พอจะนำมาทำอาหารได้”
“มีน้ำเปล่าครับ ตั้งหลายขวด คงพอทำอาหารได้หลายจาน”
สโรชินเกือบหลุดปากคำว่า คนบ้า.. ออกไปแล้ว พอดีได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆมาตามสายอย่างคนมีอารมณ์ขันกับคำพูดของตัวเอง นั่นก็ทำให้เธอยิ้มได้เหมือนกัน และพอจะจินตนาการถึงสภาพในตู้เย็นของหนุ่มผู้อยู่เพียงลำพังได้ว่าจะอัตขัดขัดสนวัตถุดิบในการทำอาหารขนาดไหน
“หัดซื้ออะไรติดตู้เย็นไว้บ้างนะคะ จะได้ทำอาหารกินเองได้” เธอแนะนำ
“เอาจริงหรือครับ”
“แน่นอนค่ะ”
“ได้เลย ถ้าคุณยืนยัน พรุ่งนี้ผมจะซื้อของมาใส่ตู้เย็นไว้เลย แต่วันนี้ขอคุยกับคุณก่อนนะครับ ไม่ได้คุยมานานแล้ว”
เย็นย่ำของวันนั้น ชายหนุ่มหญิงสาวต่างมิติติดต่อสื่อสารกันจนเกือบค่อนคืนราวกับชดเชยวันเวลาที่ขาดหายไป วงล้อแห่งความสุขใจหมุนวนหวนกลับมาอีกครั้ง น่าแปลกที่เกมไม่โผล่หน้ากลมของมันมาขัดจังหวะ ราวกับจะชดเชยเวลาที่เสียไป
สักกะไม่ลืมที่จะสารภาพส่งท้ายก่อนลากันไปนอน
“เชื่อไหมครับ ก่อนโดนรถชน ผมเห็นคุณด้วยล่ะ”
“เอ๋?...”
“คุณใส่ชุดสีขาว เสื้อคลุมสีแดง กำลังพาคนแก่ข้ามถนนที่ป้ายรถเมล์ ที่สำคัญ คุณไม่ได้ตาบอด เดินคล่องปร๋อ ชนิดที่ผมมัวแต่อึ้ง แล้ววิ่งตามคุณไม่ทัน เลยโดนรถชนเข้า”
“ฉันที่คุณเห็น ไม่ได้ตาบอด?” เสียงของหญิงสาวแสดงความแปลกใจชัดเจน
“ครับ คิดดูสิว่าอาการหนักขนาดไหน ผมถึงได้ตาฝาดขนาดนั้น แม้แต่ตอนไปนอนโรงพยาบาล ผมก็ยังคิดไปได้ว่าพยาบาลที่มาดูแลผม เป็นคุณ นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ทำให้ผมต้องรีบกลับมาห้องพัก มาดูคุณให้แน่ใจ ว่าคุณยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หายไปไหน”
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวนิ่งอึ้งพร้อมกับการคิดอะไรในใจ ลางสังหรณ์เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนถนนสายนั้นเป็นจริงหรืออย่างไร คิดดูแล้วช่างคล้ายกับหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งว่าก่อนเกิดเหตุร้ายจะมีลางสังหรณ์หรือสัญญาณบางอย่างบอกใบ้ให้รู้ก่อนเสมอ อยากจะคิดเลยเถิดไปว่าคนโดนรถชนในวันนั้นอาจเป็นสักกะแต่เป็นไปไม่ได้แน่นอน
วันเวลาแตกต่างห่างกันตั้งห้าปี จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะถ้าเป็นไปได้ก็ต้องหมายถึงว่ามีสโรชินสองคนอยู่บนถนนในเวลาเดียวกัน ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
“คุณเป็นอะไร ทำไมต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างนั้น ถึงจะหวั่นไหวไปกับพยาบาลสาวมือนุ่มๆ กลิ่นตัวหอมๆไปบ้าง แต่ผมก็กลับมาหาคุณแล้วนี่ครับ ไม่ต้องหึงผมนะครับ”
“นี่คุณ!...แล้วฉันบอกตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ว่าฉันหึงคุณ” หญิงสาวแสร้งทำเสียงดุ แต่ปลายสายเหมือนจะรู้ทัน ยังพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
“ไม่รู้สิครับ หรือว่า เกิดจากการที่ผมผ่านประสบการณ์การตาบอดมาแล้ว เลยจับความรู้สึกของคุณได้บ้าง คุณอาจไม่รู้ตัวเท่านั้นว่าคุณหึงผม”
คนบ้า...คิดไปเองแท้ๆ... สโรชินนึกในใจ แต่ปล่อยให้เขาคิดอย่างนั้นไปก็ดีแล้วล่ะ ได้ยินน้ำเสียงร่าเริงมีความสุขจากอีกปลายสายก็พอใจแล้ว
“วันนี้พอแค่นี้ดีกว่านะคะ คุณเพิ่งออกจากโรงพยาบาล พักผ่อนเยอะๆดีกว่า”
“ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปหางานต่อ ถ้าผมหายไปอีก คุณเดาได้เลย ไม่โดนรถชน ตกท่อ ตกสะพาน ก็หัวใจวาย นอกนั้น ถ้าพอจะขยับตัวได้ ผมจะกระ....กระสนกลับห้องให้ได้ คุณจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง และโปรดอย่าได้คิดว่าผมหลบลี้หนีหน้าไม่อยากคุยกับคุณนะครับ”
“เรื่องอะไรไปแช่งตัวเองอย่างนั้น ไปนอนเถอะค่ะ”
“ครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
สโรชินวางสาย ก่อนจะขยับไปปิดสวิตซ์ไฟ เข้านอนคืนนี้คงฝันดีกว่าคืนไหนๆ อย่างน้อย ความคิดถึงก็ได้ส่งผ่านไปให้เขารับรู้ และเธอก็ได้รับรู้ว่าเขาก็คิดถึงเธออยู่เช่นกัน
ความรู้สึกถวิลหาจางหายไป ไอรักกรุ่นกำจายมาแทนที่
พรุ่งนี้คงดีกว่าทุกวันที่ผ่านมาล่ะนะ...
หลังจากวางโทรศัพท์แล้วสักกะเอนหลังพิงเก้าอี้คอมพิวเตอร์มือประสานท้ายทอยในลักษณะตามสบาย จ้องมองจอคอมพิวเตอร์เนิ่นนาน
ก็แน่ล่ะ...สโรชินวางสายโทรศัพท์ปิดไฟเข้านอน เธอต้องการให้เขาไปพักผ่อนหลับนอน แต่เขายังข่มตาไม่ลง ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มยินดี และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นแสนวิเศษชนิดหนึ่งยังระอุคุกรุ่นอยู่ในความรู้สึก อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
เมื่อหญิงสาวเข้านอน เกมก็ไม่ตอบสนองอะไรอีก เหมือนว่าตัวเกมเองก็ปิดตัวเองลงชั่วคราวเช่นกัน ปุ่มคำสั่งต่างๆ หายไปเกือบหมดเหลือเฉพาะปุ่มที่จำเป็น ชายหนุ่มไม่ค่อยกังวลเรื่องความปลอดภัยของเธอมากนัก เพราะแน่ใจว่าตรวจสอบติดตั้งจัดการระบบความปลอดภัยให้เธอเป็นอย่างดี สุนัขพันธุ์ดุตัวใหญ่คอยตรวจสอบความปลอดภัยพร้อมจะกระโจนออกมาจากความว่างเปล่า เข้าขย้ำคอผู้บุกรุกที่มีเจตนาร้าย รวมทั้งกับดักต่างๆ ที่เกมยอมให้มีได้ ทั้งกระแสไฟฟ้า แสงเลเซอร์ ซึ่งจะมีผลเฉพาะกับผู้บุกรุกเท่านั้น ไม่ว่าใครบุกเข้ามาคิดร้ายมันต้องเจอดี
เธอจะต้องปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของเทพผู้พิทักษ์คนนี้
ใช่...ก็มันเป็นเกม สามารถควบคุมหรือออกคำสั่งได้อยู่แล้ว ถ้ามีอยู่ในเงื่อนไขของตัวเกม สายตามองจอคอมพิวเตอร์ แต่ความคิดกลับล่องลอยไปกับจินตนาการ สโรชิน คุณนอนหลับหรือยังนะ จะคิดถึงผมเหมือนที่ผมคิดถึงคุณบ้างไหม... คุณหลับอยู่เพียงลำพังทุกคืนจะรู้สึกเหงาแค่ไหน คุณต้องรู้สึกเหงาแน่นอนไม่มากก็น้อย แต่คุณจะซ่อนความเหงานั้นเอาไว้ภายใต้สีหน้าท่าทางเข้มแข็ง วันไหนคุณฝันร้ายแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมความหวาดกลัวกลางดึกอย่างโดดเดี่ยวจะทำยังไง ผมเป็นห่วงและอยากอยู่ใกล้ๆ เพื่อจะได้คอยปลอบใจคุณ ให้อุ่นใจและหายหวาดกลัว ไม่...! ผมจะไม่ฉวยโอกาสลามปามกับคุณอย่างเด็ดขาดไว้ใจได้เลยกับเรื่องนี้ ได้ดูแลคุณผมก็มีความสุขแล้ว
บางทีคุณอาจจะหลับไปแล้ว ไม่สิ..คุณอาจจะยังไม่หลับ อย่างน้อยคุณน่าจะคิดถึงผมก่อนนอนบ้าง เพราะผมเองยังคิดถึงและเป็นห่วงคุณ
ชายหนุ่มนั่งอาลัยอาวรณ์กับหน้าจอเป็นเวลานานก่อนจะลุกไปหยิบตำราทำอาหารมาพลิกๆดูทั้งที่เริ่มรู้สึกง่วง เพราะตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลก็ยังไม่ได้พักผ่อนเลย พอมาถึงห้องก็กระโจนเข้าหาคอมพิวเตอร์เป็นอันดับแรกชนิดจะเรียกว่าหายใจหายคอไม่ทันก็เป็นได้ แทบไม่ได้ตอบคำถามด้วยความเป็นห่วงของคุณป้าผู้ดูแลความทำความสะอาดห้องพักให้เป็นประจำด้วยความถูกนิสัยใจคอกัน ซึ่งพอเห็นหน้าก็มีท่าทางดีอกดีใจรีบเข้ามาทักทายซักถาม
เขารู้ว่าตำราทำอาหารพวกนี้ไม่ได้บอกเคล็ดลับในการทำอาหาร ก็ใครล่ะจะบอกไม้ตายของตนเองจนหมดไส้หมดพุง แต่มันก็ช่วยให้มีความรู้พื้นฐานของการทำอาหารมากขึ้นพอสมควร
.
เกมรักพิศวง 11... เธอรอ เขาไม่ลืม
https://pantip.com/topic/38544801
สโรชินสะกดความประหม่าอยู่พักใหญ่ค่อยรับสาย จู่ๆความน้อยใจก็ปะทุขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เสียงที่พูดออกไปยังสะท้านไปด้วยความรู้สึก
“คุณหายไปไหนมา...”
......................................
“ก็...หายไปให้ใครบางคนคิดถึง” เสียงนุ่มปลายสายหยอกเย้าอย่างอารมณ์ดี แต่หญิงสาวยอมไม่เล่นด้วย เพราะอารมณ์น้อยใจยังระอุครุกรุ่นในความรู้สึก
“ถ้าคุณไม่ตอบดีๆ ฉันจะวางสาย และดึงสายโทรศัพท์ออก จะได้ไม่ต้องเป็นตัวตลกให้คุณมาคอยปั่นหัวเล่น”
“เอ้อ ดึงสายโทรศัพท์ออกแล้วเพื่อนคุณจะติดต่อมาได้ยังไงล่ะครับ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงสัญญาณโทรศัพท์สายอื่นยังไม่มีหรอกครับ เพราะผมใช้ความสามารถในเกม ตัดสัญญาณเพื่อนคุณไปเกลี้ยงแล้ว”
“คุณนี่...”
คุณสมบัติประเภทเจ้าเล่ห์ ร้ายกาจ ลอยอบอวลมากับคลื่นเสียง แทบจะเห็นรอยยิ้มพราวในดวงตาชวนให้น่าโมโห แต่แล้วก็ค่อยจางหาย เมื่อเขาเอ่ยขึ้นมาใหม่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอโทษนะครับ ผมคิดถึงคุณจนทนรอให้เพื่อนคุณวางสายไม่ไหว ที่หายไป เพราะผมถูกรถชน ต้องไปนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน พยาบาลไม่ยอมให้ผมกลับบ้านต้องอยู่ที่นั่นนานเลย ผมติดต่อคุณไม่ได้ เพิ่งรู้ว่าถ้าจะติดต่อกับคุณ ก็ต้องใช้โทรศัพท์โทรจากห้องของผม โทรเมื่อเล่นเกมเท่านั้น ไม่สามารถใช้โทรศัพท์เครื่องอื่นหรือที่อื่นได้เลย พอกลับมาถึงห้อง สิ่งแรกที่ผมทำคือรีบเปิดคอมพิวเตอร์ เข้าระบบเล่นเกมเพื่อจะได้รีบมาแจ้งข่าวคุณ เห็นคุณกำลังคุยอยู่กับเพื่อน ตั้งใจจะรอให้เพื่อนคุณวางสายเสียก่อน แต่ก็ด้วยความเห็นแก่ตัวของผมนี่แหละ เลยขอแทรกมาคุยกับคุณก่อน”
สโรชินใจอ่อนยวบตั้งแต่รู้ว่าเขาถูกรถชน นึกภาพแล้วชวนให้น่าตกใจ ที่สารภาพตามมานั้นทำให้ใจฟูฟ่องขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้คิดไปเองฝ่ายเดียวสินะ เขาเองก็คิดถึงเธอเหมือนกันจนสามารถรับรู้ได้ในคำพูด และฟังดูแล้วเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ กับการ”หายเสียง” ของชายหนุ่ม ว่าไม่ได้เป็นการจงใจหายหรือไม่ใส่ใจ
“แล้วตอนนี้ คุณหายดีหรือยังคะ อาการของคุณเป็นยังไงบ้าง” ถึงยังมีอารมณ์น้อยใจค้างคาอยู่ในความรู้สึกตามความเฉื่อยทางอารมณ์ ก็อดเป็นห่วงอาการของคนถูกรถชนไม่ได้
“ก็... ยังมีแผลถลอก ช้ำในนิดหน่อยครับ ช่างเถอะ ผมไม่เป็นไรแล้ว ไม่กระทบกระเทือนต่อความหล่ออันทนทานของผม ว่าแต่คุณหิวไหม เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทาน มีเมนูเด็ดๆ มาด้วยละครับคราวนี้ ผมคิดได้ตอนนอนอยู่โรงพยาบาล”
สำเนียงของเขามีแววห่วงใยจริงๆ ทั้งที่ตัวเองเพิ่งออกจากโรงพยาบาล เดาได้เลยว่าเขายังไม่ได้หาอาหารใส่ท้องเพราะมัวแต่ห่วงเกม ยังมีหน้ามาทำเป็นห่วงการอยู่การกินของคนอื่นอีก แม้จะพยายามคิดไปในทางพาลๆ แต่ขอบตากลับรื้นไปด้วยน้ำใส คนอะไรไม่รู้จักเป็นห่วงตัวเองบ้างเลย มันน่านักเชียว... น่าจะหยิกให้เนื้อเขียวเสียให้เข็ด
“อืม... ไม่หิวเท่าไหร่หรอกค่ะ แล้วคุณล่ะคะ ทานอะไรมาหรือยัง”
“ยังเลยครับ ผมเป็นห่วงคุณเลยรีบมา เดี๋ยวผมหาอะไรในเกมส่งไปให้คุณทานก่อน”
“ไม่เอาล่ะ คุณคงไม่เคยทานอาหารที่ตัวเองส่งมาให้ฉันเลยสิคะ” พูดแล้วหญิงสาวก็อดยิ้มไม่ได้ เมื่อนึกถึงรสชาติอาหารจานแรกที่สักกะทำส่งมาให้
“เอ้อ... จริงด้วยสิครับ อย่าบอกนะว่า รสชาติไม่ได้เรื่องเลย” น้ำเสียงแบบคนเริ่มใจเสีย
“อื้อ ค่ะ บอกเลยล่ะว่าครั้งแรกไม่ได้เรื่องเลย” สโรชินตอบสั้นๆ ชัดถ้อยชัดคำ ได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะเขินๆแบบไม่เต็มเสียง
“ขอโทษครับ จะให้ผมแก้ตัวยังไงดี”
“คุณก็ทำเองดูก่อนสิคะ ชิมเองก่อน แล้วค่อยส่งผ่านเกมมาให้ฉันสิคะ”
“เอ้อ ทำอย่างนั้นได้ไหม เดี๋ยวผมขอลองถามเกมดูก่อน”
สโรชินรอคำตอบด้วยอาการอมยิ้ม เกมคงไม่เลิศลอยเก่งกาจขนาดเคลื่อนย้ายมวลสารจากมิติหนึ่งมายังอีกมิติหนึ่งได้หรอกนะ อย่างไรก็ตามความสุขใจที่จางหายไปเริ่มกลับคืนมาแล้ว สักพักหนึ่งเสียงของสักกะก็อ่อยๆ มาตามสายฟังแล้วรู้สึกทั้งขำทั้งสงสาร
“ไม่ได้ครับ เกมไม่ยอมให้ผมรู้รสชาติของอาหารที่ผมทำว่าเป็นยังไง ใจร้ายมากเลย มีทางเดียวคือทำแล้วผมต้องมาชิมฝีมือตัวเองที่บ้านคุณ”
“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้หรอกค่ะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณลองทำอาหารจริงๆ ที่บ้านดูอีกทีสิคะ””
“เดี๋ยวสิครับ โธ่... ผมทำอาหารเป็นซะที่ไหน” เสียงอุทธรณ์ของชายหนุ่มทำให้สโรชินอดขำอีกครั้งไม่ได้ เพราะเรื่องง่ายๆ สำหรับเธอ ดูเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสกับเขาเหลือเกิน แต่ก็พอเข้าใจว่าผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ได้มีฝีมือหรือความชำนาญเรื่องการทำอาหารมากนัก
“ก็ใครให้คุณทำคนเดียวล่ะคะ ฉันน่ะ นักเรียนเกรดสี่คหกรรมเชียวนะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะคะ ฉันบอกสูตรบอกวิธีทำให้ แล้วคุณค่อยๆทำตามที่บ้านคุณนั่นล่ะค่ะ...ตู้เย็นที่บ้านมีอะไรไหมคะที่พอจะนำมาทำอาหารได้”
“มีน้ำเปล่าครับ ตั้งหลายขวด คงพอทำอาหารได้หลายจาน”
สโรชินเกือบหลุดปากคำว่า คนบ้า.. ออกไปแล้ว พอดีได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆมาตามสายอย่างคนมีอารมณ์ขันกับคำพูดของตัวเอง นั่นก็ทำให้เธอยิ้มได้เหมือนกัน และพอจะจินตนาการถึงสภาพในตู้เย็นของหนุ่มผู้อยู่เพียงลำพังได้ว่าจะอัตขัดขัดสนวัตถุดิบในการทำอาหารขนาดไหน
“หัดซื้ออะไรติดตู้เย็นไว้บ้างนะคะ จะได้ทำอาหารกินเองได้” เธอแนะนำ
“เอาจริงหรือครับ”
“แน่นอนค่ะ”
“ได้เลย ถ้าคุณยืนยัน พรุ่งนี้ผมจะซื้อของมาใส่ตู้เย็นไว้เลย แต่วันนี้ขอคุยกับคุณก่อนนะครับ ไม่ได้คุยมานานแล้ว”
เย็นย่ำของวันนั้น ชายหนุ่มหญิงสาวต่างมิติติดต่อสื่อสารกันจนเกือบค่อนคืนราวกับชดเชยวันเวลาที่ขาดหายไป วงล้อแห่งความสุขใจหมุนวนหวนกลับมาอีกครั้ง น่าแปลกที่เกมไม่โผล่หน้ากลมของมันมาขัดจังหวะ ราวกับจะชดเชยเวลาที่เสียไป
สักกะไม่ลืมที่จะสารภาพส่งท้ายก่อนลากันไปนอน
“เชื่อไหมครับ ก่อนโดนรถชน ผมเห็นคุณด้วยล่ะ”
“เอ๋?...”
“คุณใส่ชุดสีขาว เสื้อคลุมสีแดง กำลังพาคนแก่ข้ามถนนที่ป้ายรถเมล์ ที่สำคัญ คุณไม่ได้ตาบอด เดินคล่องปร๋อ ชนิดที่ผมมัวแต่อึ้ง แล้ววิ่งตามคุณไม่ทัน เลยโดนรถชนเข้า”
“ฉันที่คุณเห็น ไม่ได้ตาบอด?” เสียงของหญิงสาวแสดงความแปลกใจชัดเจน
“ครับ คิดดูสิว่าอาการหนักขนาดไหน ผมถึงได้ตาฝาดขนาดนั้น แม้แต่ตอนไปนอนโรงพยาบาล ผมก็ยังคิดไปได้ว่าพยาบาลที่มาดูแลผม เป็นคุณ นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ทำให้ผมต้องรีบกลับมาห้องพัก มาดูคุณให้แน่ใจ ว่าคุณยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หายไปไหน”
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวนิ่งอึ้งพร้อมกับการคิดอะไรในใจ ลางสังหรณ์เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนถนนสายนั้นเป็นจริงหรืออย่างไร คิดดูแล้วช่างคล้ายกับหนังฝรั่งเรื่องหนึ่งว่าก่อนเกิดเหตุร้ายจะมีลางสังหรณ์หรือสัญญาณบางอย่างบอกใบ้ให้รู้ก่อนเสมอ อยากจะคิดเลยเถิดไปว่าคนโดนรถชนในวันนั้นอาจเป็นสักกะแต่เป็นไปไม่ได้แน่นอน
วันเวลาแตกต่างห่างกันตั้งห้าปี จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะถ้าเป็นไปได้ก็ต้องหมายถึงว่ามีสโรชินสองคนอยู่บนถนนในเวลาเดียวกัน ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
“คุณเป็นอะไร ทำไมต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างนั้น ถึงจะหวั่นไหวไปกับพยาบาลสาวมือนุ่มๆ กลิ่นตัวหอมๆไปบ้าง แต่ผมก็กลับมาหาคุณแล้วนี่ครับ ไม่ต้องหึงผมนะครับ”
“นี่คุณ!...แล้วฉันบอกตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ว่าฉันหึงคุณ” หญิงสาวแสร้งทำเสียงดุ แต่ปลายสายเหมือนจะรู้ทัน ยังพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
“ไม่รู้สิครับ หรือว่า เกิดจากการที่ผมผ่านประสบการณ์การตาบอดมาแล้ว เลยจับความรู้สึกของคุณได้บ้าง คุณอาจไม่รู้ตัวเท่านั้นว่าคุณหึงผม”
คนบ้า...คิดไปเองแท้ๆ... สโรชินนึกในใจ แต่ปล่อยให้เขาคิดอย่างนั้นไปก็ดีแล้วล่ะ ได้ยินน้ำเสียงร่าเริงมีความสุขจากอีกปลายสายก็พอใจแล้ว
“วันนี้พอแค่นี้ดีกว่านะคะ คุณเพิ่งออกจากโรงพยาบาล พักผ่อนเยอะๆดีกว่า”
“ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปหางานต่อ ถ้าผมหายไปอีก คุณเดาได้เลย ไม่โดนรถชน ตกท่อ ตกสะพาน ก็หัวใจวาย นอกนั้น ถ้าพอจะขยับตัวได้ ผมจะกระ....กระสนกลับห้องให้ได้ คุณจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง และโปรดอย่าได้คิดว่าผมหลบลี้หนีหน้าไม่อยากคุยกับคุณนะครับ”
“เรื่องอะไรไปแช่งตัวเองอย่างนั้น ไปนอนเถอะค่ะ”
“ครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
สโรชินวางสาย ก่อนจะขยับไปปิดสวิตซ์ไฟ เข้านอนคืนนี้คงฝันดีกว่าคืนไหนๆ อย่างน้อย ความคิดถึงก็ได้ส่งผ่านไปให้เขารับรู้ และเธอก็ได้รับรู้ว่าเขาก็คิดถึงเธออยู่เช่นกัน
ความรู้สึกถวิลหาจางหายไป ไอรักกรุ่นกำจายมาแทนที่
พรุ่งนี้คงดีกว่าทุกวันที่ผ่านมาล่ะนะ...
หลังจากวางโทรศัพท์แล้วสักกะเอนหลังพิงเก้าอี้คอมพิวเตอร์มือประสานท้ายทอยในลักษณะตามสบาย จ้องมองจอคอมพิวเตอร์เนิ่นนาน
ก็แน่ล่ะ...สโรชินวางสายโทรศัพท์ปิดไฟเข้านอน เธอต้องการให้เขาไปพักผ่อนหลับนอน แต่เขายังข่มตาไม่ลง ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มยินดี และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นแสนวิเศษชนิดหนึ่งยังระอุคุกรุ่นอยู่ในความรู้สึก อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน
เมื่อหญิงสาวเข้านอน เกมก็ไม่ตอบสนองอะไรอีก เหมือนว่าตัวเกมเองก็ปิดตัวเองลงชั่วคราวเช่นกัน ปุ่มคำสั่งต่างๆ หายไปเกือบหมดเหลือเฉพาะปุ่มที่จำเป็น ชายหนุ่มไม่ค่อยกังวลเรื่องความปลอดภัยของเธอมากนัก เพราะแน่ใจว่าตรวจสอบติดตั้งจัดการระบบความปลอดภัยให้เธอเป็นอย่างดี สุนัขพันธุ์ดุตัวใหญ่คอยตรวจสอบความปลอดภัยพร้อมจะกระโจนออกมาจากความว่างเปล่า เข้าขย้ำคอผู้บุกรุกที่มีเจตนาร้าย รวมทั้งกับดักต่างๆ ที่เกมยอมให้มีได้ ทั้งกระแสไฟฟ้า แสงเลเซอร์ ซึ่งจะมีผลเฉพาะกับผู้บุกรุกเท่านั้น ไม่ว่าใครบุกเข้ามาคิดร้ายมันต้องเจอดี
เธอจะต้องปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของเทพผู้พิทักษ์คนนี้
ใช่...ก็มันเป็นเกม สามารถควบคุมหรือออกคำสั่งได้อยู่แล้ว ถ้ามีอยู่ในเงื่อนไขของตัวเกม สายตามองจอคอมพิวเตอร์ แต่ความคิดกลับล่องลอยไปกับจินตนาการ สโรชิน คุณนอนหลับหรือยังนะ จะคิดถึงผมเหมือนที่ผมคิดถึงคุณบ้างไหม... คุณหลับอยู่เพียงลำพังทุกคืนจะรู้สึกเหงาแค่ไหน คุณต้องรู้สึกเหงาแน่นอนไม่มากก็น้อย แต่คุณจะซ่อนความเหงานั้นเอาไว้ภายใต้สีหน้าท่าทางเข้มแข็ง วันไหนคุณฝันร้ายแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมความหวาดกลัวกลางดึกอย่างโดดเดี่ยวจะทำยังไง ผมเป็นห่วงและอยากอยู่ใกล้ๆ เพื่อจะได้คอยปลอบใจคุณ ให้อุ่นใจและหายหวาดกลัว ไม่...! ผมจะไม่ฉวยโอกาสลามปามกับคุณอย่างเด็ดขาดไว้ใจได้เลยกับเรื่องนี้ ได้ดูแลคุณผมก็มีความสุขแล้ว
บางทีคุณอาจจะหลับไปแล้ว ไม่สิ..คุณอาจจะยังไม่หลับ อย่างน้อยคุณน่าจะคิดถึงผมก่อนนอนบ้าง เพราะผมเองยังคิดถึงและเป็นห่วงคุณ
ชายหนุ่มนั่งอาลัยอาวรณ์กับหน้าจอเป็นเวลานานก่อนจะลุกไปหยิบตำราทำอาหารมาพลิกๆดูทั้งที่เริ่มรู้สึกง่วง เพราะตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลก็ยังไม่ได้พักผ่อนเลย พอมาถึงห้องก็กระโจนเข้าหาคอมพิวเตอร์เป็นอันดับแรกชนิดจะเรียกว่าหายใจหายคอไม่ทันก็เป็นได้ แทบไม่ได้ตอบคำถามด้วยความเป็นห่วงของคุณป้าผู้ดูแลความทำความสะอาดห้องพักให้เป็นประจำด้วยความถูกนิสัยใจคอกัน ซึ่งพอเห็นหน้าก็มีท่าทางดีอกดีใจรีบเข้ามาทักทายซักถาม
เขารู้ว่าตำราทำอาหารพวกนี้ไม่ได้บอกเคล็ดลับในการทำอาหาร ก็ใครล่ะจะบอกไม้ตายของตนเองจนหมดไส้หมดพุง แต่มันก็ช่วยให้มีความรู้พื้นฐานของการทำอาหารมากขึ้นพอสมควร
.