เราเป็นคนจังหวัด นครปฐม โดยกำเนิด โต เรียนและทำงานในจังหวัดนครปฐม ที่บ้านฐานะปานกลางค่อนไปทางยากจน เราเป็นลูกคนโตที่พยายามกว่าจะได้เรียนจบปริญญาตรี
งานที่ได้ทำ บรรจุเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ และโดนย้ายมาประจำอยู่ในอำเภอเมือง สามารถเบิกค่าเช่าบ้าน/เช่าซื้อ ได้ตามสิทธิ์ เงินเดือนเพิ่ม 6.5 % ทุกปี
มีน้องชาย 2 คน เสียชีวิตคนนึง อีกคนกำลังเรียน ปี 4 น้องสาว เรียน ม.3 กำลังจะจบและย้ายเข้ามาเรียนในเมือง
รายได้ต่อเดือน ไม่ถึง 20,000 บาท พออยู่ได้แบบประหยัด มีรถยนต์ 1 คัน ใช้เงินมรดกที่พ่อให้ออกรถ ผ่อนได้ครึ่งปี ใช้เงินกู้สวัสดิการปิดเพราะส่งงวดถูกกว่า เหลือส่วนต่างไปทำอย่างอื่นได้ มีเงินเก็บเป็นสลาก 200,000 บาท เงินเก็บอื่นๆอยู่ในรูปแบบทรัพย์สิน
เดือน ตุลาคม 61 มีความคิดที่จะซื้อบ้าน หลังเล็กๆแค่พออยู่อาศัย ในบริเวณเมือง เพราะน้องทั้ง 2 คน ยังเรียน ยังต้องใช้ชีวิตที่เมืองอีกนาน ที่บ้านนอกมีบ้านที่ไม่ใช่ที่ของตัวเอง ถ้าวันหนึ่งโดนไล่ที่ ก็ยังมีที่ซุกหัวนอนได้
ตุลาคม 61 ตระเวนดูบ้านโครงการ คำนวนรายจ่าย หาธนาคารปล่อยสินเชื่อที่คิดว่าได้ประโยชน์มากที่สุด ค่าใช้จ่ายสามารถรับได้ โดยที่ไม่ลำบาก เจอโครงการบ้านประชารัฐ ของ ธอส. ต้องจดจำนองภายในปี หาบ้านที่คิดว่ารายจ่ายไม่กระทบการใช้ชีวิตประจำวัน ก่อนทำสัญญา พูดคุยกับโครงการ รับปากบ้านเสร็จทันก่อนสิ้นปี กำหนดในสัญญาชัดเจนเกี่ยวกับวันส่งมอบ
ระหว่างนั้นยื่นเอกสารธนาคาร ประมาณ 2 อาทิตย์ ธนาคารแจ้งว่าส่งบริษัทประเมินไปแล้ว แต่บ้านยังไม่เสร็จ เราไม่ยอนยอมให้ประเมิน เพราะเสียค่าประเมิน 2,800 และหลังบ้านเสร็จเพิ่มเติมอีก 800 โครงการยินยอม ให้ บ.ประเมินเข้าตอนบ้านครบ 100% ระหว่างนั้นเข้าไปดูบ้านแทบทุกอาทิตย์
สัปดาห์กลางเดือน ธันวาคม 2561 เข้าไปดูบ้านอีกครั้ง ทุกอย่างเกือบเสร็จแล้ว บ้านทาสีรองพื้น ติดประตูหน้าต่างเรียบร้อย ห้องน้ำคงติดสุขภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้เข้าไปดูเพราะล๊อคไว้ ชั้นบนห้องนอนที่ติดกับห้องน้ำบ้านยูนิตข้างๆ โดนทุบคงจะวางระบบท่อน้ำใหม่ ถูกโบกปูนซ้ำ ทำให้มองเห็นรอยนูนๆ แม้กระทั่งถ่ายรูปแบบหยาบๆยังเห็น จึงได้เข้าไปคุยกับเซลล์โครงการ โดนเซลล์โครงการตอกกลับหน้าหงายว่ามันต้องมีวันส่งมอบบ้านนะ ตอนนี้ถือว่ายังไม่ส่งมอบ เราบอกว่ายังไงคุณก็ต้องแก้ค่ะ ปูนมันนูนถ่ายรูปเห็น เราปรึกษาแฟน บอกว่างั้นก็ไม่ต้องเข้าไปดูแล้วรอตรวจบ้านเลย (ซึ่งเหลือเวลาโครงการอีก 2 สัปดาห์)
หลังจากนั้นประมาณ 3-4 วัน มีคนจากโครงการโทรมา ถามว่าบ้านจะเสร็จแล้วให้ดำเนินการต่อเลยหรือไม่? เราก็แจ้งเลยว่าจัดการเลยค่ะ และถามย้อนกลับไปว่าบ้านกี่เปอร์เซนต์แล้ว เค้าตอบกลับมา 85% เราก็เลยถามกลับว่าบ้านต้องตรวจรับด้วยไม่ใช่เหรอคะ เค้าเลยถามกลับมาว่า ลูกค้าจะตรวจรับบ้านด้วยใช่มั้ย เราตอบไปว่าใช่ แล้วก็วางสายไป เรื่องนี้พี่ที่ทำงานด้วยก็ได้ยิน เราจะปรึกษาคนโตตลอด ขอคำแนะนำ เล่าเรื่องราวให้ฟังเสมอๆว่าถึงไหนอะไรยังไง
เราก็มาคิดว่า ปกติก็ต้องตรวจรับบ้านถึงจะถูกไม่ใช่เหรอ ไม่มีธนาคารไหนเค้ารับบ้านไม่ 100% หรอก แล้วอีกอย่างเราก็รู้ว่าบ้านโครงการมันไม่มีหลังไหนสมบูรณ์ 100%หรอก แค่ฝนตกน้ำไม่รั่ว รั้วไม่ร้าว ผนังฉาบเรียบมันก็โอเคที่สุดแล้ว แค่ไม่อยากรับมาแล้วต้องมาตามโครงการให้มาแก้ไขก็เท่านั้น
หลังจากวันนั้นก็เงียบหายไปเลย จะปีใหม่ก็เงียบ หลังปีใหม่ก็เงียบ ไม่มีการติดต่อกลับมาเลย ในสัญญาระบุไว้ ส่งมอบบ้าน 28 ธันวาคม 2561 เรารู้แล้วว่าบ้านช้าแน่นอน เลยอ่านสัญญาแบบละเอียดมาก ให้พี่ที่จบกฏหมายมาช่วยตีความ ในสัญญาระบุว่าชดใช้ให้วันละ 109 บาทนับจากวันที่ระบุในสัญญา
7 มกราคม 2561 ทางธนาคารโทรมาแจ้งว่าให้เอาเอกสารเข้าไปส่งเพิ่มเติม แต่ค่าใช้จ่ายต้องจ่ายเองแล้วนะ โครงการที่เราจะเอา ระยะเวลากู้หมดแล้ว เราคุยเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยใหม่ ค่าใช้จ่ายต่างๆ
สรุป ดอกเบี้ยเปลี่ยน เพิ่มจากเดิม 0.75 บาท ค่าจดจำนอง 1000 บาท นิติกรรมสัญญา 1% จากวงเงินกู้ เท่ากับ 11,000 บาท ค่าประเมินเสียเอง ซึ่งจ่ายไปแล้ว 2,800 บาท (ยังไม่ได้ใบเสร็จอีกต่างหาก)
ค่างวดจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 600 ต่อเดือน ซึ่งจะกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของเราอยู่พอสมควร แต่มาคิดว่าเรื่องของดอกเบี้ย ถ้าเราจ่ายให้เป็นเงินต้นเยอะกว่า ดอกเบี้ยจะน้อยลงตามไป แต่ค่าใช้จ่าย อันนี้รับไม่ได้จริงๆ
หลังจากว่าสายจากธนาคาร จึงโทรไปทางโครงการ เล่าให้เค้าฟังว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คุณจะรับผิดชอบยังไง หลังจากนั้นก็หายไป 1 อาทิตย์ไม่มีการติดต่อจากโครงการเลย จนเราทนไม่ไหวเลยโทรไป เค้าบอกว่าคนรับเรื่องลา อีกวันลองโทรไปใหม่ ก็ยังลาอีก เลยถามว่ากลับมาเมื่อไหร่ เค้าบอกว่ากลับมาวันพรุ่งนี้ เราเลยบอกให้เค้าติดต่อกลับมาด่วน โทรมาจริงๆ แต่อีกวันช่วงบ่ายกว่าๆ เริ่มคุยกันเค้าบอกว่าไม่ใช่ความผิดเค้า ลูกค้าไม่รับบ้านเอง ตอนนั้นคืออึ้งมาก เค้าเล่าว่าเค้าต้องทำเรื่องเบิกโฉนดนู้นี่นั่น ใช้เวลาเท่านี้ เลยว่าเราไม่รู้ระบบงานคุณหรอก แล้วคุณจะเอายังไงกับเรื่องนี้ เค้าถามเรากลับว่าลูกค้าจะเอายังไงคะ? เรายิ่งโมโห ยอมรับว่าพูดด้วยอารมณ์เลย บอกกลับไปว่าถ้างั้นก็ยกเลิกไป ไปอ่านสัญญาด้วยว่าจะเอายังไง แล้วเราก็วางสายไปสงบสติอารมณ์ หลังจากวันนั้นก็ไม่มีการติดต่อกลับมาอีกเลย จนปลายเดือนมกราคม 2562 ทาง สนญ.เค้าติดต่อกลับมา มาพูดกับเราว่าเค้ายอมรับผิดที่ส่งมอบบ้านช้า เค้ารู้จักกับผู้จัดการธนาคารที่เราไปยื่นกู้ ให้เราลองคุยดูก่อน เราบอกเค้าว่าบ้านอ่ะตอนก่อนอยากได้ยื่นกู้ผ่านทุกอย่างแล้ว แค่บ้านคุณไม่เสร็จ ถ้าคุณไม่อยากขายก็ทำเรื่องคืนเงินมา เค้าก็ยืนยันว่าอยากขาย บ้านเค้าราคาพิเศษสุดแล้วนะ เราบอกว่าแพงกว่านี้ก็ซื้อได้ ที่ซื้อที่คุณเพราะไม่ได้ตั้งใจจะตั้งรกรากที่นี่ ส่วนเรื่องที่คุณล่าช้า อันนั้นมันผ่านไปแล้วขอไม่พูดถึง มาคุยกันตอนนี้ว่าจะยังไง คุณรอได้มั้ย มีนาคมนี้จะมีงานมันนี่เอ็กโปรที่กรุงเทพฯ เค้าบอกเราว่าเค้ารอไม่ได้ ต้องทำการโอนบ้านเป็นล๊อคๆ ให้เราลองคุยกับผู้จัดการดูก่อน
เราโทรหาผู้จัดการ ให้คำตอบอะไรไม่ได้เพราะกลัวให้ข้อมูลผิด และกำลังขับรถอยู่ ขอส่งเป็นข้อความมาให้เราแทน เราตอบตกลง แต่รอจนข้ามวันก็ไม่มีข้อความใดๆตอบกลับมา เราลองโทรไปอีกครั้ง ไม่รับสายเราแล้ว เราจึงโทรไปหาพนักงานที่เราดิวไว้แต่แรก ได้คำตอบชัดเจนว่าเรายังเสียค่าใช้จ่ายอยู่ รายละเอียดจริงๆมันมีมากกว่านั้น แต่เราไม่ขอพูดถึง ซึ่งทำให้เราจับโป๊ะของคนที่โทรมาจากสำนักงานใหญ่ได้ เมื่อคุยกับพนักงานธนาคารจบจึงโทรกลับไปหาคนที่ติดต่อเรา บอกเค้าว่าเรารับไม่ได้กับค่าใช้จ่ายที่มันเกิดขึ้น เงินส่วนที่เราต้องจ่ายเราเตรียมไว้รอแล้ว วางแผนแล้ว แต่คือเงินจำนวนนี้ทำเราเดือดร้อน คนๆนั้นตอบเรากลับมาว่าเค้าฟังความข้างเดียวว่าเราไม่ยอมไปส่งเอกสารทางธนาคาร นำเสียงเปลี่ยนเราเลยพูดว่าต้องให้ย้อนเหตุการณ์ท้าวความกลับไปอีกเหรอ เค้าบอกให้เราโทรหาเซลล์โครงการเรื่องทำเรื่องคืนบ้าน เราบอกว่าถ้าคุยรู้เรื่องมันจบตั้งแต่ต้นปีแล้ว คุยได้ประมาณ 3-4 นาที กดตัดสายเราทิ้ง เราก็พอละ ทำไมต้องพยายามอะไรขนาดนี้
วันถัดมา มีคนจากโครงการโทรมา คราวนี้เปลี่ยนเสียงมา คนที่ทะเลาะกับเราวันนั้นไม่ใช่คนนี้ ถามเราว่าเราส่งเอกสารหรือยัง เราบอกส่งแล้วแต่ไม่เอาบ้านแล้วจะคืน บอกกับเราว่าลูกค้าได้เงินคืน 20,000 บาทนะ 5,000 บาทไม่ได้คืน เราถามว่าทำไมถึงไม่ได้ คุณเป็นคนผิดสัญญา คนจากสำนักงานใหญ่ก็ยอมรับเองว่าส่งมอบบ้านช้าจริงทำให้เกิดความเสียหาย เค้าพูดว่าลูกค้าจะรับคืน 25,000 บาทนะคะ เราก็บอกค่ะ แล้วก็วางสายกันไป ผ่านไป 1 อาทิตย์ มีจดหมายลงทะเบียนตอบรับมาที่บ้านแม่เป็นคนเซนต์รับ ตัวเราอยู่ที่เมือง น้องชายเห็นเลยแกะแล้วถ่ายรูปส่งไลน์ไปให้ดู เป็นจดหมายออกจากโครงการ ไม่เชิงบอกเลิกสัญญา แต่ให้เราทำการรับโอนบ้านภายใน 7 วันนับจากวันที่ได้รับจดหมาย แต่ก่อนหน้านั้น คนจากสำนักงานใหญ่เค้าพูดกับเราว่าบ้านหลังที่คุณจองมีคนสนใจมากถ้าคุณไม่เอามีคนอื่นอยากได้นะ ปีก่อนทำโอนบ้านไป 150 ยูนิตไม่มีใครเซนซิทีฟกับเงินค่าปรับเลยสักคน เราได้แค่ฟัง แต่พอมาเจอจดหมายชี้เราผิดจริงๆ เราเลยโทรไปโครงการเลย เซลล์พูดว่าต้องเอาสัญญาไปคืนถึงจะทำเรื่องคืนเงินให้ได้ แล้วคือสัญญามันมี2ชุด แต่จะเอาคู่ฉบับจากเราอีก เราเลยถามว่าต้องใช้อะไรบ้าง ทางนั้นบอกเรามาเราก็เอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าและนิติกรที่เรารู้จัก เอาเอกสารที่เราได้ให้เค้าอ่านพี่นิติกรเลยร่างหนังสือบอกเลิกสัญญาให้เราอีกวันพี่ทั้ง 2 ก็พาเราไปโครงการ เราเข้าไปนั่งคุยตอนยื่นเอกสารให้คือไม่มีหลักฐานอะไรให้เราเลยว่าเราทำเรื่องขอคืน แต่พี่เค้าแนะนำว่าให้ทำหนังสือส่งมอบเอกสาร ลงวันที่ให้ และอัดเสียงระหว่างคุย สรุปว่าเราจะได้ 20,000 บาทคืน การันตี แต่ 5,000 บาท จริงๆคนอื่นจะไม่ได้คืน ส่วนเรากรณีพิเศษให้ข้างในพิจารณา เอกสารเราส่งให้ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 นับวันรอให้ครบ 30 วัน เราถือว่าส่วนของเราจบแล้ว จะไม่คุยไม่ติดต่ออีกแล้ว
10 กุมภาพันธ์ 2562 มีเซลล์โครงการพยายามโทรมา บอกกับเราว่าเค้าไม่เกี่ยวข้องทำไมถึงอ้างชื่อเค้าในหนังสือบอกเลิกสัญญา ผู้ใหญ่เห็นหนังสือก็จะมองว่าตัวเค้าทำงานบกพร่อง เราบอกว่าตอนเราโทรไปหาพวกคุณเคยแจ้งชื่อนามสกุลเรามั้ย? เคยบอกเราเรื่องขั้นตอนมั้ย เค้าถามเรากลับมาว่าจำได้หรือเปล่าว่าใบจองชื่อใคร? เราบอกว่าคุณก็ไปตามหาเอาเอง เราถือว่าเราจบแล้ว แล้วเราก็ตัดสายทิ้งไป มันหมดใจกับบ้านหลังนี้แล้ว ตอนแรกอยากได้มาก ฝันไว้มาก และผิดหวังมาก ถึงได้มาเมื่อใจมันไม่รักบ้านหลังนี้แล้ว ทำไมต้องเอาตัวเรามาผูกไว้กับสินเชื่อบ้าน 10 ปี 20 ปี เผลอๆ 30 ปี เราคงทนไม่ได้ พี่ที่ทำงานแนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนมุมมองมั้ยว่าเราทะเลาะกับโครงการเดี๋ยวโครงการมันก็ไปแล้วนะ แต่ใจเรามันไม่ได้แล้ว ปรึกษาน้องชาย น้องชายบอกไม่เป็นไร หาหลังใหม่ที่ดีกว่า แฟนบอกกับเราว่าไม่เป็นไร เผลอๆอาจจะได้บ้านเดี่ยวก็ได้นะ เราก็คิดแบบนั้น เราเสียใจเสียน้ำตาไปเท่าไหร่ ยังไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาแบบไหนด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้คือทำใจได้แล้ว ถ้าจบเรื่องนี้ไม่ต้องติดต่อกับโครงการแล้ว เราค่อยคิดหาทางใหม่ว่าจะเอายังไงต่อไปดี
ท้ายที่สุดอยากจะขอบคุณพี่หัวหน้างาน กับพี่นิติกร ที่ช่วยเหลือเรามาตลอด คอยรับฟัง คอยพูดความจริงที่มันไม่เฟค เราถึงเข้าใจปัญหาที่มันเกิดขึ้น หลังจากนี้เราจะมาอัพเดตว่าสุดท้ายแล้วเรื่องมันจะจบยังไง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านประสบการณ์เฮงซวยจนจบค่ะ
Edit คำผิด
ประสบการณ์จองบ้านโครงการ ไม่ได้บ้าน แถมเสียเงินและความรู้สึก
งานที่ได้ทำ บรรจุเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ และโดนย้ายมาประจำอยู่ในอำเภอเมือง สามารถเบิกค่าเช่าบ้าน/เช่าซื้อ ได้ตามสิทธิ์ เงินเดือนเพิ่ม 6.5 % ทุกปี
มีน้องชาย 2 คน เสียชีวิตคนนึง อีกคนกำลังเรียน ปี 4 น้องสาว เรียน ม.3 กำลังจะจบและย้ายเข้ามาเรียนในเมือง
รายได้ต่อเดือน ไม่ถึง 20,000 บาท พออยู่ได้แบบประหยัด มีรถยนต์ 1 คัน ใช้เงินมรดกที่พ่อให้ออกรถ ผ่อนได้ครึ่งปี ใช้เงินกู้สวัสดิการปิดเพราะส่งงวดถูกกว่า เหลือส่วนต่างไปทำอย่างอื่นได้ มีเงินเก็บเป็นสลาก 200,000 บาท เงินเก็บอื่นๆอยู่ในรูปแบบทรัพย์สิน
เดือน ตุลาคม 61 มีความคิดที่จะซื้อบ้าน หลังเล็กๆแค่พออยู่อาศัย ในบริเวณเมือง เพราะน้องทั้ง 2 คน ยังเรียน ยังต้องใช้ชีวิตที่เมืองอีกนาน ที่บ้านนอกมีบ้านที่ไม่ใช่ที่ของตัวเอง ถ้าวันหนึ่งโดนไล่ที่ ก็ยังมีที่ซุกหัวนอนได้
ตุลาคม 61 ตระเวนดูบ้านโครงการ คำนวนรายจ่าย หาธนาคารปล่อยสินเชื่อที่คิดว่าได้ประโยชน์มากที่สุด ค่าใช้จ่ายสามารถรับได้ โดยที่ไม่ลำบาก เจอโครงการบ้านประชารัฐ ของ ธอส. ต้องจดจำนองภายในปี หาบ้านที่คิดว่ารายจ่ายไม่กระทบการใช้ชีวิตประจำวัน ก่อนทำสัญญา พูดคุยกับโครงการ รับปากบ้านเสร็จทันก่อนสิ้นปี กำหนดในสัญญาชัดเจนเกี่ยวกับวันส่งมอบ
ระหว่างนั้นยื่นเอกสารธนาคาร ประมาณ 2 อาทิตย์ ธนาคารแจ้งว่าส่งบริษัทประเมินไปแล้ว แต่บ้านยังไม่เสร็จ เราไม่ยอนยอมให้ประเมิน เพราะเสียค่าประเมิน 2,800 และหลังบ้านเสร็จเพิ่มเติมอีก 800 โครงการยินยอม ให้ บ.ประเมินเข้าตอนบ้านครบ 100% ระหว่างนั้นเข้าไปดูบ้านแทบทุกอาทิตย์
สัปดาห์กลางเดือน ธันวาคม 2561 เข้าไปดูบ้านอีกครั้ง ทุกอย่างเกือบเสร็จแล้ว บ้านทาสีรองพื้น ติดประตูหน้าต่างเรียบร้อย ห้องน้ำคงติดสุขภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้เข้าไปดูเพราะล๊อคไว้ ชั้นบนห้องนอนที่ติดกับห้องน้ำบ้านยูนิตข้างๆ โดนทุบคงจะวางระบบท่อน้ำใหม่ ถูกโบกปูนซ้ำ ทำให้มองเห็นรอยนูนๆ แม้กระทั่งถ่ายรูปแบบหยาบๆยังเห็น จึงได้เข้าไปคุยกับเซลล์โครงการ โดนเซลล์โครงการตอกกลับหน้าหงายว่ามันต้องมีวันส่งมอบบ้านนะ ตอนนี้ถือว่ายังไม่ส่งมอบ เราบอกว่ายังไงคุณก็ต้องแก้ค่ะ ปูนมันนูนถ่ายรูปเห็น เราปรึกษาแฟน บอกว่างั้นก็ไม่ต้องเข้าไปดูแล้วรอตรวจบ้านเลย (ซึ่งเหลือเวลาโครงการอีก 2 สัปดาห์)
หลังจากนั้นประมาณ 3-4 วัน มีคนจากโครงการโทรมา ถามว่าบ้านจะเสร็จแล้วให้ดำเนินการต่อเลยหรือไม่? เราก็แจ้งเลยว่าจัดการเลยค่ะ และถามย้อนกลับไปว่าบ้านกี่เปอร์เซนต์แล้ว เค้าตอบกลับมา 85% เราก็เลยถามกลับว่าบ้านต้องตรวจรับด้วยไม่ใช่เหรอคะ เค้าเลยถามกลับมาว่า ลูกค้าจะตรวจรับบ้านด้วยใช่มั้ย เราตอบไปว่าใช่ แล้วก็วางสายไป เรื่องนี้พี่ที่ทำงานด้วยก็ได้ยิน เราจะปรึกษาคนโตตลอด ขอคำแนะนำ เล่าเรื่องราวให้ฟังเสมอๆว่าถึงไหนอะไรยังไง
เราก็มาคิดว่า ปกติก็ต้องตรวจรับบ้านถึงจะถูกไม่ใช่เหรอ ไม่มีธนาคารไหนเค้ารับบ้านไม่ 100% หรอก แล้วอีกอย่างเราก็รู้ว่าบ้านโครงการมันไม่มีหลังไหนสมบูรณ์ 100%หรอก แค่ฝนตกน้ำไม่รั่ว รั้วไม่ร้าว ผนังฉาบเรียบมันก็โอเคที่สุดแล้ว แค่ไม่อยากรับมาแล้วต้องมาตามโครงการให้มาแก้ไขก็เท่านั้น
หลังจากวันนั้นก็เงียบหายไปเลย จะปีใหม่ก็เงียบ หลังปีใหม่ก็เงียบ ไม่มีการติดต่อกลับมาเลย ในสัญญาระบุไว้ ส่งมอบบ้าน 28 ธันวาคม 2561 เรารู้แล้วว่าบ้านช้าแน่นอน เลยอ่านสัญญาแบบละเอียดมาก ให้พี่ที่จบกฏหมายมาช่วยตีความ ในสัญญาระบุว่าชดใช้ให้วันละ 109 บาทนับจากวันที่ระบุในสัญญา
7 มกราคม 2561 ทางธนาคารโทรมาแจ้งว่าให้เอาเอกสารเข้าไปส่งเพิ่มเติม แต่ค่าใช้จ่ายต้องจ่ายเองแล้วนะ โครงการที่เราจะเอา ระยะเวลากู้หมดแล้ว เราคุยเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยใหม่ ค่าใช้จ่ายต่างๆ
สรุป ดอกเบี้ยเปลี่ยน เพิ่มจากเดิม 0.75 บาท ค่าจดจำนอง 1000 บาท นิติกรรมสัญญา 1% จากวงเงินกู้ เท่ากับ 11,000 บาท ค่าประเมินเสียเอง ซึ่งจ่ายไปแล้ว 2,800 บาท (ยังไม่ได้ใบเสร็จอีกต่างหาก)
ค่างวดจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 600 ต่อเดือน ซึ่งจะกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของเราอยู่พอสมควร แต่มาคิดว่าเรื่องของดอกเบี้ย ถ้าเราจ่ายให้เป็นเงินต้นเยอะกว่า ดอกเบี้ยจะน้อยลงตามไป แต่ค่าใช้จ่าย อันนี้รับไม่ได้จริงๆ
หลังจากว่าสายจากธนาคาร จึงโทรไปทางโครงการ เล่าให้เค้าฟังว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คุณจะรับผิดชอบยังไง หลังจากนั้นก็หายไป 1 อาทิตย์ไม่มีการติดต่อจากโครงการเลย จนเราทนไม่ไหวเลยโทรไป เค้าบอกว่าคนรับเรื่องลา อีกวันลองโทรไปใหม่ ก็ยังลาอีก เลยถามว่ากลับมาเมื่อไหร่ เค้าบอกว่ากลับมาวันพรุ่งนี้ เราเลยบอกให้เค้าติดต่อกลับมาด่วน โทรมาจริงๆ แต่อีกวันช่วงบ่ายกว่าๆ เริ่มคุยกันเค้าบอกว่าไม่ใช่ความผิดเค้า ลูกค้าไม่รับบ้านเอง ตอนนั้นคืออึ้งมาก เค้าเล่าว่าเค้าต้องทำเรื่องเบิกโฉนดนู้นี่นั่น ใช้เวลาเท่านี้ เลยว่าเราไม่รู้ระบบงานคุณหรอก แล้วคุณจะเอายังไงกับเรื่องนี้ เค้าถามเรากลับว่าลูกค้าจะเอายังไงคะ? เรายิ่งโมโห ยอมรับว่าพูดด้วยอารมณ์เลย บอกกลับไปว่าถ้างั้นก็ยกเลิกไป ไปอ่านสัญญาด้วยว่าจะเอายังไง แล้วเราก็วางสายไปสงบสติอารมณ์ หลังจากวันนั้นก็ไม่มีการติดต่อกลับมาอีกเลย จนปลายเดือนมกราคม 2562 ทาง สนญ.เค้าติดต่อกลับมา มาพูดกับเราว่าเค้ายอมรับผิดที่ส่งมอบบ้านช้า เค้ารู้จักกับผู้จัดการธนาคารที่เราไปยื่นกู้ ให้เราลองคุยดูก่อน เราบอกเค้าว่าบ้านอ่ะตอนก่อนอยากได้ยื่นกู้ผ่านทุกอย่างแล้ว แค่บ้านคุณไม่เสร็จ ถ้าคุณไม่อยากขายก็ทำเรื่องคืนเงินมา เค้าก็ยืนยันว่าอยากขาย บ้านเค้าราคาพิเศษสุดแล้วนะ เราบอกว่าแพงกว่านี้ก็ซื้อได้ ที่ซื้อที่คุณเพราะไม่ได้ตั้งใจจะตั้งรกรากที่นี่ ส่วนเรื่องที่คุณล่าช้า อันนั้นมันผ่านไปแล้วขอไม่พูดถึง มาคุยกันตอนนี้ว่าจะยังไง คุณรอได้มั้ย มีนาคมนี้จะมีงานมันนี่เอ็กโปรที่กรุงเทพฯ เค้าบอกเราว่าเค้ารอไม่ได้ ต้องทำการโอนบ้านเป็นล๊อคๆ ให้เราลองคุยกับผู้จัดการดูก่อน
เราโทรหาผู้จัดการ ให้คำตอบอะไรไม่ได้เพราะกลัวให้ข้อมูลผิด และกำลังขับรถอยู่ ขอส่งเป็นข้อความมาให้เราแทน เราตอบตกลง แต่รอจนข้ามวันก็ไม่มีข้อความใดๆตอบกลับมา เราลองโทรไปอีกครั้ง ไม่รับสายเราแล้ว เราจึงโทรไปหาพนักงานที่เราดิวไว้แต่แรก ได้คำตอบชัดเจนว่าเรายังเสียค่าใช้จ่ายอยู่ รายละเอียดจริงๆมันมีมากกว่านั้น แต่เราไม่ขอพูดถึง ซึ่งทำให้เราจับโป๊ะของคนที่โทรมาจากสำนักงานใหญ่ได้ เมื่อคุยกับพนักงานธนาคารจบจึงโทรกลับไปหาคนที่ติดต่อเรา บอกเค้าว่าเรารับไม่ได้กับค่าใช้จ่ายที่มันเกิดขึ้น เงินส่วนที่เราต้องจ่ายเราเตรียมไว้รอแล้ว วางแผนแล้ว แต่คือเงินจำนวนนี้ทำเราเดือดร้อน คนๆนั้นตอบเรากลับมาว่าเค้าฟังความข้างเดียวว่าเราไม่ยอมไปส่งเอกสารทางธนาคาร นำเสียงเปลี่ยนเราเลยพูดว่าต้องให้ย้อนเหตุการณ์ท้าวความกลับไปอีกเหรอ เค้าบอกให้เราโทรหาเซลล์โครงการเรื่องทำเรื่องคืนบ้าน เราบอกว่าถ้าคุยรู้เรื่องมันจบตั้งแต่ต้นปีแล้ว คุยได้ประมาณ 3-4 นาที กดตัดสายเราทิ้ง เราก็พอละ ทำไมต้องพยายามอะไรขนาดนี้
วันถัดมา มีคนจากโครงการโทรมา คราวนี้เปลี่ยนเสียงมา คนที่ทะเลาะกับเราวันนั้นไม่ใช่คนนี้ ถามเราว่าเราส่งเอกสารหรือยัง เราบอกส่งแล้วแต่ไม่เอาบ้านแล้วจะคืน บอกกับเราว่าลูกค้าได้เงินคืน 20,000 บาทนะ 5,000 บาทไม่ได้คืน เราถามว่าทำไมถึงไม่ได้ คุณเป็นคนผิดสัญญา คนจากสำนักงานใหญ่ก็ยอมรับเองว่าส่งมอบบ้านช้าจริงทำให้เกิดความเสียหาย เค้าพูดว่าลูกค้าจะรับคืน 25,000 บาทนะคะ เราก็บอกค่ะ แล้วก็วางสายกันไป ผ่านไป 1 อาทิตย์ มีจดหมายลงทะเบียนตอบรับมาที่บ้านแม่เป็นคนเซนต์รับ ตัวเราอยู่ที่เมือง น้องชายเห็นเลยแกะแล้วถ่ายรูปส่งไลน์ไปให้ดู เป็นจดหมายออกจากโครงการ ไม่เชิงบอกเลิกสัญญา แต่ให้เราทำการรับโอนบ้านภายใน 7 วันนับจากวันที่ได้รับจดหมาย แต่ก่อนหน้านั้น คนจากสำนักงานใหญ่เค้าพูดกับเราว่าบ้านหลังที่คุณจองมีคนสนใจมากถ้าคุณไม่เอามีคนอื่นอยากได้นะ ปีก่อนทำโอนบ้านไป 150 ยูนิตไม่มีใครเซนซิทีฟกับเงินค่าปรับเลยสักคน เราได้แค่ฟัง แต่พอมาเจอจดหมายชี้เราผิดจริงๆ เราเลยโทรไปโครงการเลย เซลล์พูดว่าต้องเอาสัญญาไปคืนถึงจะทำเรื่องคืนเงินให้ได้ แล้วคือสัญญามันมี2ชุด แต่จะเอาคู่ฉบับจากเราอีก เราเลยถามว่าต้องใช้อะไรบ้าง ทางนั้นบอกเรามาเราก็เอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าและนิติกรที่เรารู้จัก เอาเอกสารที่เราได้ให้เค้าอ่านพี่นิติกรเลยร่างหนังสือบอกเลิกสัญญาให้เราอีกวันพี่ทั้ง 2 ก็พาเราไปโครงการ เราเข้าไปนั่งคุยตอนยื่นเอกสารให้คือไม่มีหลักฐานอะไรให้เราเลยว่าเราทำเรื่องขอคืน แต่พี่เค้าแนะนำว่าให้ทำหนังสือส่งมอบเอกสาร ลงวันที่ให้ และอัดเสียงระหว่างคุย สรุปว่าเราจะได้ 20,000 บาทคืน การันตี แต่ 5,000 บาท จริงๆคนอื่นจะไม่ได้คืน ส่วนเรากรณีพิเศษให้ข้างในพิจารณา เอกสารเราส่งให้ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 นับวันรอให้ครบ 30 วัน เราถือว่าส่วนของเราจบแล้ว จะไม่คุยไม่ติดต่ออีกแล้ว
10 กุมภาพันธ์ 2562 มีเซลล์โครงการพยายามโทรมา บอกกับเราว่าเค้าไม่เกี่ยวข้องทำไมถึงอ้างชื่อเค้าในหนังสือบอกเลิกสัญญา ผู้ใหญ่เห็นหนังสือก็จะมองว่าตัวเค้าทำงานบกพร่อง เราบอกว่าตอนเราโทรไปหาพวกคุณเคยแจ้งชื่อนามสกุลเรามั้ย? เคยบอกเราเรื่องขั้นตอนมั้ย เค้าถามเรากลับมาว่าจำได้หรือเปล่าว่าใบจองชื่อใคร? เราบอกว่าคุณก็ไปตามหาเอาเอง เราถือว่าเราจบแล้ว แล้วเราก็ตัดสายทิ้งไป มันหมดใจกับบ้านหลังนี้แล้ว ตอนแรกอยากได้มาก ฝันไว้มาก และผิดหวังมาก ถึงได้มาเมื่อใจมันไม่รักบ้านหลังนี้แล้ว ทำไมต้องเอาตัวเรามาผูกไว้กับสินเชื่อบ้าน 10 ปี 20 ปี เผลอๆ 30 ปี เราคงทนไม่ได้ พี่ที่ทำงานแนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนมุมมองมั้ยว่าเราทะเลาะกับโครงการเดี๋ยวโครงการมันก็ไปแล้วนะ แต่ใจเรามันไม่ได้แล้ว ปรึกษาน้องชาย น้องชายบอกไม่เป็นไร หาหลังใหม่ที่ดีกว่า แฟนบอกกับเราว่าไม่เป็นไร เผลอๆอาจจะได้บ้านเดี่ยวก็ได้นะ เราก็คิดแบบนั้น เราเสียใจเสียน้ำตาไปเท่าไหร่ ยังไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาแบบไหนด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้คือทำใจได้แล้ว ถ้าจบเรื่องนี้ไม่ต้องติดต่อกับโครงการแล้ว เราค่อยคิดหาทางใหม่ว่าจะเอายังไงต่อไปดี
ท้ายที่สุดอยากจะขอบคุณพี่หัวหน้างาน กับพี่นิติกร ที่ช่วยเหลือเรามาตลอด คอยรับฟัง คอยพูดความจริงที่มันไม่เฟค เราถึงเข้าใจปัญหาที่มันเกิดขึ้น หลังจากนี้เราจะมาอัพเดตว่าสุดท้ายแล้วเรื่องมันจะจบยังไง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านประสบการณ์เฮงซวยจนจบค่ะ
Edit คำผิด