ก่อนอื่นผมขอบอกไว้ก่อนว่า ข้อความที่ผมพิมพ์มาทั้งหมด ขอรับรองว่าเป็นความจริงทุกประการไม่มีการใส่ร้ายหรือต้องการอะไรทั้งสิ้น แค่เป็นอุทาหรณ์ในการเลือกฟิตเนสเท่านั้นครับ
เริ่มจากเมื่อปีที่แล้วผมได้สมัครฟิตเนสที่นึง ย่านสามเสน เป็นฟิตเนสอยู่ในห้างเล็กๆ พื้นที่ไม่ใหญ่ ค่าเข้าตอนพรีเซลก็แพงพอได้อยู่ แต่อาศัยใกล้บ้าน เลยไม่ใช่ปัญหาอะไร ผมเข้ามาพร้อมความหวังที่จะเจอเทรนเนอร์ออนฟอร์อย่างที่ทางฟิตเนสได้แจ้งไว้เพราะผมเข้ามาเล่นคนเดียวไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเล่นเวทเท่าไหร่นัก ก็พองูๆปลาๆ อาศัยยูทูปในการเล่นบ้าง เริ่มมาแรกๆ ก็ไม่มีเทรนเนอร์ออนฟอร์อย่างที่หวังไว้ เทรนเนอร์ทุกคนหวังเพียงแต่ที่จะหาลูกเทรนเป็นของตัวเอง ส่วนผมหรอไม่เอาอ่าครับ ไม่มีตังด้วยแหละ 55+ หวังแค่ว่าจะมีใครมาช่วยสอนบ้างแนะนำบ้างช่วยเซฟบ้าง ก็มีนะครับแต่น้อยมาก ทุกคนก็เอาแต่เทรนลูกค้าของตัวเอง เวลาเทรนเสร็จก็มุดเข้าไปในห้องของพนักงาน ไม่ค่อยมีใครมาสนใจที่จะดูแลลูกค้าทั่วไปเท่าไหร่ แล้ววันดีคืนดี ผมก็ได้รู้จักกับเพื่อนกลุ่มนึง ก็เลยทำให้บรรยากาศในยิมเปลี่ยนไป ผมมีคนช่วยเล่นช่วยดู ซึ่งมาจากเพื่อนกลุ่มนั้น ไม่ได้มาจากเทรนเนอร์แต่อย่างใด แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสแล้ว เพราะผมคิดว่าการได้เล่นกับเพื่อนมันมีความสุขกว่า มันทำให้อยากเล่นมากขึ้น มีแรงผลักดัน ถึงจะเล่นถูกบ้างไม่ถูกบ้าง แต่ก็มีความสุขดีครับ จนเวลาผ่านเลยไป สุขภาพร่างกายผมก็แข็งแรงขึ้นตามลำดับ เพราะความรู้จากยูทูปและเพื่อนเป็นส่วนมาก จึงมีคนอยากมาเล่นตาม ผมก็ได้บอกสถานที่ ที่ผมมมาออกกำลังกายให้คนอื่นรู้ เพื่อนๆจากข้างนอกจึงเข้ามาสมัครกัน โดยที่ผมก็แค่อยากให้มีเพื่อนมากขึ้นเท่านั้น
ทุกคนคงคิดนะครับว่าเรื่องไม่เห็นมีอะไรเลย อันนั้นมันแค่เริ่มต้น คือที่มาที่ไปว่าผมมาทำอะไรและผมเจออะไร
ของจริงมันต่อจากนี้ต่างหากครับ มาวันนึงกลุ่มเพื่อนของผมได้ผิดใจกับเทรนเนอร์ส่วนตัว (บางคนมีเทรนเนอร์ส่วนตัว) ซึ่งเพื่อนของผมไม่ได้ทำการต่อสัญญากะเทรนเนอร์ เรียกง่ายๆว่าไม่เอาเทรนเนอร์แล้ว อยากเล่นเองโดยมีเหตุผลของเขา อันนี้ผมไม่อยากเล่าในส่วนของคนอื่น เดี่ยวเพื่อนผมเห็นโพสต์อาจจะมาเล่าต่อให้ฟังครับ ในส่วนตัวของผมเองก็ได้ถามเหตุผลแล้ว เข้าใจกันดี หลังจากนั้น ผมกับเพื่อนก็มาเล่นด้วยกันตามปกติ แต่เขากลับมองเห็นผมเป็นตัวปัญหาที่ทำให้ลูกเทรนของเขาไม่ต่อสัญญา และกล่าวหาว่าผมเป็นเทรนเนอร์ฟรีแลนซ์ ที่แอบเข้ามาเทรนให้คนในยิม ซึ่งตัวผมเองก็ลูกค้าคนนึงเหมือนกัน จนมีผู้จัดการร้านเข้ามาถามผมว่า มีคนบอกว่าพี่เป็นเทรนเนอร์ฟรีแลนซ์ จนต้องอธิบายให้ฟังแล้วก็บอกให้ไปดูตอนผมเข้ามาว่าสภาพผมเป็นแบบไหนแล้วผมรู้จักใครหรือเปล่า ผู้จักการร้านก็เข้าใจ เขาบอกแต่เพียงว่าบอสเขาได้รับแจ้งมาแบบนั้น ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร จนอยู่นานๆไป ก็ได้มีเหตุการณ์ต่างๆเข้ามาเรื่อยๆ จากบรรยากาศที่ผมอยากไปออกกำลังกาย มันทำให้ผมไม่อยากไปที่นั้นอีก เพราะมีแต่คนมองด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะเป้นมิตรเท่าไหร่
วันเกิดเรื่องวันแรก เกิดจากเทรนเนอร์ ตัวย่อ พ. ปัญหาได้เกิดขึ้นตอนที่ผมได้เล่นอยู่กับเพื่อน 3 คน เขาไม่ได้ช่วยแนะนำ แต่ยังคอยจ้องจับผิด จนถึงท่าเล่นหัวไหล่ คือ Behind-the-neck barbell overhead press

คือผมเป็นคนนำเล่น ซึ่งผมก็บอกมาแต่ต้นแล้ว ว่าได้มาจากยูทูป เทรนเนอร์ตัวย่อ พ. ก็ได้มาบอกเพื่อนผมว่า ท่านี้เขาไม่เล่นกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้แนะนำต่อ ผมเลยบอกกับเพื่อนว่า ไม่เล่นไม่เป็นไร กูจะเล่น ผมก็เล่นกันต่อ เพื่อนผมก็ยังยินดีที่จะเล่นตามผมต่อไปจนจบท่าเล่นหัวไหล่
หลังจากที่เล่นกันเสร็จมีเพื่อนผมคนนึง ยังไม่กลับบ้าน เขาก็ได้ไปคุยกะเพื่อนผมว่า ผมพาเล่นกันผิดๆ มันไม่ได้อะไร เหมือนประมาณว่าไม่อยากให้พวกผมเล่นด้วยกันประมาณนี้ เพื่อนผมพอออกจากยิมได้ก็โทรหาผมกับเพื่อนอีกคน แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พวกผมก็ไม่ได้พอใจเท่าไหร่นัก จึงได้ไปเล่าให้ผู้จัดการฟังว่ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จะแก้ไขกันยังไง ผู้จัดการก็ได้บอกมาว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ ผมก็ไม่ได้ติดตามเรื่องต่อว่าจะเป็นยังไง ก็แค่อยากให้รับรู้ปัญหาเท่านั้น
จากนั้นก็นานพอสมควร ผมกับเทรนเนอร์ พ. ก็ไม่ค่อยถูกชะตากัน ซึ่งผมก็ไม่ได้คุยกับเขา เขาก็ไม่ได้มาคุยกับผม ต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้มีไรซึ่งกันและกัน แต่ตอนเขาอยู่ผมก็ไม่อยากไปเล่นเท่าไหร่นัก บรรยากาศมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะเขาจะชอบมองแบบจับผิดตลอดเวลา
จนเรื่องมาถึงขีดสุดของเรื่องนี้ ผมกับเพื่อน 2 คน ได้เล่นบาร์เบล แล้วไม่ได้เก็บแผ่นน้ำหนักออกจากบาร์เบล

จนมีเทรนเนอร์คนนึง ตัวย่อ ต. มาถามเพื่อนผมว่า เล่นเสร็จรึยังครับ เพื่อนผมตอบว่าเสร็จแล้ว เทรนเนอร์ ต. ก็บอกว่าทีหลังเล่นเสร็จเก็บด้วยนะครับ "มันเป็นมารยาททางสังคม" ซึ่งผมได้ยินแล้วอึ้งไปซักพักนึง คือถ้าต้องการบอกกันดีๆ ไม่ต้องมีคำต่อท้ายก็ได้มั้งครับ เพื่อนผมก็หันมามองหน้าผมแล้วเดินไปคุยกัน 2 คน ว่ามันพูดเกินไปไหม ผมก็บอกว่าเกินไปนะ คนอื่นไม่เก็บไม่เคยเห็นจะพูดจะบอกอะไรกับใครเลย
ซึ่งเรื่องนี้เขาว่าเพื่อนผม ผมเลยไม่ได้ออกตัวเท่าไหร่ ผมยังคิดในใจถ้าวันไหนโดนมั้ง จะเป็นยังไงน้อ
หลังจากวันนั้นผมก็เล่นของผมตามปกติ ซึ่งผมสังเกตุว่าไม่ได้มีคนเก็บอุปกรณ์ที่เล่นเสร็จแล้วแต่อย่างใด ผมก็ได้ถ่ายภาพไว้เรียบร้อยหมดแล้ว แต่คงไม่ลงนะครับ ใครอยากเห็นหลังไมค์มาได้ครับ ผมพยายามเก็บหลักฐานที่เขาไม่เล่นแล้วไม่เก็บกันมา รวมทั้งเทรนเนอร์ ที่สอนลูกเทรนแล้วไม่เก็บก็มี เข้าเรื่องดีกว่า วันที่ผมโดนคือวันที่ผมอยู่คนเดียว เพื่อนผมเล่นเสร็จแล้ว นั้งอยู่ข้างนอก เทรนเนอร์ พ. ได้เดินดิ่งเข้ามาหาผม พร้อมกับบอกว่า เล่นเสร็จยัง ผมก็บอกเสร็จแล้ว เขาก็บอก วันหลังเก็บด้วยนะครับ แค่นั้นแหละ ผมนี่เก็บอาการไม่อยู่เลยครับ ซึ่งถ้าหากเขาบอกทุกคนที่ไม่เก็บ หรือไม่ได้จงใจที่จะบอกผมคนเดียว ผมจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่เขาไม่ได้บอกใครเลย เขาพยายามจ้องที่จะจับผิดผมแล้วพยายามมาบอกแต่ผม ซึ่งรู้กันดีอยู่แล้วว่าไม่ค่อยถูกกัน ผมก็คิดได้แล้วสินะ ว่าเขาจ้องจะหาเรื่องผม ผมก็เลยโวยวายกลางยิมเลยสิทีนี้
บทสนทนาตอนที่ผมเดินไปถามเขา
ผม - คุณได้บอกคนอื่นไหม ทำไมจ้องจะมาบอกแต่ผม
เทรนเนอร์ พ. - บอกผมก็บอกหมดแหละ
ผม - แต่ผมไม่เห็นคุรบอกใครนะ คนอื่นก็ไม่เก็บแต่คุณไม่ได้บอก
เทรนเนอร์ พ. - บอกไปแล้วผมให้น้องไปบอก
ผม - บอกน้องคนไหน เรียกมาสิ หรือจะให้เปิดกล้องวงจรปิดดู
เทรนเนอร์ พ. - ......
จากนั้นก็มีน้องๆ เทรนเนอร์ในยิมมาขอโทษแล้วแยกผมออกมา
ผมก็เดินเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนฟัง ที่นั่งอยู่หน้ายิม แล้วก็กลับเข้าไปถามเขาอีกครั้ง เพื่อนผมพยายาม ถามว่า
เพื่อน - ผมก็ไม่เห็นมีใครเก็บนะทำไมไม่บอก ซึ่งก่อนหน้านั้นผมก็ไม่ได้เก็บ ทำไมคุณไม่บอกผม
เทรนเนอร์ พ. - ผมไม่อยากคุยกับคุณ
ผมได้ยินนี่อึ้งอีกรอบเลยคราวนี้ ไม่คิดว่าเทรนเนอร์ซึ่งเป็นอาชีพที่เป็นงานบริการจะพูดคำนี้ออกมา
ผมกับเพื่อนเลยบอกกับผู้จัดการร้านว่า ผมต้องการคุยกับคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจเพราะเรื่องนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว ผู้จัดการร้านเลยบอกว่าจะบอกบอสให้ทราบ แล้วผู้จัดการก็ขอโทษเรามา
วันต่อมา มีสายแปลกเข้ามาพร้อมกับคำสวัสดีค่ะ พี่เป็นเจ้าของฟิตเนส ได้ข้าวว่ามีปัญหาอะไรกันหรอคะ ขอทราบปัญหาได้ไหมคะ
ผมก็เลยเล่าไปตามที่บอก เจ้าของก็โอเคนะ ขอโทษทางผมมาแล้วบอกจะตักเตือนลูกน้องให้ ส่วนตัวผมก็อยากจะเคลียโดยการนัดมาคุยกันดีกว่าว่ามันเป้นยังไง มีการเข้าใจไรกันผิดไหมจะได้คุยกันจบๆ เพราะผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้
วันต่อมาเจ้าของก็ได้โทรหาเพื่อนผมเช่นกัน แล้วเพื่อนผมก็ได้เล่าให้เจ้าของฟังเช่นกันแล้วได้นัดกันมา ว่าจะมาคุยกันตอนไหน
พอถึงวันนัดวันแรก ลูกเจ้าของป่วย เพื่อนผมโทรไปถามเขาก็ดึงดราม่า ร้องไห้ว่าไปจี้เขา ทั้งๆที่ก็บอกแล้วว่าลูกป่วยดูแลลูกเถอะครับจะเลื่อนนัดก็ได้ ไม่ได้ว่าไร ผมก็เคลียไปวันนึง
นัดวันที่2 พวกผมมาพร้อมกันที่ยิมเรียบร้อย ขาดแต่เพื่อนอีก 1 คน ซึ่งกำลังเดินทาง เข้าของร้านให้คนมาบอกว่า รออยู่ร้านกาแฟชื่อดังด้านล่าง เพื่อนผมก็เลยบอกไปว่าให้บอกเจ้าของร้านหน่อยรอได้ไหม เพื่อนกำลังเดินทางมา ขอเวลา 20 นาที ถ้ารอไม่ได้จะลงไปหาก่อน ซึ่งก็ไม่มีการตอบกลับมาคิดว่ารอได้ พอเพื่อนผมมาก็เลยรีบเดินกันลงไป 2 คน พร้อมกับเพื่อนที่มาถึงรออยู่ด้านล่าง เพื่อที่จะได้เคลียเรื่องนี้สักที แต่ปรากฎว่า ลงไปเจอแต่ผู้จัดการ พร้อมกับบอกว่าพวกพี่ผิดนัด ปล่อยให้บอสรอมาเป็น ชม. คราวนี้งงเลยครับ คือที่บอกมาไม่ได้บอกต่อใช่ไหม แล้วจะไปก็ไม่บอกกันเลยหรอครับ เพื่อนผมก็เลยยืนคุยกับผู้จัดการว่า ทำไมไม่ไปที่ยิมเพราะพวกผมมารอที่นั้นแล้ว ผู้จัดการเลยบอกมาว่าพวกพี่ผิดนัดเอง แล้วอีกอย่างนี่บอสนู๋นะคะ จะให้บอสซึ่งเป้นเจ้าของร้านไปหาพวกพี่หรอ แต่ละคำผมนี่หมดคำพูดเลยครับ พวกผมอาจะผิดจริงก็เป็นได้เนาะ
---------------------------------------------------------ต่อจากนี้คือข้อข้องใจครับ---------------------------------------------------------------------
1. ผมถามว่าตามกฎ ผมไม่เก็บอุปกรณ์ ผมผิดไหมครับ (ถ้าไม่ได้ว่ากันตามมารยาทนะ) ทั้งๆที่ ดัมเบลหรืออย่างอื่นที่มันเก็บได้ ผมก็พยายามเก็บ ยกเว้นแผ่นน้ำหนักตรงบาร์เบล ซึ่งผมก็ไม่ค่อยจะเห็นใครเก็บออกเท่าไหร่นัก
2. การที่ผมเล่นกับเพื่อนในยิมนี่ มันผิดหรอครับ เห็นเจ้าของบอกว่า ไม่มีนโยบายให้ลูกค้าเซฟกันเอง
3. แล้วถ้าผมไม่ช่วยกันเซฟ หรือเล่นด้วยกัน ผมอยากถามว่า เทรนเนอร์ออนฟอร์พวกคุณไปไหนครับ
4. แล้วพนักงานมีสิทธิเหนือลูกค้าใช่ไหมครับ ที่จะมายืนเถียงลูกค้ากลางยิม(ว่ากันตามระเบียบ)
5. ฟิตเนสเขาเลือกที่จะเซฟพนักงานของเขาหรือเขาต้องการลูกค้าจริงๆครับ
6. เจ้าของ/บอส ที่ผู้จัดการกล่าวถึง คือผมต้องเดินไปกาเขาอย่างเดียวเขาไม่สามารถเดินมาหาผมได้หรอครับ
-------------------------------------------------------------สรุป-----------------------------------------------------------------------------------------
ผมเป็นคนที่อยากออกกำลังกายคนนึง ผมอยากมีเพื่อนเล่นกันสนุกๆ คืออยากมาผ่อนคลายและอยากได้สุขภาพ ผมผิดใช่ไหม ที่ผมไม่สมัครเทรนเนอร์ส่วนตัว ผมผิดใช่ไหมที่ไม่มีตังจ้างพวกเขา ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรต่อจากนี้ เพราะตอนนี้ผมก็ได้ไปสมัครที่อื่นเรียบร้อยแล้ว ผมทิ้งระยะเวลาที่เหลือกับฟิตเนสนี้ เพื่อความสบายใจของผมเองมากกว่า สุดท้ายอยากฝากเป็นอุทาหรณ์ในการเลือกยิมสักนิดนะครับ ไม่ได่มีเจตนาทำให้ใครเสียหาย แค่อยากจะบอกผ่านเท่านั้น
------------ยาวไปหน่อยแต่ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ หลังจากนี้อาจจะมีเพื่อนผมมาเล่าเรื่องของเขาเพิ่มเติมนะครับ-------------------------
ปัญหา-เทรนเนอร์-ยิม-คนเล่นฟิตเนส
เริ่มจากเมื่อปีที่แล้วผมได้สมัครฟิตเนสที่นึง ย่านสามเสน เป็นฟิตเนสอยู่ในห้างเล็กๆ พื้นที่ไม่ใหญ่ ค่าเข้าตอนพรีเซลก็แพงพอได้อยู่ แต่อาศัยใกล้บ้าน เลยไม่ใช่ปัญหาอะไร ผมเข้ามาพร้อมความหวังที่จะเจอเทรนเนอร์ออนฟอร์อย่างที่ทางฟิตเนสได้แจ้งไว้เพราะผมเข้ามาเล่นคนเดียวไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเล่นเวทเท่าไหร่นัก ก็พองูๆปลาๆ อาศัยยูทูปในการเล่นบ้าง เริ่มมาแรกๆ ก็ไม่มีเทรนเนอร์ออนฟอร์อย่างที่หวังไว้ เทรนเนอร์ทุกคนหวังเพียงแต่ที่จะหาลูกเทรนเป็นของตัวเอง ส่วนผมหรอไม่เอาอ่าครับ ไม่มีตังด้วยแหละ 55+ หวังแค่ว่าจะมีใครมาช่วยสอนบ้างแนะนำบ้างช่วยเซฟบ้าง ก็มีนะครับแต่น้อยมาก ทุกคนก็เอาแต่เทรนลูกค้าของตัวเอง เวลาเทรนเสร็จก็มุดเข้าไปในห้องของพนักงาน ไม่ค่อยมีใครมาสนใจที่จะดูแลลูกค้าทั่วไปเท่าไหร่ แล้ววันดีคืนดี ผมก็ได้รู้จักกับเพื่อนกลุ่มนึง ก็เลยทำให้บรรยากาศในยิมเปลี่ยนไป ผมมีคนช่วยเล่นช่วยดู ซึ่งมาจากเพื่อนกลุ่มนั้น ไม่ได้มาจากเทรนเนอร์แต่อย่างใด แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสแล้ว เพราะผมคิดว่าการได้เล่นกับเพื่อนมันมีความสุขกว่า มันทำให้อยากเล่นมากขึ้น มีแรงผลักดัน ถึงจะเล่นถูกบ้างไม่ถูกบ้าง แต่ก็มีความสุขดีครับ จนเวลาผ่านเลยไป สุขภาพร่างกายผมก็แข็งแรงขึ้นตามลำดับ เพราะความรู้จากยูทูปและเพื่อนเป็นส่วนมาก จึงมีคนอยากมาเล่นตาม ผมก็ได้บอกสถานที่ ที่ผมมมาออกกำลังกายให้คนอื่นรู้ เพื่อนๆจากข้างนอกจึงเข้ามาสมัครกัน โดยที่ผมก็แค่อยากให้มีเพื่อนมากขึ้นเท่านั้น
ทุกคนคงคิดนะครับว่าเรื่องไม่เห็นมีอะไรเลย อันนั้นมันแค่เริ่มต้น คือที่มาที่ไปว่าผมมาทำอะไรและผมเจออะไร
ของจริงมันต่อจากนี้ต่างหากครับ มาวันนึงกลุ่มเพื่อนของผมได้ผิดใจกับเทรนเนอร์ส่วนตัว (บางคนมีเทรนเนอร์ส่วนตัว) ซึ่งเพื่อนของผมไม่ได้ทำการต่อสัญญากะเทรนเนอร์ เรียกง่ายๆว่าไม่เอาเทรนเนอร์แล้ว อยากเล่นเองโดยมีเหตุผลของเขา อันนี้ผมไม่อยากเล่าในส่วนของคนอื่น เดี่ยวเพื่อนผมเห็นโพสต์อาจจะมาเล่าต่อให้ฟังครับ ในส่วนตัวของผมเองก็ได้ถามเหตุผลแล้ว เข้าใจกันดี หลังจากนั้น ผมกับเพื่อนก็มาเล่นด้วยกันตามปกติ แต่เขากลับมองเห็นผมเป็นตัวปัญหาที่ทำให้ลูกเทรนของเขาไม่ต่อสัญญา และกล่าวหาว่าผมเป็นเทรนเนอร์ฟรีแลนซ์ ที่แอบเข้ามาเทรนให้คนในยิม ซึ่งตัวผมเองก็ลูกค้าคนนึงเหมือนกัน จนมีผู้จัดการร้านเข้ามาถามผมว่า มีคนบอกว่าพี่เป็นเทรนเนอร์ฟรีแลนซ์ จนต้องอธิบายให้ฟังแล้วก็บอกให้ไปดูตอนผมเข้ามาว่าสภาพผมเป็นแบบไหนแล้วผมรู้จักใครหรือเปล่า ผู้จักการร้านก็เข้าใจ เขาบอกแต่เพียงว่าบอสเขาได้รับแจ้งมาแบบนั้น ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร จนอยู่นานๆไป ก็ได้มีเหตุการณ์ต่างๆเข้ามาเรื่อยๆ จากบรรยากาศที่ผมอยากไปออกกำลังกาย มันทำให้ผมไม่อยากไปที่นั้นอีก เพราะมีแต่คนมองด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะเป้นมิตรเท่าไหร่
วันเกิดเรื่องวันแรก เกิดจากเทรนเนอร์ ตัวย่อ พ. ปัญหาได้เกิดขึ้นตอนที่ผมได้เล่นอยู่กับเพื่อน 3 คน เขาไม่ได้ช่วยแนะนำ แต่ยังคอยจ้องจับผิด จนถึงท่าเล่นหัวไหล่ คือ Behind-the-neck barbell overhead press
หลังจากที่เล่นกันเสร็จมีเพื่อนผมคนนึง ยังไม่กลับบ้าน เขาก็ได้ไปคุยกะเพื่อนผมว่า ผมพาเล่นกันผิดๆ มันไม่ได้อะไร เหมือนประมาณว่าไม่อยากให้พวกผมเล่นด้วยกันประมาณนี้ เพื่อนผมพอออกจากยิมได้ก็โทรหาผมกับเพื่อนอีกคน แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พวกผมก็ไม่ได้พอใจเท่าไหร่นัก จึงได้ไปเล่าให้ผู้จัดการฟังว่ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จะแก้ไขกันยังไง ผู้จัดการก็ได้บอกมาว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ ผมก็ไม่ได้ติดตามเรื่องต่อว่าจะเป็นยังไง ก็แค่อยากให้รับรู้ปัญหาเท่านั้น
จากนั้นก็นานพอสมควร ผมกับเทรนเนอร์ พ. ก็ไม่ค่อยถูกชะตากัน ซึ่งผมก็ไม่ได้คุยกับเขา เขาก็ไม่ได้มาคุยกับผม ต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้มีไรซึ่งกันและกัน แต่ตอนเขาอยู่ผมก็ไม่อยากไปเล่นเท่าไหร่นัก บรรยากาศมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะเขาจะชอบมองแบบจับผิดตลอดเวลา
จนเรื่องมาถึงขีดสุดของเรื่องนี้ ผมกับเพื่อน 2 คน ได้เล่นบาร์เบล แล้วไม่ได้เก็บแผ่นน้ำหนักออกจากบาร์เบล
จนมีเทรนเนอร์คนนึง ตัวย่อ ต. มาถามเพื่อนผมว่า เล่นเสร็จรึยังครับ เพื่อนผมตอบว่าเสร็จแล้ว เทรนเนอร์ ต. ก็บอกว่าทีหลังเล่นเสร็จเก็บด้วยนะครับ "มันเป็นมารยาททางสังคม" ซึ่งผมได้ยินแล้วอึ้งไปซักพักนึง คือถ้าต้องการบอกกันดีๆ ไม่ต้องมีคำต่อท้ายก็ได้มั้งครับ เพื่อนผมก็หันมามองหน้าผมแล้วเดินไปคุยกัน 2 คน ว่ามันพูดเกินไปไหม ผมก็บอกว่าเกินไปนะ คนอื่นไม่เก็บไม่เคยเห็นจะพูดจะบอกอะไรกับใครเลย
ซึ่งเรื่องนี้เขาว่าเพื่อนผม ผมเลยไม่ได้ออกตัวเท่าไหร่ ผมยังคิดในใจถ้าวันไหนโดนมั้ง จะเป็นยังไงน้อ
หลังจากวันนั้นผมก็เล่นของผมตามปกติ ซึ่งผมสังเกตุว่าไม่ได้มีคนเก็บอุปกรณ์ที่เล่นเสร็จแล้วแต่อย่างใด ผมก็ได้ถ่ายภาพไว้เรียบร้อยหมดแล้ว แต่คงไม่ลงนะครับ ใครอยากเห็นหลังไมค์มาได้ครับ ผมพยายามเก็บหลักฐานที่เขาไม่เล่นแล้วไม่เก็บกันมา รวมทั้งเทรนเนอร์ ที่สอนลูกเทรนแล้วไม่เก็บก็มี เข้าเรื่องดีกว่า วันที่ผมโดนคือวันที่ผมอยู่คนเดียว เพื่อนผมเล่นเสร็จแล้ว นั้งอยู่ข้างนอก เทรนเนอร์ พ. ได้เดินดิ่งเข้ามาหาผม พร้อมกับบอกว่า เล่นเสร็จยัง ผมก็บอกเสร็จแล้ว เขาก็บอก วันหลังเก็บด้วยนะครับ แค่นั้นแหละ ผมนี่เก็บอาการไม่อยู่เลยครับ ซึ่งถ้าหากเขาบอกทุกคนที่ไม่เก็บ หรือไม่ได้จงใจที่จะบอกผมคนเดียว ผมจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่เขาไม่ได้บอกใครเลย เขาพยายามจ้องที่จะจับผิดผมแล้วพยายามมาบอกแต่ผม ซึ่งรู้กันดีอยู่แล้วว่าไม่ค่อยถูกกัน ผมก็คิดได้แล้วสินะ ว่าเขาจ้องจะหาเรื่องผม ผมก็เลยโวยวายกลางยิมเลยสิทีนี้
บทสนทนาตอนที่ผมเดินไปถามเขา
ผม - คุณได้บอกคนอื่นไหม ทำไมจ้องจะมาบอกแต่ผม
เทรนเนอร์ พ. - บอกผมก็บอกหมดแหละ
ผม - แต่ผมไม่เห็นคุรบอกใครนะ คนอื่นก็ไม่เก็บแต่คุณไม่ได้บอก
เทรนเนอร์ พ. - บอกไปแล้วผมให้น้องไปบอก
ผม - บอกน้องคนไหน เรียกมาสิ หรือจะให้เปิดกล้องวงจรปิดดู
เทรนเนอร์ พ. - ......
จากนั้นก็มีน้องๆ เทรนเนอร์ในยิมมาขอโทษแล้วแยกผมออกมา
ผมก็เดินเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนฟัง ที่นั่งอยู่หน้ายิม แล้วก็กลับเข้าไปถามเขาอีกครั้ง เพื่อนผมพยายาม ถามว่า
เพื่อน - ผมก็ไม่เห็นมีใครเก็บนะทำไมไม่บอก ซึ่งก่อนหน้านั้นผมก็ไม่ได้เก็บ ทำไมคุณไม่บอกผม
เทรนเนอร์ พ. - ผมไม่อยากคุยกับคุณ
ผมได้ยินนี่อึ้งอีกรอบเลยคราวนี้ ไม่คิดว่าเทรนเนอร์ซึ่งเป็นอาชีพที่เป็นงานบริการจะพูดคำนี้ออกมา
ผมกับเพื่อนเลยบอกกับผู้จัดการร้านว่า ผมต้องการคุยกับคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจเพราะเรื่องนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว ผู้จัดการร้านเลยบอกว่าจะบอกบอสให้ทราบ แล้วผู้จัดการก็ขอโทษเรามา
วันต่อมา มีสายแปลกเข้ามาพร้อมกับคำสวัสดีค่ะ พี่เป็นเจ้าของฟิตเนส ได้ข้าวว่ามีปัญหาอะไรกันหรอคะ ขอทราบปัญหาได้ไหมคะ
ผมก็เลยเล่าไปตามที่บอก เจ้าของก็โอเคนะ ขอโทษทางผมมาแล้วบอกจะตักเตือนลูกน้องให้ ส่วนตัวผมก็อยากจะเคลียโดยการนัดมาคุยกันดีกว่าว่ามันเป้นยังไง มีการเข้าใจไรกันผิดไหมจะได้คุยกันจบๆ เพราะผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้
วันต่อมาเจ้าของก็ได้โทรหาเพื่อนผมเช่นกัน แล้วเพื่อนผมก็ได้เล่าให้เจ้าของฟังเช่นกันแล้วได้นัดกันมา ว่าจะมาคุยกันตอนไหน
พอถึงวันนัดวันแรก ลูกเจ้าของป่วย เพื่อนผมโทรไปถามเขาก็ดึงดราม่า ร้องไห้ว่าไปจี้เขา ทั้งๆที่ก็บอกแล้วว่าลูกป่วยดูแลลูกเถอะครับจะเลื่อนนัดก็ได้ ไม่ได้ว่าไร ผมก็เคลียไปวันนึง
นัดวันที่2 พวกผมมาพร้อมกันที่ยิมเรียบร้อย ขาดแต่เพื่อนอีก 1 คน ซึ่งกำลังเดินทาง เข้าของร้านให้คนมาบอกว่า รออยู่ร้านกาแฟชื่อดังด้านล่าง เพื่อนผมก็เลยบอกไปว่าให้บอกเจ้าของร้านหน่อยรอได้ไหม เพื่อนกำลังเดินทางมา ขอเวลา 20 นาที ถ้ารอไม่ได้จะลงไปหาก่อน ซึ่งก็ไม่มีการตอบกลับมาคิดว่ารอได้ พอเพื่อนผมมาก็เลยรีบเดินกันลงไป 2 คน พร้อมกับเพื่อนที่มาถึงรออยู่ด้านล่าง เพื่อที่จะได้เคลียเรื่องนี้สักที แต่ปรากฎว่า ลงไปเจอแต่ผู้จัดการ พร้อมกับบอกว่าพวกพี่ผิดนัด ปล่อยให้บอสรอมาเป็น ชม. คราวนี้งงเลยครับ คือที่บอกมาไม่ได้บอกต่อใช่ไหม แล้วจะไปก็ไม่บอกกันเลยหรอครับ เพื่อนผมก็เลยยืนคุยกับผู้จัดการว่า ทำไมไม่ไปที่ยิมเพราะพวกผมมารอที่นั้นแล้ว ผู้จัดการเลยบอกมาว่าพวกพี่ผิดนัดเอง แล้วอีกอย่างนี่บอสนู๋นะคะ จะให้บอสซึ่งเป้นเจ้าของร้านไปหาพวกพี่หรอ แต่ละคำผมนี่หมดคำพูดเลยครับ พวกผมอาจะผิดจริงก็เป็นได้เนาะ
---------------------------------------------------------ต่อจากนี้คือข้อข้องใจครับ---------------------------------------------------------------------
1. ผมถามว่าตามกฎ ผมไม่เก็บอุปกรณ์ ผมผิดไหมครับ (ถ้าไม่ได้ว่ากันตามมารยาทนะ) ทั้งๆที่ ดัมเบลหรืออย่างอื่นที่มันเก็บได้ ผมก็พยายามเก็บ ยกเว้นแผ่นน้ำหนักตรงบาร์เบล ซึ่งผมก็ไม่ค่อยจะเห็นใครเก็บออกเท่าไหร่นัก
2. การที่ผมเล่นกับเพื่อนในยิมนี่ มันผิดหรอครับ เห็นเจ้าของบอกว่า ไม่มีนโยบายให้ลูกค้าเซฟกันเอง
3. แล้วถ้าผมไม่ช่วยกันเซฟ หรือเล่นด้วยกัน ผมอยากถามว่า เทรนเนอร์ออนฟอร์พวกคุณไปไหนครับ
4. แล้วพนักงานมีสิทธิเหนือลูกค้าใช่ไหมครับ ที่จะมายืนเถียงลูกค้ากลางยิม(ว่ากันตามระเบียบ)
5. ฟิตเนสเขาเลือกที่จะเซฟพนักงานของเขาหรือเขาต้องการลูกค้าจริงๆครับ
6. เจ้าของ/บอส ที่ผู้จัดการกล่าวถึง คือผมต้องเดินไปกาเขาอย่างเดียวเขาไม่สามารถเดินมาหาผมได้หรอครับ
-------------------------------------------------------------สรุป-----------------------------------------------------------------------------------------
ผมเป็นคนที่อยากออกกำลังกายคนนึง ผมอยากมีเพื่อนเล่นกันสนุกๆ คืออยากมาผ่อนคลายและอยากได้สุขภาพ ผมผิดใช่ไหม ที่ผมไม่สมัครเทรนเนอร์ส่วนตัว ผมผิดใช่ไหมที่ไม่มีตังจ้างพวกเขา ผมไม่ได้เรียกร้องอะไรต่อจากนี้ เพราะตอนนี้ผมก็ได้ไปสมัครที่อื่นเรียบร้อยแล้ว ผมทิ้งระยะเวลาที่เหลือกับฟิตเนสนี้ เพื่อความสบายใจของผมเองมากกว่า สุดท้ายอยากฝากเป็นอุทาหรณ์ในการเลือกยิมสักนิดนะครับ ไม่ได่มีเจตนาทำให้ใครเสียหาย แค่อยากจะบอกผ่านเท่านั้น
------------ยาวไปหน่อยแต่ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ หลังจากนี้อาจจะมีเพื่อนผมมาเล่าเรื่องของเขาเพิ่มเติมนะครับ-------------------------