เรามีปัญหาทางครอบครัวแต่เด็กค่ะ แม่ด่าทุกวัน ทำร้ายร่างกายเรา พี่ชายก็เช่นกัน พอมีพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงก็ด่าและทำร้ายเราด้วยการบีบคอ พี่ชายก็อยู่ในเหตุการณ์ แล้วบอกพ่อเลี้ยงว่าบีบมันให้ตายไปเลย แล้วยืนดูอย่างตั้งใจ แต่พ่อเลี้ยงปล่อยแล้วเดินจากไป
ทุกคืนเราต้องร้องไห้ถึงจะหลับค่ะ และต้องร้องแบบเงียบที่สุด ( เอาหมอนอุดหน้า ) ไม่ให้มีเสียงสั่งน้ำมูก เพราะถ้ามีใครได้ยินก็จะมาด่ามาตบตี
เวลาเราพูดกับคนในบ้าน พวกเขามักจะทำให้เป็นเรื่องตลอด เวลาใครถาม( แบบมีเรื่อง )ใครด่าอะไรเราจะไม่พูดเลย เราจะหันหน้าหนีไม่มองหน้า เพราะเคยพูดแล้ว เขาก็ยังด่ามาทำร้ายอยู่อีก
เราไปร.ร.เราเข้ากับใครไม่ได้เลยตั่งแต่อนุบาล ไม่กล้าคุยกับใคร เพราะกลัวมีเรื่องด้วย ครูอนุบาลก็ชอบด่าเป็นใบ้และดึงหูแรงมากเกือบทุกวัน พอขึ้นประถมก็โดนเพื่อนมองเป็นตัวประหลาดไม่ยอมพูด ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ พอเรียนไม่เก่งก็โดนครูด่าว่าโง่ทั้งตระกูล
แม่ให้เราเดินกลับบ้านเองคนเดียวตั้งแต่ประถม6 ส่วนพี่ชายแม่ซื้อรถมอไซต์ให้พอขึ้นมัธยม 1
พอเราขึ้นมัธยม 1 ( ร.ร.เดียวกับพี่ชาย ) บางวันเราเดินไปร.ร. แม่บอกให้เดินไปเอง พี่ชายไม่สนใจคำพูดแม่ หลังเลิกเรียนเราโทรหาแม่ด้วยตู้โทรศัพท์สาธารณะแล้วบอกให้แม่มารับ ( จริงๆแม่ไม่เคยบอกให้เราโทร เราโทรไปเพราะเห็นนักเรียนคนอื่นเขาทำกัน ) พ่อแม่นักเรียนคนอื่นมารับเร็วมากเลย เรารอแม่จน 18.00 กว่าแม่จะมา เหลือเรานั่งรอคนเดียว เราร้องไห้ไปหลายครั้ง พอแม่มารับแล้วครั้งแรกแม่ไม่ว่าอะไร พอเราโทรบอกให้มารับได้ 1 อาทิตย์ แม่มาช้ากว่าปกติ เราเลยโทรไปหาแม่อีกที แม่บอกเราว่า กุไม่ใช่ทาส ใช้ให้กุไปรับไปส่งตลอดเลยหรือไง เดินกลับเองดิ ( ด้วยน้ำเสียงโมโห ) จากนั้นเราก็เดินกลับบ้านเองทุกวัน กว่าจะถึงบ้านก็ 30 นาที
ลืมบอกค่ะเงินไปร.ร.แม่จะตั้งให้เท่ากัน แต่เราเอาไปแค่ 20฿ บางวันก็ไม่เอาเลย เพราะแม่เคยบอกว่า คนอื่นเขาเอาข้าวที่บ้านไปกินเองทั้งนั้น เราก็ทำตามที่แม่บอก แต่เงินที่เหลือที่เราไม่เอาไป พี่ชายเราเอาไปหมดเลยค่ะ แม่ก็ยังคิดว่าเราใช้เงินแม่อยู่ทุกวัน
ปิดเทอมม.1 แม่บอกว่าจะให้เราขายของออนไลน์ให้แม่ เราเลยทำตามที่เพื่อนแม่แนะนำแม่มาว่าให้ไปสมัครเว็ปอะไรบ้าง ตอนแรกแม่ให้ลงเว็ปเดียว แต่พอทำไปเรื่อยๆ เราต้องลงเกือบ 10 เว็ป ลงของชิ้นนึง เหมือนลง 10 ชิ้น นั่งหน้าคอมทั้งวัน ทำตั้งแต่ 8 โมงถึงตี 1 ทำให้สายตาเลยสั้นเกือบ 500 ทุกวันนี้และสั้นเพิ่มขึ้นทุกปี มีเงินเข้าบัญชีแม่ทุกวัน แม่ปลดหนี้เร็ว และทำบ้านใหม่ พี่ชายไม่เคยช่วยอะไร ช่วยเลี้ยงน้องลายอย่างเดียว และสอนให้น้องเรียกเราอีนี่ อี+ชื่อเล่น สอนให้น้องเกลียดเรา
ระหว่างเราเรียนม.3 แม่บอกว่าเอาวุฒิม.3ก็พอแล้วไปทำงานผู้ช่วยพยาบาลที่รพ.รัฐ
เราค่อนข้างตกใจ+เสียใจในเวลาเดียวกันที่แม่ดูถูกเราขนาดนี้ เราเรียนเกรดเฉลี่ย ไม่เคยต่ำกว่า 3.30 แต่พี่ชายเรียนติด 0 แก้ทุกเทอม เพื่อให้เกรดถึง 2.00 แต่ยังได้เรียนม.ปลาย แล้วครั้งนี้แม่ก็ร้องไห้เพราะครั้งนี้เราไม่ฟังอะไรเลย เราบอกเราจะเรียนม.ปลาย แม่เลยไปพาญาติและตายายมากล่อมเรา เราก็ไม่ยอมคุยกับใครด้วยเลย พอคนอื่นกลับกันหมด แม่ก็ด่าสาปแช่งเรา ไม่ฟังแม่ ไม่เจริญหรอก
วันนั้นเราเลยแอบคนในบ้าน ทำเป็นหนีออกจากบ้าน แต่จริงๆก็อยู่ในบ้าน พอตกค่ำเห็นเราไม่กลับ พี่ชายบอกแม่เราว่า จะไปหาเราที่บ้านเพื่อนเราที่เราเคยไป พอกลับมาก็บอกแม่เราว่า ไม่อยู่สักที่เลย สงสัยตายห่าแล้วมั้ง แล้วแม่บอกว่า ตายไปก็ดี ไม่มีมันอยู่ก็อยู่กับลูกชาย2คนนี้แหละ ( แม่ไม่เคยเรียกเราลูก ) ป้าตายายก็ไม่มีใครอยากเอามันไปอยู่ด้วย สันดานแบบนี้อยู่กับใครไม่ได้ และไม่พูดถึงเราอีกเลย เราได้ยินเสียงหัวเราะหน้าทีวีของคนทั้งครอบครัว ตอนนั้นคำว่ารักแม่สำหรับเรามันหายไปแล้ว นี่คือธาตุแท้ของคนทั้งบ้าน พอเที่ยงเราออกมาปรากฎตัวดูว่ามีใครพูดอะไรกับเราไหม แม่ไม่พูดอะไร พี่พูดว่า ไม่ตายๆไปว่ะ ไม่มีใครต้องการ น้องชายพูดว่า อี+ชื่อเล่นไม่ตายอีกหรอวะ
จากนั้นเราเลยเลิกขายของออนไลน์ไปเป็นเดือน แม่ด่าสารพัดและไล่ออกจากบ้าน เราออกทันทีไปอยู่บ้านป้า แต่อยู่ได้ไม่กี่วันแม่ก็มารับกลับให้มาสอนลงของ แม่กับพี่ชายช่วยกันทำสองคน แต่สงครามแย่งเงินก็เกิดขึ้น เวลาขายของพี่เราจะส่งบัญชีพี่เราไป ไม่ส่งบัญชีแม่ไป แต่บอกให้แม่แพ๊คของตัวเองทุกวัน แม่รู้จัวตอนที่แม่ปรับสมุดบัญชีแล้วไม่มียอดเงินเข้า พอแม่รู้แม่ก็ถามพี่ชาย พี่ชายก็บอกต้องใช้บัญชีผมอยู่แล้ว เพราะผมเป็นคนขายเอง แม่ไม่ได้ขาย แต่แม่ไม่โกรธอะไร เหมือนพอใจนะที่ลูกชายหาเงินเก่ง
ขึ้นม.4 เราเรียนศิลป์ภาษา คนที่บ้านด่าจะเป็นจะตายเรียนไปจะได้อะไร จบมาหางานได้ที่ไหน ( เราคิดว่าคำพูดนี้น่าเอาไปพูดกับพี่ชาย เพราะพี่ชายเรียนศิลป์ทั่วไปไม่มีอะไรเจาะจง ) พอเราเริ่มเรียนได้เทอมแรก เราก็เป็นเป้าสายตาครู ครูพาเราไปแข่งภาษาหลายเวที ได้เกียรติบัตรเยอะมาก แล้วแม่ก็ทำเหมือนเรามีตัวตนขึ้นมา เอาเราไปพูดกับญาติพี่น้องกับลูกค้าหลากหลายคน พี่ชายกับน้องชายก็นิ่งเงียบแต่ชอบมาขัดตอนเรากำลังท่องศัพท์ในห้องนอน ชอบเดินมาปิดไฟ พอเราเปิดไฟก็เดินมาปิดอีก แม่บอกว่าประหยัดไฟบ้างดิ รู้ไหมค่าไฟเท่าไหร่ ...โชคดีที่แสงพระจันทร์ส่องเข้าห้องพอดี เราเลยอ่านใต้แสงจันทร์
พอเราขึ้นม.5 เราเริ่มทำงานรับจ้างทั่วไป เพื่อเก็บเงินไปเรียนมหาวิทยาลัย แม่บอกว่าจะไม่ส่งเรา รอส่งน้องชายไปเรียนหมอ พอแม่เห็นเราทำงานกลับบ้านดึก แม่จะถามว่าไหนละเงิน ไม่เห็นเอามาให้กุบ้างเลย คิดว่าอยู่บ้านนี้ฟรีหรอ ( เรากลับบ้านดึกแม่ไม่เคยโทรหาเราเลย โทรหาแต่พี่ชาย ) พอเราได้เงินเราก็ใส่ไว้ในลิ้นชักเงินแม่หลักร้อยหลักพัน แต่พี่ชายจะชอบหยิบไปใช้เอง
ขึ้นมหาลัย เราได้ทุนเรียนฟรีตลอด 4 ปีพร้อมเงินค่าอาหารทุกเดือน ในจังหวัดเดียวกับที่บ้าน เราเช่าอยู่หอไม่เคยคิดจะกลับบ้านหรือติดต่อคนที่บ้านเลย และเป็นทางเลือกที่ถูก เราอยู่ที่นี่แล้วเรามีความสุข สบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาหาเรื่องอีก เราเรียนไปด้วยทำงานธุรกิจส่วนตัวไปด้วย ชีวิตดีขึ้นมีเงินเก็บเองครั้งแรก พอใกล้จบปี4เราก็มาทำงานอยู่บ้านที่ทำงานร่วมกันกับแฟน แต่เรามักจะมีอาการนี้ คือเมื่อเราอยู่กับแฟน โดยเฉพาะใกล้มาเมนส์ เราจะอ่อนไหวง่ายมาก พอแฟนทำอะไรให้ไม่พอใจนิดหน่อย เราก็จะร้องไห้ ไม่คุยด้วย ถามอะไรไม่ตอบ หลบหน้าหลบตา หลายวัน เราเริ่มทำกับแฟนเหมือนทำกับคนในครอบครัว คือ ไม่คุย ไม่มอง ไม่สนใจความรู้สึก และแอบร้องไห้หน้าซุกหมอนเพราะอยู่ๆเรื่องเก่าในครอบครัวมันผุดขึ้นมา มันตราตรึงอยู่ในใจไม่หายไปไหน กว่าจะดีขึ้นก็คือแฟนต้องคุยกับเราแบบใจเย็นๆ เอาใจเราเยอะๆ ไม่รุ่มร้อนแบบที่เคยโดนคนที่บ้านทำ
เรามีอาการเศร้าแบบนี้ทุกเดือนเลย เราร้องไห้ทุกเดือนเพราะเรื่องในอดีตมันผุดขึ้นมาในหัว เป็นประมาณ 4-5 วันถึงจะดีขึ้น เราอยากลืมเรื่องในครอบครัว เพราะถ้าลืมแล้วเราคงจะได้ใช้ชีวิตปกติแบบคนอื่น
ขอระบายนะคะ ขอสอบถามด้วยค่ะมีวิธีแก้อาการเหมือนโรคประสาทนี้ไหมคะ
ทุกคืนเราต้องร้องไห้ถึงจะหลับค่ะ และต้องร้องแบบเงียบที่สุด ( เอาหมอนอุดหน้า ) ไม่ให้มีเสียงสั่งน้ำมูก เพราะถ้ามีใครได้ยินก็จะมาด่ามาตบตี
เวลาเราพูดกับคนในบ้าน พวกเขามักจะทำให้เป็นเรื่องตลอด เวลาใครถาม( แบบมีเรื่อง )ใครด่าอะไรเราจะไม่พูดเลย เราจะหันหน้าหนีไม่มองหน้า เพราะเคยพูดแล้ว เขาก็ยังด่ามาทำร้ายอยู่อีก
เราไปร.ร.เราเข้ากับใครไม่ได้เลยตั่งแต่อนุบาล ไม่กล้าคุยกับใคร เพราะกลัวมีเรื่องด้วย ครูอนุบาลก็ชอบด่าเป็นใบ้และดึงหูแรงมากเกือบทุกวัน พอขึ้นประถมก็โดนเพื่อนมองเป็นตัวประหลาดไม่ยอมพูด ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ พอเรียนไม่เก่งก็โดนครูด่าว่าโง่ทั้งตระกูล
แม่ให้เราเดินกลับบ้านเองคนเดียวตั้งแต่ประถม6 ส่วนพี่ชายแม่ซื้อรถมอไซต์ให้พอขึ้นมัธยม 1
พอเราขึ้นมัธยม 1 ( ร.ร.เดียวกับพี่ชาย ) บางวันเราเดินไปร.ร. แม่บอกให้เดินไปเอง พี่ชายไม่สนใจคำพูดแม่ หลังเลิกเรียนเราโทรหาแม่ด้วยตู้โทรศัพท์สาธารณะแล้วบอกให้แม่มารับ ( จริงๆแม่ไม่เคยบอกให้เราโทร เราโทรไปเพราะเห็นนักเรียนคนอื่นเขาทำกัน ) พ่อแม่นักเรียนคนอื่นมารับเร็วมากเลย เรารอแม่จน 18.00 กว่าแม่จะมา เหลือเรานั่งรอคนเดียว เราร้องไห้ไปหลายครั้ง พอแม่มารับแล้วครั้งแรกแม่ไม่ว่าอะไร พอเราโทรบอกให้มารับได้ 1 อาทิตย์ แม่มาช้ากว่าปกติ เราเลยโทรไปหาแม่อีกที แม่บอกเราว่า กุไม่ใช่ทาส ใช้ให้กุไปรับไปส่งตลอดเลยหรือไง เดินกลับเองดิ ( ด้วยน้ำเสียงโมโห ) จากนั้นเราก็เดินกลับบ้านเองทุกวัน กว่าจะถึงบ้านก็ 30 นาที
ลืมบอกค่ะเงินไปร.ร.แม่จะตั้งให้เท่ากัน แต่เราเอาไปแค่ 20฿ บางวันก็ไม่เอาเลย เพราะแม่เคยบอกว่า คนอื่นเขาเอาข้าวที่บ้านไปกินเองทั้งนั้น เราก็ทำตามที่แม่บอก แต่เงินที่เหลือที่เราไม่เอาไป พี่ชายเราเอาไปหมดเลยค่ะ แม่ก็ยังคิดว่าเราใช้เงินแม่อยู่ทุกวัน
ปิดเทอมม.1 แม่บอกว่าจะให้เราขายของออนไลน์ให้แม่ เราเลยทำตามที่เพื่อนแม่แนะนำแม่มาว่าให้ไปสมัครเว็ปอะไรบ้าง ตอนแรกแม่ให้ลงเว็ปเดียว แต่พอทำไปเรื่อยๆ เราต้องลงเกือบ 10 เว็ป ลงของชิ้นนึง เหมือนลง 10 ชิ้น นั่งหน้าคอมทั้งวัน ทำตั้งแต่ 8 โมงถึงตี 1 ทำให้สายตาเลยสั้นเกือบ 500 ทุกวันนี้และสั้นเพิ่มขึ้นทุกปี มีเงินเข้าบัญชีแม่ทุกวัน แม่ปลดหนี้เร็ว และทำบ้านใหม่ พี่ชายไม่เคยช่วยอะไร ช่วยเลี้ยงน้องลายอย่างเดียว และสอนให้น้องเรียกเราอีนี่ อี+ชื่อเล่น สอนให้น้องเกลียดเรา
ระหว่างเราเรียนม.3 แม่บอกว่าเอาวุฒิม.3ก็พอแล้วไปทำงานผู้ช่วยพยาบาลที่รพ.รัฐ
เราค่อนข้างตกใจ+เสียใจในเวลาเดียวกันที่แม่ดูถูกเราขนาดนี้ เราเรียนเกรดเฉลี่ย ไม่เคยต่ำกว่า 3.30 แต่พี่ชายเรียนติด 0 แก้ทุกเทอม เพื่อให้เกรดถึง 2.00 แต่ยังได้เรียนม.ปลาย แล้วครั้งนี้แม่ก็ร้องไห้เพราะครั้งนี้เราไม่ฟังอะไรเลย เราบอกเราจะเรียนม.ปลาย แม่เลยไปพาญาติและตายายมากล่อมเรา เราก็ไม่ยอมคุยกับใครด้วยเลย พอคนอื่นกลับกันหมด แม่ก็ด่าสาปแช่งเรา ไม่ฟังแม่ ไม่เจริญหรอก
วันนั้นเราเลยแอบคนในบ้าน ทำเป็นหนีออกจากบ้าน แต่จริงๆก็อยู่ในบ้าน พอตกค่ำเห็นเราไม่กลับ พี่ชายบอกแม่เราว่า จะไปหาเราที่บ้านเพื่อนเราที่เราเคยไป พอกลับมาก็บอกแม่เราว่า ไม่อยู่สักที่เลย สงสัยตายห่าแล้วมั้ง แล้วแม่บอกว่า ตายไปก็ดี ไม่มีมันอยู่ก็อยู่กับลูกชาย2คนนี้แหละ ( แม่ไม่เคยเรียกเราลูก ) ป้าตายายก็ไม่มีใครอยากเอามันไปอยู่ด้วย สันดานแบบนี้อยู่กับใครไม่ได้ และไม่พูดถึงเราอีกเลย เราได้ยินเสียงหัวเราะหน้าทีวีของคนทั้งครอบครัว ตอนนั้นคำว่ารักแม่สำหรับเรามันหายไปแล้ว นี่คือธาตุแท้ของคนทั้งบ้าน พอเที่ยงเราออกมาปรากฎตัวดูว่ามีใครพูดอะไรกับเราไหม แม่ไม่พูดอะไร พี่พูดว่า ไม่ตายๆไปว่ะ ไม่มีใครต้องการ น้องชายพูดว่า อี+ชื่อเล่นไม่ตายอีกหรอวะ
จากนั้นเราเลยเลิกขายของออนไลน์ไปเป็นเดือน แม่ด่าสารพัดและไล่ออกจากบ้าน เราออกทันทีไปอยู่บ้านป้า แต่อยู่ได้ไม่กี่วันแม่ก็มารับกลับให้มาสอนลงของ แม่กับพี่ชายช่วยกันทำสองคน แต่สงครามแย่งเงินก็เกิดขึ้น เวลาขายของพี่เราจะส่งบัญชีพี่เราไป ไม่ส่งบัญชีแม่ไป แต่บอกให้แม่แพ๊คของตัวเองทุกวัน แม่รู้จัวตอนที่แม่ปรับสมุดบัญชีแล้วไม่มียอดเงินเข้า พอแม่รู้แม่ก็ถามพี่ชาย พี่ชายก็บอกต้องใช้บัญชีผมอยู่แล้ว เพราะผมเป็นคนขายเอง แม่ไม่ได้ขาย แต่แม่ไม่โกรธอะไร เหมือนพอใจนะที่ลูกชายหาเงินเก่ง
ขึ้นม.4 เราเรียนศิลป์ภาษา คนที่บ้านด่าจะเป็นจะตายเรียนไปจะได้อะไร จบมาหางานได้ที่ไหน ( เราคิดว่าคำพูดนี้น่าเอาไปพูดกับพี่ชาย เพราะพี่ชายเรียนศิลป์ทั่วไปไม่มีอะไรเจาะจง ) พอเราเริ่มเรียนได้เทอมแรก เราก็เป็นเป้าสายตาครู ครูพาเราไปแข่งภาษาหลายเวที ได้เกียรติบัตรเยอะมาก แล้วแม่ก็ทำเหมือนเรามีตัวตนขึ้นมา เอาเราไปพูดกับญาติพี่น้องกับลูกค้าหลากหลายคน พี่ชายกับน้องชายก็นิ่งเงียบแต่ชอบมาขัดตอนเรากำลังท่องศัพท์ในห้องนอน ชอบเดินมาปิดไฟ พอเราเปิดไฟก็เดินมาปิดอีก แม่บอกว่าประหยัดไฟบ้างดิ รู้ไหมค่าไฟเท่าไหร่ ...โชคดีที่แสงพระจันทร์ส่องเข้าห้องพอดี เราเลยอ่านใต้แสงจันทร์
พอเราขึ้นม.5 เราเริ่มทำงานรับจ้างทั่วไป เพื่อเก็บเงินไปเรียนมหาวิทยาลัย แม่บอกว่าจะไม่ส่งเรา รอส่งน้องชายไปเรียนหมอ พอแม่เห็นเราทำงานกลับบ้านดึก แม่จะถามว่าไหนละเงิน ไม่เห็นเอามาให้กุบ้างเลย คิดว่าอยู่บ้านนี้ฟรีหรอ ( เรากลับบ้านดึกแม่ไม่เคยโทรหาเราเลย โทรหาแต่พี่ชาย ) พอเราได้เงินเราก็ใส่ไว้ในลิ้นชักเงินแม่หลักร้อยหลักพัน แต่พี่ชายจะชอบหยิบไปใช้เอง
ขึ้นมหาลัย เราได้ทุนเรียนฟรีตลอด 4 ปีพร้อมเงินค่าอาหารทุกเดือน ในจังหวัดเดียวกับที่บ้าน เราเช่าอยู่หอไม่เคยคิดจะกลับบ้านหรือติดต่อคนที่บ้านเลย และเป็นทางเลือกที่ถูก เราอยู่ที่นี่แล้วเรามีความสุข สบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาหาเรื่องอีก เราเรียนไปด้วยทำงานธุรกิจส่วนตัวไปด้วย ชีวิตดีขึ้นมีเงินเก็บเองครั้งแรก พอใกล้จบปี4เราก็มาทำงานอยู่บ้านที่ทำงานร่วมกันกับแฟน แต่เรามักจะมีอาการนี้ คือเมื่อเราอยู่กับแฟน โดยเฉพาะใกล้มาเมนส์ เราจะอ่อนไหวง่ายมาก พอแฟนทำอะไรให้ไม่พอใจนิดหน่อย เราก็จะร้องไห้ ไม่คุยด้วย ถามอะไรไม่ตอบ หลบหน้าหลบตา หลายวัน เราเริ่มทำกับแฟนเหมือนทำกับคนในครอบครัว คือ ไม่คุย ไม่มอง ไม่สนใจความรู้สึก และแอบร้องไห้หน้าซุกหมอนเพราะอยู่ๆเรื่องเก่าในครอบครัวมันผุดขึ้นมา มันตราตรึงอยู่ในใจไม่หายไปไหน กว่าจะดีขึ้นก็คือแฟนต้องคุยกับเราแบบใจเย็นๆ เอาใจเราเยอะๆ ไม่รุ่มร้อนแบบที่เคยโดนคนที่บ้านทำ
เรามีอาการเศร้าแบบนี้ทุกเดือนเลย เราร้องไห้ทุกเดือนเพราะเรื่องในอดีตมันผุดขึ้นมาในหัว เป็นประมาณ 4-5 วันถึงจะดีขึ้น เราอยากลืมเรื่องในครอบครัว เพราะถ้าลืมแล้วเราคงจะได้ใช้ชีวิตปกติแบบคนอื่น