สารภาพบาปชีวิตจากคนที่เคยไร้มารยาท, Narcissistic , ตัวปัญหา , People pleaser และเรื่องปัญหาเชิงโครงสร้างและสังคม

ชีวิที่เกือบหลับแต่กลับมาได้ วันนี้อายุจะใกล้19แล้วค่ะ
   เรามีพ่อแอบเสพยาวีรกรรมเลวร้าย ทำร้ายร่างกายคนอื่นหน้าตาเฉย หนีคดี ไม่รักลูกตัวเองเลย​
เขาชอบพูดให้ตัวเองดูดีขายฝัน เขาเป็นคนที่มีฐานะจบการศึกษาดีแต่หวงสมบัติทรัพย์สินของเขามาก ไม่เคยช่วยเหลือใครแม้แต่คนในบ้าน แค่ให้ช่วยซื้อกับข้าวยังไม่ยอมออกเงินซื้อให้ ค่านมผงลูกหรือค่าเสื้อผ้าเด็กแม่ต้องเป็นคนออกเงินทั้งหมด แม่ขอให้ซื้อแค่กับข้าวมาบ้าง เขาเคยซื้อมาให้แค่เพียงอย่างเดียว เขาโยนลงกับพื้นแล้วพูดทวงบุญคุณกับคนในบ้านตลอดเวลา พูดถึงบุญคุณเขาว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน มีหลายเหตุการณ์ที่พูดถึงบุญคุณของเขาและโอ้อวดตัวเองเขาต้องการแค่คำชื่นชมและทนต่อคำวิพากย์วิจารณ์ไม่ได้ คนในบ้านหรือใครตำหนิติเตียนเขาก็จะใช้ความรุนแรงทันที เขาเคยมีประวัติทำร้ายร่างกายผู้อื่น  มีนิสัยเอารัดเอาเปรียบทั้งที่ทำงานและชาวบ้านแถวนั้น ไม่เคยมีจิตสำนึกผิด
ความทรงจำวัยเด็กของเราขาดๆหาย
แม่เป็นเหยื่อมีความสัมพันธ์ฉาบฉวย มีเราเพื่ออยากให้ครอบครัวสมบูรณ์แค่นั้นแต่ความจริงมันแตกสลาย แม่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมพ่อเลยหย่า ตอนเราอายุ16ปี เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจแม่ต้องยอมโทรไปหาเขาเพื่อขอให้เห็นแก่ลูกช่วยส่งเงินค่ากับข้าวค่าเทอมหน่อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับคำตอบรับ เลยพรั่งพรูทุกอย่างออกมา เจ็บปวดมากเมื่อได้รู้ความจริงเราคิดว่าเราไร้ค่ายิ่งขึ้น
ย้ายโรงเรียนอนุบาลบ่อยมากเนื่องจากแม่ทำงาน เจอครูทำร้ายร่างกายเด็ก เราได้แผลเป็นตรงจมูกมาจากคนครูด้วย...และความทรงจำตอนนั้นก็ขาดหายไปเลย
             แม่ยากจนมากตอนเด็กๆทิ้งให้อยู่กับญาติกับยาย แม่ไปทำงานต่างจังหวัดหลายปีไม่ติดต่อมา  ยายเลี้ยงแบบปล่อยๆเขาคิดว่าแค่ให้ข้าวให้น้ำคือเลี้ยงดูแล้ว ความทรงจำวัยเด็กตอนนั้นก็ขาดหาย พอแม่กลับมาอยู่ด้วยทำงานกลับมาบ้านก็นอนทิ้งเราไว้โดดเดี่ยว แม่พูดดีกับคนอื่นแต่เวลาพูดกับลูกก็พูดแต่คำไม่ดีใส่ลูก ตะคอก บางคำหยาบคาย ทุบตีเตะกระทืบทำร้ายร่างกายโดยไม่มีเหตุผลเรามีแต่ความกลัว แม่มีแนวคิดว่าแค่ซื้อข้าวน้ำขนมมาให้คือการเลี้ยงดูที่ถูกต้อง จะทำร้ายจิตใจทำร้ายร่างกายอย่างไรก็ได้และความคิดนี้ไม่เคยเปลี่ยนไป เลี้ยงโดยให้ข้าวให้น้ำนั่นคือความดีของเขาที่เขาพูดทั้งหมด
เวลาโดนทุบตียายก็ยืนดูอยู่เฉยๆเพราะเขาคิดว่ายังไงก็แม่ ทุกคน เพื่อนบ้านก็ยืนดูอยู่เฉยๆไม่ช่วย เขาคิดว่าแม่ทำอะไรกับลูกก็ได้แม่มีพระคุณ เจอเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าต้องแอบร้องไห้คนเดียว ไม่มีคนปลอบ พอมีคนมาเจอเราแอบร้องไห้ก็หัวเราะเยาะ  เราเติบโตมาแบบรุนแรง จำได้ว่าตอนอายุ13 เข้าโรงเรียนม.ต้นใหม่ๆ เราเริ่มต่อต้านเถียงทุกคนเพราะทนไม่ไหวแล้ว แต่ยิ่งทำแบบนั้นยิ่งโดนหนักกว่าเดิมทุบตีเหมือนจะเอาให้ตาย
เราเป็นเด็กที่ชอบศึกษาอะไรแปลกๆ ชอบทำงานฝีมือ เป็นเด็กเจ้าบทเจ้ากลอนมากๆตอนเด็กๆผู้ใหญ่เขาก็แกล้งให้แสดงกลอนให้ดู แต่แม่ลากหยิกตัวไปในห้องห้องครัวพูดตะคอก ตำหนิพูดคำหยาบ เนื้อหาประมาณว่าอย่าทำแบบนี้มันเหมือนคนบ้า แม่เราเป็นคนไม่ชอบให้เราทำอะไรแปลกแยกไม่เหมือนคนอื่น..และเวลาทำอะไรแม่ก็จะตำหนิบ่อยๆ พูดเปรียบเทียบเรากับลูกพี่ลูกน้อง เราเป็นเด็กไม่กล้าแสดงออก..
ยายก็เคยพูดว่าโตขึ้นให้เลี้ยงแม่เลี้ยงยาย เราเกลียดคำพูดนั้น เราคิดว่าทุกคนไม่หวังดีกับเราให้เราเกิดมาเหมือนเป็นทาสรับใช้ เราคิดว่าไม่น่าเกิดมาในครอบครัวนี้เลย
ตอนเราอยู่โรงเรียนตอนประถมเป็นเด็กเรียนดีมาก  เราทำภาพลักษณ์ให้ดูดี  แต่เริ่มเป็นคนหลงตัวเองกลบปมความไร้ค่า เรารู้สึกดีที่มีคนให้ความสำคัญ คอยชิงดีชิงเด่น เคยทำผิดแต่โกหกเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดกลัวว่าคนจะมองไม่ดีแต่ก็โดนตักเตือน มีเพื่อนคอยเข้าข้างเสมอ ยิ่งทำให้แนวคิดผิดเพี้ยน ความจำก็ขาดๆหายๆอีก ทำตามสัญชาตญาณล้วนๆ
เข้าม.ต้น ก็เจอเหตุการทุบตีทำร้ายร่างกายและทุกอย่างก็เป็นแบบเดิม แม่ไปทำงานต่างจังหวัด2ปีเพราะความยากจน ไม่ติดต่อมาเลย เราอยู่กับยายเราก็ไม่ค่อยชอบเขา ไม่ฟังต่อต้าน เลี้ยงแบบหาข้าวน้ำให้กิน ความทรงจำก็ขาดๆหาย
เราสอบติดโรงเรียนใหญ่ประจำจังหวัด เป็นเด็กเรียนค่อนข้างดีมีความสามารถบางอย่างที่มีคนเห็นแววแต่เรามีปัญหากับการใช้ชีวิตมากๆ ไม่รู้จักมารยาทแค่ทานข้าวในโรงอาหารเพื่อนยังต้องคอยด่าว่าอะไรถูกอะไรไม่ถูก ปากไม่มีหูรูด หลงตัวเอง เอาแต่ใจ เรียกร้องความสนใจ โลกหมุนรอบตัว คนเขารู้กันทั่ว แถมมีปัญหาแยกไม่ออกว่าคนอื่นพูดเล่นพูดจริงไวต่อคำวิพากย์วิจารณ์ ตอนนี้ก็ยังแยกไม่ค่อยออกแต่พยายามเงียบค่ะคนร้องไห้ก็ไม่รู้สึกว่ามีความเห็นอกเห็นใจแต่รู้สึกอิจฉาเพราะมีคนมาปลอบ มาให้ความสำคัญ อิจฉา
   เคยโดนด่าแรงๆในที่สาธารณะโรงอาหาร 2-3 รอบ รอบแรกหลงตัวเอง รอบสองไม่รู้จริงสมาธิสั้น รอบสามตั้งใจทำเหตุผลแค่อยากโดนด่า ​ตอนเพื่อนด่าโคตรเหง้าพ่อเลย เราไม่ได้สนิทกับพ่อแม่ก็เลยไม่ได้รู้สึกอะไร ็ มีพฤติกรรมคล้ายมาธิสั้น โด่นด่าแป๊ปๆก็ลืม เชื่อคนง่ายอีก ชอบพูดวกวนซ้ำๆ อะไรที่ทำให้คนสนใจก็พูดซ้ำๆ
เคยทำตัวปากไม่มีหูรูดเสียมารยาทแบบว่าหลายรอบมากๆ(พูดจ้อ)คิดว่าไ​ม่ดีแต่ปากไปก่อน พูดก็ไม่มีหางเสียง แล้วก็ยังจะทำตัวหลงตัวเอง ตอนเสียมารยาทในที่สาธารณะเพื่อนด่าเสียงดังว่าพ่อแม่ครอบครัวไม่สั่งสอน เราก็ตอบว่าเราไม่ได้อยู่กับแม่ พ่อละเราก็ตอบว่าเราไม่มีพ่อ เพื่อนถามว่าอยู่กับใครเราก็ตอบว่าอยู่กับยาย เพื่อนถามว่าครอบครัวเลี้ยงอย่างไง เราก็ตอบออกมาไม่ได้ สมองตอนนั้นโล่งๆงงๆ ด่า 2-3รอบ ทำไมบางคนที่เขาไม่มีเขาคิดได้..คือตอนนั้นมันหลงตัวเองไม่รู้หรอกว่าผิด สมองไม่รู้ว่าผิดจริงนะตอนนั้น  เผื่อพี่ๆในเหตุการณ์ผ่านมาเห็น นี่แหละกระบวนการคิดของเราตอนนั้น
สมองมาทีหลังคำพูด 1 วิ
แต่ก็แบบเดิม ด่าแบบเดิม ทำใ​ห้เกลียดตัวเองมาก
เขาบอกว่าทุกวันนี้มีเพื่อนคบก็ดีแค่ไหน..แต่เราก็บอกว่าเราไม่รู้อะไรแบบนั้นตลอด
เราเชื่อคนง่ายไว้ใจคนง่าย ชอบคนง่ายโดยเฉพาะคนที่เหมือนจะเป็นพ่อแม่ให้เราได้ ไม่มีเรื่องเพศนะแต่เป็นความเชื่อแปลกๆ แต่รอดมาได้แบบงงๆ  เป็นคนขี้โมโหมากเก็บกดเยอะเกิน
เคยมีแนวคิดหลงทางตรรกะผิดๆ ทำอะไรไม่สนสี่สนแปดโผงผาง
เคยหลงเข้าไปในกลุ่มออนไลน์การเมืองทำอะไรไปอยากได้รับการยอมรับจากคนกลุ่มนั้น แต่มีเพื่อนก็คอยด่าจนตอน จะจบม.ต้นก็ออกจากกลุ่มนั้นไป เราติดต่อเพื่อนคนนั้นที่เคยคอยด่าเราตลอดตอนม.ต้น อีกครั้งตอนเรียนจบม.ปลายไปแล้ว เพื่อนคนนี้ยังมองในแง่ดีอยู่ ซึ่งมันน่าดีใจเพราะในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่บ้าง ถึงคนอื่นจะมองเราแย่ไปแล้วค่ะ เขาตัดสินเราจากที่ผ่านๆมา..ทำให้วิตกกังวล หนูกลัวสายตาคนอื่น เราทักไปขอโทษเพื่อนคงเหนื่อยมาก
          ตอนจะจบ ม.3 สนใจศาสนาคริสต์เพราะมีคนในกลุ่มดิสคอร์ดพูดและก็โกหกด้วยตอนนั้น เลยลองนับถือดู
เรื่องชอบโกหกมีหลายเรื่อง ตอนประถมก็โกหกเลี่ยงความผิดตัวเองครั้งนึง โกหกเกี่ยวกับความรู้ ชีวิตครอบครัวว่าอบอุ่นดี
ตอน.ม.ต้น ก็โกหกเยอะ แต่งเรื่องบอกตรงๆ ว่าพูดจริงแค่ตอนเรียนหนังสือ,จังหวัดที่อยู่,พ่อหย่า แม่ไปทำงานไม่ติดต่อมา อยู่กับยาย นอกนั้นแต่งขึ้นมาทั้งนั้น รายการเกี่ยวกับการเมืองก็แต่งหมดแค่อยากได้รับความสนใจสะใจ ณ ตอนนั้น ตอนนั้นแค่ชื่อตัวเองยังโกหกคนอื่นเลย
ตอน ม.ปลายเรื่องที่โกหกส่วนใหญ่ก็คือ ม.5ยังเข้าโบสถ์อยู่,เกี่ยวกับชีวิตครอบครัวว่าอบอุ่นดี,ขนาดบัพติศมายังพูดคร่าวๆเกี่ยวกับชีวิตตัวเองจริงบ้างไม่จริงบ้างเพราะต้องเล่าตั้งแต่เกิดมันยากและห้ามเล่าถึงพ่อแม่ในทางไม่ดี จำก็ไม่ได้ความทรงจำขาดหาย   ชื่อก็ต่างกันเพราะทักไปตอนแรกเป็นชื่อในเฟสบุ๊ค หลังจากนั้นไปไม่โกหกอะไรอีก แถมไม่เถียงยายเพราะห่างกันก็รู้สึกรักขึ้นมา รู้สึกผิดมาก ยายทำหลายอย่างให้เรา ถึงจะเลี้ยงผิดวิธี
         เราสอบเข้าโรงเรียนในจังหวัดอื่น
ตอนม.ปลายมาอยู่กับแม่ ไม่ติดต่อคนที่ผ่านๆมาอีกเลยลืมด้วย ​ตอนปิดเทอมเรามานั่งคิดที่คนอื่นพูดแต่สมองยังไม่ได้เรียนรู้เต็มที่ขนาดนั้น แต่รู้สึกเสียใจมาก หัดพูดคะ ค่ะ สวัสดีค่ะ ทำมาตลอดจนปัจจุบัน (เคยไปทำงานบ้านเพื่อนแล้วโดนผู้ใหญ่ตำหนิเรื่องนี้ ) พอพูดจริงไปก็โดนผู้ใหญ่ในสังคมบางคนตำหนิอีกกว่าทำเป็นพูดดี ไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้สังคมพอใจ
จากคำพูดไวกว่าสมอง พัฒนามาเป็นคำพูดกับสมองไปพร้อมกันยังมีพูดเพ้อเจ้อ ปากเสียใหญ่ๆ2ครั้ง(เป็นช่วงความคิดพลิกแรงเปลี่ยนไปเลย)  และไม่ได้หลงตัวเองเหมือนแต่ก่อนเลยไม่ได้ทำอะไรที่มันแย่เท่าตอนม.ต้น
       ตอนม.4เคยเป็นโควิดแม่มาเช็ดตัวให้ เ​ข้าโบสถ์คริสต์ ช่วงนั้นมีความรักแต่ไม่healthy มีปัญหา anxious attachment สุดท้ายไปไม่รอดแต่เป็นคนไม่ได้โหยหาความรักเท่าไหร่เพราะมีนิสัยทะเยอทะยานในชีวิตสูง..และเราถูกบูลลี่หน้าตาเยอะมากจากคนอื่นที่ผ่านมา    คนไม่รู้จักบอกว่าน้องกรามหน้าเหมือนกบ  แฟนตอนนั้นก็พูดว่าหน้าใหญ่บ่อยๆเอารูปมาดูแล้วทำเสียงอี๋  จากที่ไม่มั่นใจอยู่แล้วเรื่องจากรูปถ่ายเก่าๆตอนม.ต้นประถมมันถ่ายมุมไหนก็ไม่ดีเพราะโครงหน้า..ยิ่งคิดว่าตัวเองแย่เข้าไปใหญ่เลยคิดว่าตัวเองต้อยต่ำมาก รูปถ่ายตอนม.ปลายก็ไม่ชอบเครียดเพราะมีปัญหามากๆ เ​ลยคิดว่าไม่อยากมีใครไม่อยากสร้างภาระทางใจให้ใครอีกเด็กเกิดมามันทุกข์ ชีวิตคู่ก็ไม่อยากจะมี
มีแนวคิดเกี่ยวกับชีวิตที่เปลี่ยนไป อยากใช้ชีวิตคนเดียวเพราะเกิดมาก็ทุกข์ อยากไปศัลยกรรมให้มันเต็มที่ไปเลย แบบไม่แปลกอะนะ
และไม่ได้โกรธอะไรด้วยอะไรหลายอย่างพฤติกรรมตอน ม.ปลายของเรามันเบาลง แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง ส่วนมากพังเพราะปากและไม่ฟังใคร(แม่) เป็นคนหลงตัวเองเวลาถูกทริกเกอร์ด้อยค่าคนเขาก็เกลียดใหญ่
          ตอนอยู่ม.ต้นโดนล้อบ่อยมากเรื่องบ้านจน ตอนครูเยี่ยมบ้านยิ่งแย่ไปกันใหญ่เลยค่ะ รองเท้ากีฬาใส่ไปโรงเรียนขาดๆเก่าๆ โทรศัพท์เครื่องเก่าๆพังๆ อย่กได้อะไรเราก็ไม่เคยได้เลยเพราะบ้านไม่มีเงิน เราเลยอยากให้ชีวิตประสบความสำเร็จ..แต่ชีวิตมันก็ไม่ได้ราบรื่นเพราะจน เราชอบหาเงินหาทองประหยัดอดออม แม่ก็ชอบยืมเงินบ่อยๆ บางครั้งเราให้ยืมเล็กๆน้อยๆ แต่มันบ่อยเกินไปคิดว่าในอนาคตก็คงไม่พ้นการขอยืมเงิน พอเวลาไม่ให้ยืมก็ทะเลาะกันถูกด่า,ถูกตีหลายครั้งคิดว่าเราเหมือนพ่อไร้จิตสำนึกไร้น้ำใจทั้งที่เราก็ให้ยืม แต่มันบ่อยเกินไป ทะเลาะกันประจำเพราะเรื่องเงิน ​เรารู้ว่าบ้านจนมีอะไรก็ไม่มีเหมือนคนอื่น ของจำเป็นต่อการเรียนหนังสือก็ไม่มีเหมือนใครเขา อยากเรียนอะไรก็ไม่ได้เรียน จะเก็บเงินซื้อของเองแผนก็พังเพราะแม่ แต่เราก็อยู่กับเขานะ  ก็ช่วยๆเขาไป มีหลายอย่างที่พลาดโอกาส
ตอนรู้ความจริงเรื่องครอบครัวก็โกรธมาก กล้ามีลูกกันได้ยังไง เราไม่ได้อยากเกิดมาเป็นแบบนี้
ตอนเรียนอยู่ม.ปลายก็มีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิต
ด้วยความที่ตอนนั้นเราเชื่อคนง่ายตามคนอื่นไปเรื่อยเพราะไม่มีความมั่นคงในตัวเอง แน่นอนว่าตรรกะก็ผิดๆเพี้ยนๆ ความจริงมันมีแค่นั้นค่ะ...แต่ระหว่างทางก็ได้เรียนรู้จากครูจากเพื่อนๆที่โรงเรียนตรรกะก็เปลี่ยนไป
แต่เพื่อนร่วมชั้นหรืออาจจะมีครูบางคนก็เข้าใจผิดไปแล้วว่าเป็นคนคิดแบบนั้นจริงตลอดไป..กลายเป็นไม่ชอบไปเลย และเรามีความอะไรก็ไม่รู้​
เพื่อนร่วมชั้นเข้าใจว่าเรามั่นหน้ามั่นในในฝีมือตัวเองและเราก็ถูกเกลียดถูกปัดตกเพราะเรื่องนี้ด้วย ​พราะเขาคงคิดว่าเรามั่น เนื่องจากตอนแรกเราก็มีความเป็นNarโดนทริกเกอร์
เคยได้ยินคนพูดว่า "ฝีมือเก่งเท่าเพื่อนกูมั้ย ไอ้ชิ×หาย ภัยความมั่น" เรากลัวมาก กลัวคนเกลียดกลัวไม่ได้รับการยอมรับ เราเลยเริ่มไม่ทำงานฝีมือ เราทำงานฝีมือน้อยลงทุกปีๆพยายามเงียบๆมากที่สุด เพราะกลัวมากจนฝีมือไม่พัฒนาไปได้ไกล เราใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวงตลอด3ปี กลัวว่าคนอื่นจะไม่ชอบ สมองเครียดเหนื่อยล้า
เรื่องศาสนาตอน.4ช่วงนั้นมีความรักุ สุ​ดท้ายก็เลิกกันเพราะanxiousแต่ไม่ได้โหยหาความรักเพราะสนใจสร้างเนื้อสร้างตัวมากกว่า
แต่ระหว่างนั้นคนในโบสถ์ผู้ใหญ่กดดันมาก คิดว่าเราเป็นเด็กใจแตก จะท้อง จะนอนกับผู้ชายไปทั่ว ไม่ยอมให้เราไปเรียนที่ไหนเพราะคิดว่าเราเป็นแบบนั้น
เราเป็นคนที่อยากจะชีวิตดีกว่านี้ถ้าท้องชีวิตผู้หญิงก็จบแล้ว มันไม่มีทางประสบความสำเร็จ ​พลาดเหมือนแม่ แต่เขาก็มองเราเป็นแบบนั้นไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่