ในตอนนี้อายุ 18 ปี 8 เดือน เป็นปีที่เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่และจมอยู่กับความทุกข์ใจจากเรื่องราวในอดีต เก็บไว้เป็นบทเรียนและดำเนินชีวิตอย่างดีและมีคุณภาพมากขึ้นต่อไป ขอออกตัวก่อนว่าที่ผ่านมาไม่ใช่คนดีเลยค่ะTT ถึงจะไม่เคยรังแกใครทางกายแต่คนรอบข้างปวดหัวทางจิตมากกว่า ตามหัวข้อเลยค่ะ สิ่งที่เราทำผิดเรายอมรับผิด เราจะไม่ใช้บาดแผลวัยเด็กมาเป็นข้ออ้างในการทำความผิดเด็ดขาด ส่วนเรื่องทางจิตใจเราต้องบำบัดและจัดการชีวิตตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นพิษต่อสังคมอีก ฝึกที่จะนอบน้อม จัดการปากและอารมณ์ตัวเองมีสติ เพราะเมื่อโดนทริกเกอร์ตัวตนหลงตัวเองก็ขึ้นมาในหัวเหมือนเดิม แถมยังขี้โมโห ทำได้แค่สงบสติอารมณ์ บุคลิกเราก็เสีย มารยาทเราก็ต้องเรียนให้มากกว่านี้...มารยาทไม่งามเลยค่ะ
ถ้าถามว่าเติบโตมาแบบไหนก็เป็นเด็กบ้านแตกมากๆ มีปัญหาด้านปัจจัยแนวคิดและโครงสร้างสังคมมาเกี่ยวข้อง การเลี้ยงดู กระบวนการคิดที่ผิดพลาดอีกมากมาย แต่โชคดีมากที่ตระหนักรู้ตัวเองก่อนที่จะเป็นภัยสังคมไปยันแก่ซึ่งคงมีแต่คนเกลียด อยู่ร่วมกับใครไม่ได้ ส่งผลต่ออนาคตและหน้าที่การงานอีกต่างหาก เรื่องราวต่อไปนี้อาจจะมีเรื่องที่ไม่ค่อยดีแต่ช่วงชีวิตทุกคนอาจจะเกิดบาดแผลโดยไม่ตั้งใจ เมื่อเรารู้ที่มาของตัวเองก็จะหยุดได้เองชีวิตจะมีความสุขมากขึ้นไม่ส่งต่อความเจ็บปวดให้คนอื่น และเรื่องราวของเรามีปัญหาเชิงโครงสร้างมาเกี่ยวข้องด้วย
เราเติบโตมาในบ้านที่มีพ่อเป็น..เราไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรแต่เลวร้ายมากๆ เราเป็นลูกแท้ๆคนเดียวของเขา พ่อของเราเป็นคนที่มีนิสัยแบบ NPD ทุกอย่าง เขาไม่เคยรู้ตัวและหมดหวังที่จะรักษา เขารักตัวเองมากกว่าใคร แม้แต่ลูกก็ยังไม่รัก เขาชอบพูดให้ตัวเองดูดีขายฝัน เขาเป็นคนที่มีฐานะจบการศึกษาดีแต่หวงสมบัติทรัพย์สินของเขามาก ไม่เคยช่วยเหลือใครแม้แต่คนในบ้าน แค่ให้ช่วยซื้อกับข้าวยังไม่ยอมออกเงินซื้อให้ ค่านมผงลูกหรือค่าเสื้อผ้าเด็กแม่ต้องเป็นคนออกเงินทั้งหมด แม่ขอให้ซื้อแค่กับข้าวมาบ้าง เขาเคยซื้อมาให้แค่เพียงอย่างเดียว เขาโยนลงกับพื้นแล้วพูดทวงบุญคุณกับคนในบ้านตลอดเวลา พูดถึงบุญคุณเขาว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน ทีหลายเหตุการณ์ที่พูดถึงบุญคุณของเขาและโอ้อวดตัวเองเขาต้องการแค่คำชื่นชมและทนต่อคำวิพากย์วิจารณ์ไม่ได้ คนในบ้านหรือใครตำหนิติเตียนเขาก็จะใช้ความรุนแรงทันที เขาเคยมีประวัติทำร้ายร่างกายผู้อื่น มีนิสัยเอารัดเอาเปรียบทั้งที่ทำงานและชาวบ้านแถวนั้น ไม่เคยมีจิตสำนึกผิด
แม่ของเราทนไม่ไหวเลยแยกออกมาพร้อมกับพาเรามาอยู่ด้วย ช่วงแรกที่แม่ทำงาน เราเพิ่งเริ่มเข้าโรงเรียนต้องจ่ายค่าเทอมเรียนอนุบาลให้เรา ตอนนั้นเงินน่าจะไม่พอ ที่พอจะจำได้..แม่ต้องไปขอร้องช่วยเห็นแก่ลูกสักครั้งให้ช่วยค่าใช้จ่ายสำหรับเด็ก แต่เขาไม่สนใจออกไปกินเหล้ากับเพื่อน ไม่เคยมาเยี่ยม ต่อมาแม่ก็ตัดสินใจหย่าขาดเพราะทนไม่ไหว แม่หางานทำต่างจังหวัดไปเรื่อยๆพร้อมกับพาเราไปด้วย มีการพยายามกับไปเป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้งเพราะแม่ไม่อยากให้ลูกรู้สึกว่าไม่มีพ่อ เขาก็พูดขายฝันว่าจะปรับปรุงตัว แต่พฤติกรรมของเขาก็ยังเหมือนเดิม หมดหวังที่จะเปลี่ยนแปลงได้จึงตัดสินใจหย่าขาดแบบสมบูรณ์ เขาสามารถติดต่อได้แต่ไม่เคยติดต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ความทรงจำตอนที่เราเรียนอนุบาลขาดหายไป..แต่จำได้ว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ย้ายโรงเรียนบ่อยมากเพราะแม่ต้องทำงาน เจอแต่ครูทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนและฉันได้รอยแผลเป็นระหว่างตามาจากครูที่ใช้ความรุนแรงแถมยังโกหกแม่ว่าเราล้มเอง ขู่ว่าห้ามบอก ตัวอย่างจากผู้ใหญ่ไม่เคยดีเลย
ตอนนั้นคงจะเริ่มเป็นเด็กเอาแต่ใจ.. อยากได้อะไรก็ต้องได้ ฉันจำรายละเอียดพวกนั้นไม่ได้ จำได้ว่าช่วงเวลานี้ถูกแม่ตีอย่างหนัก แม่เป็นคนโมโหร้าย ปากร้าย...ตอนนั้นฉันแค่กลัวมากๆแต่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร แม่ทำงานกลับมาบ้านก็นอนคิดแต่ว่าเออแค่ให้ข้าวให้น้ำขนมก็คือความรักแล้ว ความคิดนี้ไม่เคยเปลี่ยนไป เด็กมันก็เวิ้งว้างต้องการความใส่ใจ ความทรงจำก็ขาดหายอีกแล้วค่ะ
เราได้ย้ายจังหวัดอีกครั้ง แม่ของเราไปทำงานต่างจังหวัดเพราะความยากจนไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย ฉันอาศัยอยู่กับญาติด้วยความรู้สึกว่างปล่าว ทำอะไรตามอำเภอใจ ปล่อยๆให้เล่นดินเล่นทรายเที่ยวป่าเที่ยวนา ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไร เขาไม่กล้าเตือนอะไรเพราะคงเป็นลูกคนอื่น ฉันเริ่มเป็นเด็กดื้อมากๆ แบบว่างอแงในงานศพเพราะเบื่อพระสวด ดื้อ มีผู้ใหญ่คนหนึ่งมาว่าเราว่าเป็นลูกเสือลูกตะเข้เลือดพ่อมันแรง เราก็ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะเราจำอะไรไม่ได้แต่ตอนนั้นรู้สึกกลัว ฉันไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีค่าอะไรและว่างปล่าว และบอกตรงๆว่าอยู่แต่กับตัวเองไม่รู้เรื่องมารยาท
ฉันเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ตอนเข้าเรียนครั้งแรกก็ยังงงๆอยู่เพราะย้ายโรงเรียนตอนอนุบาลบ่อยมากอ่านหนังสือไม่ออกแต่ฉันพัฒนาการตามทันเพื่อนร่วมชั้นเร็วมาก สังคมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันทำอะไรตามอำเภอใจทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน ชอบศึกษาอะไรแปลกๆ ยายกลับมาอยู่ด้วยก็เลี้ยงแบบหาข้าวปลาอาหารให้กินจำได้แค่ว่าแค่สอนให้สวดมนต์ ความทรงจำก็ขาดๆหาย
พอแม่กลับมาอยู่ด้วยก็ไปทำงานกลับมาบ้านก็นอนไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วย แม่เนี่ยเป็นคนขี้โมโหพูดจาไม่ดีกับลูกเสมอ ชอบแซะเวลาฉันทำอะไรสักอย่างตลอดเวลา จนน่าอึดอัด บ่อยครั้งถูกแม่ทุบตีกระทืบทำร้ายร่างกาย ยายเขายืนดูเฉยๆ เพราะเขามีความคิดแบบคนสมัยก่อนที่แม่ทำอะไรกับลูกก็ได้ โดนทุบตีทำร้ายร่างกายประจำ เพราะแม่ขี้โมโห ระเบิดอารมณ์ พูดตะคอก พูดไม่ดีใส่ เคยป่วยเสียงแหบอยู่ๆก็ชี้หน้าด่าว่าทำออย

และเริ่มใช้มือทุบตีใช้ตีนเตะกระทืบ ตอนนั้นนั่งกินข้าวอยู่ ลุกขึ้นมาทำร้ายร่างกาย เราเป็นเด็กกลัวมาก พูดจาไม่ดีทำอะไรชอบแซะ ชอบว่า เปรียบเทียบ เขาเป็นคนปากไม่ดีกับเรา...เราน่าจะติดมา.. แต่คนอื่นพูดดีนะก็งงกับความคิดแก เขาบอกว่าเขาเป็นแม่ทำอะไรก็ได้ แสดงรักแบบว่าแค่ซื้อน้ำซื้อขนมให้ก็คือรักแล้วและความคิดนี้ไม่เคยเปลี่ยน เหตุการณ์เป็นแบบนี้บ่อยๆ ร้องไห้ก็ต้องแอบไม่มีคนปลอบ พอมีคนเข้ามาเห็นก็หัวเราะเยอะอีก ไม่เข้าใจสิ่งที่เราเจ็บปวด เริ่มดื้อต่อต้าน เถียง ยิ่งถูกทุบตีทำร้ายหนัก เรากลัวโกรธเกลียดทุกอย่าง เคยโดนทุบตีทำร้ายร่างกายตั้งแต่ตอนเย็นจนถึง4-5ทุ่ม เหมือนจะเอาให้ตาย เราก็ยิ่งรู้สึกขาดความรัก รู้สึกไร้ค่ารู้สึกเจ็บปวด ตอนนั้นคือเกลียดเขา เกลียดทุกคน คิดว่าครอบครัวไม่หวังดีอะไร เบื่อ จากนั้นไม่ฟังใครเลย เถียงยาย เถียงแม่
ตอนประถมโดนล้อเรื่องบ้านจน เขาอวดว่าบ้านตัวเองใหญ่โต เราไม่ชอบ แต่ยายก็ไปเข้าข้างเขาบอกว่าก็เราจนให้ยอมรับสิ แล้วกีนมาทำหน้าดูถูก ยิ่งไม่ชอบไปกันใหญ่ปล่อยให้เขามาดูถูกได้ไง
เขาไปทำงานปล่อยทิ้งไว้ไม่ติดต่อกลับมาเป็นปีๆ เคยร้องไห้ถามทุกคนว่าทำไมแม่ไม่กลับบ้าน มันเจ็บปวด คิดว่าไม่มีใครเข้าใจ รู้สึกไร้ค่าจนเกินคำอธิบายมันเจ็บ ก็เลยไม่ฟังใครทั้งนั้นต้อต้านทุกคน โกรธทุกอย่าง น้อยเนื้อต่ำใจ
แล้วเริ่มคนเป็นคนหลงตัวเองตอนไหนไม่รู้ตอนอยู่โรงเรียน...อาจได้กรรมพันธ์มาด้วยตรงที่ไวต่อคำวิจารณ์ ฉันจำไม่ได้ว่าเริ่มแยกไม่ออกว่าคนอื่นพูดเล่นหรือพูดจริงตอนไหนแต่ตอนนั้น เราชอบศึกษาอะไรแปลกๆ เป็นเด็กที่ชอบเกี่ยวกับอะไรเก่าๆโบราณ ชอบดูการแสดงรำและชอบปั่นดินน้ำมันวาดภาพเกี่ยวกับอะไรโบราณจินตนาการเรื่องราวไปเรื่อย เป็นเด็กเจ้าบทเจ้ากลอนหรือว่าเป็นออทิสติกอ่อนๆก็ไม่รู้ค่ะ
มีครั้งนึงที่ผู้ใหญ่แกล้งให้ทำการแสดงแต่งกลอนเราก็ทำตามน้ำเขาไป แม่เห็นก็จับแขนแรงๆลากเข้าห้องครัวไปดุด่าด้วยน้ำเสียงดุตะคอก ว่าอย่าไปทำแบบนี้มันหมือนคนบ้าแล้วก็คำว่าที่จำไม่ได้หลายคำ..เราไม่รู้เรื่องรู้แค่ว่ากลัว รู้สึกว่าไม่ดีพอ..สิ่งแวดล้อมการเลี้ยงดูก็คือปล่อย ตามใจเลยเอาแต่ใจ แม่ไปทำงานปล่อยทิ้งไว้ไม่ติดต่อมา มันทำให้เกิดบาดแผลในใจ ความไร้ค่า
จำไม่ได้ว่าเริ่มเป็นคนหลงตัวเองตอนไหน ชีวิตที่โรงเรียนประถม โดนบูลลี่หน้าตาบ่อยมากจน self esteemต่ำ แต่เป็นเด็กเรียนดีกิจกรรมเด่นก็โดนบูลลี่บ่อยว่าไม่เก่งจริงตลอดเวลา เริ่มชอบชิงดีชิงเด่น เราเริ่มมีนิสัยบางอย่างที่อยากให้คนเห็นความสำคัญ เกิดความรู้สึกอะไรในใจไม่รู้ เวลาทำผิดอะไรมีเพื่อนที่คอยเข้าข้างตามใจ ยิ่งเห็นว่าตัวเราสำคัญถูกเสมอ สร้างภาพให้ตัวเองดูดี มีครั้งนึงที่โกหกหลีกเลี่ยงความผิดหรือพูดอะไรที่แก้ตัวพ้นผิดเพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดีโดยที่ไม่รู้สึกอะไร โดนเพื่อนล้อบูลลี่ สังคมไม่ค่อยดีกับเราเท่าไหร่ เริ่มเห็นตัวเองดีวิเศษกว่าคนอื่น ว่าวิจารณ์อะไรไม่ได้เพราะคิดว้าเขาจะว้าว่าเราไม่ดีพอ จะชักสีหน้าทันที ไม่ค่อยมีมารยาทบอกตรงๆว่าไม่มีคนสอน ทำอะไรเรียกร้องความสนใจเพื่อนก็ไม่กล้าว่า
พอมาเข้าโรงเรียน ม.ต้น แม่ไปทำงานอีกครั้งไม่ติดต่อกลับมา 2 ปี ..เราเคยถามยายว่าทำไมแม่ยังไม่กลับบ้านๆถามซ้ำๆและร้องไห้ไปด้วย ยายตอบกลับมาว่าเขาไปหาเงินให้ไง เรายิ่งรู้สึกไร้ค่า ระหว่างนั้นก็เป็นจอมเถียง ไม่ฟังใคร อยู่บ้านก็อยู่คนเดียว ความทรงจำตอนประถมขาดหายอีกแล้ว
ม.ต้น อยู่แทบไม่ได้ คนล้อหน้าตาตั้งแต่วันแรกยิ่งรู้สึกไร้ค่า จิตใจว่างปล่าว เจ็บปวด อึดอัด ยิ่งหลงตัวเองหนัดขึ้นต้องการความรักความสนใจ
สังคมที่เจอทำให้ไม่ค่อยรู้จักมารยาทเราก็เรียนจากเพื่อนที่นี่เพราะเราโดนด่า หลงตัวเองว่าดี ปากไม่มีหูรูดด่าจนไม่รู้จะด่ายังไง แต่ในหัวว่างปล่าวเป็นส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าคนอื่นพูดอะไร ถูกด่ากลางโรงอาหาร 2 รอบในหัวยังว่างเปล่า..
พ่อแม่เลี้ยงมายังไงก็อ้ำอึ้งตอบไม่ได้ เราก็ตอบตรงๆว่าเราไม่ได้อยู่กับแม่..พ่อละ.. เราไม่มีพ่อ เพื่อนด่าว่าทำไมคนบางคนที่เขาไม่มีเขาถึงคิดได้ ในหัวว่างปล่าวไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไร เราอยู่กับยาย......ยายเลี้ยงยังไง? ก็อ้ำอึ้งไม่กล้าพูด ไม่รู้จะอธิบายชีวิตอย่างไงความจำก็จำไม่ค่ิยได้ ในหัวตอนนั้นนึกถึงภาพเหตุการณ์มันแย่เกินไป เรานึกถึงแต่ภาพที่เราถูกทารุณแล้วเขานั่งดูเฉยๆ เรานิสัยเสียโดยกระมลสันดานเลย..
โดนด่าว่าอีกหน่อยไม่มีเพื่อนคบ ทุกวันนี้มีเพื่อนคบก็ดีแค่ไหน แต่ตอนนั้นก็รู้สึกเฉยๆ
ใครด่าว่าอะไรก็รู้สึกเฉยๆว่างเปล่า ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ใครสะกิดปมความไร้ค่าโกรธชักสีหน้าทันที ทำตัวเรียกร้องความสนใจมากๆ พูดขอโทษแต่ในหัวว่างเปล่า คนร้องไห้ยังไม่รู้สึกอะไรแต่คิดอิจฉามากกว่าที่ทีคนมาเห็นความสำคัญ มีปัญหาแยกไม่ออกว่าคนอื่นพูดเล่นพูดจริง เราจะเริ่มพูดจริงจังทันที พลาดบ่อยมากแบบงงๆว่าเขาพูดอะไรกัน พูดอะไรที่มันดูหลงตัวเอง
เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง อิจฉาเงียบแต่แสดงออกทางพฤติกรรม, ต้องการความรักความสนใจดีเด่นพฤติกรรมน่าหมั่นไส้ เชื่อคนง่ายมากหลงไปตามคนอื่น เชื่อใจคนง่ายโดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นพ่อแม่ให้เราได้ซึ่งมันเป็นอันตรายแต่โชคดีเจอแต่คนที่ไม่หวังผลอะไร ถึงเจอคนแรงคนหวังผลบ้างแต่มีเหตุการณ์รอดมาได้แบบงงๆ ชอบพูดจาเหยียดกดคนอื่นแต่ปั้นหน้าเป็นคนดี ไม่รู้ว่าการให้อภัยคนคืออย่างไง ตอนนั้นมีเหตุการณ์ครูด่านักเรียนด้วยถ้อยคำแรงๆเพราะเสียงดัง แต่เพื่อนไปคุยกับครูและให้อภัยกันเรายังไม่รู้ว่าให้อภัยทำไม คืออะไร เพื่อนยังปวดหัว ทำผิดเยอะจนเกินเยียวยา คนเกลียดหมดที่นั่น คนประจานแต่ทำไปไม่เคยรู้ตัว ชอบคนง่ายใจเปราะ...ต้องการความรักความสนใจ...เคยโดนด่าว่าเอาแต่ใจ
เราเคยหลงไปในกลุ่มออนไลน์การเมืองตอนนั้นยอมรับเลยว่า
เพราะมีคนให้ความสำคัญการยอมรับ เราก็ทำอะไรไปไม่คิดหน้าหลังโผงผาง ไม่ฟังใคร จนครูตักเตือน เพื่อนก็ด่าว่าฟังใครบ้างนอกจากตัวเอง
แต่ก็ไม่รู้สึกผิดอะไรรู้สึกเฉยๆแต่สุดท้ายก็ออกจากกลุ่ม แต่มีพี่คนนึงในกลุ่มพูดเหมือนไเพื่อนเลยว่าเราเป็นคนแบบไหน แต่กัวทึบไม่ได้ฟังใครเพราะไม่เข้าใจค่ะ งงมากว่ารอด ม.ต้น มาได้ยังไง ม.ปลายก็ย้ายไปเรียนจังหวัดอื่นบุคลิกภาพเบาลงมากแต่ก็ยังมีเค้าลางอยู่ค่ะ ความทรงจำ ม .ต้น ขาดๆหายๆ จำได้ตอนที่คุยกับพี่คนหนึ่ง เขาถามว่าพ่อไปไหน เราบอกว่าไม่รู้ พ่อหย่ากับแม่..เขาถามว่าไม่มาเยี่ยมหรอ เราก็ตอบว่าไม่รู้ ไม่มาเยี่ยม ไม่ส่งเงิน....เขาบอกว่า เห้ยปกติต้องมาเยี่ยมสิ เด็กถูกทิ้งหรอ...เขาถามว่าแม่ไปไหน ช่วงนั้นจะจบม.3 ->มีต่อ
สารภาพบาปชีวิตจากคนที่เคยไร้มารยาท, Narcissistic , ตัวปัญหา , People pleaser และเรื่องปัญหาเชิงโครงสร้างและสังคม
ถ้าถามว่าเติบโตมาแบบไหนก็เป็นเด็กบ้านแตกมากๆ มีปัญหาด้านปัจจัยแนวคิดและโครงสร้างสังคมมาเกี่ยวข้อง การเลี้ยงดู กระบวนการคิดที่ผิดพลาดอีกมากมาย แต่โชคดีมากที่ตระหนักรู้ตัวเองก่อนที่จะเป็นภัยสังคมไปยันแก่ซึ่งคงมีแต่คนเกลียด อยู่ร่วมกับใครไม่ได้ ส่งผลต่ออนาคตและหน้าที่การงานอีกต่างหาก เรื่องราวต่อไปนี้อาจจะมีเรื่องที่ไม่ค่อยดีแต่ช่วงชีวิตทุกคนอาจจะเกิดบาดแผลโดยไม่ตั้งใจ เมื่อเรารู้ที่มาของตัวเองก็จะหยุดได้เองชีวิตจะมีความสุขมากขึ้นไม่ส่งต่อความเจ็บปวดให้คนอื่น และเรื่องราวของเรามีปัญหาเชิงโครงสร้างมาเกี่ยวข้องด้วย
เราเติบโตมาในบ้านที่มีพ่อเป็น..เราไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรแต่เลวร้ายมากๆ เราเป็นลูกแท้ๆคนเดียวของเขา พ่อของเราเป็นคนที่มีนิสัยแบบ NPD ทุกอย่าง เขาไม่เคยรู้ตัวและหมดหวังที่จะรักษา เขารักตัวเองมากกว่าใคร แม้แต่ลูกก็ยังไม่รัก เขาชอบพูดให้ตัวเองดูดีขายฝัน เขาเป็นคนที่มีฐานะจบการศึกษาดีแต่หวงสมบัติทรัพย์สินของเขามาก ไม่เคยช่วยเหลือใครแม้แต่คนในบ้าน แค่ให้ช่วยซื้อกับข้าวยังไม่ยอมออกเงินซื้อให้ ค่านมผงลูกหรือค่าเสื้อผ้าเด็กแม่ต้องเป็นคนออกเงินทั้งหมด แม่ขอให้ซื้อแค่กับข้าวมาบ้าง เขาเคยซื้อมาให้แค่เพียงอย่างเดียว เขาโยนลงกับพื้นแล้วพูดทวงบุญคุณกับคนในบ้านตลอดเวลา พูดถึงบุญคุณเขาว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน ทีหลายเหตุการณ์ที่พูดถึงบุญคุณของเขาและโอ้อวดตัวเองเขาต้องการแค่คำชื่นชมและทนต่อคำวิพากย์วิจารณ์ไม่ได้ คนในบ้านหรือใครตำหนิติเตียนเขาก็จะใช้ความรุนแรงทันที เขาเคยมีประวัติทำร้ายร่างกายผู้อื่น มีนิสัยเอารัดเอาเปรียบทั้งที่ทำงานและชาวบ้านแถวนั้น ไม่เคยมีจิตสำนึกผิด
แม่ของเราทนไม่ไหวเลยแยกออกมาพร้อมกับพาเรามาอยู่ด้วย ช่วงแรกที่แม่ทำงาน เราเพิ่งเริ่มเข้าโรงเรียนต้องจ่ายค่าเทอมเรียนอนุบาลให้เรา ตอนนั้นเงินน่าจะไม่พอ ที่พอจะจำได้..แม่ต้องไปขอร้องช่วยเห็นแก่ลูกสักครั้งให้ช่วยค่าใช้จ่ายสำหรับเด็ก แต่เขาไม่สนใจออกไปกินเหล้ากับเพื่อน ไม่เคยมาเยี่ยม ต่อมาแม่ก็ตัดสินใจหย่าขาดเพราะทนไม่ไหว แม่หางานทำต่างจังหวัดไปเรื่อยๆพร้อมกับพาเราไปด้วย มีการพยายามกับไปเป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้งเพราะแม่ไม่อยากให้ลูกรู้สึกว่าไม่มีพ่อ เขาก็พูดขายฝันว่าจะปรับปรุงตัว แต่พฤติกรรมของเขาก็ยังเหมือนเดิม หมดหวังที่จะเปลี่ยนแปลงได้จึงตัดสินใจหย่าขาดแบบสมบูรณ์ เขาสามารถติดต่อได้แต่ไม่เคยติดต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ความทรงจำตอนที่เราเรียนอนุบาลขาดหายไป..แต่จำได้ว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ย้ายโรงเรียนบ่อยมากเพราะแม่ต้องทำงาน เจอแต่ครูทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนและฉันได้รอยแผลเป็นระหว่างตามาจากครูที่ใช้ความรุนแรงแถมยังโกหกแม่ว่าเราล้มเอง ขู่ว่าห้ามบอก ตัวอย่างจากผู้ใหญ่ไม่เคยดีเลย
ตอนนั้นคงจะเริ่มเป็นเด็กเอาแต่ใจ.. อยากได้อะไรก็ต้องได้ ฉันจำรายละเอียดพวกนั้นไม่ได้ จำได้ว่าช่วงเวลานี้ถูกแม่ตีอย่างหนัก แม่เป็นคนโมโหร้าย ปากร้าย...ตอนนั้นฉันแค่กลัวมากๆแต่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร แม่ทำงานกลับมาบ้านก็นอนคิดแต่ว่าเออแค่ให้ข้าวให้น้ำขนมก็คือความรักแล้ว ความคิดนี้ไม่เคยเปลี่ยนไป เด็กมันก็เวิ้งว้างต้องการความใส่ใจ ความทรงจำก็ขาดหายอีกแล้วค่ะ
เราได้ย้ายจังหวัดอีกครั้ง แม่ของเราไปทำงานต่างจังหวัดเพราะความยากจนไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย ฉันอาศัยอยู่กับญาติด้วยความรู้สึกว่างปล่าว ทำอะไรตามอำเภอใจ ปล่อยๆให้เล่นดินเล่นทรายเที่ยวป่าเที่ยวนา ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไร เขาไม่กล้าเตือนอะไรเพราะคงเป็นลูกคนอื่น ฉันเริ่มเป็นเด็กดื้อมากๆ แบบว่างอแงในงานศพเพราะเบื่อพระสวด ดื้อ มีผู้ใหญ่คนหนึ่งมาว่าเราว่าเป็นลูกเสือลูกตะเข้เลือดพ่อมันแรง เราก็ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะเราจำอะไรไม่ได้แต่ตอนนั้นรู้สึกกลัว ฉันไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีค่าอะไรและว่างปล่าว และบอกตรงๆว่าอยู่แต่กับตัวเองไม่รู้เรื่องมารยาท
ฉันเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ตอนเข้าเรียนครั้งแรกก็ยังงงๆอยู่เพราะย้ายโรงเรียนตอนอนุบาลบ่อยมากอ่านหนังสือไม่ออกแต่ฉันพัฒนาการตามทันเพื่อนร่วมชั้นเร็วมาก สังคมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันทำอะไรตามอำเภอใจทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน ชอบศึกษาอะไรแปลกๆ ยายกลับมาอยู่ด้วยก็เลี้ยงแบบหาข้าวปลาอาหารให้กินจำได้แค่ว่าแค่สอนให้สวดมนต์ ความทรงจำก็ขาดๆหาย
พอแม่กลับมาอยู่ด้วยก็ไปทำงานกลับมาบ้านก็นอนไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วย แม่เนี่ยเป็นคนขี้โมโหพูดจาไม่ดีกับลูกเสมอ ชอบแซะเวลาฉันทำอะไรสักอย่างตลอดเวลา จนน่าอึดอัด บ่อยครั้งถูกแม่ทุบตีกระทืบทำร้ายร่างกาย ยายเขายืนดูเฉยๆ เพราะเขามีความคิดแบบคนสมัยก่อนที่แม่ทำอะไรกับลูกก็ได้ โดนทุบตีทำร้ายร่างกายประจำ เพราะแม่ขี้โมโห ระเบิดอารมณ์ พูดตะคอก พูดไม่ดีใส่ เคยป่วยเสียงแหบอยู่ๆก็ชี้หน้าด่าว่าทำออย
ตอนประถมโดนล้อเรื่องบ้านจน เขาอวดว่าบ้านตัวเองใหญ่โต เราไม่ชอบ แต่ยายก็ไปเข้าข้างเขาบอกว่าก็เราจนให้ยอมรับสิ แล้วกีนมาทำหน้าดูถูก ยิ่งไม่ชอบไปกันใหญ่ปล่อยให้เขามาดูถูกได้ไง
เขาไปทำงานปล่อยทิ้งไว้ไม่ติดต่อกลับมาเป็นปีๆ เคยร้องไห้ถามทุกคนว่าทำไมแม่ไม่กลับบ้าน มันเจ็บปวด คิดว่าไม่มีใครเข้าใจ รู้สึกไร้ค่าจนเกินคำอธิบายมันเจ็บ ก็เลยไม่ฟังใครทั้งนั้นต้อต้านทุกคน โกรธทุกอย่าง น้อยเนื้อต่ำใจ
แล้วเริ่มคนเป็นคนหลงตัวเองตอนไหนไม่รู้ตอนอยู่โรงเรียน...อาจได้กรรมพันธ์มาด้วยตรงที่ไวต่อคำวิจารณ์ ฉันจำไม่ได้ว่าเริ่มแยกไม่ออกว่าคนอื่นพูดเล่นหรือพูดจริงตอนไหนแต่ตอนนั้น เราชอบศึกษาอะไรแปลกๆ เป็นเด็กที่ชอบเกี่ยวกับอะไรเก่าๆโบราณ ชอบดูการแสดงรำและชอบปั่นดินน้ำมันวาดภาพเกี่ยวกับอะไรโบราณจินตนาการเรื่องราวไปเรื่อย เป็นเด็กเจ้าบทเจ้ากลอนหรือว่าเป็นออทิสติกอ่อนๆก็ไม่รู้ค่ะ
มีครั้งนึงที่ผู้ใหญ่แกล้งให้ทำการแสดงแต่งกลอนเราก็ทำตามน้ำเขาไป แม่เห็นก็จับแขนแรงๆลากเข้าห้องครัวไปดุด่าด้วยน้ำเสียงดุตะคอก ว่าอย่าไปทำแบบนี้มันหมือนคนบ้าแล้วก็คำว่าที่จำไม่ได้หลายคำ..เราไม่รู้เรื่องรู้แค่ว่ากลัว รู้สึกว่าไม่ดีพอ..สิ่งแวดล้อมการเลี้ยงดูก็คือปล่อย ตามใจเลยเอาแต่ใจ แม่ไปทำงานปล่อยทิ้งไว้ไม่ติดต่อมา มันทำให้เกิดบาดแผลในใจ ความไร้ค่า
จำไม่ได้ว่าเริ่มเป็นคนหลงตัวเองตอนไหน ชีวิตที่โรงเรียนประถม โดนบูลลี่หน้าตาบ่อยมากจน self esteemต่ำ แต่เป็นเด็กเรียนดีกิจกรรมเด่นก็โดนบูลลี่บ่อยว่าไม่เก่งจริงตลอดเวลา เริ่มชอบชิงดีชิงเด่น เราเริ่มมีนิสัยบางอย่างที่อยากให้คนเห็นความสำคัญ เกิดความรู้สึกอะไรในใจไม่รู้ เวลาทำผิดอะไรมีเพื่อนที่คอยเข้าข้างตามใจ ยิ่งเห็นว่าตัวเราสำคัญถูกเสมอ สร้างภาพให้ตัวเองดูดี มีครั้งนึงที่โกหกหลีกเลี่ยงความผิดหรือพูดอะไรที่แก้ตัวพ้นผิดเพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดีโดยที่ไม่รู้สึกอะไร โดนเพื่อนล้อบูลลี่ สังคมไม่ค่อยดีกับเราเท่าไหร่ เริ่มเห็นตัวเองดีวิเศษกว่าคนอื่น ว่าวิจารณ์อะไรไม่ได้เพราะคิดว้าเขาจะว้าว่าเราไม่ดีพอ จะชักสีหน้าทันที ไม่ค่อยมีมารยาทบอกตรงๆว่าไม่มีคนสอน ทำอะไรเรียกร้องความสนใจเพื่อนก็ไม่กล้าว่า
พอมาเข้าโรงเรียน ม.ต้น แม่ไปทำงานอีกครั้งไม่ติดต่อกลับมา 2 ปี ..เราเคยถามยายว่าทำไมแม่ยังไม่กลับบ้านๆถามซ้ำๆและร้องไห้ไปด้วย ยายตอบกลับมาว่าเขาไปหาเงินให้ไง เรายิ่งรู้สึกไร้ค่า ระหว่างนั้นก็เป็นจอมเถียง ไม่ฟังใคร อยู่บ้านก็อยู่คนเดียว ความทรงจำตอนประถมขาดหายอีกแล้ว
ม.ต้น อยู่แทบไม่ได้ คนล้อหน้าตาตั้งแต่วันแรกยิ่งรู้สึกไร้ค่า จิตใจว่างปล่าว เจ็บปวด อึดอัด ยิ่งหลงตัวเองหนัดขึ้นต้องการความรักความสนใจ
สังคมที่เจอทำให้ไม่ค่อยรู้จักมารยาทเราก็เรียนจากเพื่อนที่นี่เพราะเราโดนด่า หลงตัวเองว่าดี ปากไม่มีหูรูดด่าจนไม่รู้จะด่ายังไง แต่ในหัวว่างปล่าวเป็นส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าคนอื่นพูดอะไร ถูกด่ากลางโรงอาหาร 2 รอบในหัวยังว่างเปล่า..
พ่อแม่เลี้ยงมายังไงก็อ้ำอึ้งตอบไม่ได้ เราก็ตอบตรงๆว่าเราไม่ได้อยู่กับแม่..พ่อละ.. เราไม่มีพ่อ เพื่อนด่าว่าทำไมคนบางคนที่เขาไม่มีเขาถึงคิดได้ ในหัวว่างปล่าวไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไร เราอยู่กับยาย......ยายเลี้ยงยังไง? ก็อ้ำอึ้งไม่กล้าพูด ไม่รู้จะอธิบายชีวิตอย่างไงความจำก็จำไม่ค่ิยได้ ในหัวตอนนั้นนึกถึงภาพเหตุการณ์มันแย่เกินไป เรานึกถึงแต่ภาพที่เราถูกทารุณแล้วเขานั่งดูเฉยๆ เรานิสัยเสียโดยกระมลสันดานเลย..
โดนด่าว่าอีกหน่อยไม่มีเพื่อนคบ ทุกวันนี้มีเพื่อนคบก็ดีแค่ไหน แต่ตอนนั้นก็รู้สึกเฉยๆ
ใครด่าว่าอะไรก็รู้สึกเฉยๆว่างเปล่า ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ใครสะกิดปมความไร้ค่าโกรธชักสีหน้าทันที ทำตัวเรียกร้องความสนใจมากๆ พูดขอโทษแต่ในหัวว่างเปล่า คนร้องไห้ยังไม่รู้สึกอะไรแต่คิดอิจฉามากกว่าที่ทีคนมาเห็นความสำคัญ มีปัญหาแยกไม่ออกว่าคนอื่นพูดเล่นพูดจริง เราจะเริ่มพูดจริงจังทันที พลาดบ่อยมากแบบงงๆว่าเขาพูดอะไรกัน พูดอะไรที่มันดูหลงตัวเอง
เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง อิจฉาเงียบแต่แสดงออกทางพฤติกรรม, ต้องการความรักความสนใจดีเด่นพฤติกรรมน่าหมั่นไส้ เชื่อคนง่ายมากหลงไปตามคนอื่น เชื่อใจคนง่ายโดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นพ่อแม่ให้เราได้ซึ่งมันเป็นอันตรายแต่โชคดีเจอแต่คนที่ไม่หวังผลอะไร ถึงเจอคนแรงคนหวังผลบ้างแต่มีเหตุการณ์รอดมาได้แบบงงๆ ชอบพูดจาเหยียดกดคนอื่นแต่ปั้นหน้าเป็นคนดี ไม่รู้ว่าการให้อภัยคนคืออย่างไง ตอนนั้นมีเหตุการณ์ครูด่านักเรียนด้วยถ้อยคำแรงๆเพราะเสียงดัง แต่เพื่อนไปคุยกับครูและให้อภัยกันเรายังไม่รู้ว่าให้อภัยทำไม คืออะไร เพื่อนยังปวดหัว ทำผิดเยอะจนเกินเยียวยา คนเกลียดหมดที่นั่น คนประจานแต่ทำไปไม่เคยรู้ตัว ชอบคนง่ายใจเปราะ...ต้องการความรักความสนใจ...เคยโดนด่าว่าเอาแต่ใจ
เราเคยหลงไปในกลุ่มออนไลน์การเมืองตอนนั้นยอมรับเลยว่า
เพราะมีคนให้ความสำคัญการยอมรับ เราก็ทำอะไรไปไม่คิดหน้าหลังโผงผาง ไม่ฟังใคร จนครูตักเตือน เพื่อนก็ด่าว่าฟังใครบ้างนอกจากตัวเอง
แต่ก็ไม่รู้สึกผิดอะไรรู้สึกเฉยๆแต่สุดท้ายก็ออกจากกลุ่ม แต่มีพี่คนนึงในกลุ่มพูดเหมือนไเพื่อนเลยว่าเราเป็นคนแบบไหน แต่กัวทึบไม่ได้ฟังใครเพราะไม่เข้าใจค่ะ งงมากว่ารอด ม.ต้น มาได้ยังไง ม.ปลายก็ย้ายไปเรียนจังหวัดอื่นบุคลิกภาพเบาลงมากแต่ก็ยังมีเค้าลางอยู่ค่ะ ความทรงจำ ม .ต้น ขาดๆหายๆ จำได้ตอนที่คุยกับพี่คนหนึ่ง เขาถามว่าพ่อไปไหน เราบอกว่าไม่รู้ พ่อหย่ากับแม่..เขาถามว่าไม่มาเยี่ยมหรอ เราก็ตอบว่าไม่รู้ ไม่มาเยี่ยม ไม่ส่งเงิน....เขาบอกว่า เห้ยปกติต้องมาเยี่ยมสิ เด็กถูกทิ้งหรอ...เขาถามว่าแม่ไปไหน ช่วงนั้นจะจบม.3 ->มีต่อ