บทที่ 17 โลกอดีตและโลกปัจจุบัน
“ที่นี่…ที่ไหนกัน?”
ภัทรเปิดตาขึ้นช้าๆอย่างระมัดระวัง เมื่อภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขาสะท้อนเข้านัยน์ตา เขาคงอดสงสัยแลตกใจไม่ได้
จากทะเลทรายสีเพลิงที่กว้างขวางหาที่สิ้นสุดไม่ได้กลับเปลี่ยนเป็นดินแดนแห่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่กว้างขวางพอๆกับทะเลทรายเปลวเพลิงไปซะงั้น!
ที่นี่ไม่มีอะไรเหมือนกับทะเลทรายสีเพลิงเลยเว้นแต่สิ่งต่างๆรอบตัวที่ตั้งอยู่ในดินแดนแห่งธรรมชาติ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าต่อให้ทะเลทรายเปลวเพลิงจะกว้างใหญ่เพียงใด ก็ยังเป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีสิ่งใดปรากฏให้เห็นสักนิด
ตรงกันข้ามกับดินแดนแห่งธรรมชาติที่ประกอบไปด้วยต้นไม้นานาพรรณและดอกไม้กลิ่นหอมสดชื่นกระจายไปทั่วบริเวณ สายน้ำค่อยๆไหลอย่างเอื่อยๆและสงบ เหมือนยานพาหนะให้ใบไม้ที่ร่วงหล่นตามกาลเวลาได้ออกสู่จากต้นและเดินทางสู่โลกกว้าง
สัตว์ป่าหลายชนิดอาศัยรวมกันเป็นฝูงเช่นหมาป่า สิงโต เป็นต้น
ฝูงนกกระยางบินว่อนไปมารอบผิวน้ำเพื่อฉกสัตว์น้ำเล็กๆอย่างว่องไวจนทำให้หยดน้ำมักกระเด็นไปโดนนกตัวข้างๆเสมอ
ฮัมมิงเบิร์ดตัวเล็กจ้อยกำลังใช้ปีกเล็กๆของมันกระพืออย่างไวจนมองไม่ทันเหมือนล้อรถที่กำลังหมุนด้วยความเร็วเพื่อดูดกลืนน้ำหวานจากดอกไม้ที่อัดแน่นไปด้วยความหวานละมุน
ไม่ต่างอะไรกับผีเสื้อหลากสีที่บินวนไปวนมารอบๆดอกไม้อย่างคาดเดาทิศทางไม่ได้ แต่ดูเหมือนทุกตัวกำลังมีจุดหมายคือดอกไม้สีชมพูอ่อนระเรื่อที่มีฝูงผึ้งหมายตาเอาไว้แล้วสักพักหนึ่ง
เสียงหึ่งๆดังมาจากไกลๆแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีของผึ้งงานที่กำลังเตรียมน้ำหวานไปถวายแด่ผึ้งราชินีที่อยู่ในรังห่างออกไปอีกประมาณยี่สิบเมตร ต่างพากันกระพือปีกตรงเข้ามาหาดอกไม้ที่ผีเสื้อตัวนั้นกำลังจะตอมอย่างเอร็ดอร่อย แต่เพราะความหวงและดุร้ายของผึ้งงาน จึงไม่แปลกที่ผีเสื้อน้อยจะกระพือปีกหนีเตลิดออกไปให้ไกลเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้
สายลมเย็นพัดอ่อนๆไปทั่วทิศทาง เผยให้เห็นถึงใบไม้แก่ที่เหี่ยวเฉาไปตามวัยร่วงหล่นมาอย่างไม่ขาดสายทิ้งใบเด็กน้อยสีเขียวขจีอาศัยอยู่ตามต้นเพื่อได้รับการเลี้ยงดู อาหาร และฝนชุ่มฉ่ำ ผลิตแก๊สหายใจต่อสัตว์ต่างๆ และรอกาลเวลาผ่านไปจนความตายนั้นมาเยือน ทำให้ร่างของใบไม้นั้นต้องร่วงหล่นไปตามธรรมดา เป็นวงจรที่วนไปเรื่อยๆจนกว่าบ้านอันใหญ่โตและเปรียบเสมือนพ่อแม่ที่เรียกว่า “ต้นไม้”จะตายลงเพราะเวลาที่ผ่านไปและลงไปสู่พื้นดินเพื่อกลายเป็นปุ๋ยให้กับพื้นที่นั้น
ต้นหญ้าต่างพากันโยกเยกไปมาตามกระแสลมเอื่อยๆ ทำให้การโยกแต่ละครั้งนั้นเอื่อยเฉื่อยตามไปด้วย รวมกับแสงอาทิตย์อุ่นสบายที่สาดส่องลงมาจากเบื้องบนทั้งผ่านชั้นก้อนเมฆหนาๆหลายชั้น จนกระทบมาจนถึงพื้นดิน เป็นภาพที่สวยงามที่สุดเท่าที่ภัทรเคยเห็นมาทั้งชีวิต น่าเก็บรักษาภาพ และหยุดเวลาเอาไว้เช่นนี้ให้ได้สัมผัสกับความสุขและสงบที่แท้จริง
“สวย…มันสวยมากๆ มันคือที่ไหนกัน บอกฉันทีสิ พระเจ้าได้โปรด…นี่คือสรวงสวรรค์วิมานหรืออย่างใด ทำไมมันถึงน่าหลงใหลได้ถึงเพียงนี้” เพราะบรรยากาศอันสดชื่นและอิ่มใจทำให้ภัทรพึมพำวาจาออกมาได้อย่างสวยหรูโดยไม่รู้ตัว
แสงสีเขียววาบขึ้นที่หัวใจและดวงตาข้างขวาในขณะนั้น ส่งผลให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก!
นี่เป็นความสุขสบายที่ภัทรไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต มันรู้สึกดีเสียยิ่งกว่าได้นอนต่อในตอนเช้าที่ฝนตกหนัก หรือซุกตัวนอนกอดหมอนข้างภายใต้ผ้าห่มไหมพรมนุ่มนิ่มในฤดูหนาวเสียอีก
รอยยิ้มอันน่าแสวงหาปรากฏขึ้นบนหน้าของเขาในเวลาเดียวกัน สายตาข้างซ้ายที่กำลังจดจ่อกับธรรมชาติ ก็ช่างเป็นสายตาที่สงบนิ่งราวกับหนองน้ำที่ถูกเก็บไว้ในหลุมลึกไร้สายลม
“ภัทร ฉันอยากให้นายจดจำภาพและความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ดีที่สุด เพราะมันจะเป็นความทรงจำที่ลึกซึ้งจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้” ต้นไม้ขนาดใหญ่บนหัวของเด็กหนุ่มพูดขึ้นอย่างน่าประหลาด แม้จะไม่มีปากให้พูด แต่เขามั่นใจว่าเสียงมาจากต้นไม้ต้นนี้แน่ๆ ซึ่งเพราะด้วยอำนาจแห่งความสงบนิ่งและไม่ไหวหวั่น จึงไม่ทำให้เขาแตกตื่นไปกับเรื่องประหลาดๆอย่างนี้
แต่ความสงบนั้นก็เกิดขึ้นไม่นานนัก เพราะจุดที่สองเท้าของภัทรกำลังเหยียบอยู่กลับเริ่มมีปฏิกริยาบางอย่างต่อเขา…
ทันใดนั้น แผ่นดินไหวก็เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว แม้จะเป็นการสั่นสะเทือนเล็กๆ แต่มันก็แรงพอจนทำให้ภัทรต้องเอามือเกาะต้นไม้ต้นนั้นไว้
“เกิดอะไรขึ้น?” ภัทรเริ่มรู้สึกและปลีกตัวออกจากภาพอันน่าจดจำเหล่านั้น ดูเหมือนว่าความสงบในใจเมื่อสักครู่จะหนีเตลิดหายไปจากหัวใจและแววตาเขาแล้ว
หยดเหงื่อเริ่มซึมออกมาตามร่างกายเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดๆหนึ่งที่สายลมเย็นเมื่อสักครู่จางหายไปอย่างสิ้นเชิงจนลมร้อนเข้ามาแทนที่
แอ๊กก!!
เสียงร้องสูงปี๊ดของนกตัวหนึ่งดังมาจากไกลๆ ราวกับถูกทำร้ายก่อนที่ภัทรจะหันขวับไปยังต้นตอของเสียงนั้นแต่ไม่เจอสิ่งใด ทันทีที่เสียงนกหายไป เสียงสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น หมูป่า หมาป่า นกกา ไก่ป่า ลิง เสือ ก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ขาดสาย!
ต้นหญ้าที่พื้นเริ่มแห้งเหี่ยวเพราะอากาศที่ร้อนจัด น้ำในบึงเหือดแห้งไปจนเหลือแต่ซากสัตว์น้ำนอนตายกันอย่างน่าเวทนา จากเดิมที่ดินบริเวณนี้ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ กลับแห้งผากจนแข็งเหมือนก้อนหินและปรากฏรอยแยกแตกร้าวที่ภัทรกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าตนจะตกไปยังเบื้องล่างอีกเมื่อไหร่
ครึ่กๆ
เสียงประหลาดดังขึ้นจากใกล้ๆ ทำให้ภัทรชะงักไปแว๊บหนึ่งก่อนจะแหงนหน้าขึ้นไปมองต้นไม้ที่เขากำลังยึดไว้เพราะมันกำลังโอนเอนราวกับจะตกลงมา!
กิ่งไม้เล็กใหญ่ร่วงลงมาจากลำต้นโดนทั้งแขนทั้งขาจนเกิดบาดแผลฟกช้ำตามร่างกายเขาอยู่หลายจุด เนื่องจากมิติที่เขาอยู่ ไม่รองรับการทำงานของเกราะคริสตัล
ภัทรวิ่งออกห่างจากต้นไม้ต้นนั้นอย่างเร็วไวโดยไม่คิดชีวิต และแล้วต้นไม้ต้นนั้นก็โค่นลงมาราวตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนมันพยายามจะล้มทับตัวเขาให้แบนเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่ง
ช่างน่าเสียดายที่อุปกรณ์สำคัญในการหนีอย่างรองเท้าติดปีกนั้นก็ไม่ทำงานเช่นเดียวกัน หรือพูดง่ายๆก็คือ ไม่มีอุปกรณ์วิเศษณ์ใดๆจะใช้งานได้ ซึ่งดาบมรกตและโล่คริสตัลก็ไม่ได้อยู่ในมือเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เขากำลังแข่งกับเวลาอย่างจริงจังที่สุดในชีวิต มีป่าอยู่ข้างหน้า เขาต้องวิ่งเข้าป่าให้ทันก่อนต้นไม้ต้นนั้นจะล้มลงมาทับเขา!
อีกร้อยเมตรก็จะเข้าป่าได้ หัวใจเขาเริ่มเต้นรัวขึ้น ต้นไม้ต้นนั้นก็ดูเหมือนจะล้มโดยไม่เว้นชีวิตเขาเลยสักนิด
อีกห้าสิบเมตรเขาก็จะรอดตาย ขาของเขายังคงจ้ำเขาไปยังป่าเรื่อยๆโดยไม่หยุดหย่อน
นั่นเสียงอะไรดังกร๊อบแกร๊บ อ๋อ เสียงกิ่งไม้หัก นั่นคือเสียงของโคนต้นไม้ที่ล้มไปกระทบพื้นอย่างนั้นหรือ ทำไมมันดังจังเลย! หนวกหู ไม่มีสมาธิวิ่งเลย!! อีกยี่สิบเมตร! สิบห้าเมตรสิบสองเมตร…สิบเมตร! เจ็ดเมตร…เขาตัดสินใจกระโดดอย่างแรงที่สุดในชีวิตแล้ว!...ห้าเมตร!!!
ตู้มม!!!
เศษกิ่งไม้ขนาดใหญ่กระเด็นออกมาจากต้นเข้าไปในป่า พาเขากระเด็นเข้าป่าไปด้วย ช่างโชคดีที่เขาได้กิ่งไม้พวกนี้ช่วยเอาไว้ได้ทันอย่างหวุดหวิด! เพราะการกระโดดที่แรงที่สุดในชีวิตก็ไม่สามารถเข้าป่าได้อยู่ดี!
ภัทรหายใจเข้าลึกๆในป่าใหญ่ที่มีต้นไม้ใหญ่ล้มลงจนปิดทางเข้าอย่างมิดชิด ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงลงอย่างเหลือเชื่อ ราวกับขาของเด็กทารกที่กำลังแบกรับน้ำหนักของเด็กอายุสิบเอ็ดปี เขายืนขึ้นไม่ไหวแน่ๆ เพราะขนาดอยู่นิ่งๆ ขาเขาก็สั่นอย่างแรงเหมือนอากาศกำลังหนาวเย็น
แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่อากาศจะหนาว เพราะเขาเริ่มรู้สึกร้อนกว่าเดิมเมื่อเข้ามายังป่าแห่งนี้ แถมเขายังได้กลิ่นไหม้ด้วย
กล้ามเนื้อเขาขยับไม่ได้แน่ๆ และดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสัญญาณแห่งความตายกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ควันดำลอยมาเตะจมูกจากด้านซ้ายจนทำให้เขาหันขวับไปทันที!
ทันใดนั้น ดวงตาเบาเบิกโพล่ง เขาหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างอย่างกะทันหันจนแทบจะลืมหายใจ เปลวเพลิงสีแสบร้อนซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางหมู่ควันดำทมิฬ และมันก็ค่อยๆลามมากขึ้นเรื่อยๆ จนมันแทบจะลามมาถึงตัวภัทรอยู่แล้ว
เพราะไอร้อนที่ร้อนระอุจึงทำให้ภัทรได้สติ เขาจึงกัดฟันแน่นและใช้แรงที่เขามียกขาเขาออกมาจากท่อนไม้ที่ล้มทับอยู่ให้ได้!...แต่ไร้ประโยชน์ กระทั่งแรงหมด ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มสิ้นหวัง ดวงวิญญาณกำลังสื่อสารกับเขาอยู่ว่า“แกต้องถูกย่างสดจนไหม้เกรียมแน่ๆ!”
แสงสีแดงวาบขึ้นที่ดวงตาและหน้าอกของเขาเหมือนกับที่ผ่านมา
“โอ๊ย!!” ภัทรบิดตัวไปมาเพราะรู้สึกเจ็บอกอย่างบอกไม่ถูก มันช่างตรงกันข้ามกับโลกแห่งธรรมชาติโดยสิ้นเชิง เขารู้สึกทุกข์ เขาไม่เคยทุกข์ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขาอยากร้องไห้ออกมาให้น้ำตาหมดตัวเขา อยากให้ตนเป็นร่างไร้หัวใจ เพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บปวดถึงเพียงนี้!
หลายครั้งที่เขาพยายามออกแรงขาของตนให้พอเคลื่อนไหวได้ แต่ก็ไม่เป็นผลสักรอบ มันหนักอึ้งราวกับภูเขาลูกหนึ่งที่แม้แต่ผู้วิเศษณ์ก็มิอาจขยับมันได้
อีกหนึ่งเมตร…ปลายเล็บเขาจะได้สัมผัสเปลวไฟโดยตรง
เหงื่อเขาแทบจะไม่ไหลเปรอะหน้า เพราะถูกไอร้อนละลายจนระเหยไปหมดแล้ว
“ตายเสียเถอะ เหมือนกับที่เจ้าเคยทำกับเผ่าพันธุ์อื่นนี่แหละ! เผ่าต้นไม้อยู่ด้วยความสันติ จะมาทำลายพวกเราทำไม! เผ่าสัตว์โลกอยู่กันอย่างมีความสุข จะมาฆ่าแกงกันเพื่ออะไร! โลกทั้งใบอยู่กันอย่างสงบ จะมาทำลายบ้านที่เราอยู่ร่วมกันทำไม!!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นทั่วจากเบื้องบนเหมือนวาจาของพระเจ้าก่อนที่เปลวไฟจะไหม้ตัวเขาในอีกสามสิบเซนติเมตร
ซึ่งมันทำให้เขารู้ว่า “ธรรมชาติโกรธแค้นมนุษย์อยู่ แล้วมันกำลังลงโทษ”
ก่อนเปลือกตาของของหนุ่มน้อยจะปิดพร้อมหยดน้ำตา บัดนั้น ได้ปรากฏภาพของตัวเขาเองยืนกอดอกท่ามกลางเปลวไฟอย่างเย้ยหยันและเย็นชา
“ตัวฉัน…เหรอ??ช่วย…ด้วย” ภัทรสูดลมหายใจเต็มที่ แล้วพยายามร้องขอความช่วยเหลืออย่างเหน็ดเหนื่อย
ร่างภัทรที่ยืนท่ามกลางเปลวไฟได้โน้มตัวลงมาพูดเบาๆกับภัทรที่กำลังจะนอนจมกองเปลวเพลิง
“มนุษย์ทำตัวเองนะ…” เป็นคำพูดสั้นๆ ที่แสดงถึงความจริงที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
เมื่อสิ้นความหวัง ดวงตาอันเปี่ยมไปด้วยน้ำตา ก็ได้ปิดลงท่ามกลางเปลวเพลิงอย่างน่าเวทนา…
บทนี้ไม่ได้ต่อเนื่องกับเมื่อวานนะครับ ผมอยากทราบความรู้สึกหลังอ่านเเละช่วยประเมิณให้หน่อยครับว่าเต็มสิบให้เท่าไหร่ มีข้อดีเเละเสียอย่างไร ถ้ามี ขอคำเเเนะนำด้วยครับ ขอบตุณมากนะครับ
รบกวนเเสดงความเห็นนิยายหน่อยครับ 2
“ที่นี่…ที่ไหนกัน?”
ภัทรเปิดตาขึ้นช้าๆอย่างระมัดระวัง เมื่อภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขาสะท้อนเข้านัยน์ตา เขาคงอดสงสัยแลตกใจไม่ได้
จากทะเลทรายสีเพลิงที่กว้างขวางหาที่สิ้นสุดไม่ได้กลับเปลี่ยนเป็นดินแดนแห่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่กว้างขวางพอๆกับทะเลทรายเปลวเพลิงไปซะงั้น!
ที่นี่ไม่มีอะไรเหมือนกับทะเลทรายสีเพลิงเลยเว้นแต่สิ่งต่างๆรอบตัวที่ตั้งอยู่ในดินแดนแห่งธรรมชาติ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าต่อให้ทะเลทรายเปลวเพลิงจะกว้างใหญ่เพียงใด ก็ยังเป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีสิ่งใดปรากฏให้เห็นสักนิด
ตรงกันข้ามกับดินแดนแห่งธรรมชาติที่ประกอบไปด้วยต้นไม้นานาพรรณและดอกไม้กลิ่นหอมสดชื่นกระจายไปทั่วบริเวณ สายน้ำค่อยๆไหลอย่างเอื่อยๆและสงบ เหมือนยานพาหนะให้ใบไม้ที่ร่วงหล่นตามกาลเวลาได้ออกสู่จากต้นและเดินทางสู่โลกกว้าง
สัตว์ป่าหลายชนิดอาศัยรวมกันเป็นฝูงเช่นหมาป่า สิงโต เป็นต้น
ฝูงนกกระยางบินว่อนไปมารอบผิวน้ำเพื่อฉกสัตว์น้ำเล็กๆอย่างว่องไวจนทำให้หยดน้ำมักกระเด็นไปโดนนกตัวข้างๆเสมอ
ฮัมมิงเบิร์ดตัวเล็กจ้อยกำลังใช้ปีกเล็กๆของมันกระพืออย่างไวจนมองไม่ทันเหมือนล้อรถที่กำลังหมุนด้วยความเร็วเพื่อดูดกลืนน้ำหวานจากดอกไม้ที่อัดแน่นไปด้วยความหวานละมุน
ไม่ต่างอะไรกับผีเสื้อหลากสีที่บินวนไปวนมารอบๆดอกไม้อย่างคาดเดาทิศทางไม่ได้ แต่ดูเหมือนทุกตัวกำลังมีจุดหมายคือดอกไม้สีชมพูอ่อนระเรื่อที่มีฝูงผึ้งหมายตาเอาไว้แล้วสักพักหนึ่ง
เสียงหึ่งๆดังมาจากไกลๆแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีของผึ้งงานที่กำลังเตรียมน้ำหวานไปถวายแด่ผึ้งราชินีที่อยู่ในรังห่างออกไปอีกประมาณยี่สิบเมตร ต่างพากันกระพือปีกตรงเข้ามาหาดอกไม้ที่ผีเสื้อตัวนั้นกำลังจะตอมอย่างเอร็ดอร่อย แต่เพราะความหวงและดุร้ายของผึ้งงาน จึงไม่แปลกที่ผีเสื้อน้อยจะกระพือปีกหนีเตลิดออกไปให้ไกลเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้
สายลมเย็นพัดอ่อนๆไปทั่วทิศทาง เผยให้เห็นถึงใบไม้แก่ที่เหี่ยวเฉาไปตามวัยร่วงหล่นมาอย่างไม่ขาดสายทิ้งใบเด็กน้อยสีเขียวขจีอาศัยอยู่ตามต้นเพื่อได้รับการเลี้ยงดู อาหาร และฝนชุ่มฉ่ำ ผลิตแก๊สหายใจต่อสัตว์ต่างๆ และรอกาลเวลาผ่านไปจนความตายนั้นมาเยือน ทำให้ร่างของใบไม้นั้นต้องร่วงหล่นไปตามธรรมดา เป็นวงจรที่วนไปเรื่อยๆจนกว่าบ้านอันใหญ่โตและเปรียบเสมือนพ่อแม่ที่เรียกว่า “ต้นไม้”จะตายลงเพราะเวลาที่ผ่านไปและลงไปสู่พื้นดินเพื่อกลายเป็นปุ๋ยให้กับพื้นที่นั้น
ต้นหญ้าต่างพากันโยกเยกไปมาตามกระแสลมเอื่อยๆ ทำให้การโยกแต่ละครั้งนั้นเอื่อยเฉื่อยตามไปด้วย รวมกับแสงอาทิตย์อุ่นสบายที่สาดส่องลงมาจากเบื้องบนทั้งผ่านชั้นก้อนเมฆหนาๆหลายชั้น จนกระทบมาจนถึงพื้นดิน เป็นภาพที่สวยงามที่สุดเท่าที่ภัทรเคยเห็นมาทั้งชีวิต น่าเก็บรักษาภาพ และหยุดเวลาเอาไว้เช่นนี้ให้ได้สัมผัสกับความสุขและสงบที่แท้จริง
“สวย…มันสวยมากๆ มันคือที่ไหนกัน บอกฉันทีสิ พระเจ้าได้โปรด…นี่คือสรวงสวรรค์วิมานหรืออย่างใด ทำไมมันถึงน่าหลงใหลได้ถึงเพียงนี้” เพราะบรรยากาศอันสดชื่นและอิ่มใจทำให้ภัทรพึมพำวาจาออกมาได้อย่างสวยหรูโดยไม่รู้ตัว
แสงสีเขียววาบขึ้นที่หัวใจและดวงตาข้างขวาในขณะนั้น ส่งผลให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก!
นี่เป็นความสุขสบายที่ภัทรไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต มันรู้สึกดีเสียยิ่งกว่าได้นอนต่อในตอนเช้าที่ฝนตกหนัก หรือซุกตัวนอนกอดหมอนข้างภายใต้ผ้าห่มไหมพรมนุ่มนิ่มในฤดูหนาวเสียอีก
รอยยิ้มอันน่าแสวงหาปรากฏขึ้นบนหน้าของเขาในเวลาเดียวกัน สายตาข้างซ้ายที่กำลังจดจ่อกับธรรมชาติ ก็ช่างเป็นสายตาที่สงบนิ่งราวกับหนองน้ำที่ถูกเก็บไว้ในหลุมลึกไร้สายลม
“ภัทร ฉันอยากให้นายจดจำภาพและความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ดีที่สุด เพราะมันจะเป็นความทรงจำที่ลึกซึ้งจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้” ต้นไม้ขนาดใหญ่บนหัวของเด็กหนุ่มพูดขึ้นอย่างน่าประหลาด แม้จะไม่มีปากให้พูด แต่เขามั่นใจว่าเสียงมาจากต้นไม้ต้นนี้แน่ๆ ซึ่งเพราะด้วยอำนาจแห่งความสงบนิ่งและไม่ไหวหวั่น จึงไม่ทำให้เขาแตกตื่นไปกับเรื่องประหลาดๆอย่างนี้
แต่ความสงบนั้นก็เกิดขึ้นไม่นานนัก เพราะจุดที่สองเท้าของภัทรกำลังเหยียบอยู่กลับเริ่มมีปฏิกริยาบางอย่างต่อเขา…
ทันใดนั้น แผ่นดินไหวก็เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว แม้จะเป็นการสั่นสะเทือนเล็กๆ แต่มันก็แรงพอจนทำให้ภัทรต้องเอามือเกาะต้นไม้ต้นนั้นไว้
“เกิดอะไรขึ้น?” ภัทรเริ่มรู้สึกและปลีกตัวออกจากภาพอันน่าจดจำเหล่านั้น ดูเหมือนว่าความสงบในใจเมื่อสักครู่จะหนีเตลิดหายไปจากหัวใจและแววตาเขาแล้ว
หยดเหงื่อเริ่มซึมออกมาตามร่างกายเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดๆหนึ่งที่สายลมเย็นเมื่อสักครู่จางหายไปอย่างสิ้นเชิงจนลมร้อนเข้ามาแทนที่
แอ๊กก!!
เสียงร้องสูงปี๊ดของนกตัวหนึ่งดังมาจากไกลๆ ราวกับถูกทำร้ายก่อนที่ภัทรจะหันขวับไปยังต้นตอของเสียงนั้นแต่ไม่เจอสิ่งใด ทันทีที่เสียงนกหายไป เสียงสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น หมูป่า หมาป่า นกกา ไก่ป่า ลิง เสือ ก็ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ขาดสาย!
ต้นหญ้าที่พื้นเริ่มแห้งเหี่ยวเพราะอากาศที่ร้อนจัด น้ำในบึงเหือดแห้งไปจนเหลือแต่ซากสัตว์น้ำนอนตายกันอย่างน่าเวทนา จากเดิมที่ดินบริเวณนี้ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ กลับแห้งผากจนแข็งเหมือนก้อนหินและปรากฏรอยแยกแตกร้าวที่ภัทรกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าตนจะตกไปยังเบื้องล่างอีกเมื่อไหร่
ครึ่กๆ
เสียงประหลาดดังขึ้นจากใกล้ๆ ทำให้ภัทรชะงักไปแว๊บหนึ่งก่อนจะแหงนหน้าขึ้นไปมองต้นไม้ที่เขากำลังยึดไว้เพราะมันกำลังโอนเอนราวกับจะตกลงมา!
กิ่งไม้เล็กใหญ่ร่วงลงมาจากลำต้นโดนทั้งแขนทั้งขาจนเกิดบาดแผลฟกช้ำตามร่างกายเขาอยู่หลายจุด เนื่องจากมิติที่เขาอยู่ ไม่รองรับการทำงานของเกราะคริสตัล
ภัทรวิ่งออกห่างจากต้นไม้ต้นนั้นอย่างเร็วไวโดยไม่คิดชีวิต และแล้วต้นไม้ต้นนั้นก็โค่นลงมาราวตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนมันพยายามจะล้มทับตัวเขาให้แบนเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่ง
ช่างน่าเสียดายที่อุปกรณ์สำคัญในการหนีอย่างรองเท้าติดปีกนั้นก็ไม่ทำงานเช่นเดียวกัน หรือพูดง่ายๆก็คือ ไม่มีอุปกรณ์วิเศษณ์ใดๆจะใช้งานได้ ซึ่งดาบมรกตและโล่คริสตัลก็ไม่ได้อยู่ในมือเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เขากำลังแข่งกับเวลาอย่างจริงจังที่สุดในชีวิต มีป่าอยู่ข้างหน้า เขาต้องวิ่งเข้าป่าให้ทันก่อนต้นไม้ต้นนั้นจะล้มลงมาทับเขา!
อีกร้อยเมตรก็จะเข้าป่าได้ หัวใจเขาเริ่มเต้นรัวขึ้น ต้นไม้ต้นนั้นก็ดูเหมือนจะล้มโดยไม่เว้นชีวิตเขาเลยสักนิด
อีกห้าสิบเมตรเขาก็จะรอดตาย ขาของเขายังคงจ้ำเขาไปยังป่าเรื่อยๆโดยไม่หยุดหย่อน
นั่นเสียงอะไรดังกร๊อบแกร๊บ อ๋อ เสียงกิ่งไม้หัก นั่นคือเสียงของโคนต้นไม้ที่ล้มไปกระทบพื้นอย่างนั้นหรือ ทำไมมันดังจังเลย! หนวกหู ไม่มีสมาธิวิ่งเลย!! อีกยี่สิบเมตร! สิบห้าเมตรสิบสองเมตร…สิบเมตร! เจ็ดเมตร…เขาตัดสินใจกระโดดอย่างแรงที่สุดในชีวิตแล้ว!...ห้าเมตร!!!
ตู้มม!!!
เศษกิ่งไม้ขนาดใหญ่กระเด็นออกมาจากต้นเข้าไปในป่า พาเขากระเด็นเข้าป่าไปด้วย ช่างโชคดีที่เขาได้กิ่งไม้พวกนี้ช่วยเอาไว้ได้ทันอย่างหวุดหวิด! เพราะการกระโดดที่แรงที่สุดในชีวิตก็ไม่สามารถเข้าป่าได้อยู่ดี!
ภัทรหายใจเข้าลึกๆในป่าใหญ่ที่มีต้นไม้ใหญ่ล้มลงจนปิดทางเข้าอย่างมิดชิด ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงลงอย่างเหลือเชื่อ ราวกับขาของเด็กทารกที่กำลังแบกรับน้ำหนักของเด็กอายุสิบเอ็ดปี เขายืนขึ้นไม่ไหวแน่ๆ เพราะขนาดอยู่นิ่งๆ ขาเขาก็สั่นอย่างแรงเหมือนอากาศกำลังหนาวเย็น
แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่อากาศจะหนาว เพราะเขาเริ่มรู้สึกร้อนกว่าเดิมเมื่อเข้ามายังป่าแห่งนี้ แถมเขายังได้กลิ่นไหม้ด้วย
กล้ามเนื้อเขาขยับไม่ได้แน่ๆ และดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงสัญญาณแห่งความตายกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ควันดำลอยมาเตะจมูกจากด้านซ้ายจนทำให้เขาหันขวับไปทันที!
ทันใดนั้น ดวงตาเบาเบิกโพล่ง เขาหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างอย่างกะทันหันจนแทบจะลืมหายใจ เปลวเพลิงสีแสบร้อนซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางหมู่ควันดำทมิฬ และมันก็ค่อยๆลามมากขึ้นเรื่อยๆ จนมันแทบจะลามมาถึงตัวภัทรอยู่แล้ว
เพราะไอร้อนที่ร้อนระอุจึงทำให้ภัทรได้สติ เขาจึงกัดฟันแน่นและใช้แรงที่เขามียกขาเขาออกมาจากท่อนไม้ที่ล้มทับอยู่ให้ได้!...แต่ไร้ประโยชน์ กระทั่งแรงหมด ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มสิ้นหวัง ดวงวิญญาณกำลังสื่อสารกับเขาอยู่ว่า“แกต้องถูกย่างสดจนไหม้เกรียมแน่ๆ!”
แสงสีแดงวาบขึ้นที่ดวงตาและหน้าอกของเขาเหมือนกับที่ผ่านมา
“โอ๊ย!!” ภัทรบิดตัวไปมาเพราะรู้สึกเจ็บอกอย่างบอกไม่ถูก มันช่างตรงกันข้ามกับโลกแห่งธรรมชาติโดยสิ้นเชิง เขารู้สึกทุกข์ เขาไม่เคยทุกข์ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขาอยากร้องไห้ออกมาให้น้ำตาหมดตัวเขา อยากให้ตนเป็นร่างไร้หัวใจ เพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บปวดถึงเพียงนี้!
หลายครั้งที่เขาพยายามออกแรงขาของตนให้พอเคลื่อนไหวได้ แต่ก็ไม่เป็นผลสักรอบ มันหนักอึ้งราวกับภูเขาลูกหนึ่งที่แม้แต่ผู้วิเศษณ์ก็มิอาจขยับมันได้
อีกหนึ่งเมตร…ปลายเล็บเขาจะได้สัมผัสเปลวไฟโดยตรง
เหงื่อเขาแทบจะไม่ไหลเปรอะหน้า เพราะถูกไอร้อนละลายจนระเหยไปหมดแล้ว
“ตายเสียเถอะ เหมือนกับที่เจ้าเคยทำกับเผ่าพันธุ์อื่นนี่แหละ! เผ่าต้นไม้อยู่ด้วยความสันติ จะมาทำลายพวกเราทำไม! เผ่าสัตว์โลกอยู่กันอย่างมีความสุข จะมาฆ่าแกงกันเพื่ออะไร! โลกทั้งใบอยู่กันอย่างสงบ จะมาทำลายบ้านที่เราอยู่ร่วมกันทำไม!!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นทั่วจากเบื้องบนเหมือนวาจาของพระเจ้าก่อนที่เปลวไฟจะไหม้ตัวเขาในอีกสามสิบเซนติเมตร
ซึ่งมันทำให้เขารู้ว่า “ธรรมชาติโกรธแค้นมนุษย์อยู่ แล้วมันกำลังลงโทษ”
ก่อนเปลือกตาของของหนุ่มน้อยจะปิดพร้อมหยดน้ำตา บัดนั้น ได้ปรากฏภาพของตัวเขาเองยืนกอดอกท่ามกลางเปลวไฟอย่างเย้ยหยันและเย็นชา
“ตัวฉัน…เหรอ??ช่วย…ด้วย” ภัทรสูดลมหายใจเต็มที่ แล้วพยายามร้องขอความช่วยเหลืออย่างเหน็ดเหนื่อย
ร่างภัทรที่ยืนท่ามกลางเปลวไฟได้โน้มตัวลงมาพูดเบาๆกับภัทรที่กำลังจะนอนจมกองเปลวเพลิง
“มนุษย์ทำตัวเองนะ…” เป็นคำพูดสั้นๆ ที่แสดงถึงความจริงที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
เมื่อสิ้นความหวัง ดวงตาอันเปี่ยมไปด้วยน้ำตา ก็ได้ปิดลงท่ามกลางเปลวเพลิงอย่างน่าเวทนา…
บทนี้ไม่ได้ต่อเนื่องกับเมื่อวานนะครับ ผมอยากทราบความรู้สึกหลังอ่านเเละช่วยประเมิณให้หน่อยครับว่าเต็มสิบให้เท่าไหร่ มีข้อดีเเละเสียอย่างไร ถ้ามี ขอคำเเเนะนำด้วยครับ ขอบตุณมากนะครับ