'ชวลิต' ชี้ คนอีสานไม่ชอบคนเอาเปรียบ คิดสืบทอดอำนาจ เชื่อพี่น้องรู้ว่า ไม่ควรเลือกใคร
https://www.matichon.co.th/politics/news_1299110
ชวลิต ชี้ คนอีสานไม่ชอบคนเอารัดเอาเปรียบ รู้ว่าไม่ควรเลือกใคร
วันนี้ (1 ม.ค.) นาย
ชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.นครพนม สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว จะลงพื้นที่ทุกหมู่บ้านใน 4 อำเภอ จ.นครพนม โดยจะนำรถกระจายเสียงปราศรัยกับประชาชนด้วยตนเอง ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้พบปะประชาชน ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก พรรคเพื่อไทยยังอยู่ในใจของชาวนครพนม เพราะแก้ไขปัญหาตอบโจทย์ประชาชนได้ดีกว่า ที่แล้วมาประชาชนได้รับความเดือนร้อนอย่างมากจากปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง นโยบายบัตรคนจนกระจายรายได้ไม่ทั่วถึงประชาชน แต่เอื้อประโยชน์ให้บรรดาเจ้าสัว ห้างร้านใหญ่ๆ
ดังนั้น จึงไม่สามารถซื้อใจประชาชนได้ แม้จะเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชนบางส่วน แต่ก็เป็นเพียงรายได้เทียม เพราะรายได้หลักของชาวบ้านมากจากการเกษตร นอกจากนี้คนอีสานยังไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบ และยิ่งมีกรณีนาฬิกาหรูของรองนายกรัฐมนตรี มีการสืบทอดอำนาจ ก็จะยิ่งทำให้ประชาชนมองเห็นชัดว่าไม่ควรเลือกใคร
ยังไร้เงา! พปชร.-รปช. ลงนาม ‘สัญญาเคารพปชช.’ จัดตั้งรบ.ต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_1299073
ต่อเวลาลงนาม “สัญญาประชาชน” จัดตั้งรบ.ต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง หลัง 25 พรรคเซ็นแล้ว แต่ไร้เงา พปชร.-รปช.
จากกรณีที่ สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดล มูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม และมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะองค์กรผู้อำนวยความสะดวกในการจัดพิธีลงนาม “
สัญญาที่พรรคการเมืองขอให้ไว้แก่ประชาชน” ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ โดยมีพรรคการเมืองร่วมลงนามจำนวน 25 พรรคการเมือง เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 61ที่ผ่านมานั้น
เมื่อวันที่ 1 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้อำนวยความสะดวก ได้ออกหนังสือเชิญชวนให้พรรคการเมืองที่ไม่สะดวกมาร่วมลงนามในวันดังกล่าว ได้มีโอกาสร่วมลงนามเพิ่มเติม อันจะเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะเป็นไปโดยสุจริต เสรี และเที่ยงธรรม ตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 10 มกราคม ซึ่งพรรคการเมืองที่มีความประสงค์จะลงนามเพิ่มเติมสามารถลงทะเบียนและติดต่อประสานงานได้ที่นี่
ลิ้งค์ และจากนี้ไปจะได้ดำเนินการเผยแพร่ “
สัญญา” ผ่านสื่อต่าง ๆ รวมทั้งสื่อศิลปะ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีผู้ที่จะมีสิทธิเลือกตั้งเป็นครั้งแรก (first-time voters) เป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้ง จัดให้มีอบรมอาสาสมัครเพื่อสังเกตการณ์และติดตามการปฏิบัติตาม “
สัญญา” นั้น ทั้งในช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้งต่อไป
25 พรรคเซ็นแล้ว ขาด “รปช.-พปชร.”
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า พรรคการเมือง 25 พรรค ที่ร่วมลงนามเรียงตามลำดับอักษรมีดังนี้ พรรคกลาง พรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย พรรคคลองไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคแทนคุณแผ่นดิน พรรคไทยรักษาชาติ พรรคประชาชาติ พรรคประชาธรรมไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคแผ่นดินธรรม พรรคพลังคนกีฬา พรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคพลังไทยดี พรรคพลังไทยรักไทย พรรคพลังสังคม พรรคเพื่อชาติ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคมหาชน พรรครักท้องถิ่นไทย พรรคสามัญชน พรรคเสรีรวมไทย และพรรคอนาคตใหม่
ส่วนพรรคการเมืองที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างและถูกจับตาแต่ยังไม่ลงนามคือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมพลังประชาชาติไทย
เผยเนื้อหา 10 ข้อ ก่อน-หลังกาบัตร เลิกการเมืองสกปรก-ให้ส.ส.เสียงข้างมากตั้งรบ.
สำหรับเนื้อหาในสัญญามี 10 ข้อ แบ่งเป็น 2 ช่วง ดังนี้ ก่อนการเลือกตั้ง 5 ข้อ
1. จะปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง และกฎระเบียบของกกต.ที่กำหนดขึ้นตามหลักนิติธรรมและมาตราฐานสากล
2. จะไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการซื้อเสียง จะไม่ใช้และพร้อมที่จะต่อต้านการใช้กลไกหรือทรัพยากรของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเลือกตั้ง
3.จะรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งด้วยสันติวิธี และไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ
4. จะไม่ใช้ถ้อยคำและภาษาที่ร้อนแรง จะไม่ให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะไม่ใช่การข่มขู่และไม่ใช้วาจาที่ปลุกเร้าให้เกิดความรุนแรง
5. จะเคารพสิทธิของพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะรณรงค์หาเสียงโดยปลอดจากความหวาดกลัว และการถูกข่มขู่ และขอยืนยันว่าจะไม่ก่อกวนการณรงค์หาเสียงของพรรคการเมืองใดๆ
ดันกระจายอำนาจ-สานต่อคุยสันติภาพดับไฟใต้
หลังการเลือกตั้ง 5 ข้อ
1. พรรคการเมืองที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีเสียงสนับสนุนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของส.ส.
2.พรรคการเมืองที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะนำนโยบายที่แต่ละพรรคใช้ในการหาเสียงมาบูรณาการกันอย่างจริงจัง และให้ความสำคัญแก่การจัดทำนโยบายร่วมกันก่อนการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี
3.จะสนับสนุนให้รัฐจัดให้มีกลไกที่ใช้หลักของความเป็นธรรมในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อเสนอแนะการปปรองดอง และเยียวยาผู้เสียหายจากการกระทำของรัฐและการกระทำด้วยเหตุจูงใจทางการเมือง
4.จะสนับสนุนกระบวนการพูดคุยสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้บรรลุข้อตกลงของการอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพซึ่งกันและกันอย่างสันติ
5.เพื่อความเป็นธรรมระหว่างการบริหาราชาการส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น พรรคการเมืองจะดำเนินการให้องค์กรชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจการตัดสินใจเรื่องของท้องถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจะพิจารณาโยนงาน งบประมาณ และบุคลากร จากราชการส่วนกลางและส่วนภูมมิภาคไปสู่ราชการส่วนท้องถิ่นมากขึ้นอย่างเพียงพอ
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSerOoTGcBkr2aXOghVu23bBNfkhm0HlEDFLpQcIqN3Xz1nziA/viewform
จาตุรนต์ ดักคอ อย่าเลื่อนกาบัตรเพื่อช่วยพปชร. ซัด ย้อนยุค มท.ตั้งศูนย์เลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_1299056
จาตุรนต์ ดักคอ อย่าเลื่อนหย่อนบัตรช่วยพปชร. ชี้ไม่ใช่หน้าที่ มท.ตั้งศูนย์เลือกตั้ง มันย้อนยุค
วันที่ 1 มกราคม นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์ พรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) กล่าวว่า สำหรับพรรค ทษช.ซึ่งถือเป็นพรรคการเมืองใหม่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะส่ง ส.ส.ครบทุกเขตเลือกตั้ง แต่เราจะไม่ส่งผู้สมัครโนเนมลงเลือกตั้งเด็ดขาด เพราะจะถูกประชาชนตำหนิ อย่างไรก็ตาม หากมีการเลื่อนเลือกตั้งจากวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ออกไป จะมองได้ว่าเป็นการคุณขอมา เพื่อสร้างความได้เปรียบให้พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่สนับสนุน พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกหลังเลือกตั้ง โดยเลื่อนเพื่อต้องการเวลาเพื่อใช้โครงการ งบประมาณของรัฐ ให้เกิดประโยชน์ต่อพรรคการเมืองดังกล่าว และหากการเลือกตั้งถูกเลื่อนออกไปเกิน 1 เดือน เป็นไปได้ที่พรรค พปชร.จะต้องการดูดนักการเมืองเพิ่มอีกรอบ ส่งผลให้นักการเมืองจากหลายพรรคย้ายเข้าพรรค พปชร.อีกรอบหนึ่ง
“วันนี้จะเห็นว่าการที่รัฐเบิกจ่ายงบประมาณผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น มีผลต่อความนิยมของรัฐบาลและคะแนนเสียงของพรรค พปชร.พอสมควร แม้หลายพื้นที่จะมีกระแสตีกลับจากประชาชนไม่มีแนวคิดว่าเอารัฐบาลxxx ดังนั้น เพื่อความมั่นใจ จึงต้องเดินหน้านโยบายบัตรคนจนเพิ่ม เพื่อสามารถสร้างความพอใจแก่ประชาชน มิเช่นนั้นจะแพ้เลือกตั้งได้ ประชาชนชอบนโยบายบัตรคนจนพอสมควร เพราะ 4 ปีมานี้ ชาวบ้านยากจนมานาน ดังนั้น เมื่อรัฐบาลให้เงินใช้ จึงเกิดความชื่นชอบ แต่หากได้ทำความเข้าใจว่าเป็นนโยบายที่ไม่ได้แก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนและมีวัตถุประสงค์เพื่อหวังผลทางการเมือง ก่อให้เกิดการสืบทอดอำนาจ แล้วจะได้รัฐบาลที่ก่อความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ก็จะมีกระแสตีกลับ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าแนวทางการบริหารงานเช่นนั้น สร้างความเสียหายมากกว่าเงินที่ได้รับจากบัตรคนจนอย่างมาก ที่สำคัญจนถึงขณะนี้นายกฯและรัฐบาลจะใช้นโยบายผ่านโครงการต่างๆ หาเสียงอย่างไม่จำกัด บวกกับการยังคงอำนาจตามคำสั่ง คสช.ในการจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ให้อำนาจxxxจับกุมตรวจค้นหัวคะแนนได้ตามใจชอบ และยังมีมาตรา 44 ที่แทรกแซงการเลือกตั้ง เหล่านี้ไม่มีอะไรที่จะรับประกันได้เลยว่า เขาจะไม่ใช้อำนาจเอื้อต่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง” นาย
จาตุรนต์กล่าว
นาย
จาตุรนต์กล่าวว่า สำหรับกรณีที่กระทรวงมหาดไทยเตรียมตั้งศูนย์การเลือกตั้งนั้น ถือว่ามีนัยยะทางการเมือง เพราะไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยที่จะตั้งศูนย์เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ประเทศไทยได้ข้อสรุปมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วว่า ไม่ควรให้หน่วยงานราชการจัดการเลือกตั้ง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย แต่ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานอิสระอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แต่ที่ผ่านมา รัฐบาลและ คสช.ได้เข้ามาแทรกแซงให้กระบวนการเลือกตั้งให้ย้อนยุคกลับไปในอดีต โดยพยายามให้หน่วยงานราชการสามารถให้คุณให้โทษต่อผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ เป็นต้น
“การให้กระทรวงมหาดไทยเข้ามาดูแลการเลือกตั้งด้วย จะมีการเอื้อประโยชน์แก่รัฐบาล เพราะคนในรัฐบาลนี้ก็กำลังจะลงแข่งขันในการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงเหมือนการย้อนยุค และทำให้การเลือกตั้งไม่เสรีเป็นธรรมยิ่งขึ้นไปอีก ในรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นต้นมา ส่วนราชการจะมีส่วนในการจัดการเลือกตั้งได้ก็ต่อเมื่อมีการร้องขอจาก กกต. จะตั้งศูนย์เพื่อดำเนินการเองไม่ได้ เพราะไม่ใช่หน้าที่ ทั้งยังเป็นสิ่งต้องห้าม แต่การที่กระทรวงมหาดไทยจะตั้งศูนย์นั้น ยิ่งเป็นการซ้ำเติมการเลือกตั้งที่ไม่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรมอยู่แล้ว” นาย
จาตุรนต์กล่าว
JJNY : 4in1 ชวลิตชี้คนอีสานไม่ชอบคนเอาเปรียบ/ไร้เงา!พปชร.-รปช.ลงนามสัญญาเคารพปชช./จาตุรนต์ ดักคอ/ผลโพลของขวัญ
https://www.matichon.co.th/politics/news_1299110
ชวลิต ชี้ คนอีสานไม่ชอบคนเอารัดเอาเปรียบ รู้ว่าไม่ควรเลือกใคร
วันนี้ (1 ม.ค.) นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีต ส.ส.นครพนม สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว จะลงพื้นที่ทุกหมู่บ้านใน 4 อำเภอ จ.นครพนม โดยจะนำรถกระจายเสียงปราศรัยกับประชาชนด้วยตนเอง ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้พบปะประชาชน ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก พรรคเพื่อไทยยังอยู่ในใจของชาวนครพนม เพราะแก้ไขปัญหาตอบโจทย์ประชาชนได้ดีกว่า ที่แล้วมาประชาชนได้รับความเดือนร้อนอย่างมากจากปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง นโยบายบัตรคนจนกระจายรายได้ไม่ทั่วถึงประชาชน แต่เอื้อประโยชน์ให้บรรดาเจ้าสัว ห้างร้านใหญ่ๆ
ดังนั้น จึงไม่สามารถซื้อใจประชาชนได้ แม้จะเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชนบางส่วน แต่ก็เป็นเพียงรายได้เทียม เพราะรายได้หลักของชาวบ้านมากจากการเกษตร นอกจากนี้คนอีสานยังไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบ และยิ่งมีกรณีนาฬิกาหรูของรองนายกรัฐมนตรี มีการสืบทอดอำนาจ ก็จะยิ่งทำให้ประชาชนมองเห็นชัดว่าไม่ควรเลือกใคร
ยังไร้เงา! พปชร.-รปช. ลงนาม ‘สัญญาเคารพปชช.’ จัดตั้งรบ.ต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_1299073
ต่อเวลาลงนาม “สัญญาประชาชน” จัดตั้งรบ.ต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง หลัง 25 พรรคเซ็นแล้ว แต่ไร้เงา พปชร.-รปช.
จากกรณีที่ สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดล มูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม และมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะองค์กรผู้อำนวยความสะดวกในการจัดพิธีลงนาม “สัญญาที่พรรคการเมืองขอให้ไว้แก่ประชาชน” ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ โดยมีพรรคการเมืองร่วมลงนามจำนวน 25 พรรคการเมือง เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม 61ที่ผ่านมานั้น
เมื่อวันที่ 1 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้อำนวยความสะดวก ได้ออกหนังสือเชิญชวนให้พรรคการเมืองที่ไม่สะดวกมาร่วมลงนามในวันดังกล่าว ได้มีโอกาสร่วมลงนามเพิ่มเติม อันจะเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะเป็นไปโดยสุจริต เสรี และเที่ยงธรรม ตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 10 มกราคม ซึ่งพรรคการเมืองที่มีความประสงค์จะลงนามเพิ่มเติมสามารถลงทะเบียนและติดต่อประสานงานได้ที่นี่ ลิ้งค์ และจากนี้ไปจะได้ดำเนินการเผยแพร่ “สัญญา” ผ่านสื่อต่าง ๆ รวมทั้งสื่อศิลปะ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีผู้ที่จะมีสิทธิเลือกตั้งเป็นครั้งแรก (first-time voters) เป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้ง จัดให้มีอบรมอาสาสมัครเพื่อสังเกตการณ์และติดตามการปฏิบัติตาม “สัญญา” นั้น ทั้งในช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้งต่อไป
25 พรรคเซ็นแล้ว ขาด “รปช.-พปชร.”
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า พรรคการเมือง 25 พรรค ที่ร่วมลงนามเรียงตามลำดับอักษรมีดังนี้ พรรคกลาง พรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย พรรคคลองไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคแทนคุณแผ่นดิน พรรคไทยรักษาชาติ พรรคประชาชาติ พรรคประชาธรรมไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคแผ่นดินธรรม พรรคพลังคนกีฬา พรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคพลังไทยดี พรรคพลังไทยรักไทย พรรคพลังสังคม พรรคเพื่อชาติ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคมหาชน พรรครักท้องถิ่นไทย พรรคสามัญชน พรรคเสรีรวมไทย และพรรคอนาคตใหม่
ส่วนพรรคการเมืองที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างและถูกจับตาแต่ยังไม่ลงนามคือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมพลังประชาชาติไทย
เผยเนื้อหา 10 ข้อ ก่อน-หลังกาบัตร เลิกการเมืองสกปรก-ให้ส.ส.เสียงข้างมากตั้งรบ.
สำหรับเนื้อหาในสัญญามี 10 ข้อ แบ่งเป็น 2 ช่วง ดังนี้ ก่อนการเลือกตั้ง 5 ข้อ
1. จะปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง และกฎระเบียบของกกต.ที่กำหนดขึ้นตามหลักนิติธรรมและมาตราฐานสากล
2. จะไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการซื้อเสียง จะไม่ใช้และพร้อมที่จะต่อต้านการใช้กลไกหรือทรัพยากรของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเลือกตั้ง
3.จะรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งด้วยสันติวิธี และไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ
4. จะไม่ใช้ถ้อยคำและภาษาที่ร้อนแรง จะไม่ให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะไม่ใช่การข่มขู่และไม่ใช้วาจาที่ปลุกเร้าให้เกิดความรุนแรง
5. จะเคารพสิทธิของพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะรณรงค์หาเสียงโดยปลอดจากความหวาดกลัว และการถูกข่มขู่ และขอยืนยันว่าจะไม่ก่อกวนการณรงค์หาเสียงของพรรคการเมืองใดๆ
ดันกระจายอำนาจ-สานต่อคุยสันติภาพดับไฟใต้
หลังการเลือกตั้ง 5 ข้อ
1. พรรคการเมืองที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีเสียงสนับสนุนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของส.ส.
2.พรรคการเมืองที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะนำนโยบายที่แต่ละพรรคใช้ในการหาเสียงมาบูรณาการกันอย่างจริงจัง และให้ความสำคัญแก่การจัดทำนโยบายร่วมกันก่อนการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี
3.จะสนับสนุนให้รัฐจัดให้มีกลไกที่ใช้หลักของความเป็นธรรมในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อเสนอแนะการปปรองดอง และเยียวยาผู้เสียหายจากการกระทำของรัฐและการกระทำด้วยเหตุจูงใจทางการเมือง
4.จะสนับสนุนกระบวนการพูดคุยสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้บรรลุข้อตกลงของการอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพซึ่งกันและกันอย่างสันติ
5.เพื่อความเป็นธรรมระหว่างการบริหาราชาการส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น พรรคการเมืองจะดำเนินการให้องค์กรชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจการตัดสินใจเรื่องของท้องถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจะพิจารณาโยนงาน งบประมาณ และบุคลากร จากราชการส่วนกลางและส่วนภูมมิภาคไปสู่ราชการส่วนท้องถิ่นมากขึ้นอย่างเพียงพอ
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSerOoTGcBkr2aXOghVu23bBNfkhm0HlEDFLpQcIqN3Xz1nziA/viewform
จาตุรนต์ ดักคอ อย่าเลื่อนกาบัตรเพื่อช่วยพปชร. ซัด ย้อนยุค มท.ตั้งศูนย์เลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_1299056
จาตุรนต์ ดักคอ อย่าเลื่อนหย่อนบัตรช่วยพปชร. ชี้ไม่ใช่หน้าที่ มท.ตั้งศูนย์เลือกตั้ง มันย้อนยุค
วันที่ 1 มกราคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์ พรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) กล่าวว่า สำหรับพรรค ทษช.ซึ่งถือเป็นพรรคการเมืองใหม่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะส่ง ส.ส.ครบทุกเขตเลือกตั้ง แต่เราจะไม่ส่งผู้สมัครโนเนมลงเลือกตั้งเด็ดขาด เพราะจะถูกประชาชนตำหนิ อย่างไรก็ตาม หากมีการเลื่อนเลือกตั้งจากวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ออกไป จะมองได้ว่าเป็นการคุณขอมา เพื่อสร้างความได้เปรียบให้พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกหลังเลือกตั้ง โดยเลื่อนเพื่อต้องการเวลาเพื่อใช้โครงการ งบประมาณของรัฐ ให้เกิดประโยชน์ต่อพรรคการเมืองดังกล่าว และหากการเลือกตั้งถูกเลื่อนออกไปเกิน 1 เดือน เป็นไปได้ที่พรรค พปชร.จะต้องการดูดนักการเมืองเพิ่มอีกรอบ ส่งผลให้นักการเมืองจากหลายพรรคย้ายเข้าพรรค พปชร.อีกรอบหนึ่ง
“วันนี้จะเห็นว่าการที่รัฐเบิกจ่ายงบประมาณผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น มีผลต่อความนิยมของรัฐบาลและคะแนนเสียงของพรรค พปชร.พอสมควร แม้หลายพื้นที่จะมีกระแสตีกลับจากประชาชนไม่มีแนวคิดว่าเอารัฐบาลxxx ดังนั้น เพื่อความมั่นใจ จึงต้องเดินหน้านโยบายบัตรคนจนเพิ่ม เพื่อสามารถสร้างความพอใจแก่ประชาชน มิเช่นนั้นจะแพ้เลือกตั้งได้ ประชาชนชอบนโยบายบัตรคนจนพอสมควร เพราะ 4 ปีมานี้ ชาวบ้านยากจนมานาน ดังนั้น เมื่อรัฐบาลให้เงินใช้ จึงเกิดความชื่นชอบ แต่หากได้ทำความเข้าใจว่าเป็นนโยบายที่ไม่ได้แก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนและมีวัตถุประสงค์เพื่อหวังผลทางการเมือง ก่อให้เกิดการสืบทอดอำนาจ แล้วจะได้รัฐบาลที่ก่อความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ก็จะมีกระแสตีกลับ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าแนวทางการบริหารงานเช่นนั้น สร้างความเสียหายมากกว่าเงินที่ได้รับจากบัตรคนจนอย่างมาก ที่สำคัญจนถึงขณะนี้นายกฯและรัฐบาลจะใช้นโยบายผ่านโครงการต่างๆ หาเสียงอย่างไม่จำกัด บวกกับการยังคงอำนาจตามคำสั่ง คสช.ในการจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ให้อำนาจxxxจับกุมตรวจค้นหัวคะแนนได้ตามใจชอบ และยังมีมาตรา 44 ที่แทรกแซงการเลือกตั้ง เหล่านี้ไม่มีอะไรที่จะรับประกันได้เลยว่า เขาจะไม่ใช้อำนาจเอื้อต่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง” นายจาตุรนต์กล่าว
นายจาตุรนต์กล่าวว่า สำหรับกรณีที่กระทรวงมหาดไทยเตรียมตั้งศูนย์การเลือกตั้งนั้น ถือว่ามีนัยยะทางการเมือง เพราะไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยที่จะตั้งศูนย์เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ประเทศไทยได้ข้อสรุปมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วว่า ไม่ควรให้หน่วยงานราชการจัดการเลือกตั้ง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย แต่ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานอิสระอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แต่ที่ผ่านมา รัฐบาลและ คสช.ได้เข้ามาแทรกแซงให้กระบวนการเลือกตั้งให้ย้อนยุคกลับไปในอดีต โดยพยายามให้หน่วยงานราชการสามารถให้คุณให้โทษต่อผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ เป็นต้น
“การให้กระทรวงมหาดไทยเข้ามาดูแลการเลือกตั้งด้วย จะมีการเอื้อประโยชน์แก่รัฐบาล เพราะคนในรัฐบาลนี้ก็กำลังจะลงแข่งขันในการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงเหมือนการย้อนยุค และทำให้การเลือกตั้งไม่เสรีเป็นธรรมยิ่งขึ้นไปอีก ในรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นต้นมา ส่วนราชการจะมีส่วนในการจัดการเลือกตั้งได้ก็ต่อเมื่อมีการร้องขอจาก กกต. จะตั้งศูนย์เพื่อดำเนินการเองไม่ได้ เพราะไม่ใช่หน้าที่ ทั้งยังเป็นสิ่งต้องห้าม แต่การที่กระทรวงมหาดไทยจะตั้งศูนย์นั้น ยิ่งเป็นการซ้ำเติมการเลือกตั้งที่ไม่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรมอยู่แล้ว” นายจาตุรนต์กล่าว