JJNY : พท.โต้พปชร.ชี้ยิ่งปฏิเสธยิ่งเข้าตัวฯ/กกต.แจงเหตุตีตกยกคำร้องเสรีพิศุทธ์ฯ/วีระเดินหน้าคดีปารีณา ฮุบที่ดิน ส.ป.ก.ฯ

พท.โต้พปชร.ชี้ยิ่งออกมาปฏิเสธยิ่งเข้าตัว
https://www.innnews.co.th/politics/news_549399/
 
 
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ระบุว่า รัฐบาลไม่ได้จ้องดึงเสียง ส.ส.ฝ่ายค้าน เพื่อให้มาสนับสนุนเสียงโหวต ไม่มีการเสนอผลประโยชน์เข้าแลก ว่า ใครทำอะไร ใครได้ประโยชน์ จากการคว่ำการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 ประชาชนรับรู้และเข้าใจได้ไม่ยาก ยิ่งออกมาปฏิเสธ ยิ่งเข้าตัว อย่าเกี่ยวแฝกมุงป่า อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ การปฏิเสธแบบไร้สิ่งยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าเลวร้ายแล้ว แต่การจุ้นจ้านโยนบาปให้พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ไปพูดถึงกิจการภายในของพรรคการเมืองอื่น เป็นเรื่องที่เลวร้ายและเสียมารยาทมาก งูเห่าในพรรคการเมือง เป็นปฏิบัติการ ที่ขาดวินัย ไร้จิตสำนึก ไม่ใช่เรื่องที่คนเสนอให้กับคนรับ จะมุบมิบกันทำแบบไม่เกรงใจประชาชน
  
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีส.ส.ของพรรคไม่ปฏิบัติตามมติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งจะต้องมีคำตอบให้กับประชาชน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อย่าสร้างความสับสน และไร้มารยาทในการแทรกแซงการทำงานของพรรคการเมืองอื่น
 
นายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรณี มติคณะกรรมการค่าจ้าง เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-6 บาททั่วประเทศ ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563 ว่า พรรคพลังประชารัฐรู้สึกอย่างไร ที่นโยบายหาเสียงเป็นสัญญาประชาคมกับประชาชน ไม่สามารถทำได้ ถือเป็นการตระบัดสัตย์ หลอกลวง เพื่อหวังผลคะแนนหรือไม่ ตอนหาเสียงบอกว่าจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท เท่ากันทั่วประเทศ พอมาเป็นรัฐบาลปรับจริงแค่ 5-6 บาท แล้วยังสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติมว่า ต้องยกระดับทักษะฝีมือแรงงานก่อน การกระทำในลักษณะนี้เข้าข่ายการเสนอให้ หรือสัญญาให้ทรัพย์สิน  หรือผลประโยชน์เพื่อจูงใจให้ลงคะแนน ให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นนโยบายของพรรคการเมือง โดยการหาเสียงเลือกตั้งจะต้องไม่ขัดหรือแย้งกับแนวทางที่เป็นนโยบายของพรรคการเมือง หาเสียงอย่างตอนทำกลับไปทำอีกอย่าง เข้าข่ายโฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวงเพื่อให้ได้คะแนนหรือไม่ ขัดต่อคุณธรรมจริยธรรมของพรรคการเมือง เป็นการสร้างบรรทัดฐานที่แย่และไม่ถูกต้องให้กับการออกนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองหรือไม่ นอกจากนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะไม่ตรงปก ทำไม่ได้แล้ว นโยบายการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% ก็ยังทำไม่ได้ แล้วแก้เกี้ยวว่าเป็นเพียงการยกตัวอย่างตอนหาเสียงเท่านั้น นโยบายมารดาประชารัฐ ช่วยเหลืออะไรใครไปแล้วบ้าง ได้รับเงินเท่าไหร่ โครงการเริ่มวันไหน มีใครได้รับเงินจากโครงการนี้บ้างหรือไม่

อย่างไรก็ตาม อย่าให้สังคมตั้งคำถามว่า ถ้าเป็นพรรคการเมืองอื่นหาเสียงแล้วไม่ทำ จะเข้าข่ายตระบัดสัตย์ ขัดต่อคุณธรรมจริยธรรมของพรรคการเมืองหรือไม่ ทำไมพอเป็นพรรคพลังประชารัฐทำแล้วไม่โดน พรรคเพื่อไทยจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ และจะต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อเป็นการตรวจสอบการดำเนินนโยบายของรัฐบาลอย่างแน่นอน
 

 
เจ้าตัวโล่งอก! กกต.แจงเหตุตีตก ยกคำร้อง "เสรีพิศุทธ์" ขาดคุณสมบัติ เป็น ส.ส.
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3144647


กกต. ยกคำร้อง “เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” ปมขาดคุณสมบัติสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เหตุเคยถูกขับออกจากราชการ
 
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. เว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยยกคำร้องกรณีร้องเรียนว่า ในการเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคได้กระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 98 (8)
 
กล่าวคือ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็น ส.ส. เพราะเคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ โดย กกต.ได้พิจารณารายงานการไต่สวนพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า
 
ตามที่มีการกล่าวหาดังกล่าวนั้นเป็นการพ้นจากราชการของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นการพ้นจากราชการเพื่อรอฟังผลการสอบสวนทางวินัย ซึ่งในขณะนั้นยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ มิใช่ ถูกสั่งให้พ้นราชการ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่าเป็นการกระทำการทุจริตและประพฤติไม่ชอบในวงราชการ อีกทั้งคำสั่งดังกล่าวก็ได้ถูกยกเลิกแล้ว ดังนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงไม่ใช่บุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง กกต. จึงมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากกรณี เมื่อวันที่ 1 พ.ค. นางวิรณัฏฐ์ ณัฐมั่งคั่ง ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้เป็นสามี คือ พ.ต.อ.ทินกร ณัฐมั่งคั่ง อดีตนายเวรของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยื่นหนังสือ ถึง กกต. ให้ระงับการประกาศรับรองสถานภาพการเป็น ส.ส. โดยให้เหตุผลว่า เคยถูกปลดออกราชการ
 
จึงเข้าข่ายขาดคุณสมบัติการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 42 (10) ผู้ที่เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ เพราะถูกสั่งให้พ้นจากราชการจากการกระทำการทุจริต ขาดคุณสมบัติลงเลือกตั้ง
 
ทั้งนี้ใน อดีต พ.ต.อ.ทินกร เคยมีปัญหากับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สมัยที่ฝ่ายหลังดำรงตำเเหน่ง ผบ.ตร. โดยถูกสั่งย้าย จนกลายเป็นเหตุให้เกิดความไม่พอใจ และได้ทำเรื่องร้องเรียน ต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น
 
โดยนายสมัคร ออกคำสั่ง ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พร้อมออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนในวันที่ 8 เมษายน 2551 จะได้ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากราชการไว้ก่อน กระทั่งต่อมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ออกคำสั่งยุติการสอบสวน และยกเลิกคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่