........( ปีใหม่ )........
.........วันนี้เป็นวันศุกร์ โจ้เดินกลับจากโรงเรียน เปิดประตูรั้วไม้เข้ามาในบริเวณบ้าน แม่นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าระเบียง บ้านชั้นเดียวไม่ใหญ่นัก มีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ แต่ก็พออยู่ได้สำหรับสามคน พ่อ แม่ ลูก มีที่ว่างรอบบ้านไว้ปลูกต้นไม้เล็ก ๆ พอได้มองเย็นตา เด็กชายเรียนอยู่ชั้น ม.๓ โรงเรียนอยู่ไม่ไกล เดินไปเรื่อย ๆ ไม่เกินสิบนาทีก็ถึงโรงเรียน เลิกเรียนกลับมาถึงบ้านก็ยังไม่เย็นมาก ทำอะไรได้หลายอย่างก่อนค่ำ
แม่นั่งมองอยู่ก่อนแล้ว เขาเข้าไปยกมือไหว้แม่ แล้วกอดแบบเอาใจ แม่ก็กอดตอบแล้วลูบหัวเบา ๆ เงยหน้ามองเห็นแม่เฉย ๆ ก็สงสัย
“ พ่อล่ะแม่ “ “ อยู่ในห้อง “ แม่ตอบเบา ๆ เสียงฟังดูแปลก ๆ “ พ่อ เมาอีกแล้วเหรอแม่ “ ภาพพ่อนั่งบ่น ๆ ๆ เป็นภาพที่ชินตา พ่อเริ่มกินเหล้าเมื่อไรไม่แน่ใจ เพราะใหม่ ๆ ก็แค่เซนิด ๆ เข้าบ้านมาแล้วคุยหยอกล้อกับแม่อย่างสนุก แม่แหย่ว่าถ้าเมาอย่างนี้มาอีกแม่จะทิ้ง พ่อหัวเราะร่วนรู้ว่าแม่พูดเล่น คุยไปคุยมาก็พากันกินข้าวแล้วอาบน้ำเข้านอน
หลังจากนั้นมาไม่นานนัก กลายเป็นว่า พ่อเมามาจนกลับบ้านเองแทบไม่ไหว เพื่อนต้องหามกันมาส่งหลายต่อหลายครั้ง หนักเข้าพ่อก็เอามากินที่บ้านเลย เช้ามาก็กินแล้วก็ไปทำงาน ไปแบบซึม ๆ อย่างนั้นแหละ เย็นมาก็นั่งกินเหล้า ข้าวปลาไม่สนใจ ตอนดึกแม่ต้องมาเก็บกับข้าวไปไว้ในตู้ส่วนพ่อเมาแล้วหลับอยู่คาโต๊ะกินข้าว
เสาร์อาทิตย์ พ่อก็จะนั่งเฝ้าขวดทั้งวัน เมาแล้วก็หลับ ตื่นมาก็นั่งกินต่อ กินแล้วก็ บ่น ๆ ๆ บ่นเรื่องค่าเช่าบ้าน ค่างวดรถ ค่าไฟ ทำงานเท่าไรเงินก็ไม่พอใช้ พาลมาถึงแม่ ว่าแม่ช่วยอะไรไม่ได้มาก ตัวก็เล็กทำงานอะไรก็ไม่ไหว ให้ไปยืมแม่ยายก็ไม่ค่อยอยากจะไป แม่ก็นั่งก้มหน้าร้องไห้ไม่พูดอะไร
เมื่อก่อนพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้ นาน ๆ ครั้งจะไปกินเลี้ยงงานสำคัญของเพื่อนมั่ง ในที่ทำงานมั่ง ส่วนใหญ่ตอนเย็นเลิกงานจะรีบกลับมาบ้าน มีขนม มีกับข้าวติดมาเสมอ พากันทำกับข้าวเสียงหัวเราะหยอกล้อกันดังไม่ขาดระยะ กินข้าวเสร็จก็พากันนั่งดูหนัง ดึกหน่อยก็แยกย้ายกันเข้านอน วันหยุด หรือเทศกาล ก็จะพากันไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ใกล้ ไกล แล้วแต่วันหยุดมีมากน้อยเท่าไร หรือว่าแม่นึกอยากจะไปไหน ส่วนมากแม่จะชวนไปไหว้พระ ยิ่งใกล้ปีใหม่แบบนี้แม่มักจะมีโปรแกรมไว้ในใจเรียบร้อยแล้วละ
“ พ่ออยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อวาน กลับมาตอนเย็นก็เข้าห้องเลย “ แม่พูดเนือย ๆ จริงสิ เขานึกออกเมื่อวานกลับมาไม่เจอพ่อ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร วันนี้ก็ไปโรงเรียนแต่เช้า “ งั้นวันนี้พ่อก็ไม่ไปทำงาน “ โจ้ถาม แม่พยักหน้าแทนคำตอบ ถึงว่าแม่ดูแปลก ๆ ไป คงห่วงพ่อ เมื่อตอนบ่ายแม่เข้าไปถามว่ากินอะไรมั๊ย พ่อก็บอกว่าไม่กิน จะเข้าไปอีกก็กลัวโดนว่า
“ คืนนี้แม่นอนนอกนี่แหละ “ แม่บอก คง กลัวพ่ออาละวาดเพราะเดาทางไม่ถูก ถ้า บ่น ๆ ๆ ๆ สักพักเดี๋ยวก็หลับ แต่อยู่ในห้องเงียบอย่างนี้เพิ่งเคยเจอ ก็เลยหลบ ๆ กันไว้ก่อนดีกว่า
ใกล้ค่ำแล้ว ในห้องยังไม่มีความเคลื่อนไหว เธอไปยืนฟังเสียงอยู่หน้าประตูไม่กล้าเรียก คนที่อยู่ข้างในยังไม่ได้กินอะไรทั้งวัน แต่ก็ยังอุ่นใจนิดนึง ตู้เย็นในห้องมีน้ำดื่มและของกินกระจุกกระจิกอยู่ คงจะพอแก้หิวไปได้
“ พ่อเป็นอะไรแม่ “ โจ้ถามแม่ที่เดินกลับมานั่งที่โซฟาหน้าทีวี เธอส่ายหน้าเอนหลังพิงพนักถอนหายใจเบา ๆ อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีแล้ว ปีนี้คงไม่ได้ไปไหนถ้าเป็นอย่างนี้ จริง ๆ แล้วอยู่บ้านไม่ไปไหนก็ได้นะ ถ้าบรรยากาศในบ้านเป็นเหมือนเมื่อก่อน
บางครั้งวันหยุดมีน้อย เวลามีจำกัด พ่อ แม่ ลูก ก็หาซื้ออะไรมาทำกินกัน ถึงจะเหนื่อยตอนเก็บตอนล้างนิดนึง แต่ก็มีความสุข และถูกตังกว่าไปข้างนอกมาก เธอคิดพลางกอดลูกชายที่เข้ามานั่งข้าง ๆ เขาทำตาแดง ๆ กอดแม่ไว้แน่น แม่ไม่เคยทุกข์ขนาดนี้ ตั้งแต่อยู่กับพ่อมางานบ้านไม่เคยบกพร่อง แม่ไม่แข็งแรงนัก เลยไม่ได้ไปทำงานที่ไหน แค่งานบ้านนี่ก็หนักพอแรงแล้วละเท่าที่โจ้มอง และเคยช่วยแม่หลายครั้งในวันหยุด
พ่อถึงจะเมาแล้วบ่น แต่ก็ยังมีเสียงให้ได้ยิน และยังเห็นหน้า เขาสังเกตดูว่าแม่มีความสุขเวลาพ่ออยู่ใกล้ ๆ ถึงจะเหนื่อยตอนหาข้าวให้พ่อกิน แล้วก็ต้องมาคอยเก็บกลับไปในตอนดึก ไหนจะต้องมาฟังเสียงบ่นจากพ่ออีก แต่แม่ก็ทำทุกอย่างให้พ่อด้วยความเต็มใจ จะมีบ้างบางครั้งที่แอบนั่งร้องไห้เวลาพ่อพูดจี้ใจดำ ก็แค่นั้น ไม่เคยเห็นแม่ทำอะไรเวลาน้อยใจพ่อมากไปกว่าการร้องไห้เลย
“ โจ้อยู่เป็นเพื่อนแม่ข้างนอกนี่แหละ “ เขาพูดพลางนอนหนุนตักผู้เป็นแม่ เธอเอามือลูบหัวลูกชายเบา ๆ ไม่พูดอะไรก้มมองหน้าเขาดวงตาเริ่มมีน้ำตาเอ่อออกมา
เช้าแล้ว ไอเย็นโรยตัวคลุมไปทั่ว นกนานาชนิดส่งเสียงเซ็งแซ่อยู่รอบบ้าน โจ้ลืมตาขึ้น เขานอนอยู่บนโซฟา มีผ้าห่มผืนเล็กคลุมตัว แม่คงเอามาห่มให้ เสียงช้อนกระทบจานในครัวดัง กรุ๊ก กริ๊ก กรุ๊ก กริ๊ก กลิ่นโชยมาอ่อน ๆ เดาว่าน่าจะเป็นข้าวต้ม ส่วนใหญ่แม่จะทำข้าวต้มในวันหยุด แล้วตอนสาย ๆ ก็ค่อยมาช่วยกันคิดว่าจะทำอะไรกินกัน
เมนูวันหยุดจะออกมาหลากหลาย มันถูกตังและกินได้จุใจกว่าไปที่ร้าน ข้าวมันไก่ บะหมี่หมูตุ๋น – หมูแดง ขนมจีนแกงเขียวหวาน หมุนเวียนกันไป บางครั้งนึกอยากกินอะไรก็เปิดในเว็ปดู ในพันทิปนี่มีรายการอาหารหลายร้อยอย่าง มีขั้นตอนการทำพร้อมรูปภาพอย่างละเอียด ทำตามได้สบายมาก
แม่เดินออกมาจากในครัว ถือชามข้าวต้มควันฉุยมาบนจานรอง เดินไปหน้าห้องนอน มองหน้ายิ้มให้ลูกชาย “ ล้างหน้าแล้วไปตักข้าวกินสิลูก “ เขาพยักหน้ายิ้มรับ ลุกขึ้นพับผ้าห่มวางไว้แล้วเดินไปห้องน้ำ เธอหยุดอยู่หน้าห้องวางชามข้าวต้มไว้บนโต๊ะข้างประตู จับลูกบิดหมุนเบา ๆ มันล้อกอยู่ เคาะประตูเบา ๆ
“ พ่อ ข้าวต้มร้อน ๆ หน่อยมั๊ย “ ไม่กิน “ เสียงข้างในตอบมาอู้อี้ “ นิดนึงก็ยังดีพ่อ เมื่อวานก็ไม่ได้กินอะไรทั้งวัน “ เธอพยายามเอาใจ “ บอกว่าไม่เอา “ เสียงตะโกนดังลั่น พร้อมเสียงอะไรบางอย่างกระทบประตูด้านใน โครม เพล้ง
โจ้ตกใจเสียงที่ดังสนั่นวิ่งหน้าตื่นออกมาจากในครัว แม่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ไม่ขยับ ตาโตอ้าปากค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น เขาประคองเธอเดินมานั่งที่โซฟา เธอซบหน้ากับฝ่ามือสะอื้นตัวโยน พ่อเปลี่ยนไปจริง ๆ เขาคิดพลางมองไปทางประตูห้องด้วยจิตใจที่สับสน
หลังจากคิด ทบทวนไปมาอยู่จนใกล้เที่ยง เสื้อผ้าหลายชิ้นถูกเก็บใส่กระเป๋าใบย่อม สองคนแม่ลูกคนละใบ นานแล้วที่อดทน อยู่กับความหวาดระแวง ความวิตก รอบตัวมีแต่ความอึดอัด คิดถึงความสุขที่เคยมี บางครั้งก็เสียดายไม่อยากเดินออกมา แต่มองดูแล้วโอกาสที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ยายดีใจที่ลูกสาวกับหลานชายจะไปอยู่ด้วย แกได้รับรู้เรื่องราวบางส่วนบ้างแล้วจากการโทรไประบายความในใจของลูกสาวเป็นครั้งคราว แต่เรื่องภายในครอบครัว แกก็ได้แต่บอกให้อดทน จนวันนี้ คงจะถึงที่สุดแล้วละ เพราะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง หญิงสาวไม่เคยมีความคิดที่จะหันหลังให้ผู้เป็นสามีเลย
สองแม่ลูกเดินหิ้วกระเป๋าออกไปที่ปากทางเพื่อรอรถโดยสาร เธอหันมามองบ้านที่เคยมีความสุข คิดถึงวันที่ทำอะไรกินกันตรงสนามหญ้า คุยเล่นหยอกล้อกันในวันที่อยู่พร้อมหน้า วันหยุด เป็นวันที่เธอรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน น้ำตาคลอเมื่อคิดถึงวันนั้น ไม่มีอีกแล้ว มันเป็นไปไม่ได้แล้ว เธอคิดพลางกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา หันกลับก้มหน้าเร่งเดินตามลูกชายไป
“ มาลี “ เสียงทักจากพี่แอ๊วคนรู้จักกันดังมาจากหน้าบ้านหลังก่อนจะถึงถนนใหญ่ เธอหันไปมอง “ พี่บูรณ์เป็นไงมั่งล่ะ “ พี่แอ๊วถามถึงพ่อของโจ้ เธอมองยิ้มเก้อ ๆ ไม่เข้าใจคำถาม
“ เมื่อวันก่อนพี่ไปเอายาให้พ่อที่โรงพยาบาล เจอพี่บูรณ์ไปหาหมอที่คลินิกบำบัด “ เธอกับโจ้หันมามองหน้ากัน “ หมอให้ยามากินมั้ง พี่ก็ไม่ได้ทักแก คนมันเยอะ “ โจ้จับมือแม่บีบเบา ๆ
“ ยังไงก็คอยดูไว้เน้อ หมอบอกเลิกเหล้านี่อันตราย แล้วก็ผลข้างเคียงมากกว่าเลิกยาอีก “ พี่แอ๊วพูดด้วยความเป็นห่วง
“ แล้วนี่จะไปไหนกันล่ะเนี่ย “ “ เปล่าจ้ะ “ ตอบเสร็จสองแม่ลูกก็จูงมือกันหันหลังเดินกลับทันที โจ้มองหน้าแม่ตาแดง ๆ เธอก็กลั้นน้ำตาไว้เหมือนกัน รีบเดินมุ่งหน้าไปที่บ้านต่างคนต่างไม่พูดอะไร
เพลงปีใหม่ดังแว่ว ๆ มาจากบ้านหลังที่เดินผ่านมา เทศกาลแห่งความสุข ของขวัญ และงานรื่นเริง หลายคนพาครอบครัวไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ ไปนอนดูพระอาทิตย์ขึ้น ไปไหว้พระ สวดมนต์ข้ามปี แล้วแต่ว่าใครจะชอบไปที่ไหน แต่ปีนี้สองคนแม่ลูกรู้แล้วว่าจะฉลองปีใหม่กันที่ไหน และดีใจมาก ๆ ที่ได้รู้ว่า ของขวัญปีใหม่ปีนี้ คืออะไร...........@@
ลุงแผน
๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๑
..............................
..........ขอบพระคุณ สำหรับกำลังใจจากทุกท่าน ที่มีให้ มาโดยตลอด ขอบคุณมาก ๆ ครับ........
.....เรื่องสั้น........ เรื่อง......ปีใหม่........@@ โดย ลุงแผน
.........วันนี้เป็นวันศุกร์ โจ้เดินกลับจากโรงเรียน เปิดประตูรั้วไม้เข้ามาในบริเวณบ้าน แม่นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าระเบียง บ้านชั้นเดียวไม่ใหญ่นัก มีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ แต่ก็พออยู่ได้สำหรับสามคน พ่อ แม่ ลูก มีที่ว่างรอบบ้านไว้ปลูกต้นไม้เล็ก ๆ พอได้มองเย็นตา เด็กชายเรียนอยู่ชั้น ม.๓ โรงเรียนอยู่ไม่ไกล เดินไปเรื่อย ๆ ไม่เกินสิบนาทีก็ถึงโรงเรียน เลิกเรียนกลับมาถึงบ้านก็ยังไม่เย็นมาก ทำอะไรได้หลายอย่างก่อนค่ำ
แม่นั่งมองอยู่ก่อนแล้ว เขาเข้าไปยกมือไหว้แม่ แล้วกอดแบบเอาใจ แม่ก็กอดตอบแล้วลูบหัวเบา ๆ เงยหน้ามองเห็นแม่เฉย ๆ ก็สงสัย
“ พ่อล่ะแม่ “ “ อยู่ในห้อง “ แม่ตอบเบา ๆ เสียงฟังดูแปลก ๆ “ พ่อ เมาอีกแล้วเหรอแม่ “ ภาพพ่อนั่งบ่น ๆ ๆ เป็นภาพที่ชินตา พ่อเริ่มกินเหล้าเมื่อไรไม่แน่ใจ เพราะใหม่ ๆ ก็แค่เซนิด ๆ เข้าบ้านมาแล้วคุยหยอกล้อกับแม่อย่างสนุก แม่แหย่ว่าถ้าเมาอย่างนี้มาอีกแม่จะทิ้ง พ่อหัวเราะร่วนรู้ว่าแม่พูดเล่น คุยไปคุยมาก็พากันกินข้าวแล้วอาบน้ำเข้านอน
หลังจากนั้นมาไม่นานนัก กลายเป็นว่า พ่อเมามาจนกลับบ้านเองแทบไม่ไหว เพื่อนต้องหามกันมาส่งหลายต่อหลายครั้ง หนักเข้าพ่อก็เอามากินที่บ้านเลย เช้ามาก็กินแล้วก็ไปทำงาน ไปแบบซึม ๆ อย่างนั้นแหละ เย็นมาก็นั่งกินเหล้า ข้าวปลาไม่สนใจ ตอนดึกแม่ต้องมาเก็บกับข้าวไปไว้ในตู้ส่วนพ่อเมาแล้วหลับอยู่คาโต๊ะกินข้าว
เสาร์อาทิตย์ พ่อก็จะนั่งเฝ้าขวดทั้งวัน เมาแล้วก็หลับ ตื่นมาก็นั่งกินต่อ กินแล้วก็ บ่น ๆ ๆ บ่นเรื่องค่าเช่าบ้าน ค่างวดรถ ค่าไฟ ทำงานเท่าไรเงินก็ไม่พอใช้ พาลมาถึงแม่ ว่าแม่ช่วยอะไรไม่ได้มาก ตัวก็เล็กทำงานอะไรก็ไม่ไหว ให้ไปยืมแม่ยายก็ไม่ค่อยอยากจะไป แม่ก็นั่งก้มหน้าร้องไห้ไม่พูดอะไร
เมื่อก่อนพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้ นาน ๆ ครั้งจะไปกินเลี้ยงงานสำคัญของเพื่อนมั่ง ในที่ทำงานมั่ง ส่วนใหญ่ตอนเย็นเลิกงานจะรีบกลับมาบ้าน มีขนม มีกับข้าวติดมาเสมอ พากันทำกับข้าวเสียงหัวเราะหยอกล้อกันดังไม่ขาดระยะ กินข้าวเสร็จก็พากันนั่งดูหนัง ดึกหน่อยก็แยกย้ายกันเข้านอน วันหยุด หรือเทศกาล ก็จะพากันไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ใกล้ ไกล แล้วแต่วันหยุดมีมากน้อยเท่าไร หรือว่าแม่นึกอยากจะไปไหน ส่วนมากแม่จะชวนไปไหว้พระ ยิ่งใกล้ปีใหม่แบบนี้แม่มักจะมีโปรแกรมไว้ในใจเรียบร้อยแล้วละ
“ พ่ออยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อวาน กลับมาตอนเย็นก็เข้าห้องเลย “ แม่พูดเนือย ๆ จริงสิ เขานึกออกเมื่อวานกลับมาไม่เจอพ่อ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร วันนี้ก็ไปโรงเรียนแต่เช้า “ งั้นวันนี้พ่อก็ไม่ไปทำงาน “ โจ้ถาม แม่พยักหน้าแทนคำตอบ ถึงว่าแม่ดูแปลก ๆ ไป คงห่วงพ่อ เมื่อตอนบ่ายแม่เข้าไปถามว่ากินอะไรมั๊ย พ่อก็บอกว่าไม่กิน จะเข้าไปอีกก็กลัวโดนว่า
“ คืนนี้แม่นอนนอกนี่แหละ “ แม่บอก คง กลัวพ่ออาละวาดเพราะเดาทางไม่ถูก ถ้า บ่น ๆ ๆ ๆ สักพักเดี๋ยวก็หลับ แต่อยู่ในห้องเงียบอย่างนี้เพิ่งเคยเจอ ก็เลยหลบ ๆ กันไว้ก่อนดีกว่า
ใกล้ค่ำแล้ว ในห้องยังไม่มีความเคลื่อนไหว เธอไปยืนฟังเสียงอยู่หน้าประตูไม่กล้าเรียก คนที่อยู่ข้างในยังไม่ได้กินอะไรทั้งวัน แต่ก็ยังอุ่นใจนิดนึง ตู้เย็นในห้องมีน้ำดื่มและของกินกระจุกกระจิกอยู่ คงจะพอแก้หิวไปได้
“ พ่อเป็นอะไรแม่ “ โจ้ถามแม่ที่เดินกลับมานั่งที่โซฟาหน้าทีวี เธอส่ายหน้าเอนหลังพิงพนักถอนหายใจเบา ๆ อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีแล้ว ปีนี้คงไม่ได้ไปไหนถ้าเป็นอย่างนี้ จริง ๆ แล้วอยู่บ้านไม่ไปไหนก็ได้นะ ถ้าบรรยากาศในบ้านเป็นเหมือนเมื่อก่อน
บางครั้งวันหยุดมีน้อย เวลามีจำกัด พ่อ แม่ ลูก ก็หาซื้ออะไรมาทำกินกัน ถึงจะเหนื่อยตอนเก็บตอนล้างนิดนึง แต่ก็มีความสุข และถูกตังกว่าไปข้างนอกมาก เธอคิดพลางกอดลูกชายที่เข้ามานั่งข้าง ๆ เขาทำตาแดง ๆ กอดแม่ไว้แน่น แม่ไม่เคยทุกข์ขนาดนี้ ตั้งแต่อยู่กับพ่อมางานบ้านไม่เคยบกพร่อง แม่ไม่แข็งแรงนัก เลยไม่ได้ไปทำงานที่ไหน แค่งานบ้านนี่ก็หนักพอแรงแล้วละเท่าที่โจ้มอง และเคยช่วยแม่หลายครั้งในวันหยุด
พ่อถึงจะเมาแล้วบ่น แต่ก็ยังมีเสียงให้ได้ยิน และยังเห็นหน้า เขาสังเกตดูว่าแม่มีความสุขเวลาพ่ออยู่ใกล้ ๆ ถึงจะเหนื่อยตอนหาข้าวให้พ่อกิน แล้วก็ต้องมาคอยเก็บกลับไปในตอนดึก ไหนจะต้องมาฟังเสียงบ่นจากพ่ออีก แต่แม่ก็ทำทุกอย่างให้พ่อด้วยความเต็มใจ จะมีบ้างบางครั้งที่แอบนั่งร้องไห้เวลาพ่อพูดจี้ใจดำ ก็แค่นั้น ไม่เคยเห็นแม่ทำอะไรเวลาน้อยใจพ่อมากไปกว่าการร้องไห้เลย
“ โจ้อยู่เป็นเพื่อนแม่ข้างนอกนี่แหละ “ เขาพูดพลางนอนหนุนตักผู้เป็นแม่ เธอเอามือลูบหัวลูกชายเบา ๆ ไม่พูดอะไรก้มมองหน้าเขาดวงตาเริ่มมีน้ำตาเอ่อออกมา
เช้าแล้ว ไอเย็นโรยตัวคลุมไปทั่ว นกนานาชนิดส่งเสียงเซ็งแซ่อยู่รอบบ้าน โจ้ลืมตาขึ้น เขานอนอยู่บนโซฟา มีผ้าห่มผืนเล็กคลุมตัว แม่คงเอามาห่มให้ เสียงช้อนกระทบจานในครัวดัง กรุ๊ก กริ๊ก กรุ๊ก กริ๊ก กลิ่นโชยมาอ่อน ๆ เดาว่าน่าจะเป็นข้าวต้ม ส่วนใหญ่แม่จะทำข้าวต้มในวันหยุด แล้วตอนสาย ๆ ก็ค่อยมาช่วยกันคิดว่าจะทำอะไรกินกัน
เมนูวันหยุดจะออกมาหลากหลาย มันถูกตังและกินได้จุใจกว่าไปที่ร้าน ข้าวมันไก่ บะหมี่หมูตุ๋น – หมูแดง ขนมจีนแกงเขียวหวาน หมุนเวียนกันไป บางครั้งนึกอยากกินอะไรก็เปิดในเว็ปดู ในพันทิปนี่มีรายการอาหารหลายร้อยอย่าง มีขั้นตอนการทำพร้อมรูปภาพอย่างละเอียด ทำตามได้สบายมาก
แม่เดินออกมาจากในครัว ถือชามข้าวต้มควันฉุยมาบนจานรอง เดินไปหน้าห้องนอน มองหน้ายิ้มให้ลูกชาย “ ล้างหน้าแล้วไปตักข้าวกินสิลูก “ เขาพยักหน้ายิ้มรับ ลุกขึ้นพับผ้าห่มวางไว้แล้วเดินไปห้องน้ำ เธอหยุดอยู่หน้าห้องวางชามข้าวต้มไว้บนโต๊ะข้างประตู จับลูกบิดหมุนเบา ๆ มันล้อกอยู่ เคาะประตูเบา ๆ
“ พ่อ ข้าวต้มร้อน ๆ หน่อยมั๊ย “ ไม่กิน “ เสียงข้างในตอบมาอู้อี้ “ นิดนึงก็ยังดีพ่อ เมื่อวานก็ไม่ได้กินอะไรทั้งวัน “ เธอพยายามเอาใจ “ บอกว่าไม่เอา “ เสียงตะโกนดังลั่น พร้อมเสียงอะไรบางอย่างกระทบประตูด้านใน โครม เพล้ง
โจ้ตกใจเสียงที่ดังสนั่นวิ่งหน้าตื่นออกมาจากในครัว แม่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ไม่ขยับ ตาโตอ้าปากค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น เขาประคองเธอเดินมานั่งที่โซฟา เธอซบหน้ากับฝ่ามือสะอื้นตัวโยน พ่อเปลี่ยนไปจริง ๆ เขาคิดพลางมองไปทางประตูห้องด้วยจิตใจที่สับสน
หลังจากคิด ทบทวนไปมาอยู่จนใกล้เที่ยง เสื้อผ้าหลายชิ้นถูกเก็บใส่กระเป๋าใบย่อม สองคนแม่ลูกคนละใบ นานแล้วที่อดทน อยู่กับความหวาดระแวง ความวิตก รอบตัวมีแต่ความอึดอัด คิดถึงความสุขที่เคยมี บางครั้งก็เสียดายไม่อยากเดินออกมา แต่มองดูแล้วโอกาสที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย
ยายดีใจที่ลูกสาวกับหลานชายจะไปอยู่ด้วย แกได้รับรู้เรื่องราวบางส่วนบ้างแล้วจากการโทรไประบายความในใจของลูกสาวเป็นครั้งคราว แต่เรื่องภายในครอบครัว แกก็ได้แต่บอกให้อดทน จนวันนี้ คงจะถึงที่สุดแล้วละ เพราะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง หญิงสาวไม่เคยมีความคิดที่จะหันหลังให้ผู้เป็นสามีเลย
สองแม่ลูกเดินหิ้วกระเป๋าออกไปที่ปากทางเพื่อรอรถโดยสาร เธอหันมามองบ้านที่เคยมีความสุข คิดถึงวันที่ทำอะไรกินกันตรงสนามหญ้า คุยเล่นหยอกล้อกันในวันที่อยู่พร้อมหน้า วันหยุด เป็นวันที่เธอรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน น้ำตาคลอเมื่อคิดถึงวันนั้น ไม่มีอีกแล้ว มันเป็นไปไม่ได้แล้ว เธอคิดพลางกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา หันกลับก้มหน้าเร่งเดินตามลูกชายไป
“ มาลี “ เสียงทักจากพี่แอ๊วคนรู้จักกันดังมาจากหน้าบ้านหลังก่อนจะถึงถนนใหญ่ เธอหันไปมอง “ พี่บูรณ์เป็นไงมั่งล่ะ “ พี่แอ๊วถามถึงพ่อของโจ้ เธอมองยิ้มเก้อ ๆ ไม่เข้าใจคำถาม
“ เมื่อวันก่อนพี่ไปเอายาให้พ่อที่โรงพยาบาล เจอพี่บูรณ์ไปหาหมอที่คลินิกบำบัด “ เธอกับโจ้หันมามองหน้ากัน “ หมอให้ยามากินมั้ง พี่ก็ไม่ได้ทักแก คนมันเยอะ “ โจ้จับมือแม่บีบเบา ๆ
“ ยังไงก็คอยดูไว้เน้อ หมอบอกเลิกเหล้านี่อันตราย แล้วก็ผลข้างเคียงมากกว่าเลิกยาอีก “ พี่แอ๊วพูดด้วยความเป็นห่วง
“ แล้วนี่จะไปไหนกันล่ะเนี่ย “ “ เปล่าจ้ะ “ ตอบเสร็จสองแม่ลูกก็จูงมือกันหันหลังเดินกลับทันที โจ้มองหน้าแม่ตาแดง ๆ เธอก็กลั้นน้ำตาไว้เหมือนกัน รีบเดินมุ่งหน้าไปที่บ้านต่างคนต่างไม่พูดอะไร
เพลงปีใหม่ดังแว่ว ๆ มาจากบ้านหลังที่เดินผ่านมา เทศกาลแห่งความสุข ของขวัญ และงานรื่นเริง หลายคนพาครอบครัวไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ ไปนอนดูพระอาทิตย์ขึ้น ไปไหว้พระ สวดมนต์ข้ามปี แล้วแต่ว่าใครจะชอบไปที่ไหน แต่ปีนี้สองคนแม่ลูกรู้แล้วว่าจะฉลองปีใหม่กันที่ไหน และดีใจมาก ๆ ที่ได้รู้ว่า ของขวัญปีใหม่ปีนี้ คืออะไร...........@@
ลุงแผน
๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๑
..........ขอบพระคุณ สำหรับกำลังใจจากทุกท่าน ที่มีให้ มาโดยตลอด ขอบคุณมาก ๆ ครับ........