สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้รีวิวแรกของเราในพันทิพ ที่มาของการตั้งกระทู้คืออยากถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองที่มาอยู่ที่นี่เข้าเดือนที่ 9 แล้ว โดยสิ่งที่จะเขียนถึงในกระทู้นี้คือประสบการณ์ของเราโดยตรง มีแต่เรื่องที่รับรู้และประสบมา บางอย่างเรายังไม่เคยสัมผัสอาจจะไม่มีเขียนถึงในกระทู้ก็ขอโทษด้วยนะคะ แรงจูงใจในการเขียนกระทู้นี้หลัก ๆ คือความจริงที่หากไม่มาที่นี่ก็คงไม่รู้ ดังนั้นเลยอยากเขียนรีวิวให้คนที่กำลังวางแผนอยากไปต่างประเทศได้รับรู้เรื่องราวในโอ๊คแลนด์บ้าง เผื่อจะช่วยประกอบการตั้งสินใจในการเลือกประเทศที่จะเรียนต่อหรือท่องเที่ยวได้ โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังมีการปรับเปลี่ยนกฎต่าง ๆ ของการรับนักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียนในประเทศต่าง ๆ แบบนี้ เลยอยากแนะนำนิวซีแลนด์ให้เป็นอีกทางเลือกนึงของหลาย ๆ คนค่ะ
***ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ประสบเองและรับรู้จากคนรอบข้าง***
จุดประสงค์ของกระทู้
- รีวิวค่ะ เหมือนเขียนไดอารี่ เป็นการบอกเล่าและระบายเรื่องราวอย่างนึงของเรา
- ให้คำแนะนำค่ะ ใครสนใจมาโอ๊คแลนด์สามารถสอบถามมาได้ค่ะ โดยเฉพาะเรื่องเรียน ถามเรื่องรร. ได้ อาจไม่รู้จักทุกรร. แต่อย่างน้อยก็รู้จักรร. ที่ถูกที่สุดที่นี่ เพราะเรียนมาก่อน และรู้จักรร. ที่ไม่อยากให้ไปเรียนค่ะ ใครกำลังวางแผนไปทักมาได้ค่ะ
สิ่งที่จะเจอจากกระทู้นี้
- ความจริงของโอ๊คแลนด์ ในเรื่องสภาพแวดล้อม อากาศ ชีวิตความเป็นอยู่
- สิ่งที่คนที่อยากมาเรียนยังไม่รู้ และน่าจะอยากรู้
- ประสบการณ์ส่วนตัวของเรา
Preview เรื่องแปลกที่คนไทยคงคิดไม่ถึง
- ทั้งประเทศเป็นเนินเขาค่ะ แทบหาที่ราบไม่เจอเลย อาจคิดภาพไม่ออกเดี๋ยวมีรูปให้ดูค่ะ
- โอ๊คแลนด์มีคนเอเชียเยอะมาก คงมีคนเคยบอกแล้วว่าคนไทยเยอะ แต่เอเชียชาติอื่นก็เยอะมาก แบบที่ต้องบอกเลยว่าในโอ๊คแลนด์นี้คนท้องที่น้อยกว่าครึ่งเลย จีนและอินเดียเยอะมาก จนน่าจะเรียกได้ว่าภาษาจีนเป็นหนึ่งในภาษาทางการของที่นี่ ใหญ่ขนาดที่ถ้าเป็นร้านคนจีนจะไม่มีป้ายภาษาอื่นนอกจากภาษาจีน
- อยู่ใกล้ขั้วโลกใต้แต่ไม่มีหิมะหรอกค่ะ หนาวอย่างเดียว ฝนตกเป็นว่าเล่น มีหิมะในประเทศแต่ตกนอกเมือง
- ร้านซูชิเป็นของเกาหลีซะเป็นส่วนใหญ่
- ร้านค้าที่นี่ปิดเร็วมาก ส่วนมากปิด 6 โมง ทุ่มนึง ร้านอาหารที่นี่หลายร้านเปิดแค่ตอนเย็น ไม่เปิดเช้า
- ค่าครองชีพของโอ๊คแลนด์สูงติด 1 ใน 10 ของโลก
- Homeless หรือคนไร้บ้านในเมืองเยอะมาก พบเห็นได้ทุกหัวมุมถนน รัฐบาลให้ความช่วยเหลือ มีบ้านให้อยู่ฟรีแต่คนพวกนี้ชอบอยู่ข้างถนนมากกว่า
- นิวซีแลนด์เป็นประเทศสำหรับตั้งถิ่นฐานโดยเฉพาะ คือมีนักเรียนต่างชาติเยอะมาก และราว 60-80% ของคนที่มาคือต้องการได้สัญชาติที่นี่ไม่ต้องการกลับประเทศ ซึ่งรัฐบาลก็รู้ดี และทั้งรัฐบาลกับโรงเรียนต่าง ๆ ก็สนับสนุนเรื่องการได้สัญชาติที่นี่ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและกฎ พูดง่าย ๆ ว่าหากนึกถึงนิวซีแลนด์ชาติอื่น ๆ เขาจะนึกถึงจุดหมายปลายทางของชีวิตว่าต้องมาอยู่ที่นี่ ได้สัญชาติที่นี่อย่างถูกกฎหมาย ไม่ใช่การมาเรียนต่างประเทศอย่างที่นักเรียนไทยหลาย ๆ คนคิด
เกริ่นนำ
ขณะนี้เราอยู่นิวซีแลนด์ได้ 8 เดือนกว่าแล้ว เรามาที่นี่คนเดียว ทั้งวางแผน ขึ้นเครื่องและเดินทางออกนอกประเทศไทยครั้งแรกโดยลำพัง ปัจจุบันกำลังเรียน Diploma เลเวล 7 อยู่ที่โอ๊คแลนด์ แรกเริ่มจุดมุ่งหมายแรกของการมาที่นี่คือเรียนภาษาอังกฤษค่ะ เหตุผลที่เป็นที่นี่คือ เมื่อเทียบกับประเทศต่าง ๆ อย่าง อังกฤษ อเมริกา และออสเตรเลียแล้ว นิวซีแลนด์มีข้อดีมากกว่าค่ะ ที่นี่ทำงานพิเศษได้ถูกกฎหมาย(เพิ่มเติมด้านล่าง) อังกฤษกับอเมริกาทำงานไม่ได้ค่ะ ออสเตรเลียค่าเรียนถูกกว่าเล็กน้อย ทำงานได้เหมือนกัน แต่ปัจจุบันออสเตรเลียเคี่ยวเรื่องการรับนักเรียนต่างชาติมาก วีซ่าได้ยากกว่าเยอะ นิวซีแลนด์มาได้ง่ายกว่า จริง ๆ ปัจจุบันก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนกฎหลาย ๆ อย่างอยู่แต่ยังมีโอกาสมากอยู่
สารภาพว่าตอนแรกที่เลือกนิวซีแลนด์คือคิดว่าไม่อยากไปออสเพราะลูกพี่ลูกน้องเคยไปค่ะ อยากไปที่ที่ไม่มีใครรู้จัก อยากฉีก Comfort Zone ของตัวเองทิ้ง และเริ่มต้นบทเรียนชีวิตครั้งใหม่ด้วยตัวเองคนเดียวลำพัง จริง ๆ รู้มาว่าออสคนไทยเยอะมากแล้ว พี่ที่รู้จักที่เคยมา Working & Holiday ที่นิวก็เคยบอกว่าที่นี่ก็คนไทยเยอะ แต่ด้วยความที่มันลงล็อกแล้วทั้งราคาค่าเรียนและเงื่อนไขที่สามารถทำงานได้ก็เลือกมานิวนี่แหละค่ะ ซึ่งบอกเลยว่าคนไทยเยอะจริง ๆ โดยเฉพาะโอ๊คแลนด์
อีกเรื่องนึงที่ผลักดันให้เขียนกระทู้นี้คือความจริงอีกข้อของนิวซีแลนด์ คือนิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ผู้คนจากทั่วโลกสามารถมาตั้งถิ่นฐานย้ายประเทศมาอยู่ได้ คือทางรัฐบาลก็ต้องการคนเพิ่ม คนนอกก็มองนิวซีแลนด์ว่าเป็นจุดหมายที่ดี ด้วยความที่นิวซีแลนด์เป็นประเทศห่างไกล ขนาดเล็ก แต่คนน้อยมาก ลองเทียบกับบ้านเรานะคะ ประเทศไทยมีพื้นที่ 513,120 ตารางกิโลเมตร ประชากร 69.04 ล้านคน ในขณะที่นิวซีแลนด์มีพื้นที่ 268,021 ตารางกิโลเมตร แต่มีประชากรแค่ 4.794 ล้านคน ดังนั้นนิวซีแลนด์จึงมีพื้นที่เหลือมากพอสำหรับผู้ที่ต้องการตั้งถิ่นฐานใหม่
สภาพบ้านเมือง ความเจริญ
พูดถึงนิวซีแลนด์หลาย ๆ คนคงนึกถึง “แกะ” ใช่ไหมคะ จะบอกว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยเจอแกะสักตัวเลยค่ะ 555555 เจอแต่เนื้อแกะกับครีมรกแกะ 55555
นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่อากาศดีมากค่ะ ต้นไม้เยอะมาก เขียวชะอุ่มสุด ๆ เมืองหลวงของที่นี่คือเวลลิงตันค่ะ อยู่ทางตอนใต้โอ๊คแลนด์ แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงได้ยินชื่อโอ๊คแลนด์บ่อยกว่า โอ๊คแลนด์เป็นเมืองที่เรียกได้ว่าเจริญที่สุดในนิวซีแลนด์ค่ะ เป็นเมืองนักเรียน เต็มไปด้วยสถานศึกษามากมาย ทั้งโรงเรียนปกติ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ และมหาวิทยาลัย
ด้วยความที่เป็นเมืองนักเรียนทำให้นักเรียนต่างชาติเยอะมาก ๆ ค่ะ เรียกได้ว่าเยอะกว่าคนกีวี่แท้ ๆ กับชาวเมารีที่เป็นชนพื้นเมืองของที่นี่อีก ไปที่ไหน ๆ ก็เจอแต่นักเรียนต่างชาติ ทั้งจีน อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย เวียดนาม ลาว พม่า บราซิล โคลัมเบีย ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ชิลี ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ขอบอกว่า จีนและอินเดีย เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
โอ๊คแลนด์นี้เจริญสุดในนิวซีแลนด์แล้วจริง ๆ ค่ะ แต่ถ้าถามว่าเจริญแบบไหน ลองเทียบกับไทยดูนะคะ เมื่อตุลาที่ผ่านมาเพิ่งจะมี H&M มาเปิดในเมืองค่ะ ไม่มี Uniqlo นะคะ 2 อาทิตย์ก่อน Krispy Kream เพิ่งเปิดสาขาในเมืองซึ่งเป็นสาขาที่ 3 ทั้งประเทศ อาทิตย์ที่แล้วร้านชาเขียวต้นตำรับจากญี่ปุ่นอย่าง Tsujiri เพิ่งจะเปิดสาขาแรก
เรื่องภูมิประเทศที่นี่ ในความคิดของหลาย ๆ คนคงนึกถึงทุ่งหญ้ากับภูเขาใช่ไหมคะ คุณคิดถูกแล้วค่ะ นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ธรรมชาติสมบูรณ์มาก ๆ แต่สิ่งเหล่านั้นอยู่นอกเมืองค่ะ ในโอ๊คแลนด์ ย่านใจกลางเมืองก็จะมีแต่ตึกสำนักงาน ร้านค้า อพาร์ตเมนต์ นอกเมืองก็จะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยมีแต่บ้านคนกับร้านค้าเป็นหลัก
อีกสิ่งนึงที่บอกว่าถ้าไม่ได้มาสัมผัสด้วยตัวเองจะไม่มีวันรู้เลยคือ ทั้งประเทศเป็นภูเขาค่ะ ไม่ใช่ว่าประเทศตั้งอยู่บนภูเขาทั้งลูกหรืออะไรนะคะ แต่มีแต่เนินแต่เขา แบบว่าเดินขึ้นลงเนินเป็นว่าเล่นเลย ถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองที่เป็นลูกคลื่นใหญ่ ๆ เลยค่ะ อย่างเราอาศัยอยู่นอกเมือง เวลาขึ้นรถก็ออกจากบ้านเดินไต่เนินขึ้นไปบ้านรถบัสประมาณ 3-5 นาที แต่แบบว่าหอบหนักมากเพราะเดินไต่ความสูงระดับตึก 2 ชั้นขึ้นมา ถ้ามาอยู่ที่นี่บอกเลยว่าต้องเตรียมขาเตรียมปอดมาค่ะ ทุกวันนี้ไต่เนินน่องแข็งมาก
อีกเรื่องคือร้านค้าที่นี่ปิดเร็วค่ะ 6 โมงเย็น ทุ่มนึงคือแทบเกลี้ยง ห้างในเมืองก็ปิด 2-4 ทุ่ม ในเมืองยังดีหน่อยมีพวกร้านเบอร์เกอร์เปิดจนดึก ร้านขายของชำบางร้านเปิดถึงเที่ยงคืน แม้แต่ปั๊มก็ปิดประตูไม่ให้เข้า ร้านไม่ได้ปิด ยังขายอยู่แต่ห้ามเข้า จะซื้อต้องไปบอกตรงช่องกระจกที่ข้างเคาน์เตอร์ เขาจะหยิบของให้ ตอนกลางคืนที่นี่จะน่าเบื่อมากค่ะ แต่ในเมืองพวกร้านเหล้ากับผับในเมืองเปิดยันเช้าตรู่สำหรับขาเที่ยว ร้านอาหารหลายร้านก็เปิดเฉพาะตอนเย็น เปิดบ่าย 3 บ้าง 5 โมงเย็นบ้าง บางร้านเปิดเช้า พักปิดร้านตอนบ่าย เปิดอีกทีตอนเย็นก็มี ร้านตัดผม ทำเล็บส่วนใหญ่ คลีนิกหรือโรงพยาบาลที่นี่ต้องโทรนัดค่ะ ไม่มีนัดก็ใช้บริการไม่ได้
แถม
ความเจริญอีกอย่างที่ไม่แน่ใจว่าจัดไว้ในหัวข้อนี้ดีไหมแต่อยากพูดถึงก็เรื่องการใช้จ่ายเงินค่ะ เพราะคนที่นี่ไม่ค่อยถือเงินสดกัน เขาใช้บัตรเดบิต/เครดิตจ่ายกัน แทบทุกร้านในนิวซีแลนด์มีเครื่องรูดบัตรพวกนี้ การจ่ายเงินแบบนี้ที่นี่เรียก EFTPOS ค่ะ โดยบัตรจะลิงก์กับบัญชีธนาคาร ทันทีที่รูดก็จะตัดเงินในบัญชีไปเลย ตามปกติคนส่วนใหญ่ที่นี่จะมีบัญชี อย่างน้อย 2 บัญชีคือบัญชีที่ลิงก์กับบัตรและบัญชีออนไลน์ ทุกคนสามารถเช็กและควบคุมบัญชีของตัวเองได้ผ่านแอพของธนาคารในมือถือ คนที่นี่จะไม่เอาเงินใส่บัญชีที่ลิงก์กับบัตรมากนัก แต่เวลาจะจ่ายเงินจะค่อยโอนจากบัญชีออนไลน์เข้าบัญชีบัตร เพราะเสี่ยงหากคนอื่นรู้รหัสจะสามารถเอาบัตรไปรูดได้ และอีกอย่างคือระบบ EFTPOS มีระบบจ่ายเงินที่ง่ายสุด ๆ อย่างนึงคือการเอาบัตรไปแตะกับเครื่องที่รองรับระบบ Paywave แล้วเงินก็จะตัดไปเลย โดยไม่ต้องกดรหัสเหมือนแบบแรก ซึ่งถ้าถูกขโมยบัตรก็อาจถูกคนเอาไปแตะซื้อของอะไรก็ได้โดยใช้เงินเรา ดังนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารจะแนะนำให้เก็บเงินแบ่งบัญชีไว้ตั้งแต่ตอนที่เปิดบัญชีค่ะ
อีกเรื่อง เพราะชนพื้นเมืองคือเผ่าเมารี ดังนั้นชื่อถนน เมือง เขตต่าง ๆ ที่นี่หลายแห่งจะมีชื่อเป็นภาษาเมารี เช่น ในเมืองมีถนนชื่อ Karangahape Road อ่านว่า คารังกาฮาเป โรด ค่ะ เรียกสั้น ๆ ว่า K Road อื่น ๆ ก็มีชื่อ Papakura(ปาปาคุระ) Takapuna(ทาคาปูน่า) Matamata(มาตามาตา) Otahuhu(โอตาฮูฮู) เป็นต้นค่ะ
ผู้คน ความหลากหลาย
อย่างที่บอกไปแล้วว่าโอ๊คแลนด์เป็นเมืองนักเรียน ถือว่าเป็น Cosmopolitan City ที่แท้จริงเลยค่ะ คนหลากหลายเชื้อชาติมาอยู่รวมกันเยอะมาก แต่ที่เยอะมากของมากสุด ๆ คือ จีนและอินเดียค่ะ เยอะขนาดที่หน่วยงานใหญ่ ๆ อย่าง ธนาคาร บริษัทขายบ้าน โรงเรียน มหาวิทยาลัย ฯลฯ จะมีพนักงานที่พูดจีนและอินเดียได้ มีร้านขายยาของคนจีนที่ติดแต่ป้ายภาษาจีน คนจีนรุ่นอาม่าที่นี่หลายคนพูดอังกฤษไม่ได้เลยก็มี เขาได้สัญชาติเพราะมีกฎว่าถ้าพ่อแม่มีลูกคนเดียวสามารถเอาพ่อแม่มาอยู่นี่ได้ค่ะ ดังนั้นคนจีนที่ได้สัญชาติมาที่เป็นลูกคนเดียวก็พาพ่อแม่มาอยู่นี่กัน พอมีจำนวนเยอะ ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษกับใคร คุยภาษาจีนกันเอง
ที่นี่ร้านเคบับเยอะมาก ๆ จนเคบับกลายเป็นอาหารที่ราคาถูกที่สุด เมื่อเดือนที่แล้วมีงาน Diwali เป็นเทศกาลของอินเดีย ถึงขนาดปิดถนนเส้นหลักใจกลางเมืองอย่าง Queen Street เพื่อจัดงานฉลองกันเลยทีเดียว อินเดียที่นี่เส้นใหญ่มากค่ะ
ชาติอื่น ๆ ก็เยอะค่ะ แต่ไม่เท่าจีนกับอินเดีย รองลงมาก็เกาหลี เวียดนาม บราซิล โคลัมเบีย แล้วก็ไทย ต้องบอกว่าคนไทยนี่เดินในเมืองเจอแทบทุกหัวมุมถนนเลย เดิน ๆ อยู่ภาษาไทยลอยมาอีกแล้ว 55555
คนกีวีแท้แบบที่เชื้อสายยุโรปมีน้อยค่ะที่นี่ ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่นอกเมือง เพราะในเมืองคือเป็นที่ของนักเรียน รองลงมาเป็นชาวพื้นเมืองอย่างชาวเมารี อันนี้เห็นเยอะอยู่ค่ะ อาศัยอยู่นอกเมืองเหมือนกัน นอกนั้นก็เป็นชาวเกาะต่าง ๆ อย่าง ชาวซามัวซึ่งก็อาศัยอยู่นอกเมืองอีกเช่นกันค่ะ
แถม
ที่นี่มีวัดนะคะ ทั้งวัดไทย ลาว ศรีลังกา ฯ คนไทยที่นี่ก็ไปวัดกันค่ะ แต่เราไม่เคยไป
//ต่อด้านล่าง//
รีวิวประสบการณ์ใน Auckland, New Zealand จากคนที่อยู่ที่นี่มา 9 เดือน
- รีวิวค่ะ เหมือนเขียนไดอารี่ เป็นการบอกเล่าและระบายเรื่องราวอย่างนึงของเรา
- ให้คำแนะนำค่ะ ใครสนใจมาโอ๊คแลนด์สามารถสอบถามมาได้ค่ะ โดยเฉพาะเรื่องเรียน ถามเรื่องรร. ได้ อาจไม่รู้จักทุกรร. แต่อย่างน้อยก็รู้จักรร. ที่ถูกที่สุดที่นี่ เพราะเรียนมาก่อน และรู้จักรร. ที่ไม่อยากให้ไปเรียนค่ะ ใครกำลังวางแผนไปทักมาได้ค่ะ
สิ่งที่จะเจอจากกระทู้นี้
- ความจริงของโอ๊คแลนด์ ในเรื่องสภาพแวดล้อม อากาศ ชีวิตความเป็นอยู่
- สิ่งที่คนที่อยากมาเรียนยังไม่รู้ และน่าจะอยากรู้
- ประสบการณ์ส่วนตัวของเรา
Preview เรื่องแปลกที่คนไทยคงคิดไม่ถึง
- ทั้งประเทศเป็นเนินเขาค่ะ แทบหาที่ราบไม่เจอเลย อาจคิดภาพไม่ออกเดี๋ยวมีรูปให้ดูค่ะ
- โอ๊คแลนด์มีคนเอเชียเยอะมาก คงมีคนเคยบอกแล้วว่าคนไทยเยอะ แต่เอเชียชาติอื่นก็เยอะมาก แบบที่ต้องบอกเลยว่าในโอ๊คแลนด์นี้คนท้องที่น้อยกว่าครึ่งเลย จีนและอินเดียเยอะมาก จนน่าจะเรียกได้ว่าภาษาจีนเป็นหนึ่งในภาษาทางการของที่นี่ ใหญ่ขนาดที่ถ้าเป็นร้านคนจีนจะไม่มีป้ายภาษาอื่นนอกจากภาษาจีน
- อยู่ใกล้ขั้วโลกใต้แต่ไม่มีหิมะหรอกค่ะ หนาวอย่างเดียว ฝนตกเป็นว่าเล่น มีหิมะในประเทศแต่ตกนอกเมือง
- ร้านซูชิเป็นของเกาหลีซะเป็นส่วนใหญ่
- ร้านค้าที่นี่ปิดเร็วมาก ส่วนมากปิด 6 โมง ทุ่มนึง ร้านอาหารที่นี่หลายร้านเปิดแค่ตอนเย็น ไม่เปิดเช้า
- ค่าครองชีพของโอ๊คแลนด์สูงติด 1 ใน 10 ของโลก
- Homeless หรือคนไร้บ้านในเมืองเยอะมาก พบเห็นได้ทุกหัวมุมถนน รัฐบาลให้ความช่วยเหลือ มีบ้านให้อยู่ฟรีแต่คนพวกนี้ชอบอยู่ข้างถนนมากกว่า
- นิวซีแลนด์เป็นประเทศสำหรับตั้งถิ่นฐานโดยเฉพาะ คือมีนักเรียนต่างชาติเยอะมาก และราว 60-80% ของคนที่มาคือต้องการได้สัญชาติที่นี่ไม่ต้องการกลับประเทศ ซึ่งรัฐบาลก็รู้ดี และทั้งรัฐบาลกับโรงเรียนต่าง ๆ ก็สนับสนุนเรื่องการได้สัญชาติที่นี่ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและกฎ พูดง่าย ๆ ว่าหากนึกถึงนิวซีแลนด์ชาติอื่น ๆ เขาจะนึกถึงจุดหมายปลายทางของชีวิตว่าต้องมาอยู่ที่นี่ ได้สัญชาติที่นี่อย่างถูกกฎหมาย ไม่ใช่การมาเรียนต่างประเทศอย่างที่นักเรียนไทยหลาย ๆ คนคิด
เกริ่นนำ
ขณะนี้เราอยู่นิวซีแลนด์ได้ 8 เดือนกว่าแล้ว เรามาที่นี่คนเดียว ทั้งวางแผน ขึ้นเครื่องและเดินทางออกนอกประเทศไทยครั้งแรกโดยลำพัง ปัจจุบันกำลังเรียน Diploma เลเวล 7 อยู่ที่โอ๊คแลนด์ แรกเริ่มจุดมุ่งหมายแรกของการมาที่นี่คือเรียนภาษาอังกฤษค่ะ เหตุผลที่เป็นที่นี่คือ เมื่อเทียบกับประเทศต่าง ๆ อย่าง อังกฤษ อเมริกา และออสเตรเลียแล้ว นิวซีแลนด์มีข้อดีมากกว่าค่ะ ที่นี่ทำงานพิเศษได้ถูกกฎหมาย(เพิ่มเติมด้านล่าง) อังกฤษกับอเมริกาทำงานไม่ได้ค่ะ ออสเตรเลียค่าเรียนถูกกว่าเล็กน้อย ทำงานได้เหมือนกัน แต่ปัจจุบันออสเตรเลียเคี่ยวเรื่องการรับนักเรียนต่างชาติมาก วีซ่าได้ยากกว่าเยอะ นิวซีแลนด์มาได้ง่ายกว่า จริง ๆ ปัจจุบันก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนกฎหลาย ๆ อย่างอยู่แต่ยังมีโอกาสมากอยู่
สารภาพว่าตอนแรกที่เลือกนิวซีแลนด์คือคิดว่าไม่อยากไปออสเพราะลูกพี่ลูกน้องเคยไปค่ะ อยากไปที่ที่ไม่มีใครรู้จัก อยากฉีก Comfort Zone ของตัวเองทิ้ง และเริ่มต้นบทเรียนชีวิตครั้งใหม่ด้วยตัวเองคนเดียวลำพัง จริง ๆ รู้มาว่าออสคนไทยเยอะมากแล้ว พี่ที่รู้จักที่เคยมา Working & Holiday ที่นิวก็เคยบอกว่าที่นี่ก็คนไทยเยอะ แต่ด้วยความที่มันลงล็อกแล้วทั้งราคาค่าเรียนและเงื่อนไขที่สามารถทำงานได้ก็เลือกมานิวนี่แหละค่ะ ซึ่งบอกเลยว่าคนไทยเยอะจริง ๆ โดยเฉพาะโอ๊คแลนด์
อีกเรื่องนึงที่ผลักดันให้เขียนกระทู้นี้คือความจริงอีกข้อของนิวซีแลนด์ คือนิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ผู้คนจากทั่วโลกสามารถมาตั้งถิ่นฐานย้ายประเทศมาอยู่ได้ คือทางรัฐบาลก็ต้องการคนเพิ่ม คนนอกก็มองนิวซีแลนด์ว่าเป็นจุดหมายที่ดี ด้วยความที่นิวซีแลนด์เป็นประเทศห่างไกล ขนาดเล็ก แต่คนน้อยมาก ลองเทียบกับบ้านเรานะคะ ประเทศไทยมีพื้นที่ 513,120 ตารางกิโลเมตร ประชากร 69.04 ล้านคน ในขณะที่นิวซีแลนด์มีพื้นที่ 268,021 ตารางกิโลเมตร แต่มีประชากรแค่ 4.794 ล้านคน ดังนั้นนิวซีแลนด์จึงมีพื้นที่เหลือมากพอสำหรับผู้ที่ต้องการตั้งถิ่นฐานใหม่
สภาพบ้านเมือง ความเจริญ
พูดถึงนิวซีแลนด์หลาย ๆ คนคงนึกถึง “แกะ” ใช่ไหมคะ จะบอกว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยเจอแกะสักตัวเลยค่ะ 555555 เจอแต่เนื้อแกะกับครีมรกแกะ 55555
นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่อากาศดีมากค่ะ ต้นไม้เยอะมาก เขียวชะอุ่มสุด ๆ เมืองหลวงของที่นี่คือเวลลิงตันค่ะ อยู่ทางตอนใต้โอ๊คแลนด์ แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงได้ยินชื่อโอ๊คแลนด์บ่อยกว่า โอ๊คแลนด์เป็นเมืองที่เรียกได้ว่าเจริญที่สุดในนิวซีแลนด์ค่ะ เป็นเมืองนักเรียน เต็มไปด้วยสถานศึกษามากมาย ทั้งโรงเรียนปกติ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ และมหาวิทยาลัย
ด้วยความที่เป็นเมืองนักเรียนทำให้นักเรียนต่างชาติเยอะมาก ๆ ค่ะ เรียกได้ว่าเยอะกว่าคนกีวี่แท้ ๆ กับชาวเมารีที่เป็นชนพื้นเมืองของที่นี่อีก ไปที่ไหน ๆ ก็เจอแต่นักเรียนต่างชาติ ทั้งจีน อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย เวียดนาม ลาว พม่า บราซิล โคลัมเบีย ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ชิลี ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ขอบอกว่า จีนและอินเดีย เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
โอ๊คแลนด์นี้เจริญสุดในนิวซีแลนด์แล้วจริง ๆ ค่ะ แต่ถ้าถามว่าเจริญแบบไหน ลองเทียบกับไทยดูนะคะ เมื่อตุลาที่ผ่านมาเพิ่งจะมี H&M มาเปิดในเมืองค่ะ ไม่มี Uniqlo นะคะ 2 อาทิตย์ก่อน Krispy Kream เพิ่งเปิดสาขาในเมืองซึ่งเป็นสาขาที่ 3 ทั้งประเทศ อาทิตย์ที่แล้วร้านชาเขียวต้นตำรับจากญี่ปุ่นอย่าง Tsujiri เพิ่งจะเปิดสาขาแรก
เรื่องภูมิประเทศที่นี่ ในความคิดของหลาย ๆ คนคงนึกถึงทุ่งหญ้ากับภูเขาใช่ไหมคะ คุณคิดถูกแล้วค่ะ นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ธรรมชาติสมบูรณ์มาก ๆ แต่สิ่งเหล่านั้นอยู่นอกเมืองค่ะ ในโอ๊คแลนด์ ย่านใจกลางเมืองก็จะมีแต่ตึกสำนักงาน ร้านค้า อพาร์ตเมนต์ นอกเมืองก็จะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยมีแต่บ้านคนกับร้านค้าเป็นหลัก
อีกสิ่งนึงที่บอกว่าถ้าไม่ได้มาสัมผัสด้วยตัวเองจะไม่มีวันรู้เลยคือ ทั้งประเทศเป็นภูเขาค่ะ ไม่ใช่ว่าประเทศตั้งอยู่บนภูเขาทั้งลูกหรืออะไรนะคะ แต่มีแต่เนินแต่เขา แบบว่าเดินขึ้นลงเนินเป็นว่าเล่นเลย ถนนทั้งในเมืองและนอกเมืองที่เป็นลูกคลื่นใหญ่ ๆ เลยค่ะ อย่างเราอาศัยอยู่นอกเมือง เวลาขึ้นรถก็ออกจากบ้านเดินไต่เนินขึ้นไปบ้านรถบัสประมาณ 3-5 นาที แต่แบบว่าหอบหนักมากเพราะเดินไต่ความสูงระดับตึก 2 ชั้นขึ้นมา ถ้ามาอยู่ที่นี่บอกเลยว่าต้องเตรียมขาเตรียมปอดมาค่ะ ทุกวันนี้ไต่เนินน่องแข็งมาก
อีกเรื่องคือร้านค้าที่นี่ปิดเร็วค่ะ 6 โมงเย็น ทุ่มนึงคือแทบเกลี้ยง ห้างในเมืองก็ปิด 2-4 ทุ่ม ในเมืองยังดีหน่อยมีพวกร้านเบอร์เกอร์เปิดจนดึก ร้านขายของชำบางร้านเปิดถึงเที่ยงคืน แม้แต่ปั๊มก็ปิดประตูไม่ให้เข้า ร้านไม่ได้ปิด ยังขายอยู่แต่ห้ามเข้า จะซื้อต้องไปบอกตรงช่องกระจกที่ข้างเคาน์เตอร์ เขาจะหยิบของให้ ตอนกลางคืนที่นี่จะน่าเบื่อมากค่ะ แต่ในเมืองพวกร้านเหล้ากับผับในเมืองเปิดยันเช้าตรู่สำหรับขาเที่ยว ร้านอาหารหลายร้านก็เปิดเฉพาะตอนเย็น เปิดบ่าย 3 บ้าง 5 โมงเย็นบ้าง บางร้านเปิดเช้า พักปิดร้านตอนบ่าย เปิดอีกทีตอนเย็นก็มี ร้านตัดผม ทำเล็บส่วนใหญ่ คลีนิกหรือโรงพยาบาลที่นี่ต้องโทรนัดค่ะ ไม่มีนัดก็ใช้บริการไม่ได้
แถม
ความเจริญอีกอย่างที่ไม่แน่ใจว่าจัดไว้ในหัวข้อนี้ดีไหมแต่อยากพูดถึงก็เรื่องการใช้จ่ายเงินค่ะ เพราะคนที่นี่ไม่ค่อยถือเงินสดกัน เขาใช้บัตรเดบิต/เครดิตจ่ายกัน แทบทุกร้านในนิวซีแลนด์มีเครื่องรูดบัตรพวกนี้ การจ่ายเงินแบบนี้ที่นี่เรียก EFTPOS ค่ะ โดยบัตรจะลิงก์กับบัญชีธนาคาร ทันทีที่รูดก็จะตัดเงินในบัญชีไปเลย ตามปกติคนส่วนใหญ่ที่นี่จะมีบัญชี อย่างน้อย 2 บัญชีคือบัญชีที่ลิงก์กับบัตรและบัญชีออนไลน์ ทุกคนสามารถเช็กและควบคุมบัญชีของตัวเองได้ผ่านแอพของธนาคารในมือถือ คนที่นี่จะไม่เอาเงินใส่บัญชีที่ลิงก์กับบัตรมากนัก แต่เวลาจะจ่ายเงินจะค่อยโอนจากบัญชีออนไลน์เข้าบัญชีบัตร เพราะเสี่ยงหากคนอื่นรู้รหัสจะสามารถเอาบัตรไปรูดได้ และอีกอย่างคือระบบ EFTPOS มีระบบจ่ายเงินที่ง่ายสุด ๆ อย่างนึงคือการเอาบัตรไปแตะกับเครื่องที่รองรับระบบ Paywave แล้วเงินก็จะตัดไปเลย โดยไม่ต้องกดรหัสเหมือนแบบแรก ซึ่งถ้าถูกขโมยบัตรก็อาจถูกคนเอาไปแตะซื้อของอะไรก็ได้โดยใช้เงินเรา ดังนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารจะแนะนำให้เก็บเงินแบ่งบัญชีไว้ตั้งแต่ตอนที่เปิดบัญชีค่ะ
อีกเรื่อง เพราะชนพื้นเมืองคือเผ่าเมารี ดังนั้นชื่อถนน เมือง เขตต่าง ๆ ที่นี่หลายแห่งจะมีชื่อเป็นภาษาเมารี เช่น ในเมืองมีถนนชื่อ Karangahape Road อ่านว่า คารังกาฮาเป โรด ค่ะ เรียกสั้น ๆ ว่า K Road อื่น ๆ ก็มีชื่อ Papakura(ปาปาคุระ) Takapuna(ทาคาปูน่า) Matamata(มาตามาตา) Otahuhu(โอตาฮูฮู) เป็นต้นค่ะ
ผู้คน ความหลากหลาย
อย่างที่บอกไปแล้วว่าโอ๊คแลนด์เป็นเมืองนักเรียน ถือว่าเป็น Cosmopolitan City ที่แท้จริงเลยค่ะ คนหลากหลายเชื้อชาติมาอยู่รวมกันเยอะมาก แต่ที่เยอะมากของมากสุด ๆ คือ จีนและอินเดียค่ะ เยอะขนาดที่หน่วยงานใหญ่ ๆ อย่าง ธนาคาร บริษัทขายบ้าน โรงเรียน มหาวิทยาลัย ฯลฯ จะมีพนักงานที่พูดจีนและอินเดียได้ มีร้านขายยาของคนจีนที่ติดแต่ป้ายภาษาจีน คนจีนรุ่นอาม่าที่นี่หลายคนพูดอังกฤษไม่ได้เลยก็มี เขาได้สัญชาติเพราะมีกฎว่าถ้าพ่อแม่มีลูกคนเดียวสามารถเอาพ่อแม่มาอยู่นี่ได้ค่ะ ดังนั้นคนจีนที่ได้สัญชาติมาที่เป็นลูกคนเดียวก็พาพ่อแม่มาอยู่นี่กัน พอมีจำนวนเยอะ ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษกับใคร คุยภาษาจีนกันเอง
ที่นี่ร้านเคบับเยอะมาก ๆ จนเคบับกลายเป็นอาหารที่ราคาถูกที่สุด เมื่อเดือนที่แล้วมีงาน Diwali เป็นเทศกาลของอินเดีย ถึงขนาดปิดถนนเส้นหลักใจกลางเมืองอย่าง Queen Street เพื่อจัดงานฉลองกันเลยทีเดียว อินเดียที่นี่เส้นใหญ่มากค่ะ
ชาติอื่น ๆ ก็เยอะค่ะ แต่ไม่เท่าจีนกับอินเดีย รองลงมาก็เกาหลี เวียดนาม บราซิล โคลัมเบีย แล้วก็ไทย ต้องบอกว่าคนไทยนี่เดินในเมืองเจอแทบทุกหัวมุมถนนเลย เดิน ๆ อยู่ภาษาไทยลอยมาอีกแล้ว 55555
คนกีวีแท้แบบที่เชื้อสายยุโรปมีน้อยค่ะที่นี่ ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่นอกเมือง เพราะในเมืองคือเป็นที่ของนักเรียน รองลงมาเป็นชาวพื้นเมืองอย่างชาวเมารี อันนี้เห็นเยอะอยู่ค่ะ อาศัยอยู่นอกเมืองเหมือนกัน นอกนั้นก็เป็นชาวเกาะต่าง ๆ อย่าง ชาวซามัวซึ่งก็อาศัยอยู่นอกเมืองอีกเช่นกันค่ะ
แถม
ที่นี่มีวัดนะคะ ทั้งวัดไทย ลาว ศรีลังกา ฯ คนไทยที่นี่ก็ไปวัดกันค่ะ แต่เราไม่เคยไป
//ต่อด้านล่าง//