แม่เผยทั้งน้ำตา คาใจลูกวัย 14 ตาย หลังแพทย์ผ่าตัดช่วย จากโดนรุมทำร้าย
แม่คาใจ! สาเหตุการเสียชีวิตของลูกชาย วัย 14 หลังถูก 3 วัยรุ่นรุมทำร้ายบาดเจ็บ นอนรักษาตัวใน รพ. 1 คืน ก่อนแพทย์พบน้ำในช่องท้อง จึงนำตัวเข้าห้องผ่าตัด จากนั้นเสียชีวิต ...
วันที่ 18 พ.ย. ที่ศาลา 2 ของวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.ตราด ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพ น้องเก้า ด.ช.นันทพงศ์ กรเป๋ อายุ 14 ปี ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 3 คน รุมทำร้ายร่างกายเมื่อคืนวันที่ 16 พ.ย. 61 เมื่อเวลาประมาณ 20.45 น. ที่ผ่านมา บริเวณภายในซอยด้านข้างร้านตราดอินเตอร์เน็ต หมู่ 2 ต.วังกระแจะ อ.เมืองตราด จนได้รับบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือธรรมสถานตราด
ได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยนอนรักษาตัวอยู่ 1 คืน ก่อนที่แพทย์จะทำการผ่าตัดในช่วงสายของวันที่ 17 พ.ย. 61 และเสียชีวิตต่อมา เวลาประมาณบ่ายโมงของวันที่ 17 พ.ย. 61 ซึ่ง
การเสียชีวิตดังกล่าว สร้างความสงสัยให้กับ นางจิราภรณ์ กรเป๋ อายุ 41 ปี ผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก
หลังทราบข่าวผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดไผ่ล้อม ที่ตั้งศพของน้องเก้า ก็พบกับนางจิราภรณ์ ผู้เป็นแม่ ซึ่งยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้า บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีเพียงญาติไม่กี่คนที่มาร่วมงาน
นางจิราภรณ์ เผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตา ว่า ตนยังคงรู้สึกคาใจกับการเสียชีวิตของลูกชาย ว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ ซึ่งตอนที่ตนเองทราบเรื่องจากตำรวจว่า น้องเก้าถูกทำร้ายร่างกาย และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตราด ตนเองเดินทางมาถึงโรงพยาบาลก็ยังเห็นน้องเก้ายังพูดคุยรู้เรื่องทุกอย่าง จึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจซักถามน้องเก้า ก็ยังจำได้ว่าใครเป็นคนทำร้าย ชื่ออะไรบ้าง จากนั้นแพทย์ก็ทำการรักษา ซึ่งน้องเก้ามีรอยปูดบวม ฟกช้ำบริเวณศีรษะ แขนทั้ง 2 ข้างมีบาดแผล น่าจะเกิดจากถูกเศษขวดบาด กระทั่งช่วงเช้า น้องเก้าอาการแย่ลง ความดันตก แพทย์ทำการเอกซเรย์พบว่ามีน้ำขังในช่วงท้อง ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำหรือเป็นเลือด ต้องทำการผ่าตัดเร่งด่วน
จากนั้นแพทย์ได้ทำการผ่าตัดน้องเก้า ใช้เวลานานประมาณ 4 ชม. จากนั้นได้มีพยาบาลมาเรียกให้ตนเองเข้าไปดูอาการ และแพทย์แจ้งว่าอาการ น้องเก้าสาหัส เสียเลือดมาก และอาจจะไม่รอด เนื่องจากเส้นเลือดในหัวใจแตก จากนั้นน้องเก้าก็ได้เสียชีวิตลง
นางจิราภรณ์ ยังเล่าทั้งน้ำตาว่า
ตนเองยังรู้สึกคาใจกับการเสียชีวิตของน้องเก้าวัยเพียง 14 ปี ซึ่งตอนมาโรงพยาบาลน้องเก้ายังพูดคุย ถามตอบรู้เรื่องทุกอย่าง แต่ทำไมพอหมอทำการผ่าตัดน้องเก้ากลับเสียชีวิตลง หลังลูกเข้าห้องผ่าตัดตนเองไม่ได้คุยกับลูกอีกเลย
ในด้านการติดตามกลุ่มวัยรุ่นที่รุมทำร้ายน้องเก้านั้น ร.ต.อ.ยอดคม อินไข รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตราด พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า ในคืนเกิดเหตุ น้องเก้า ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักมาเพียงลำพัง กำลังจะไปรับเพื่อน แต่คาดว่ารถจักรยานยนต์น่าจะเสีย จึงได้เดินจูงรถมาตามถนน
กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ พบผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อน 3 คน ผ่านมาพบ จึงเข้ารุมทำร้าย คาดว่าคนร้ายน่าจะใช้ขวดเบียร์และหมวกกันน็อกตี พร้อมทั้งรุมกระทืบ หลังเกิดเหตุได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองตราด ทำการติดตามสอบสวนจนทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้วว่าเป็นใคร ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคู่อริกันมาก่อน
โดยผู้ก่อเหตุมีจำนวน 3 คน ตำรวจกำลังติดตามตัวอยู่ พร้อมทั้งเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่สามารถบันทึกภาพไว้ได้เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ซึ่งเบื้องต้นได้ตั้งข้อหาไว้คือร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ซึ่งจะรีบติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว.
https://www.thairath.co.th/content/1423908
แม่เผยทั้งน้ำตา คาใจลูกวัย 14 ตาย หลังแพทย์ผ่าตัดช่วย จากโดนรุมทำร้าย
แม่คาใจ! สาเหตุการเสียชีวิตของลูกชาย วัย 14 หลังถูก 3 วัยรุ่นรุมทำร้ายบาดเจ็บ นอนรักษาตัวใน รพ. 1 คืน ก่อนแพทย์พบน้ำในช่องท้อง จึงนำตัวเข้าห้องผ่าตัด จากนั้นเสียชีวิต ...
วันที่ 18 พ.ย. ที่ศาลา 2 ของวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.ตราด ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพ น้องเก้า ด.ช.นันทพงศ์ กรเป๋ อายุ 14 ปี ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 3 คน รุมทำร้ายร่างกายเมื่อคืนวันที่ 16 พ.ย. 61 เมื่อเวลาประมาณ 20.45 น. ที่ผ่านมา บริเวณภายในซอยด้านข้างร้านตราดอินเตอร์เน็ต หมู่ 2 ต.วังกระแจะ อ.เมืองตราด จนได้รับบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบุญช่วยเหลือธรรมสถานตราด ได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยนอนรักษาตัวอยู่ 1 คืน ก่อนที่แพทย์จะทำการผ่าตัดในช่วงสายของวันที่ 17 พ.ย. 61 และเสียชีวิตต่อมา เวลาประมาณบ่ายโมงของวันที่ 17 พ.ย. 61 ซึ่งการเสียชีวิตดังกล่าว สร้างความสงสัยให้กับ นางจิราภรณ์ กรเป๋ อายุ 41 ปี ผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก
หลังทราบข่าวผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดไผ่ล้อม ที่ตั้งศพของน้องเก้า ก็พบกับนางจิราภรณ์ ผู้เป็นแม่ ซึ่งยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้า บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีเพียงญาติไม่กี่คนที่มาร่วมงาน
นางจิราภรณ์ เผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตา ว่า ตนยังคงรู้สึกคาใจกับการเสียชีวิตของลูกชาย ว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ ซึ่งตอนที่ตนเองทราบเรื่องจากตำรวจว่า น้องเก้าถูกทำร้ายร่างกาย และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตราด ตนเองเดินทางมาถึงโรงพยาบาลก็ยังเห็นน้องเก้ายังพูดคุยรู้เรื่องทุกอย่าง จึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจซักถามน้องเก้า ก็ยังจำได้ว่าใครเป็นคนทำร้าย ชื่ออะไรบ้าง จากนั้นแพทย์ก็ทำการรักษา ซึ่งน้องเก้ามีรอยปูดบวม ฟกช้ำบริเวณศีรษะ แขนทั้ง 2 ข้างมีบาดแผล น่าจะเกิดจากถูกเศษขวดบาด กระทั่งช่วงเช้า น้องเก้าอาการแย่ลง ความดันตก แพทย์ทำการเอกซเรย์พบว่ามีน้ำขังในช่วงท้อง ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำหรือเป็นเลือด ต้องทำการผ่าตัดเร่งด่วน
จากนั้นแพทย์ได้ทำการผ่าตัดน้องเก้า ใช้เวลานานประมาณ 4 ชม. จากนั้นได้มีพยาบาลมาเรียกให้ตนเองเข้าไปดูอาการ และแพทย์แจ้งว่าอาการ น้องเก้าสาหัส เสียเลือดมาก และอาจจะไม่รอด เนื่องจากเส้นเลือดในหัวใจแตก จากนั้นน้องเก้าก็ได้เสียชีวิตลง
นางจิราภรณ์ ยังเล่าทั้งน้ำตาว่า ตนเองยังรู้สึกคาใจกับการเสียชีวิตของน้องเก้าวัยเพียง 14 ปี ซึ่งตอนมาโรงพยาบาลน้องเก้ายังพูดคุย ถามตอบรู้เรื่องทุกอย่าง แต่ทำไมพอหมอทำการผ่าตัดน้องเก้ากลับเสียชีวิตลง หลังลูกเข้าห้องผ่าตัดตนเองไม่ได้คุยกับลูกอีกเลย
ในด้านการติดตามกลุ่มวัยรุ่นที่รุมทำร้ายน้องเก้านั้น ร.ต.อ.ยอดคม อินไข รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตราด พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า ในคืนเกิดเหตุ น้องเก้า ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักมาเพียงลำพัง กำลังจะไปรับเพื่อน แต่คาดว่ารถจักรยานยนต์น่าจะเสีย จึงได้เดินจูงรถมาตามถนน
กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ พบผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อน 3 คน ผ่านมาพบ จึงเข้ารุมทำร้าย คาดว่าคนร้ายน่าจะใช้ขวดเบียร์และหมวกกันน็อกตี พร้อมทั้งรุมกระทืบ หลังเกิดเหตุได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองตราด ทำการติดตามสอบสวนจนทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้วว่าเป็นใคร ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคู่อริกันมาก่อน
โดยผู้ก่อเหตุมีจำนวน 3 คน ตำรวจกำลังติดตามตัวอยู่ พร้อมทั้งเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่สามารถบันทึกภาพไว้ได้เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ซึ่งเบื้องต้นได้ตั้งข้อหาไว้คือร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ซึ่งจะรีบติดตามตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว.
https://www.thairath.co.th/content/1423908