นี่ไง? แบบอย่างไม่ดีที่พวกเสื้อแดงทิ้งเอาไว้ ถืออาวุธบุกโรงพยาบาล วัยรุ่นมันเห็นมันเลยเอาไปเลียนแบบ

แย่
โจ๋ตราดยกพวกตื้บคู่อริถึง รพ.ทำอุปกรณ์แพทย์พัง 5 แสน พยาบาลวิ่งหนีวุ่น

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์          
27 มิถุนายน 2558 13:45 น.

    ตราด - วัยรุ่นตราดนับ 10 คน บุกก่อเหตุทำร้ายคู่อริที่เข้ารักษาตัวในตึกอุบัติเหตุ โรงพยาบาลตราด ทำแพทย์ พยาบาลวิ่งหนีตายวุ่น เครื่องช่วยหายใจ และอุปกรณ์การแพทย์เสียหาย 5 แสนบาท ผอ.รพ.ลั่นผู้ก่อเหตุต้องชดใช้ พร้อมประสาน ตร.-ทหาร ดูแลความปลอดภัยในโรงพยาบาลตลอด 24 ชม.
      
       เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.วันนี้ (27 มิ.ย.) วัยรุ่นกว่า 10 คน บุกเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ตึกอุบัติเหตุ โรงพยาบาลตราด เพื่อรุมทำร้ายคู่อริที่เข้ามารักษาตัว จนทำให้หมอ พยาบาล คนไข้ และญาติคนไข้ต้องหนีเอาชีวิตรอดอย่างอลหม่าน และหลังเกิดเหตุพบเครื่องช่วยหายใจ 3 เครื่อง และอุปกรณ์ทางการแพทย์หลายรายการได้รับความเสียหาย มูลค่าประมาณ 5 แสนบาท
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ครั้งแรก และยังพบว่า ที่ผ่านมามักมีกลุ่มวัยรุ่นบุกเข้าไปทำร้ายคู่อริถึงห้องฉุกเฉินมาแล้วหลายครั้ง โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับตัวกลุ่มวัยรุ่นได้ ที่สำคัญยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่
      
       นายแพทย์พิเชียร วุฒิสถิรภิญโญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตราด กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุได้มีกลุ่มวัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกคู่อริทำร้ายร่างกาย เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล และได้มีคู่อริตามมาทำร้ายซ้ำอีกโดยไม่สนใจความเสียหายที่จะเกิดต่อสถานที่ และนอกจากจะทำร้ายกันเองจนสร้างความโกลาหลแล้ว เครื่องมือทางการแพทย์ยังได้รับความเสียหายไปด้วย
      
       “หลังเกิดเหตุได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ก็ได้ภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ซึ่งการกระทำในครั้งนี้ทางโรงพยาบาลต้องการให้ผู้ก่อเหตุได้ชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องคดีก็ขอให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย เพราะการก่อเหตุทะเลาะวิวาทในลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุด เพราะยังทำให้บุคลากรของโรงพยาบาลได้รับผลกระทบไปด้วย”
      
       นายแพทย์พิเชียร เผยอีกว่า ได้ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารนาวิกโยธิน เพื่อดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000072784
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่