"Pantip at Pandit"
Ibid. At 25
ตอบอธิบาย ลงแบบปรัศนี
“สิ่งที่เป็นเงื่อนงำคำตอบ
พอได้อธิบายไปแล้ว ครั้งต่อกาลข้างหน้าเรื่อย ๆ ก็ไม่พึงออกตอบที่ไหน
คือไม่ต้องทดลองว่า จะต้องตอบหน้านั้น หน้านี้ ปลอบใจความหวั่นใจของใครบ้าง
เห็นแต่ว่าเป็นบัญชีทำให้ตอบได้เป็นพื้นฐาน
จำพวกเฉพาะกระทู้ที่ใส่ปรัศนีมาให้ตอบได้เหมือนกัน ฉะนั้น จึงควรเห็นจบ
เป็นถามะกำลัง อันเดียว ไม่ตอบอันอื่นอีก ซึ่งบางครั้งเผลอไปตอบก็มี
ถึงเป็นเรื่องน่าเก้อ น่าอายไปเลย เพราะที่ตนเขียนตอบไว้ ก็พอตั้งใจ
พอที่ตนจะเขียนดีอยู่, แต่ส่งตอบไปไม่ตรงประเภทบัญชี”
“นั้น
จำพวกแค่บัญชีตอบได้ ไปแต่งานพื้นฐาน อันว่า จะถึงที่ปรารถนา
แต่ก็ยังไม่ปรารถนาหรอก เพราะตนจะตอบไปมากนั้น ก็ค้นยากอยู่
ทั้งยังต้องคอยแก้ว่า ตนตกอำนาจ ตนได้สัญญาเนื่องศัพท์ เรื่องศัพท์ เอาหน้า
จะเอาเกียรติยศ ตอบสมควร ดั่งสาราณียกร, ไม่ไพล่ ไม่ขวาง จึงกลัว
ถ้าว่ากลัวก็กลัว ตามกลัวเขาว่า ถามขึ้น ในพวกเอง จะตอบกับข้าอย่างนั้น
ไปทำไม ก็คงจะต้องเที่ยวอธิบายอีก ซึ่งก็คงจะต้องยุ่งอีก ถึงอาจจะหนักไป
เกิดเขาจะถามเอาแต่สิ่งถูกใจ ถูกอารมณ์ของเขาปรารถนาแล้ว เช่นนั้น
เราก็มีแต่จะต้องยุ่งหนัก”
“ฉะนั้น ที่ดี
จึงต้องขอปลอบโยนตนเองเอาลง อาศัยพอเทียบศัพท์บ้าง พอบอกเทียบประวัติบ้าง
พอแสดงข้อมูลนิด ๆ หน่อย ๆ ที่พอบอกไปได้บ้าง ว่าหากเขาจะเอาบทศัพท์แล้ว
ว่าเขาจะเอาบทแก่ประโยคแล้ว จงว่า ก็จะยอมเป็นประโยชน์ไปให้
ให้ออกตามทางของการศึกษา ลงด้วยประเภทเครื่องของ เครื่องใช้ทุกวันนี้
อยู่ไปกับประเภทของเครื่องมือในปัจจุบันนี้ ซึ่งพิพากษ์พิจัยดี
ก็จะได้ศึกษาไปตามอัธยาศัยของตนเท่านั้น ก็จะพึงเป็นดี,
อยู่บอกว่าศึกษากันไปตามอัธยาศัยก็แล้วกัน จึงให้เรื่องว่า วิจัยร่วมกัน
เรียนร่วมกัน วินิจฉัยพิจารณาร่วมกัน ตามทางของศัพท์ ของบท ของประโยค
ที่เมื่อจะต้องให้ตกลงเข้าใจแล้ว เรื่องอย่างใจอันนั้นเป็นเอง
ตัวก็จะได้ไปถึงแก่หนังสือตำรา ชนิดวิเศษให้ถึงที่สุด”
“ครั้งผู้ใด
จะทำสาส์น จะกระทำถามะกำลัง พรรณนาบรรยายเป็นการระบาย ปลอบโยน
หากไม่เห็นผิด เขียนว่า จะสืบไปถึงตำราชนิดวิเศษ ของสรรพวิชาทางกลาง
เช่นบทหนังสือตำราพระไตรปิฎก เช่นนั้น คนนั้น จงอย่าได้รังเกียจจะถามเลย
จงควรแต่จะให้เร่งถามกันเข้ามา, คำตอบใดเหมาะพอจะลงเครื่องหมายปรัศนีแล้ว
พิจารณาตอบได้ เห็นควร ก็จะเร่งพิจารณาตอบไปให้หมด, ให้พอแต่คำถามอื่น
ไม่พอกันสืบลงกับพระไตรปิฎกไม่ได้
หรือตามปรัมปราอันควรถ่ายทอดเป็นอย่างไม่ได้ อย่างนั้นเทียบไปไม่ถึง
จะพอแก่การวิธี บอกตัวเทคโนโลยี หรือคุณสำคัญของวิจัยเว็บไซต์ใดปรากฏ
ก็แล้วแต่ผู้ถามฉะนั้น อันอย่างนั้น จะไปค้นหาเอาเอง”
“เมื่อเพื่อถามะกำลัง
ตั้งจะถามมา ตามควรแก่สิกขา เป็นพระวินัย ได้บทประมาณ ในความเป็นอยู่
ได้ความกะเกณฑ์ดี ของปัจจัย 4 ตามแต่ความจำเป็น, ออกสารูป เช่นนั้น
ก็ให้ถามได้ ทั้งหมด พอแต่อวดจะโฆษณานั้น จะโฆษณานั้น ไม่ควรเอามาอวดเลย
หากว่าตนยังไม่ค่อยถึงความจำเป็นที่จะต้องถาม ถ้าไม่ได้มาบอกมาถาม ว่า
จะขอทดลอง อย่างนั้น ก็ไม่ควรมาถามกันให้มากเกินไปนัก”
“ตอบหน้านั้น หน้านี้ ปลอบใจ”
Ibid. At 25
ตอบอธิบาย ลงแบบปรัศนี
“สิ่งที่เป็นเงื่อนงำคำตอบ
พอได้อธิบายไปแล้ว ครั้งต่อกาลข้างหน้าเรื่อย ๆ ก็ไม่พึงออกตอบที่ไหน
คือไม่ต้องทดลองว่า จะต้องตอบหน้านั้น หน้านี้ ปลอบใจความหวั่นใจของใครบ้าง
เห็นแต่ว่าเป็นบัญชีทำให้ตอบได้เป็นพื้นฐาน
จำพวกเฉพาะกระทู้ที่ใส่ปรัศนีมาให้ตอบได้เหมือนกัน ฉะนั้น จึงควรเห็นจบ
เป็นถามะกำลัง อันเดียว ไม่ตอบอันอื่นอีก ซึ่งบางครั้งเผลอไปตอบก็มี
ถึงเป็นเรื่องน่าเก้อ น่าอายไปเลย เพราะที่ตนเขียนตอบไว้ ก็พอตั้งใจ
พอที่ตนจะเขียนดีอยู่, แต่ส่งตอบไปไม่ตรงประเภทบัญชี”
“นั้น
จำพวกแค่บัญชีตอบได้ ไปแต่งานพื้นฐาน อันว่า จะถึงที่ปรารถนา
แต่ก็ยังไม่ปรารถนาหรอก เพราะตนจะตอบไปมากนั้น ก็ค้นยากอยู่
ทั้งยังต้องคอยแก้ว่า ตนตกอำนาจ ตนได้สัญญาเนื่องศัพท์ เรื่องศัพท์ เอาหน้า
จะเอาเกียรติยศ ตอบสมควร ดั่งสาราณียกร, ไม่ไพล่ ไม่ขวาง จึงกลัว
ถ้าว่ากลัวก็กลัว ตามกลัวเขาว่า ถามขึ้น ในพวกเอง จะตอบกับข้าอย่างนั้น
ไปทำไม ก็คงจะต้องเที่ยวอธิบายอีก ซึ่งก็คงจะต้องยุ่งอีก ถึงอาจจะหนักไป
เกิดเขาจะถามเอาแต่สิ่งถูกใจ ถูกอารมณ์ของเขาปรารถนาแล้ว เช่นนั้น
เราก็มีแต่จะต้องยุ่งหนัก”
“ฉะนั้น ที่ดี
จึงต้องขอปลอบโยนตนเองเอาลง อาศัยพอเทียบศัพท์บ้าง พอบอกเทียบประวัติบ้าง
พอแสดงข้อมูลนิด ๆ หน่อย ๆ ที่พอบอกไปได้บ้าง ว่าหากเขาจะเอาบทศัพท์แล้ว
ว่าเขาจะเอาบทแก่ประโยคแล้ว จงว่า ก็จะยอมเป็นประโยชน์ไปให้
ให้ออกตามทางของการศึกษา ลงด้วยประเภทเครื่องของ เครื่องใช้ทุกวันนี้
อยู่ไปกับประเภทของเครื่องมือในปัจจุบันนี้ ซึ่งพิพากษ์พิจัยดี
ก็จะได้ศึกษาไปตามอัธยาศัยของตนเท่านั้น ก็จะพึงเป็นดี,
อยู่บอกว่าศึกษากันไปตามอัธยาศัยก็แล้วกัน จึงให้เรื่องว่า วิจัยร่วมกัน
เรียนร่วมกัน วินิจฉัยพิจารณาร่วมกัน ตามทางของศัพท์ ของบท ของประโยค
ที่เมื่อจะต้องให้ตกลงเข้าใจแล้ว เรื่องอย่างใจอันนั้นเป็นเอง
ตัวก็จะได้ไปถึงแก่หนังสือตำรา ชนิดวิเศษให้ถึงที่สุด”
“ครั้งผู้ใด
จะทำสาส์น จะกระทำถามะกำลัง พรรณนาบรรยายเป็นการระบาย ปลอบโยน
หากไม่เห็นผิด เขียนว่า จะสืบไปถึงตำราชนิดวิเศษ ของสรรพวิชาทางกลาง
เช่นบทหนังสือตำราพระไตรปิฎก เช่นนั้น คนนั้น จงอย่าได้รังเกียจจะถามเลย
จงควรแต่จะให้เร่งถามกันเข้ามา, คำตอบใดเหมาะพอจะลงเครื่องหมายปรัศนีแล้ว
พิจารณาตอบได้ เห็นควร ก็จะเร่งพิจารณาตอบไปให้หมด, ให้พอแต่คำถามอื่น
ไม่พอกันสืบลงกับพระไตรปิฎกไม่ได้
หรือตามปรัมปราอันควรถ่ายทอดเป็นอย่างไม่ได้ อย่างนั้นเทียบไปไม่ถึง
จะพอแก่การวิธี บอกตัวเทคโนโลยี หรือคุณสำคัญของวิจัยเว็บไซต์ใดปรากฏ
ก็แล้วแต่ผู้ถามฉะนั้น อันอย่างนั้น จะไปค้นหาเอาเอง”
“เมื่อเพื่อถามะกำลัง
ตั้งจะถามมา ตามควรแก่สิกขา เป็นพระวินัย ได้บทประมาณ ในความเป็นอยู่
ได้ความกะเกณฑ์ดี ของปัจจัย 4 ตามแต่ความจำเป็น, ออกสารูป เช่นนั้น
ก็ให้ถามได้ ทั้งหมด พอแต่อวดจะโฆษณานั้น จะโฆษณานั้น ไม่ควรเอามาอวดเลย
หากว่าตนยังไม่ค่อยถึงความจำเป็นที่จะต้องถาม ถ้าไม่ได้มาบอกมาถาม ว่า
จะขอทดลอง อย่างนั้น ก็ไม่ควรมาถามกันให้มากเกินไปนัก”