ขนมมาร์ชเมลโล่หนึ่งชิ้น
ราคาคงไม่ถึงหนึ่งบาท
แต่แพงพอจะแลกเลือดแก้มของเด็กชายเจ็ดขวบ
ที่ยังไม่รู้ว่า —
ความหิวมีโทษถึงขั้นต้องสละศักดิ์ศรี
ครู...
มือที่เคยถือชอล์ก
สอนให้เขียนคำว่า *เมตตา*
วันนี้กลับถือไม้บรรทัดเหล็ก
ขีดเส้นบทเรียนลงบนแก้มเล็กของศิษย์ตนเอง
สี่สิบเส้นรอยแดง
แทนตัวอักษรแห่งความอัปยศ
ตบปากสิบครั้ง เพื่อให้จำว่า “อย่าหยิบของคนอื่น”
แต่ไม่มีใครบอกเด็กว่า —
*ความจนก็หยิบยืมความอิ่มจากใครไม่ได้เหมือนกัน*
แม่ยืนร้องไห้
ขอโทษที่เกิดมาจน
แต่ใครเล่าควรขอโทษ ที่เกิดมาใจแข็งกว่าหิน
โลกที่สอนว่า “ครูคือพ่อคนที่สอง”
กลับลืมสอนให้พ่อคนแรก
มีสิทธิ์ปกป้องลูกจากไม้เหล็กในห้องเรียน
ตำรวจปัดมือ
กลัวเด็กมีประวัติลักทรัพย์ติดตัว
แต่ไม่กลัวครูมีประวัติทำร้ายเด็กเต็มใจ
จนกำนันต้องโทรศัพท์ไปขอความยุติธรรม
เหมือนขอข้าวให้คนหิว
ขอศักดิ์ศรีให้คนเล็ก
ที่ยังไม่รู้ความหมายของคำว่า “ผิด”
สามวันผ่านไป
เสียงขอโทษเพิ่งมาถึง
เหมือนฝนตกหลังไฟไหม้
“ครูคนเดิม”
ยังคงอยู่ในห้องเรียนเดิม
อาจสอนเด็กคนอื่นว่า *อย่าทำผิด*
ด้วยไม้บรรทัดเหล็กเล่มเดิม
ขนมหนึ่งชิ้น...
แลกเลือด แลกความกลัว
แลกความทรงจำของวัยเยาว์
บทเรียนวันนี้ — ไม่มีในตำรา
มีเพียงคำถามเงียบงันในใจเด็กคนหนึ่งว่า
“ความดี... ต้องเริ่มจากไม้บรรทัดเหล็กจริงหรือ?”
ห้องเรียนเงียบงันในเย็นวันต่อมา
มีเพียงเงาเด็กคนหนึ่งที่ยังกลัวโต
เขายังจำกลิ่นเหล็ก กับเสียงฝ่ามือ
จำได้ว่าโลกนี้ —
ไม่ใช่ทุกมือที่ยื่นมา จะปลอบโยน
เขาก้มหน้าเขียนคำว่า *ครู*
ด้วยดินสอที่สั่น
ข้างๆ ตัวอักษรนั้น
มีรอยน้ำตา เป็นจุดวรรคแทนเครื่องหมายคำถาม
ครูอาจลืม...
แต่รอยแดงบนแก้มเด็ก
จะเป็นตำราบทหนึ่งของโลก
ที่สอนผู้ใหญ่ให้รู้ว่า
ความหิวของเด็ก
ไม่เคยสมควรถูกลงโทษด้วยความโหดร้าย
และเมื่อใครสักคนเปิดอ่านอีกครั้ง
บางที...
อาจร้องไห้
เพราะเห็นเงาตัวเอง
อยู่ในไม้บรรทัดเหล็กเล่มนั้น...
ขนมหนึ่งชิ้น กับความเป็นคนของครู