ขอเริ่มเรื่องตามช่วงอายุเลยนะคะ
วัยเด็ก เราเป็นผู้ที่ถูก Bully และรวมอยู่ในกลุ่ม Bully ผู้อื่น เราพบสัจธรรมว่า ถ้ามีเพื่อนแล้วต้องทำตามคำสั่ง ทำตามใจ ไม่คิดถึงจิตใจเรา ไม่ได้เห็นความมีตัวตนของเรา อยู่คนเดียวดีกว่าค่ะ และเลือกที่ปกป้องตัวเองด้วยความรุนแรง(สู้ค่ะ) ด้วยส่วงสูง 156 cm แต่ก็ขอบคุณเพื่อนดีๆถึงแม้จะหลักหน่วยนะคะ
ปริญญาตรี ชีวิตค่อนข้างลำบากแบบสุดๆ แม่ก็โดนคำว่า "บุญคุณอันไม่มีที่สิ้นสุด" โดนแบบขูดเลือดขูดเนื้อจนไม่เหลืออะไรก็ยังใช้ให้ไปกู้มาค่ะ สุดๆจนโดนเจ้าหนี้นอกระบบไปที่ทำงานแม่ว่า "ก็ไปผูกคอตายซ่ะ" ขอบคุณรัฐบาลในตอนนั้นที่จัดการเรื่องหนี้นอกระบบค่ะ ทำให้พบสัจธรรมว่า "ไม่มีใครช่วยเรายามมีปัญหา และบุญคุณก็ควรตอบแทนแบบเราไม่เดือดร้อนตามความเหมาะสม" นึกดูนะคะเวลามีต้องแอบเพราะยิ่งกว่าปล้นเลย ไม่ให้ก็ว่าเสียหาย ถ้าคนที่ไม่ดีกับเราถึงเเม้สายเลือดเดียวกันก็อย่าไปคบค่ะ(แต่ทำยาก) เพื่อนดีๆก็มี ขอบคุณที่ช่วยเหลือจนทำให้เราเรียนจบเเละปกป้องเรานะคะ แต่ไม่ดีก็มีปล่อยข่าวลือแย่ๆ แย่ที่สุดนี่ก็ตอนไปฝึกงานเนี่ยแหละค่ะ เพื่อนที่ไปฝึกงานด้วยกันปล่อยข่าวลือว่าเราได้ผู้ชายทั้งคณะ(มารู้ตอนหลัง...แบบคณะที่เรียนอยู่มีแต่เด็กผู้ชายนะคะ และที่สำคัญถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีแฟนซักคนด้วย) ก็ว่าโดนมองแบบแปลกๆ จนเรากลัวมาก แต่ที่เลิกคบมัน(แค้นมากค่ะ)ก็เพราะมันไปเป็นนกต่อ ชวนให้ไปเป็นเพื่อนงานบวชพี่ที่โรงงาน ต่างจังหวัด...จะกลับมาส่ง...เลิกงานก็ 5โมงเย็นล่ะ...ตลก...ไม่ไปโกรธ นู้นนั่นนี่ แล้วก็มีคำพูดเห็นแก่ตัวออกมา...แล้วบังคับเราให้ไป ไม่ไปเลิกคบค่ะ...เอ่อเลิกคบกันดีละ(ที่โรงงานนี้เคยจองตัวเราไปทำงานด้วยถ้าเราเรียนจบ) มันเป็นจุดที่รู้สึกแย่สุดๆกับหลายเรื่องที่สะสมมา ทำให้เราต้องเริ่มรักษาตัวจากการเป็นโรคซึมเศร้า แล้วก็ไม่อยากเข้าโรงงาน ไม่ทำงานในสายอาชีพที่เราเรียนมาค่ะ(แต่เพื่อนคนนี้ก็ไม่ได้ทำกับเราแค่คนเดียว เขาก็ได้รับกรรมของเขาไปแล้วไม่ขอเล่านะคะ)
ปริญญาโท เป็นช่วงมีความสุขมาก เพื่อนๆดีมาก ขอบคุณแม่ที่ให้โอกาสดีๆ
ช่วงหางาน นรกเลย...เคยโดนที่หนึ่งคนสอบสัมภาษณ์งาน มี 3 คน มีคนจะรับเรา 2 คน(รู้เพราะเริ่มพูดถึงการทำงานและ หน้าที่ที่เราจะได้รับ) อีกคนด่าแบบไล่เราออกจากห้องไปเลย(เป็นผู้หญิงวัยกลางคน) เราร้องไห้ออกมาเลย...หางานอยู่นาน ในที่สุดก็ได้งาน ต้องขอบคุณพ่อเรา เราไม่เชื่อในเรื่องการสอบเเข่งขันล่ะเราเหนื่อย (เจออะไรมาเยอะไม่ขอเล่านะคะ)
Bully ที่ทำงาน ก็อดทนอยู่ต่างจังหวัด โดยได้รับกำลังใจจากคุณแม่ เรื่องคุกคามทางเพศเรื่องนี้อึดอัดมาก(เลือกเล่าให้แม่ฟังเริ่มตั้งแต่เข้ามหาลัย เพราะเพื่อนที่ไปปรึกษาด้วย มักจะว่าใครจะเอาเรา ว่าเราเรื่องมาก คิดไปเอง) ช่วงอยู่ กทม.นี่เป็นช่วงสวยที่สุดล่ะ แต่มันเจอคนแปลกๆเช่น 1.ห้ามสอนงานเรานะ ไปช่วยก็ไล่บอกว่า"แต่ละคนก็มีหน้าที่ของตัวเอง ถ้าไปยุ่งก็..." เพราะโดนลูกพี่ใหญ่ของแก็งนี้หมายหัวไว้555 เรียกว่าเห็นหน้าก็ไม่ชอบเราล่ะ 2. เคยเจอลูกค้าท่าทางสุภาพ ค่อนข้างมีอายุ ก็ลองไปถามขายประกันให้ ไปๆมามาแกเป็นเซลล์นำเข้าซิลิโคนเสริมเต้า แกเลยแนะนำหมอ พร้อมจะเเนะนำผู้ชายรวยๆสะอาดๆให้...อึ้ง!...ปกติก็คือที่มีอยู่ก็ถือว่ามีเยอะ...ยังจะให้ทำอีกโอ้ว...นี่มันจะเอาเราขายเป็นเนื้อสดชัดๆ บอกว่าจะได้สบายไม่ลำบาคแบบนี้...ให้นามบัตรพร้อมความอึ้งภายในจิตใจ...เราจะดึงดูดพวกโรคจิต คงเพราะชอบไปไหนมาไหนคนเดียว และดูไม่โวยวายมั้ง ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีหลายๆคนที่คอยปกป้อง และที่สำคัญคุณพ่อที่ทำให้ได้ย้ายกลับบ้าน ช่วงนั้นเจอผู้ใหญ่ในสายงานตามแบบเกินงาม กลั่นแกล้ง(เพราะไม่เล่นด้วย) นึกแล้วอยากอ้วก...เราทานของหวานเพื่อลดความเครียดและความรู้สึกแย่ (ตอนเด็กๆอ้วนดำ พอผอม ก็ถูกปฏิบัติอีกแบบหนึ่ง เคยคิดว่าถ้าปล่อยให้ตัวเองอ้วนจะได้ไม่มีคนยุ่ง ผิดถนัดค่ะ มันจะยัดเยียด แถมผู้ชายที่คิดว่าเป็นผู้หญิงก็พอมีอยู่เยอะ...ดังนั้นเราต้องสวยเพื่อตัวเราเอง และความั่นใจของเราค่ะ) เจอบ่อยค่ะไม่ชอบเราตั้งแต่เห็นหน้า เดินอยู่เฉยๆก็ด่าแบบลอยๆ เราก็หน้านิ่ง(โดนจนชินไง ทำหน้านิ่งก็ว่าต่อ...มั่นมากนะ...หยิ่ง...แล้วจะให้ทำยังไงเนี่ย) เราจะไม่ทำอะไรใครเลย เราโดนเลี้ยงมาแบบเห็นอกเห็นใจผู้อื่น อย่าตัดสิ้นคนด้วยภายนอก เคารพสิทธิของผู้อื่น และเคารพสิทธิในตัวเอง...เราก็พยายามทำดี คิดถึงในแง่ดีจนถึงสุดๆ คนถึงจุดที่ว่าคนแบบนี้ ชีวิตเราไม่ควรมี เราถึงจะเริ่มตอบโต้ ด่ากลับบ้าง ทำต่อหน้าจบคือจบ(กลายเป็นว่าเราแรงอีก...เยี่ยม) ได้สัจธรรมมากอีกข้อหนึ่ง"ใครไม่ชอบเรา ไม่ต้องเสียเวลาพยายามเพื่อหวังให้เห็นตัวตนของเรา ว่าไม่ใช่อย่างที่คิด ที่ได้ยินมา เพราะมันเสียเวลา" ปล่อยไปเถอะค่ะมอบความสำคัญให้คนที่ให้ความสำคัญกับเราดีกว่า(จริงที่สุด เพราะไปอ่านเจอคำพูดของใครซักคน) โอ้ว! ดังนั้นถ้าตัดสินใจไม่ยุ่ง ไม่ต้องอยายุ่งด้วยก(จะแสดงออกชัดเจนว่าอย่ามายุ่งกับฉันนะ)
เรื่องเล่าจากการ Bully (เพื่อมีประโยชน์)
วัยเด็ก เราเป็นผู้ที่ถูก Bully และรวมอยู่ในกลุ่ม Bully ผู้อื่น เราพบสัจธรรมว่า ถ้ามีเพื่อนแล้วต้องทำตามคำสั่ง ทำตามใจ ไม่คิดถึงจิตใจเรา ไม่ได้เห็นความมีตัวตนของเรา อยู่คนเดียวดีกว่าค่ะ และเลือกที่ปกป้องตัวเองด้วยความรุนแรง(สู้ค่ะ) ด้วยส่วงสูง 156 cm แต่ก็ขอบคุณเพื่อนดีๆถึงแม้จะหลักหน่วยนะคะ
ปริญญาตรี ชีวิตค่อนข้างลำบากแบบสุดๆ แม่ก็โดนคำว่า "บุญคุณอันไม่มีที่สิ้นสุด" โดนแบบขูดเลือดขูดเนื้อจนไม่เหลืออะไรก็ยังใช้ให้ไปกู้มาค่ะ สุดๆจนโดนเจ้าหนี้นอกระบบไปที่ทำงานแม่ว่า "ก็ไปผูกคอตายซ่ะ" ขอบคุณรัฐบาลในตอนนั้นที่จัดการเรื่องหนี้นอกระบบค่ะ ทำให้พบสัจธรรมว่า "ไม่มีใครช่วยเรายามมีปัญหา และบุญคุณก็ควรตอบแทนแบบเราไม่เดือดร้อนตามความเหมาะสม" นึกดูนะคะเวลามีต้องแอบเพราะยิ่งกว่าปล้นเลย ไม่ให้ก็ว่าเสียหาย ถ้าคนที่ไม่ดีกับเราถึงเเม้สายเลือดเดียวกันก็อย่าไปคบค่ะ(แต่ทำยาก) เพื่อนดีๆก็มี ขอบคุณที่ช่วยเหลือจนทำให้เราเรียนจบเเละปกป้องเรานะคะ แต่ไม่ดีก็มีปล่อยข่าวลือแย่ๆ แย่ที่สุดนี่ก็ตอนไปฝึกงานเนี่ยแหละค่ะ เพื่อนที่ไปฝึกงานด้วยกันปล่อยข่าวลือว่าเราได้ผู้ชายทั้งคณะ(มารู้ตอนหลัง...แบบคณะที่เรียนอยู่มีแต่เด็กผู้ชายนะคะ และที่สำคัญถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีแฟนซักคนด้วย) ก็ว่าโดนมองแบบแปลกๆ จนเรากลัวมาก แต่ที่เลิกคบมัน(แค้นมากค่ะ)ก็เพราะมันไปเป็นนกต่อ ชวนให้ไปเป็นเพื่อนงานบวชพี่ที่โรงงาน ต่างจังหวัด...จะกลับมาส่ง...เลิกงานก็ 5โมงเย็นล่ะ...ตลก...ไม่ไปโกรธ นู้นนั่นนี่ แล้วก็มีคำพูดเห็นแก่ตัวออกมา...แล้วบังคับเราให้ไป ไม่ไปเลิกคบค่ะ...เอ่อเลิกคบกันดีละ(ที่โรงงานนี้เคยจองตัวเราไปทำงานด้วยถ้าเราเรียนจบ) มันเป็นจุดที่รู้สึกแย่สุดๆกับหลายเรื่องที่สะสมมา ทำให้เราต้องเริ่มรักษาตัวจากการเป็นโรคซึมเศร้า แล้วก็ไม่อยากเข้าโรงงาน ไม่ทำงานในสายอาชีพที่เราเรียนมาค่ะ(แต่เพื่อนคนนี้ก็ไม่ได้ทำกับเราแค่คนเดียว เขาก็ได้รับกรรมของเขาไปแล้วไม่ขอเล่านะคะ)
ปริญญาโท เป็นช่วงมีความสุขมาก เพื่อนๆดีมาก ขอบคุณแม่ที่ให้โอกาสดีๆ
ช่วงหางาน นรกเลย...เคยโดนที่หนึ่งคนสอบสัมภาษณ์งาน มี 3 คน มีคนจะรับเรา 2 คน(รู้เพราะเริ่มพูดถึงการทำงานและ หน้าที่ที่เราจะได้รับ) อีกคนด่าแบบไล่เราออกจากห้องไปเลย(เป็นผู้หญิงวัยกลางคน) เราร้องไห้ออกมาเลย...หางานอยู่นาน ในที่สุดก็ได้งาน ต้องขอบคุณพ่อเรา เราไม่เชื่อในเรื่องการสอบเเข่งขันล่ะเราเหนื่อย (เจออะไรมาเยอะไม่ขอเล่านะคะ)
Bully ที่ทำงาน ก็อดทนอยู่ต่างจังหวัด โดยได้รับกำลังใจจากคุณแม่ เรื่องคุกคามทางเพศเรื่องนี้อึดอัดมาก(เลือกเล่าให้แม่ฟังเริ่มตั้งแต่เข้ามหาลัย เพราะเพื่อนที่ไปปรึกษาด้วย มักจะว่าใครจะเอาเรา ว่าเราเรื่องมาก คิดไปเอง) ช่วงอยู่ กทม.นี่เป็นช่วงสวยที่สุดล่ะ แต่มันเจอคนแปลกๆเช่น 1.ห้ามสอนงานเรานะ ไปช่วยก็ไล่บอกว่า"แต่ละคนก็มีหน้าที่ของตัวเอง ถ้าไปยุ่งก็..." เพราะโดนลูกพี่ใหญ่ของแก็งนี้หมายหัวไว้555 เรียกว่าเห็นหน้าก็ไม่ชอบเราล่ะ 2. เคยเจอลูกค้าท่าทางสุภาพ ค่อนข้างมีอายุ ก็ลองไปถามขายประกันให้ ไปๆมามาแกเป็นเซลล์นำเข้าซิลิโคนเสริมเต้า แกเลยแนะนำหมอ พร้อมจะเเนะนำผู้ชายรวยๆสะอาดๆให้...อึ้ง!...ปกติก็คือที่มีอยู่ก็ถือว่ามีเยอะ...ยังจะให้ทำอีกโอ้ว...นี่มันจะเอาเราขายเป็นเนื้อสดชัดๆ บอกว่าจะได้สบายไม่ลำบาคแบบนี้...ให้นามบัตรพร้อมความอึ้งภายในจิตใจ...เราจะดึงดูดพวกโรคจิต คงเพราะชอบไปไหนมาไหนคนเดียว และดูไม่โวยวายมั้ง ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีหลายๆคนที่คอยปกป้อง และที่สำคัญคุณพ่อที่ทำให้ได้ย้ายกลับบ้าน ช่วงนั้นเจอผู้ใหญ่ในสายงานตามแบบเกินงาม กลั่นแกล้ง(เพราะไม่เล่นด้วย) นึกแล้วอยากอ้วก...เราทานของหวานเพื่อลดความเครียดและความรู้สึกแย่ (ตอนเด็กๆอ้วนดำ พอผอม ก็ถูกปฏิบัติอีกแบบหนึ่ง เคยคิดว่าถ้าปล่อยให้ตัวเองอ้วนจะได้ไม่มีคนยุ่ง ผิดถนัดค่ะ มันจะยัดเยียด แถมผู้ชายที่คิดว่าเป็นผู้หญิงก็พอมีอยู่เยอะ...ดังนั้นเราต้องสวยเพื่อตัวเราเอง และความั่นใจของเราค่ะ) เจอบ่อยค่ะไม่ชอบเราตั้งแต่เห็นหน้า เดินอยู่เฉยๆก็ด่าแบบลอยๆ เราก็หน้านิ่ง(โดนจนชินไง ทำหน้านิ่งก็ว่าต่อ...มั่นมากนะ...หยิ่ง...แล้วจะให้ทำยังไงเนี่ย) เราจะไม่ทำอะไรใครเลย เราโดนเลี้ยงมาแบบเห็นอกเห็นใจผู้อื่น อย่าตัดสิ้นคนด้วยภายนอก เคารพสิทธิของผู้อื่น และเคารพสิทธิในตัวเอง...เราก็พยายามทำดี คิดถึงในแง่ดีจนถึงสุดๆ คนถึงจุดที่ว่าคนแบบนี้ ชีวิตเราไม่ควรมี เราถึงจะเริ่มตอบโต้ ด่ากลับบ้าง ทำต่อหน้าจบคือจบ(กลายเป็นว่าเราแรงอีก...เยี่ยม) ได้สัจธรรมมากอีกข้อหนึ่ง"ใครไม่ชอบเรา ไม่ต้องเสียเวลาพยายามเพื่อหวังให้เห็นตัวตนของเรา ว่าไม่ใช่อย่างที่คิด ที่ได้ยินมา เพราะมันเสียเวลา" ปล่อยไปเถอะค่ะมอบความสำคัญให้คนที่ให้ความสำคัญกับเราดีกว่า(จริงที่สุด เพราะไปอ่านเจอคำพูดของใครซักคน) โอ้ว! ดังนั้นถ้าตัดสินใจไม่ยุ่ง ไม่ต้องอยายุ่งด้วยก(จะแสดงออกชัดเจนว่าอย่ามายุ่งกับฉันนะ)