-- ความเห็นต่อวิญญาณประกอบพร้อมด้วยอาหาร >> นามรูปจึงปรากฏได้

วิญญาณดวงแรก = จิต

นามรูปเกิด วิญญาณเกิด ๑
นามรูปเกิด จิตเกิด ๑
แรกจิตเกิด แรกวิญญาณปรากฏ ๑


จิตมีลักษณะ 8 คู่อาการตามสติปัฏฐานหมวดจิต
วิญญาณต้องอาศัยนามรูปในการเกิดปรากฏ นามรูปก็ต้องอาศัยวิญญาณในการเกิดปรากฏ เช่นกัน
อุปมา แสงกับฉาก จึงเกิดเป็น รอยแสง ( รัศมี )

หากดับนามรูปได้ วิญญาณย่อมไม่มีที่ตั้งอาศัย** เพราะอาศัยตรรกะด้านบน แถมอุปมา
ก็คือ วิญญาณและนามรูปต่างอาศัยกันและกันในการเกิดปรากฏ

ความมี หรือ ธรรมทั้งปวง เกิดมาจาก วิญญาณและนามรูปที่เกิดขึ้นมานี้
เมื่อความมีได้เกิดปรากฏ ย่อมจัดเป็น สังขตะ เมื่อมีการเกิด ย่อมมีความแปรปรวนเปลี่ยนไปเป็นประการอื่นเป็นธรรมดา

ปัจจัยที่จะทำให้เกิด ภพใหม่ ก็คือ การปรุงแต่งสังขาร หรือ วิญญาณประกอบพร้อมด้วยอาหารหรือไม่?
สังขารหรือวิญญาณ ก็ยังคงมีอยู่ เพียงแต่ว่าหากไม่มีปรุงแต่งมันเข้า ก็ไม่เกิดเป็นวิญญาณที่ประกอบพร้อมด้วยอาหาร เพราะสังขารไม่ปรุงแต่ง
เมื่อวิญญาณไม่ประกอบพร้อมด้วยอาหารแล้ว การเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไปย่อมไม่มี ค่ะ



ภิกษุ ท. ! มหาภูตรูป ๔ เป็นเหตุปัจจัยในการบัญญัติ รูปขันธ์
ผัสสะ เป็นเหตุปัจจัยในการบัญญัติ เวทนาขันธ์
ผัสสะ เป็นเหตุปัจจัยแห่งการบัญญัติ สัญญาขันธ์
ผัสสะ เป็นเหตุปัจจัยแห่งการบัญญัติ สังขารขันธ์
นามรูป เป็นเหตุปัจจัยแห่งการบัญญัติ วิญญาณขันธ์  
https://pantip.com/topic/38062173
______________________________________________________________    

วิญญาณตั้งอยู่ได้ เจริญงอกงามอยู่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปมีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ก็มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารมีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไป ก็มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปมีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะ ก็มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆมีความโศก มีธุลี และมีความคับแค้น
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด การก้าวลงแห่งนามรูป ก็ไม่มีในที่นั้น
การก้าวลงแห่งนามรูปไม่มีในที่ใด ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลายก็ไม่มีในที่นั้น
ความเจริญแห่งสังขารไม่มีในที่ใด การเกิดในภพใหม่ต่อไปก็ไม่มีในที่นั้น
การเกิดในภพใหม่ต่อไปไม่มีในที่ใด ชาติ ชรา มรณะก็ไม่มีในที่นั้น
ชาติ ชรา มรณะ ไม่มีในที่ใด เราเรียกที่นั่นว่า เป็นที่ๆไม่มีความโศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น
https://pantip.com/topic/38062261
______________________________________________________________

ดูกรภิกษุ ท. ! วิญญาณอาศัยปัจจัยใดๆ เกิดขึ้นก็ถึงความนับด้วยปัจจัยนั้นๆ
วิญญาณอาศัยจักษุและรูปทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า จักษุวิญญาณ
วิญญาณอาศัยโสตและเสียงทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า โสตวิญญาณ
วิญญาณอาศัยฆานะและกลิ่นทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ฆานวิญญาณ
วิญญาณอาศัยชิวหาและรสทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ชิวหาวิญญาณ
วิญญาณอาศัยกายและโผฏฐัพพะทั้งหลายเกิดขึ้นก็ถึงความนับว่า กายวิญญาณ
วิญญาณอาศัยมนะและธรรมารมณ์ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า มโนวิญญาณ
https://pantip.com/topic/38171886/comment11
______________________________________________________________

วิญญาณเป็นปฏิจสมุปปันธรรม (สิ่งที่อาศัยปัจจัยแล้วเกิดขึ้น) ถ้าเว้นจากปัจจัยแล้ว ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณย่อมไม่มี ดังนี้
วิญญาณอาศัยปัจจัยใดๆ เกิดขึ้น ก็ถึงความนับด้วยปัจจัยนั้นๆ
วิญญาณอาศัย จักษุ และ รูป ทั้งหลาย เกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า จักษุวิญญาณ
วิญญาณอาศัย โสตะ และ เสียง ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า โสตวิญญาณ
วิญญาณอาศัย ฆานะ และ กลิ่น ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ฆานวิญญาณ
วิญญาณอาศัย ชิวหา และ รส ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ชิวหาวิญญาณ
วิญญาณอาศัย กาย และ โผฏฐัพพะ ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า กายวิญญาณ
วิญญาณอาศัย มโน และ ธรรมารมณ์ ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า มโนวิญญาณ
เมื่อวิญญาณนั้น ตั้งขึ้นเฉพาะ เจริญงอกงามแล้ว ความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ ต่อไป ย่อมมี
เมื่อความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไปมีอยู่ ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขโทมนัสอุปายาสะ ทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน
ความเกิดขึ้นใหม่แห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ สัตว์โลก จึงเกิดบ้าง จึงแก่บ้าง จึงตายบ้าง จึงจุติบ้าง จึงอุบัติบ้าง ความเวียนว่ายในวัฏฏะ ก็มีเพียงเท่านี้
ภิกษุ ท. ! ก็ถ้าว่าบุคคลย่อมไม่คิดถึงสิ่งใดด้วย ย่อมไม่ดำริถึงสิ่งใดด้วย และย่อมไม่มีจิตฝังลงไปในสิ่งใดด้วย ในกาลใด
ในกาลนั้น สิ่งนั้นย่อมไม่เป็นอารมณ์เพื่อการตั้งอยู่แห่งวิญญาณได้เลย เมื่ออารมณ์ ไม่มี ความตั้งขึ้นเฉพาะแห่งวิญญาณ ย่อมไม่มี
เมื่อวิญญาณนั้นไม่ตั้งขึ้นเฉพาะ ไม่เจริญงอกงามแล้ว เครื่องนำไปสู่ภพใหม่ ย่อมไม่มี เมื่อเครื่องนำไปสู่ภพใหม่ ไม่มี
การมาการไปย่อมไม่มี เมื่อการมาการไปไม่มี การเคลื่อนและการบังเกิด ย่อมไม่มี
เมื่อการเคลื่อนและการบังเกิดไม่มี ชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขะโทมนัส อุปายาสะทั้งหลาย จึงดับสิ้น
ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้แล
https://pantip.com/topic/38110341
______________________________________________________________

เพราะอาศัย ตา ด้วย รูปทั้งหลาย ด้วย จึงเกิด จักขุวิญญาณ
การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการนั่น คือ ผัสสะ
เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย…
เพราะอาศัย หู ด้วย เสียงทั้งหลาย ด้วย จึงเกิดโสตวิญญาณ
การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการนั่น คือ ผัสสะ
เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย…
เพราะอาศัย จมูก ด้วย กลิ่นทั้งหลาย ด้วย จึงเกิดฆานวิญญาณ
การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการนั่น คือ ผัสสะ
เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย…
เพราะอาศัย ลิ้น ด้วย รสทั้งหลาย ด้วย จึงเกิดชิวหาวิญญาณ
การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการนั่น คือ ผัสสะ
เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย…
เพราะอาศัย กาย ด้วย โผฏฐัพพะทั้งหลาย ด้วย จึงเกิดกายวิญญาณ
การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการนั่น คือ ผัสสะ
เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย…
เพราะอาศัย ใจ ด้วย ธรรมารมณ์ทั้งหลาย ด้วย จึงเกิดมโนวิญญาณ
การประจวบพร้อมแห่งธรรม 3 ประการนั่น คือ ผัสสะ
เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย
จึงเกิดเวทนา อันเป็นสุขบ้าง เป็นทุกข์บ้าง ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขบ้าง
https://pantip.com/topic/38171886/comment7
______________________________________________________________

ถ้าผู้ใดจะพึงถามเรา ผู้มิได้กล่าวอย่างนั้นเช่นนี้ว่า 'ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! วิญญาณอาหาร ย่อมมีเพื่ออะไรเล่าหนอ' ดังนี้แล้ว,
นั่นแหละจึงจะเป็นปัญหาที่ควรแก่ความเป็นปัญหา. คำเฉลยที่ควรเฉลยในปัญหาข้อนั้น ย่อมมีว่า
'วิญญาณอาหาร ย่อมมีเพื่อความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไป. เมื่อภูตะ(ความเป็นภพ) นั้นมีอยู่, สฬายตนะ ย่อมมี;
เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ(การสัมผัส)', ดังนี้".
https://pantip.com/topic/38135211/comment11
______________________________________________________________

ดูก่อนภิกษุ ท. ! ก็ วิญญาณณาหาร จะพึงเห็นได้อย่างไร?
ดูก่อนภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนพวกเจ้าหน้าที่จับโจรผู้กระทำผิดได้แล้ว แสดงแก่พระราชา
ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ! โจรผู้นี้เป็นผู้กระทำผิดต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ขอใต้ฝาละอองธุลีพระบาท
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ลงโทษโจรผู้นี้ตามที่ทรงเห็นสมควรเถิด พระพุทธเจ้าข้า".
พระราชามีพระกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า "ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย !
ท่านทั้งหลายจงไป จงประหารชีวิตบุรุษนี้เสียด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเช้านี้"
เจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงประหารนักโทษด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเช้า
ต่อมาในเวลาเที่ยงวัน พระราชาทรงซักถามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นอย่างนี้ว่า
"ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! นักโทษคนนั้น เป็นอย่างไรบ้าง?".
พวกเขาพากันกราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ! นักโทษนั้นยังมีชีวิตอยู่ตามเดิม พระพุทธเจ้าข้า !".
พระราชามีพระกระแสรับสั่งอย่างนี้ว่า "ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย !
ท่านทั้งหลายจงไป จงประหารนักโทษนั้นเสีย ด้วยหอกร้อยเล่มในเวลาเที่ยงวัน" ดังนี้.
พวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้นจึงได้ประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเที่ยงวัน.
ต่อมา ในเวลาเย็น พระราชาทรงซักถามเจ้าหน้าที่เหล่านั้นอีกว่า
"ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย ! นักโทษนั้นเป็นอย่างไรบ้าง? "
เขาพากันกราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ! นักโทษนั้นยังมีชีวิตอยู่ตามเดิมพระพุทธเจ้าข้า!".
พระราชามีพระกระแสรับสั่งอีกว่า "ดูก่อนท่านทั้งหลาย !
ท่านทั้งหลายจงไป จงประหารนักโทษนั้นเสียด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น" ดังนี้.
เจ้าหน้าที่เหล่านั้น จึงได้ประหารนักโทษนั้นด้วยหอกร้อยเล่ม ในเวลาเย็น
ดูก่อนภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้น ว่าอย่างไร?
บุรุษนักโทษนั้นถูกพวกเจ้าหน้าที่ประหารอยู่ด้วยหอกสามร้อยเล่ม ตลอดทั้งวัน
เขาจะพึงเสวยแต่ทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ เท่านั้นมิใช่หรือ?
ดูก่อนภิกษุ ท. ! บุรุษนักโทษนั้น ถูกพวกเจ้าหน้าที่ประหารด้วยหอกแม้ (เล่มเดียว) นั่น
ก็พิงเสวยทุกขโทมนัสที่มีข้อนั้นเป็นเหตุ (มากอยู่แล้ว)
ก็จะกล่าวไปไยถึงการที่บุรุษนักโทษนั้นถูกประหารด้วยหอกสามร้อยเล่มเล่า,
ข้อนี้มีอุปมาฉันใด; ดูก่อนภิกษุ ท. !
เราย่อมกล่าวว่า วิญญาณาหาร อันอริยสาวกพึงเห็น (ว่ามีอุปมาเหมือนนักโทษถูกประหารนั้น) ฉันนั้น.
ดูก่อนภิกษุ ท. ! เมื่อวิญญาณาหาร อันอริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว, นามรูปย่อมเป็นสิ่งที่อริยสาวกนั้นกำหนดรู้ได้แล้วด้วย;
เมื่อนามรูปเป็นสิ่งที่อริยสาวกกำหนดรู้ได้แล้ว, เราย่อมกล่าวว่า
"สิ่งไร ๆ ที่ควรกระทำให้ยิ่งขึ้นไป (กว่านี้) ย่อมไม่มีแก่อริยาสาวกนั้น", ดังนี้ แล.
https://pantip.com/topic/38158612
______________________________________________________________

อิมัส๎มิง สะติ อิทัง โหติ
เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี
อิมัสสุปปาทา อิทัง อุปปัชชะติ
เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
อิมัส๎มิง อะสะติ อิทัง นะ โหติ
เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี
อิมัสสะ นิโรธา อิทัง นิรุชฌะติ
เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป
ยะทิทัง
ได้แก่สิ่งเหล่านี้ คือ
วิญญาณะปัจจะยา นามะรูปัง
เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป
นามะรูปะนิโรธา สะฬายะตะนะนิโรโธ
https://pantip.com/topic/38171886/comment36
______________________________________________________________

อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ย่อมไม่มีความสงสัยอย้างนี้ว่า;-
เพราะอะไรมี อะไรจึงมีหนอ;
เพราะอะไรเกิดขึ้น อะไรจึงเกิดขึ้นหนอ;
"เพราะ อะไร มี นามรูป จึงมี;
ภิกษุ ท. ! โดยที่แท้ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว
ย่อมมีญาณหยั่งรู้ในเรื่องนี้โดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่น ว่า:-
"เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี;
เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น;
เพราะ วิญญาณ มี นามรูป จึงมี;
ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว
ย่อมไม่มีความสงสัยอย่างนี้ว่า:-
"เพราะอะไรไม่มี อะไรจึงไม่มีหนอ;
เพราะอะไรดับ อะไรจึงดับ;
เพราะ อะไร ไม่มี นามรูป จึงไม่มี;
ภิกษุ ท. !  โดยที่แท้ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว
ย่อมมีญาณหยั่งรู้ในเรื่องนี้โดยไม่ต้องเชื่อผู้อื่น ว่า:-
"เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี;
เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ;
เพราะ วิญญาณ ไม่มี นามรูป จึงไม่มี;
https://pantip.com/topic/38154953

______________________________________________________________
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่