สวัสดีค่ะ จากที่ได้สัญญาไว้ที่กระทู้ก่อน วันนี้จะเอาสิ่งที่แอบสังเกตุการใช้เงินของชาวบ้านมาลองคุยกับเพื่อนๆค่ะ ไม่แน่ใจว่า ท้องถิ่นอื่นจะมีการใช้เงินที่คล้ายกันหรือเปล่า ลองช่วยกันให้ข้อมูลนะคะ เผื่อจะมีประโยชน์กับคน ค้าขาย ในต่างจังหวัดค่ะ
ปล.กลุ่มที่แอบสังเกตุนี้ เป็น กลุ่ม ชาวไร่ ชาวนา หรือ รับจ้างทั่วไป ที่มีรายได้น้อย ไม่นับรวมพ่อค้าแม่ค้าหรือครอบครัวเถ้าแก่ตามต่างจังหวัดนะคะ
1. กลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไป - กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ใช้เงินยากมากค่ะ แต่ถ้าชอบซื้อของที่ร้านไหน จะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ จะเป็นขาประจำกันไปตลอด กลุ่มนี้มักใช้เงินไปกับต้นทุนการผลิต และมักซื้อด้วยเงินสด เพื่อให้ได้ส่วนลด หรือราคาพิเศษค่ะ แต่ถ้าหากต้องขอใช้เงินเชื่อก็จะรักษาเครดิตด้วยการมาชำระตรงเวลามากๆ หลายคนในกลุ่มนี้ มักใส่เสื้อเก่ามาก เรียกได้ว่าใส่เสื้อตัวเดิมๆ ขาดๆ เสื้อแถม (ถ้าจะทำโปรโมชั่นอะไรกับกลุ่มนี้นี่ ควรเลือกแจกเสื้อ แจกปฎิทิน เขาจะชอบมากค่ะ เพราะเขาชอบวางแผนการเพราะปลูก ไว้ในปฎิทินแขวนๆตามผนังค่ะ ) รถจะเป็นคันเดิม ซึ่งเก่ามาก แต่ยังขับได้ดี มอเตอร์ไซด์ ก็เก่ามากก แต่ก็ยังใช้ได้ดี คือพูดง่ายๆ กลุ่มนี้ ไม่สนใจเลยเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตัวเองเลย จะสวยจะหล่อก็ต่อเมื่อไปวัด หรือไปงานบวช งานแต่งเท่านั้นจริงๆค่ะ เวลาไปไร่ไปนา จะเตรียมจากบ้านไปหมดทุกอย่าง ตั้งแต่กระตกน้ำเย็น วิทยุ 1 เครื่อง ข้าว 1 ปิ่นโต คำถามคือ แล้วกลุ่มนี้ที่ดูเหมือนแทบไม่มีรายจ่าย ใช้เงินกับอะไร? หลักๆเลยนะคะ 1. เหล้าขาว 2.บุหรี่ 3.หวย 4.ยาบำรุงต่างๆที่โฆษณาตามวิทยุหรือทีวีช่วงบ่ายๆ (โดยเฉพาะยาบำรุงท่านชาย ทุ่มเงินซื้อกันจริงจังมาก) 5.ลูกหลาน 6.เครื่องรางของขลัง โดยส่วนตัวชอบคนกลุ่มนี้มาก เพราะส่วนมากถ้ากลุ่มนี้ไม่อยู่ในช่วงเมามาย จะดูเป็นคนสุภาพ พูดจาเพราะ ชอบไปวัดไปวา ชอบช่วยเหลือคนอื่น บางคนที่เขียนหนังสือได้ ก็จะเขียนสวยระดับคัดไทย เวลาว่างๆทำงานเพลินๆชอบร้องเพลงลูกทุ่งเก่ากัน คือดูเป็นกลุ่มคนที่มีความสุขกับชีวิตกันดีค่ะ ถึงแม้จะไม่รวย แต่ก็คิดว่าไม่อดตายแน่ เพราส่วนมากก็ปลูกทุกอย่างกินเองอยู่แล้ว ลึกๆแล้วอยากรู้มากๆว่าคนช่วงอายุนี้เขาโตมาอย่างไง ผ่านอะไรมาบ้าง
2.กลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป - กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับ การมีรถกระบะ ที่สุดค่ะหากราคาพืชผลการเกษตรดี สิ่งแรกที่ทำคือต้องออกรถกระบะก่อน เหมือนเป็นเครื่องบ่งบอกสถานะทางสังคมกลายๆ ขนาดปีที่ผ่านมา อ้อยราคาไม่ดี แต่ก็เห็นเถ้าแก่ไร่อ้อย ออกรถฟอจูนเนอร์ ป้ายแดง กันหลายคน ค่ะ คิดว่ารถคงกลายส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเราไปซะแล้ว วิธีการทำไร่ทำนาจะไม่ค่อยพิถีพิถันเท่าคนรุ่นก่อน ส่วนมากจะใช้ระบบจ้างมาทำ โดยเริ่มตั้งแต่ เตรียมดิน ปลูก ใส่ปุ๋ย ฉีดยา ยันการเก็บเกี่ยว และ การขนส่งไปขาย และทุกขั้นตอนคือเงินเชื่อ ที่รอจ่ายตอนขายผลผลิตได้ค่ะ ต้นทุนเลยสูงมาก เรียกได้ว่าขาดทุนทุกปี ที่ดินที่นานี่อยู่ใน ธกส. ทั้งนั้นค่ะ และเขามักจะมีเถ้าแก่ที่ให้เชื่อ พวกปุ๋ย พวกเมล็ดพันธ์ ยาฆ่าแมลงต่างๆมาก่อน อีกต่างหากเลยต้องเสียดอกเบี้ยในส่วนนี้อีก ทำให้ยากที่จะเหลือกำไรจากการทำไร่ทำนาค่ะ และหนี้สิน รอบตัวมากๆจนน่ากลัว หนี้ ธกส. หนี้เถ้าแก่ หนี้เงินล้าน หนี้ร้านชำ หนี้เพื่อนบ้าน คือทุกจุดที่กู้ได้ กู้หมดค่ะ หากว่างจากการทำไร่ทำนา มักจะหารายได้เสริมจากการ จับปลา หาเห็ด หาหน่อไม้ หาอึ่ง แต่จะไม่ทำงานประจำ เพราะจะรู้สึกไม่อิสระ กับการที่ต้องไปทำงานทุกวัน ตามกำหนดเวลา การจับจ่ายใช้สอย มักซื้อของจากตลาดนัดหรือโลตัสเป็นส่วนมากค่ะ แต่หลักๆนอกจากของกินของใช้ ก็เป็น พวก เหล้าขาว หวย บุหรี่ (ของนิยมของชาวไร่ชาวนาจริงๆ) รายจ่ายอีกอย่างที่หนักมากของคนกลุ่มนี้ คือเรื่องลูก คือต้อง ซื้อ มอเตอร์ไซด์ ซื้อโทรศัพท์ ดีดี ให้ลูกใช้ ส่งเรียนเต็มที่ เพราะอยากให้ลูกๆเรียนสูงๆ บางครอบครัวโชคดี ลูกน่ารัก ก็ทำงานส่งเงินมาช่วยหนี้สินพ่อแม่ บางคนก็เริ่มก่อหนี้ของตัวเองในเมือง
กลุ่มนี้จริงๆสร้างเงินสร้างงานให้กลุ่มคนที่รับจ้าง นะคะ หลายคนรวยจากการ รับจ้างเกี่ยวข้าว รับจ้างตีดิน รับจ้างปลูก รับจ้างไถ แต่เสียดาย เดี๋ยวนี้ คนอื่นๆก็ออกรถพวกนี้กันง่ายมาก ตอนนี้เลยแย่งงานกันน่าดู แต่ที่ยังขายได้ขายดี น่าจะเป็นมอเตอร์ไซน์ นะคะ เดี๋ยวนี้คือต้องมีคนละคัน ถ้าผ่อนหมดแล้ว ก็ผ่อนใหม่ต่อเลย เพราะเป็นสิ่งจำเป็น หรือ พวกอู่ซ่อมรถต่างๆที่มีฝีมือ คืองานล้นตลอด เพราะไม่ว่าจะซ่อม จะแต่งซิ่ง ก็ต้องเข้าอู่ อาชีพอีกอาชีพที่ตามมา คือ เชียงกง เพราะส่วนมากมีรถแต่งบการซ่อมจำกัด การใช้อะไหล่ เชียงกง คือทางออกที่ดีมาก หรือ ถ้าจะขายยาง ต้องเป็นยาง % ยางใหม่ขายยากเพราะราคาสูง อีกธุรกิจที่ไปได้ดีคือ ขายโทรศัพท์เงินผ่อน (เหมาะสำหรับคนทวงหนี้เก่งๆเท่านั้นนะคะ ^^)
อันที่จริงตอนที่เงินกู้นอกระบบเยอะๆนี่ แอบเห็นช่องทางค้าขายเลยค่ะ คือ ช่วงที่ชาวนาชาวไร่เขาว่างๆงานระหว่างรอการเก็บเกี่ยว ลูกๆหลานๆคนในครอบครัวมักมองหารายได้เสริมจากการค้าขายค่ะ และมักจบลงด้วยการกู้นอกระบบมา ซื้ออุปกรณ์ขายก๋วยเตี๋ยว ขายน้ำแข็งใส ขายลูกขิ้นปิ้ง ขายไก่ย่าง ขายข้าวหลาม อะไรแบบนี้ตลอดค่ะ นี่ถ้าใครจัดเซตขาย น่าจะดี เพราะถ้าจะให้กลุ่มนี้ซื้อพวกแฟนไชน์ คงแพงไป ^^
3. กลุ่มอายุ 20-35ปี - ส่วนมากน้องๆเข้าไปทำงานและใช้ชีวิตในเมืองกันค่ะ เลยไม่ค่อยมีข้อมูล
ปล.ขอนอกเรื่องมาบ่นเรื่องน้องๆวัยรุ่นแถวบ้านนอกเล็กน้อยค่ะ คือ น่ากังวลมากๆ น้องๆไปกันไกลมากจริงๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นหนักขนาดนี้แค่ชุมชนของเรารึเปล่าค่ะ น้องๆวัยรุ่นหลายคนจบ ม.ต้นแล้วยัง อ่านหนังสือไม่ค่อยออก เขียนไม่ค่อยได้ ความรู้รอบตัวไม่ค่อยมี (ลูกน้องเคยถามเราว่าพระอาทิตย์ไปตกที่ไหน เรา

งงมาก เลยต้องไปหา youtube มาเปิดให้ดู คือเด็กๆมีมือถือมี youtube แต่น้องเขาก็ดูแต่อะไรที่เป็นโลกของเขาวัฒนธรรมของเขา พวกแข่งรถ ตลก ไม่น่าเชื่อว่าพวกเฟสบุคหรือยูทูบ มันก็ทำให้เด็กพวกนี้โลกแคบได้ ) พอเด็กๆสอบตกสอบไม่ผ่าน ครูชอบให้ไปล้างห้องน้ำ ตัดหญ้า แล้วก็ให้ผ่านเลย เด็กๆเลยไม่พยายามเรียนกันเลยค่ะ พอจบ ม.3 ออกจากโรงเรียน ก็ไม่ค่อยทำงานกัน ส่วนมากแต่งมอเตอร์ไซน์แข่ง บ้านไม่มีเงินก็ขายยาเอาเงินมาแต่งมอเตอร์ไซด์ พอจับกลุ่มกันใหญ่ๆก็เริ่มยกพวกตีกัน ยิงกัน ปาระเบิดกัน หลายครั้งเวลามีงานประจำอำเภอ ก็จะมีเรื่องและขี่มอเตอร์ไซน์ไล่ยิงกัน ผ่านหน้าบ้านเราไป (T^T) น้องผู้หญิงหลายคน ขายตัวเอาเงินมาซื้อมือถือ คนในหมู่บ้านเราตามสามีจะไปตบเมียน้อย แต่เมียน้อย คือน้อยจริงๆ อายุแค่ 13-14 ปีเอง (มันน่าตกใจนะคะ) เราเองขายแต่ของไม่ค่อยได้รู้จักวัยรุ่นในพื้นที่เท่าไหร่ แต่หลังๆมาเรามีลูกน้องวัยรุ่นหลายคน เลยได้ยินได้เห็นโลกของเด็กๆวัยนี้ น้องๆก็เป็นคนดีเด็กดีกันนะคะ แต่วิธีคิด หรือวัฒนธรรมกลุ่มของเขามันผิดทางไปมากๆ ไม่ทราบว่า ชุมชนอื่นเป็นกันไหมคะเนี่ย เราไม่ได้รังเกียจเด็กๆแบบนี้หรืออะไรนะคะ แต่พอเอาไปเทียบกับเด็กๆในเมืองที่เดี๋ยวนี้เริ่มเรียนเขียนโปรแกรม หรือ เรียนหลายภาษา อะไรแบบนี้แล้ว เราคิดว่าวันข้างหน้า มันจะไม่เหลือที่เหลืออาชีพอะไรให้น้องๆแถวบ้านเราเลยอ่ะค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ หวังว่าจะมีประโยชน์ค่ะ
เป็นเถ้าแก่บ้านนอก ตอน2 การใช้เงินในบ้านนอก
ปล.กลุ่มที่แอบสังเกตุนี้ เป็น กลุ่ม ชาวไร่ ชาวนา หรือ รับจ้างทั่วไป ที่มีรายได้น้อย ไม่นับรวมพ่อค้าแม่ค้าหรือครอบครัวเถ้าแก่ตามต่างจังหวัดนะคะ
1. กลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไป - กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ใช้เงินยากมากค่ะ แต่ถ้าชอบซื้อของที่ร้านไหน จะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ จะเป็นขาประจำกันไปตลอด กลุ่มนี้มักใช้เงินไปกับต้นทุนการผลิต และมักซื้อด้วยเงินสด เพื่อให้ได้ส่วนลด หรือราคาพิเศษค่ะ แต่ถ้าหากต้องขอใช้เงินเชื่อก็จะรักษาเครดิตด้วยการมาชำระตรงเวลามากๆ หลายคนในกลุ่มนี้ มักใส่เสื้อเก่ามาก เรียกได้ว่าใส่เสื้อตัวเดิมๆ ขาดๆ เสื้อแถม (ถ้าจะทำโปรโมชั่นอะไรกับกลุ่มนี้นี่ ควรเลือกแจกเสื้อ แจกปฎิทิน เขาจะชอบมากค่ะ เพราะเขาชอบวางแผนการเพราะปลูก ไว้ในปฎิทินแขวนๆตามผนังค่ะ ) รถจะเป็นคันเดิม ซึ่งเก่ามาก แต่ยังขับได้ดี มอเตอร์ไซด์ ก็เก่ามากก แต่ก็ยังใช้ได้ดี คือพูดง่ายๆ กลุ่มนี้ ไม่สนใจเลยเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตัวเองเลย จะสวยจะหล่อก็ต่อเมื่อไปวัด หรือไปงานบวช งานแต่งเท่านั้นจริงๆค่ะ เวลาไปไร่ไปนา จะเตรียมจากบ้านไปหมดทุกอย่าง ตั้งแต่กระตกน้ำเย็น วิทยุ 1 เครื่อง ข้าว 1 ปิ่นโต คำถามคือ แล้วกลุ่มนี้ที่ดูเหมือนแทบไม่มีรายจ่าย ใช้เงินกับอะไร? หลักๆเลยนะคะ 1. เหล้าขาว 2.บุหรี่ 3.หวย 4.ยาบำรุงต่างๆที่โฆษณาตามวิทยุหรือทีวีช่วงบ่ายๆ (โดยเฉพาะยาบำรุงท่านชาย ทุ่มเงินซื้อกันจริงจังมาก) 5.ลูกหลาน 6.เครื่องรางของขลัง โดยส่วนตัวชอบคนกลุ่มนี้มาก เพราะส่วนมากถ้ากลุ่มนี้ไม่อยู่ในช่วงเมามาย จะดูเป็นคนสุภาพ พูดจาเพราะ ชอบไปวัดไปวา ชอบช่วยเหลือคนอื่น บางคนที่เขียนหนังสือได้ ก็จะเขียนสวยระดับคัดไทย เวลาว่างๆทำงานเพลินๆชอบร้องเพลงลูกทุ่งเก่ากัน คือดูเป็นกลุ่มคนที่มีความสุขกับชีวิตกันดีค่ะ ถึงแม้จะไม่รวย แต่ก็คิดว่าไม่อดตายแน่ เพราส่วนมากก็ปลูกทุกอย่างกินเองอยู่แล้ว ลึกๆแล้วอยากรู้มากๆว่าคนช่วงอายุนี้เขาโตมาอย่างไง ผ่านอะไรมาบ้าง
2.กลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป - กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับ การมีรถกระบะ ที่สุดค่ะหากราคาพืชผลการเกษตรดี สิ่งแรกที่ทำคือต้องออกรถกระบะก่อน เหมือนเป็นเครื่องบ่งบอกสถานะทางสังคมกลายๆ ขนาดปีที่ผ่านมา อ้อยราคาไม่ดี แต่ก็เห็นเถ้าแก่ไร่อ้อย ออกรถฟอจูนเนอร์ ป้ายแดง กันหลายคน ค่ะ คิดว่ารถคงกลายส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเราไปซะแล้ว วิธีการทำไร่ทำนาจะไม่ค่อยพิถีพิถันเท่าคนรุ่นก่อน ส่วนมากจะใช้ระบบจ้างมาทำ โดยเริ่มตั้งแต่ เตรียมดิน ปลูก ใส่ปุ๋ย ฉีดยา ยันการเก็บเกี่ยว และ การขนส่งไปขาย และทุกขั้นตอนคือเงินเชื่อ ที่รอจ่ายตอนขายผลผลิตได้ค่ะ ต้นทุนเลยสูงมาก เรียกได้ว่าขาดทุนทุกปี ที่ดินที่นานี่อยู่ใน ธกส. ทั้งนั้นค่ะ และเขามักจะมีเถ้าแก่ที่ให้เชื่อ พวกปุ๋ย พวกเมล็ดพันธ์ ยาฆ่าแมลงต่างๆมาก่อน อีกต่างหากเลยต้องเสียดอกเบี้ยในส่วนนี้อีก ทำให้ยากที่จะเหลือกำไรจากการทำไร่ทำนาค่ะ และหนี้สิน รอบตัวมากๆจนน่ากลัว หนี้ ธกส. หนี้เถ้าแก่ หนี้เงินล้าน หนี้ร้านชำ หนี้เพื่อนบ้าน คือทุกจุดที่กู้ได้ กู้หมดค่ะ หากว่างจากการทำไร่ทำนา มักจะหารายได้เสริมจากการ จับปลา หาเห็ด หาหน่อไม้ หาอึ่ง แต่จะไม่ทำงานประจำ เพราะจะรู้สึกไม่อิสระ กับการที่ต้องไปทำงานทุกวัน ตามกำหนดเวลา การจับจ่ายใช้สอย มักซื้อของจากตลาดนัดหรือโลตัสเป็นส่วนมากค่ะ แต่หลักๆนอกจากของกินของใช้ ก็เป็น พวก เหล้าขาว หวย บุหรี่ (ของนิยมของชาวไร่ชาวนาจริงๆ) รายจ่ายอีกอย่างที่หนักมากของคนกลุ่มนี้ คือเรื่องลูก คือต้อง ซื้อ มอเตอร์ไซด์ ซื้อโทรศัพท์ ดีดี ให้ลูกใช้ ส่งเรียนเต็มที่ เพราะอยากให้ลูกๆเรียนสูงๆ บางครอบครัวโชคดี ลูกน่ารัก ก็ทำงานส่งเงินมาช่วยหนี้สินพ่อแม่ บางคนก็เริ่มก่อหนี้ของตัวเองในเมือง
กลุ่มนี้จริงๆสร้างเงินสร้างงานให้กลุ่มคนที่รับจ้าง นะคะ หลายคนรวยจากการ รับจ้างเกี่ยวข้าว รับจ้างตีดิน รับจ้างปลูก รับจ้างไถ แต่เสียดาย เดี๋ยวนี้ คนอื่นๆก็ออกรถพวกนี้กันง่ายมาก ตอนนี้เลยแย่งงานกันน่าดู แต่ที่ยังขายได้ขายดี น่าจะเป็นมอเตอร์ไซน์ นะคะ เดี๋ยวนี้คือต้องมีคนละคัน ถ้าผ่อนหมดแล้ว ก็ผ่อนใหม่ต่อเลย เพราะเป็นสิ่งจำเป็น หรือ พวกอู่ซ่อมรถต่างๆที่มีฝีมือ คืองานล้นตลอด เพราะไม่ว่าจะซ่อม จะแต่งซิ่ง ก็ต้องเข้าอู่ อาชีพอีกอาชีพที่ตามมา คือ เชียงกง เพราะส่วนมากมีรถแต่งบการซ่อมจำกัด การใช้อะไหล่ เชียงกง คือทางออกที่ดีมาก หรือ ถ้าจะขายยาง ต้องเป็นยาง % ยางใหม่ขายยากเพราะราคาสูง อีกธุรกิจที่ไปได้ดีคือ ขายโทรศัพท์เงินผ่อน (เหมาะสำหรับคนทวงหนี้เก่งๆเท่านั้นนะคะ ^^)
อันที่จริงตอนที่เงินกู้นอกระบบเยอะๆนี่ แอบเห็นช่องทางค้าขายเลยค่ะ คือ ช่วงที่ชาวนาชาวไร่เขาว่างๆงานระหว่างรอการเก็บเกี่ยว ลูกๆหลานๆคนในครอบครัวมักมองหารายได้เสริมจากการค้าขายค่ะ และมักจบลงด้วยการกู้นอกระบบมา ซื้ออุปกรณ์ขายก๋วยเตี๋ยว ขายน้ำแข็งใส ขายลูกขิ้นปิ้ง ขายไก่ย่าง ขายข้าวหลาม อะไรแบบนี้ตลอดค่ะ นี่ถ้าใครจัดเซตขาย น่าจะดี เพราะถ้าจะให้กลุ่มนี้ซื้อพวกแฟนไชน์ คงแพงไป ^^
3. กลุ่มอายุ 20-35ปี - ส่วนมากน้องๆเข้าไปทำงานและใช้ชีวิตในเมืองกันค่ะ เลยไม่ค่อยมีข้อมูล
ปล.ขอนอกเรื่องมาบ่นเรื่องน้องๆวัยรุ่นแถวบ้านนอกเล็กน้อยค่ะ คือ น่ากังวลมากๆ น้องๆไปกันไกลมากจริงๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นหนักขนาดนี้แค่ชุมชนของเรารึเปล่าค่ะ น้องๆวัยรุ่นหลายคนจบ ม.ต้นแล้วยัง อ่านหนังสือไม่ค่อยออก เขียนไม่ค่อยได้ ความรู้รอบตัวไม่ค่อยมี (ลูกน้องเคยถามเราว่าพระอาทิตย์ไปตกที่ไหน เรา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ หวังว่าจะมีประโยชน์ค่ะ