สวัสดีค่ะ วันนี้เราขอแชร์สิ่งที่เราสังเกตุและรับรู้จากตลาดระดับรากหญ้าที่เราคลุกคลีมาตลอดหลายปี สาเหตุที่เราคิดว่าปีหน้าตลาดต่างจังหวัด แย่แน่นอนเป็นเพราะปัญหาต่อไปนี้ค่ะ
1. ชาวบ้านมีหนี้สินล้นพ้นตัว จนขยับใช้จ่ายไม่ได้แล้ว เชื่อไหมคะว่าแทบจะไม่มีบ้านไหนที่ไม่มีหนี้สินเลย และไม่ใช่มีกันแค่หลักหมื่น แต่เป็นหลักแสนหลักล้านบาทกันทั้งงั้น และส่วนมากมันมาจากการซื้อรถกระบะป้ายแดง ราคาหลายแสน ที่เดี๋ยวนี้ใครๆก็ไปออกได้ง่ายๆ ถ้ามาเที่ยวบ้านนอก ตอนเย็นๆลองขับรถเล่นๆวนดู เห็นบ้านกระท่อมๆ มีรถจอดกัน 2 -3 คัน กระบะรุ่นเก่า กระบะป้ายแดง รถเก๋ง
อย่าง มอเตอร์ไซด์เดี๋ยวนี้บ้านนึงต้องมีของใครของมัน บิ๊กไบค์หลักแสน เวสป้าหลักแสน ออกกันมาให้เยอะไปหมด เอกสารไม่ต้องมีอะไรมากดาวน์ไม่กี่พัน ก็ออกกันได้ สบายๆ
ถ้าในบ้านมี 4 คนก็ต้อง 4 คัน 4 คนในบ้านหลังนึงทำงานแค่พ่อและแม่ ลูกสองคนวัยรุ่นมักไม่ทำงานขับมอเตอร์ไซด์ท่องเที่ยว สโลไลฟ์ หากพ่อแม่ได้งานค่าแรงขั้นต่ำ จะมีรายได้ประมาณ 24000 บาทต่อเดือน ผ่อนรถ 4 คันพร้อมกันก็ ปาไปเกือบครึ่งของรายได้
เพราะรถยนต์รถมอเตอร์ไซด์ออกกันง่ายมากเกินไป ทำให้เกือบทุกครอบครัวไม่คิดประมานกำลังของตัวเอง บางบ้านทำนาทำไร่ บางปีผลผลิตราคาดีเหลือเงินหลายแสนก็รีบไปออกกระบะป้ายแดงก่อน แต่พวกเขาลืมไปว่า ราคาผลผลิตมันไม่ได้ดีทุกปี แถมบางปีก็แล้งบ้าง น้ำท่วมบ้าง ทำนาทำไร่ ขาดทุนกัน พอส่งงวดรถไม่ไหวก็คิดว่าเขายึดไปก็จบ แต่จริงๆยังต้องมาเป็นหนี้สินระยะยาว ผ่อนส่วนต่างอีกต่างหาก
ทุกวันนี้ตามบ้านนอกเราแค่ส่งงวดรถก็แทบไม่เหลือเงินไปทำอย่างอื่นกันแล้ว
2.ส่งลูกหลานไปเรียนในเมือง ทุ่มเทขายไร่ขายนาส่งเรียนกัน อยากให้ลูกได้งานได้เงินเดือน บางคนไม่มีที่ทางให้ขายก็กู้ยืมไปทั่ว ลูกหลานไปเรียนในเมืองกลับมาไม่ได้มีความรู้เพิ่มเติมได้แต่ ไลฟ์สไตล์กรุงเทพกลับมา ต้องกินกาแฟสตาบัค ต้องออกรถเก่ง ขับบิ๊กไบค์ โทรศัพท์ต้องไอโฟน11 แต่เนื่องจาก หางานที่ กทม. ไม่ได้เลยต้องกลับบ้านนอกเรามา ทิ้งวุฒิปริญญาตรีแล้วใช้วึฒิ ม. 6 หางานทำได้ค่าแรง วันละ 315 บาท พร้อมรายจ่ายไลฟ์สไตล์กรุงเทพ ที่แพงมาก แต่รายได้ไม่พอแถมต้องไปเบียดบังพ่อแม่เพิ่มเติม จนหนี้สินก้อนใหญ่กว่าเก่า และเด็กๆกลุ่มนี้แหละ ที่ทำให้การซื้อขายจับจ่ายในต่างจังหวัดเปลี่ยนไป ร้านค้าบ้านๆที่ขายมา 30 - 40 ปี ขายของให้เด็กๆกลุ่มนี้ไม่ได้ ต้องเป็นร้านค้าที่ทันสมัย สะดวก สบาย บรรยากาศดี บริการดี มีคลาส ถึงจะขายเด็กๆกลุ่มนี้ได้ และเด็กๆพวกนี้นี่แหละ ที่ขับรถ ไป 100 km. เพื่อซื้อของตามห้าง ซื้อกาแฟสตาบัค กิน mk kfc . ร้านบ้านๆเดิมๆขายของให้เขาไม่ได้เลย
3. โรงงานปลดคน ลดคนจำนวนมากมาตั้งแต่ต้นปี แล้วหันมาใช้ระบบอื่นทดแทน ทำให้มีแรงงานกลับบ้านกันมาเยอะมาก มากๆๆๆๆๆ ตอนนี้คนกลุ่มนี้ กำลังกู้ยืมเงิน หรือเอาเงินชดเชยที่ได้รับมา มาเปิดร้านค้าใหม่ หรือขายของตลาดนัด ยังไม่นับรวมเทรนใหม่ที่อยากเป็นเจ้านายตัวเอง เจ้าของธุรกิจ ที่ลาออกจากงาน กลับมาเปิดร้านขายของ หรือ ร้านค้าเก่าๆที่ขายไปมีแต่ทรงกับทรุด เลยพยายามเปิดร้าน หากิจการใหม่ทำอีก ..... ตอนนี้คนขายจะมากกว่าคนซื้ออยู่แล้ว หันไปทางไหนก็มีแต่แม่ค้า มีแต่ร้านค้าเปิดใหม่ พอขายไปขายมาตัดราคาแข่งกัน สู้กัน ขายของขาดทุนก็เอา เพราะเพิ่งเปิดร้านใหม่ อยากขายได้ อยากมีลูกค้า ก็ต้องสู้ กันเลือดสาด นี่ยังไม่นับรวมการแข่งขันกับการค้าออนไลน์ ..... เป็นแม่ค้าตอนนี้หันไปทางไหน ก็มืดแปดด้านแท้ๆ
4. ปีที่ผ่านมาแล้ง ข้าวโพด อ้อย น้อยมาก แต่ราคาไม่แพง ตามความน้อย ชาวไร่เลยมีรายรับน้อยแน่ๆ หักค่าปุ๋ยค่าพันธุ์ ค่าแรง แทบไม่เหลือแน่นอน ชาวไร่ชาวนา ไม่มีเงิน ร้านค้าอื่นๆก็ค้าขายไม่ได้เป็นลูกโซ่
5. ทุกร้านค้า มีหนี้เสียเยอะมากกกก ที่ไม่มีใครออกมานับมาวัดมาจัดอันดับ ส่วนมากร้านปุ๋ย ร้านยา ปั๊มน้ำมัน เถ้าแก่รับซื้อข้าวโพดที่ต้องให้ลูกไร่มาเชื่อของเชื่อเงินไว้ก่อน หรือแม้กระทั่ง อู่ ร้านอะไหล่ ที่ซ่อม 10 ล้อ เปลี่ยนยาง 10 ล้อ เงินเชื่อรอลูกค้าได้เงินจากการขายสินค้าการเกษตรก่อนค่อยมาจ่าย หรือผ่อน ทีวี ตู้เตียง เฟอร์นิเจอร์ .... กิจการพวกนี้ มีหนี้เสียในปีที่ผ่านมา หลักล้าน ถึงหลายล้าน ดังนั้นปีหน้า ร้านเหล่านี้ก็จะไม่ขยายงาน ไม่ปล่อยเพิ่ม ไม่จับจ่าย อยู่นิ่งๆรักษาแผล
6.นอกจากต้องส่งเงินกู้หมู่บ้าน เงินกูประยุทธ์ กู้นอกระบบ ผ่อนมอไซด์ ผ่อนกระบะ กู้ส่งลูกเรียน แล้วมาเจอ แม่มณี แม่อื่นๆ บ้านออมเงิน บ้านออมทอง หวยออนไลน์ แชร์ออนไลน์ ไอโฟน11 บิ๊กไบค์ อาหารเสริมxxx เที่ยวญี่ปุ่น ช๊อปปิ้ง 11.11 / 9.9 / ได้ดูดกำลังซื้อที่เหลืออยู่น้อยนิด ของรากหญ้าไปหมดแล้ว แล้วจะเหลือเงินที่ไหนมาช็อปแถวบ้าน 😭
ปีหน้านี้หนาใครรอดไปได้เป็นโครตคน
55555
บ่นเสร็จแล้ว เราเจ้าของกิจการตามบ้านนอกก็สู้กันต่อไปนะคะ ปีหน้านี้ใครจะตายไม่รู้ รู้แต่เราต้องรอด พยุงกิจการเราไปให้ได้ 5555 หึกเหิมทั้งน้ำตา 5555 🤣
เราเป็นแม่ค้าบ้านนอกที่ไม่เคยคิดว่าเศรษฐกิจแย่ แต่ปีหน้าหนักแน่นอน
1. ชาวบ้านมีหนี้สินล้นพ้นตัว จนขยับใช้จ่ายไม่ได้แล้ว เชื่อไหมคะว่าแทบจะไม่มีบ้านไหนที่ไม่มีหนี้สินเลย และไม่ใช่มีกันแค่หลักหมื่น แต่เป็นหลักแสนหลักล้านบาทกันทั้งงั้น และส่วนมากมันมาจากการซื้อรถกระบะป้ายแดง ราคาหลายแสน ที่เดี๋ยวนี้ใครๆก็ไปออกได้ง่ายๆ ถ้ามาเที่ยวบ้านนอก ตอนเย็นๆลองขับรถเล่นๆวนดู เห็นบ้านกระท่อมๆ มีรถจอดกัน 2 -3 คัน กระบะรุ่นเก่า กระบะป้ายแดง รถเก๋ง
อย่าง มอเตอร์ไซด์เดี๋ยวนี้บ้านนึงต้องมีของใครของมัน บิ๊กไบค์หลักแสน เวสป้าหลักแสน ออกกันมาให้เยอะไปหมด เอกสารไม่ต้องมีอะไรมากดาวน์ไม่กี่พัน ก็ออกกันได้ สบายๆ
ถ้าในบ้านมี 4 คนก็ต้อง 4 คัน 4 คนในบ้านหลังนึงทำงานแค่พ่อและแม่ ลูกสองคนวัยรุ่นมักไม่ทำงานขับมอเตอร์ไซด์ท่องเที่ยว สโลไลฟ์ หากพ่อแม่ได้งานค่าแรงขั้นต่ำ จะมีรายได้ประมาณ 24000 บาทต่อเดือน ผ่อนรถ 4 คันพร้อมกันก็ ปาไปเกือบครึ่งของรายได้
เพราะรถยนต์รถมอเตอร์ไซด์ออกกันง่ายมากเกินไป ทำให้เกือบทุกครอบครัวไม่คิดประมานกำลังของตัวเอง บางบ้านทำนาทำไร่ บางปีผลผลิตราคาดีเหลือเงินหลายแสนก็รีบไปออกกระบะป้ายแดงก่อน แต่พวกเขาลืมไปว่า ราคาผลผลิตมันไม่ได้ดีทุกปี แถมบางปีก็แล้งบ้าง น้ำท่วมบ้าง ทำนาทำไร่ ขาดทุนกัน พอส่งงวดรถไม่ไหวก็คิดว่าเขายึดไปก็จบ แต่จริงๆยังต้องมาเป็นหนี้สินระยะยาว ผ่อนส่วนต่างอีกต่างหาก
ทุกวันนี้ตามบ้านนอกเราแค่ส่งงวดรถก็แทบไม่เหลือเงินไปทำอย่างอื่นกันแล้ว
2.ส่งลูกหลานไปเรียนในเมือง ทุ่มเทขายไร่ขายนาส่งเรียนกัน อยากให้ลูกได้งานได้เงินเดือน บางคนไม่มีที่ทางให้ขายก็กู้ยืมไปทั่ว ลูกหลานไปเรียนในเมืองกลับมาไม่ได้มีความรู้เพิ่มเติมได้แต่ ไลฟ์สไตล์กรุงเทพกลับมา ต้องกินกาแฟสตาบัค ต้องออกรถเก่ง ขับบิ๊กไบค์ โทรศัพท์ต้องไอโฟน11 แต่เนื่องจาก หางานที่ กทม. ไม่ได้เลยต้องกลับบ้านนอกเรามา ทิ้งวุฒิปริญญาตรีแล้วใช้วึฒิ ม. 6 หางานทำได้ค่าแรง วันละ 315 บาท พร้อมรายจ่ายไลฟ์สไตล์กรุงเทพ ที่แพงมาก แต่รายได้ไม่พอแถมต้องไปเบียดบังพ่อแม่เพิ่มเติม จนหนี้สินก้อนใหญ่กว่าเก่า และเด็กๆกลุ่มนี้แหละ ที่ทำให้การซื้อขายจับจ่ายในต่างจังหวัดเปลี่ยนไป ร้านค้าบ้านๆที่ขายมา 30 - 40 ปี ขายของให้เด็กๆกลุ่มนี้ไม่ได้ ต้องเป็นร้านค้าที่ทันสมัย สะดวก สบาย บรรยากาศดี บริการดี มีคลาส ถึงจะขายเด็กๆกลุ่มนี้ได้ และเด็กๆพวกนี้นี่แหละ ที่ขับรถ ไป 100 km. เพื่อซื้อของตามห้าง ซื้อกาแฟสตาบัค กิน mk kfc . ร้านบ้านๆเดิมๆขายของให้เขาไม่ได้เลย
3. โรงงานปลดคน ลดคนจำนวนมากมาตั้งแต่ต้นปี แล้วหันมาใช้ระบบอื่นทดแทน ทำให้มีแรงงานกลับบ้านกันมาเยอะมาก มากๆๆๆๆๆ ตอนนี้คนกลุ่มนี้ กำลังกู้ยืมเงิน หรือเอาเงินชดเชยที่ได้รับมา มาเปิดร้านค้าใหม่ หรือขายของตลาดนัด ยังไม่นับรวมเทรนใหม่ที่อยากเป็นเจ้านายตัวเอง เจ้าของธุรกิจ ที่ลาออกจากงาน กลับมาเปิดร้านขายของ หรือ ร้านค้าเก่าๆที่ขายไปมีแต่ทรงกับทรุด เลยพยายามเปิดร้าน หากิจการใหม่ทำอีก ..... ตอนนี้คนขายจะมากกว่าคนซื้ออยู่แล้ว หันไปทางไหนก็มีแต่แม่ค้า มีแต่ร้านค้าเปิดใหม่ พอขายไปขายมาตัดราคาแข่งกัน สู้กัน ขายของขาดทุนก็เอา เพราะเพิ่งเปิดร้านใหม่ อยากขายได้ อยากมีลูกค้า ก็ต้องสู้ กันเลือดสาด นี่ยังไม่นับรวมการแข่งขันกับการค้าออนไลน์ ..... เป็นแม่ค้าตอนนี้หันไปทางไหน ก็มืดแปดด้านแท้ๆ
4. ปีที่ผ่านมาแล้ง ข้าวโพด อ้อย น้อยมาก แต่ราคาไม่แพง ตามความน้อย ชาวไร่เลยมีรายรับน้อยแน่ๆ หักค่าปุ๋ยค่าพันธุ์ ค่าแรง แทบไม่เหลือแน่นอน ชาวไร่ชาวนา ไม่มีเงิน ร้านค้าอื่นๆก็ค้าขายไม่ได้เป็นลูกโซ่
5. ทุกร้านค้า มีหนี้เสียเยอะมากกกก ที่ไม่มีใครออกมานับมาวัดมาจัดอันดับ ส่วนมากร้านปุ๋ย ร้านยา ปั๊มน้ำมัน เถ้าแก่รับซื้อข้าวโพดที่ต้องให้ลูกไร่มาเชื่อของเชื่อเงินไว้ก่อน หรือแม้กระทั่ง อู่ ร้านอะไหล่ ที่ซ่อม 10 ล้อ เปลี่ยนยาง 10 ล้อ เงินเชื่อรอลูกค้าได้เงินจากการขายสินค้าการเกษตรก่อนค่อยมาจ่าย หรือผ่อน ทีวี ตู้เตียง เฟอร์นิเจอร์ .... กิจการพวกนี้ มีหนี้เสียในปีที่ผ่านมา หลักล้าน ถึงหลายล้าน ดังนั้นปีหน้า ร้านเหล่านี้ก็จะไม่ขยายงาน ไม่ปล่อยเพิ่ม ไม่จับจ่าย อยู่นิ่งๆรักษาแผล
6.นอกจากต้องส่งเงินกู้หมู่บ้าน เงินกูประยุทธ์ กู้นอกระบบ ผ่อนมอไซด์ ผ่อนกระบะ กู้ส่งลูกเรียน แล้วมาเจอ แม่มณี แม่อื่นๆ บ้านออมเงิน บ้านออมทอง หวยออนไลน์ แชร์ออนไลน์ ไอโฟน11 บิ๊กไบค์ อาหารเสริมxxx เที่ยวญี่ปุ่น ช๊อปปิ้ง 11.11 / 9.9 / ได้ดูดกำลังซื้อที่เหลืออยู่น้อยนิด ของรากหญ้าไปหมดแล้ว แล้วจะเหลือเงินที่ไหนมาช็อปแถวบ้าน 😭
ปีหน้านี้หนาใครรอดไปได้เป็นโครตคน
55555
บ่นเสร็จแล้ว เราเจ้าของกิจการตามบ้านนอกก็สู้กันต่อไปนะคะ ปีหน้านี้ใครจะตายไม่รู้ รู้แต่เราต้องรอด พยุงกิจการเราไปให้ได้ 5555 หึกเหิมทั้งน้ำตา 5555 🤣