เราเป็นคนที่ไม่มีเพื่อน จนต้องสร้างเพื่อนขึ้นมาเอง

เราเป็นคนที่อยากมีเพื่อน แต่ไม่มีเพื่อน จนต้องสร้างเพื่อนขึ้นมาเอง ทางจิตสำนึก

ตั้งแต่จำความได้ ตอนเด็ก จนถึงช่วงวัยรุ่น และปัจจุบันที่ก็ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ตอนนี้เราอายุ 17 ปีแล้วค่ะ ไม่ได้เรียนโรงเรียนในระบบ แต่เรียน กศน. ขอท้าวความนิสัยส่วนตัวของเรานะคะ เราเป็นคนเฟรนลี่ค่ะ ชอบพูดคุยกับคนอื่น แต่ จะไม่ชอบคุยกับคนที่รู้จัก เช่น คนในหมู่บ้านที่เห็นหน้าและรู้จักเรามาตั้งแต่เด็ก เราจะชอบคุยกับคนแปลกหน้า ที่พบเจอเวลาไปไหนมาไหน เช่นนั่งรถสองแถว ไปเดินห้าง หรือตามร้านหนังสือ
เราเป็นคนช่างพูดช่างคุย และรู้จักการใช้คำพูด ไม่ใช่ทางบ้านสอนมาดีหรืออะไรนะคะ แต่เรารู้สึกสำนึกในด้านนี้ด้วยตัวเอง อาจจะเป็นเพราะเราไม่ชอบคนพูดจาไม่ดีด้วยมั้งคะ เราเลยต้องพูดจาดีๆกับคนอื่น สรรหาคำพูดดีๆมาพูด เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงชอบเหมือนกัน
นิสัยไม่ดีเราก็มีค่ะ แต่จะไม่แสดงออก และจะแสดงออกก็แค่กับคนที่บ้าน หรือเมื่อตอนอยู่คนเดียวเท่านั้น เอาง่าย เราดูเหมือนคนสองบุคลิกน่ะแหละ อยู่บ้านจะเป็นอีกอย่าง อยู่ข้างนอกก็จะเป็นอีกอย่าง เปรียบง่ายเลยคือ นิสัยเราจะมีอยู่สองสี อยู่บ้านคือสีแดง นิสัยแย่ๆมาเต็ม แต่พอออกข้างนอก จะเปลี่ยนเป็นสีขาว คือ กลายเป็นเด็กวัยรุ่นนิสัยดีคนนึง

เกริ่นมาเยอะ มาเริ่มปัญหากันเลยดีกว่าค่ะ มันอาจจะยาว เราพยายามย่อๆแล้วแต่มันดูงงๆ ก็เลยต้องพิมพ์แบบเต็มๆ

ภายนอกของเราอาจจะดูเป็นวัยรุ่นปกติทั่วไปค่ะ แต่ใครจะรู้ว่า ชีวิตเราในทุกๆวันมันโดดเดี่ยวมาก เราไม่มีเพื่อน ไม่มีแฟน ไม่มีคนคุย เอาง่ายๆ คือ อยู่คนเดียวเลยแหละค่ะ อ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะไม่เชื่อและมีคำถาม ไม่มีเพื่อนเลยจริงๆเหรอ บ้า โกหกหรือเปล่า ? เราอยากจะบอกว่า มันจริงค่ะ ไม่มีเพื่อนเพราะไม่เข้าหาใครหรือเปล่า? เราพยายามเข้าหาเพื่อนมาตั้งแต่ตอนเรียนม.ต้นแล้วค่ะ ผลก็คือ เรามีเพื่อน แต่เป็นเพื่อนที่ไลฟ์สไตล์ชีวิตไม่ตรงกันเลย เพื่อนสนใจอีกอย่าง เราสนใจอีกอย่าง แม้เราจะพยายามปรับตัว สนใจในสิ่งที่เพื่อนสนใจ แต่สุดท้ายเราก็ทำไม่ได้ เพราะเรารู้สึกอึดอัด ทุกครั้งที่เพื่อนคุยกัน เราได้แต่นั่งฟัง พอเราจะพูดเรื่องของเราบ้าง เพื่อนก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้จัก สรุปคือคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็ฝืนคบกันจนจบม.สามนะคะ เพื่อนอาจจะไม่ฝืน แต่เราฝืนจริงๆค่ะ หลังจากเรียนจบเรากับเพื่อนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เราไม่ได้เรียนต่อ และได้รู้จักกับการอยู่คนเดียวแบบเต็มรูปแบบ

ชีวิตเราตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ กิจวัตรประจำวันคือ นอน ตื่น กินข้าว เล่นเน็ต (เฟซบุ๊คเราก็ไม่เล่นนะคะ) เราใช้เวลาไปกับการเล่นโซเชี่ยลซะส่วนใหญ่ อะ บางคนแย้งในใจ ติดโซเชี่ยลรึเปล่าเลยไม่มีเวลาไปสนใจใคร เรายอมรับนะคะ ว่าเราติดโซเชี่ยล แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจใครเลย เวลาเราออกไปซื้ออะไรกินหน้าหมู่บ้าน มีป้าๆน้าๆ ยายๆ แถวบ้านคุยด้วยเราก็คุย แต่นั่นแหละค่ะ แค่ทักทายไม่ได้สนิทอะไร ทุกวันเราคุยแค่กับแม่ แต่ก็ใช่ว่าจะคุยได้ทุกเรื่อง

เราอยู่คนเดียวมาเรื่อยๆ จนไม่รู้สึกเหงาหรืออะไร มันอาจจะชินไปแล้ว แต่มันก็ยังไม่ชินค่ะ เพราะเรายังรู้สึกอิจฉาเวลาเห็นใครมีกลุ่มเพื่อน เราเล่นอินสตาแกรมค่ะ ฟอลลูกพี่ลูกน้อง และเพื่อนเก่าสมัยมัธยมไว้ ลูกพี่ลูกน้องเรา เป็นคนเรียนเก่ง และมีเพื่อนเยอะมาก เวลาลงสตอรี่ไอจี ก็จะลงเกี่ยวกับเพื่อน ไปเที่ยวบ้าง กินหมูกะทะบ้าง ติวหนังสือ ทำงานกลุ่ม และนอนบ้านเพื่อน ความรู้สึกเวลาที่เห็นคืออิจฉาค่ะ แต่ไม่ได้ริษยาหรือแค้นอะไรนะคะ มันเป็นฟีลแบบว่า ทำไมเราไม่มีเพื่อนบ้าง ทำไมเราต้องอยู่คนเดียว เราอยากมีโมเม้นไปเที่ยวกับเพื่อน แย่งกันกินหมูกะทะ อะไรแบบนี้บ้าง แต่เราไม่มีเพื่อนที่จะทำแบบนี้ด้วยเลย
แต่อารมณ์พวกนี้มันจะมาสักพักแล้วก็หายไปค่ะ เพราะเราพยายามหาอย่างอื่นมาลบมันออกไป
จนพักหลังเรา เริ่มพูดคนเดียว มันก็เริ่มแบบปกติก่อนค่ะ เช่นเวลาเจออะไรในทวิตเตอร์ที่ถูกใจหรือฟีลแบบอยากเล่าให้ใครฟังเราก้จะพูดกับตัวเอง เช่น เจอขนมอันนึงหน้าตาน่ากิน เราก็จะพูดประมาณว่า เห้ยยอันนี้หน้ากินว่ะแก ไว้ไปกินดีกว่า เราเป็นแบบนี้บ่อยมากๆ จนพักหลังมันแปรเปลี่ยนเป็นเยอะขึ้นกว่าเดิม ด้วยการคุยคนเดียว หัวเราะคนเดียว เหมือนมีเพื่อนคุยด้วยจริงๆ แต่จริงๆแล้ว ไม่มีค่ะเราคุยคนเดียว... แต่เราจะทำเวลาที่แม่ไม่อยู่บ้านนะคะ ถ้าทำตอนแม่อยู่เราโดนด่าว่าบ้าแน่ๆ เราบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร เรายอมรับว่าเราอาจจะบ้าไปแล้วจริงๆ แต่เราแค่ต้องการระบายเรื่องที่เราอยากพูดกับใครสักคน แต่ในเมื่อมันไม่มี เราก็เลยต้องมโนมันขึ้นมา
ยังค่ะ ยังไม่จบ เรายังมีเพื่อนในมโนของเราอีกกลุ่มนึง โดยในที่เรามโนคือ มีอยู่ห้าคน โดยเราจะแทนเขาว่า เจ้แบม โดยคนนี้ จะเป็นคนที่เราพูดถึงให้แม่ฟังเยอะสุด เหมือนเขามีอยู่ในโลกนี้จริงๆ เราจะคุยผ่านโทรศัพท์ค่ะ ยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรคุยเหมือนปกติเลย แต่คุยคนเดียว คุยเหมือนมีคนคุยด้วยจริง ไม่ว่าเราจะไม่สบายใจ ดีใจ มีปัญหาอะไร เราจะโทรหาเจ้แบม(ในมโนของเราตลอด) มันเหมือนได้ระบาย ได้เล่าในสิ่งที่อยากเล่า เหมือนมีคนรับฟัง คุยตอบโต้อย่างสนุกเลยล่ะค่ะ
ส่วนอีกที่เหลือคือ เฮียแบงค์ เจ บีม เบลล์ เหมือนพวกเขาคือกลุ่มเพื่อนเรา เป็นพี่ชายพี่สาวของเรา ที่หวังดีกับเรา และเราก็หวังดีกับพวกเขา เราสร้างพวกเขาขึ้นมาในจิตมโนของเรา ให้เราดูมีเพื่อน ไม่โดดเดี่ยว

แต่ยังไงพอตัดภาพมาที่ความเป็นจริง เราก็แค่คนไม่มีเพื่อน ไม่มีใคร เป็นอะไรก็ไม่รู้บนโลกใบนี้
เรามาตั้งกระทู้ไม่ได้ต้องการเรียกร้องความสนใจหรืออะไร เราอยากใช้พื้นที่ตรงนี้เล่าเรื่องของเรา จะตัดสินเราว่าบ้าก็ได้นะคะ เรายอมรับคำตัดสินนั้น เพราะการกระทำเรามันก็บ้าจริงๆ แต่เราแค่อยากจะบอกประโยคที่เคยเห็นกันบ่อยๆว่า ถ้าไม่มาเป็นแบบเราจริงๆ คงไม่เข้าใจมันหรอกค่ะ
ขออธิบายอีกนิดนะคะ เผื่อมีใครสงสัย ที่เราไม่มีเพื่อนไม่ใช่เพราะเรานิสัยแย่นะคะ (เราไม่ได้อวยตัวเอง) แต่กับเพื่อนเราใจถึง พึ่งได้แทบทุกครั้ง เราช่วยทุกอย่าง เราโดนแม่บอกตลอดว่า ให้จริงใจกับทุกคนที่เข้ามาโดยเฉพาะเพื่อน แต่สุดท้ายเราก็โดนหักหลังแทบทุกครั้ง เราขอไม่เล่านะคะ เพราะทุกเรื่องเราเลิกโฟกัสมันแล้ว ไม่อยากดึงกลับมาอีก
สุดท้าย เราอยากขอบคุณ แอคทวิตเตอร์ข้างล่างนี้นะคะ

อานา. พี่ฝน คนที่เราอ่านทวีตของพี่ทีไร จะรู้สึกเหมือนมีเพื่อนที่รู้ความรู้สึกของเราอยู่ด้วยตลอด
ป้าวิส. พี่ฟ้า เหมือนพี่อานาเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับทวีตดีๆของพี่นะคะ
คมศักดิ์ แอดดัม. คมมีย์เพื่อนรักของหลายๆคนในทวีต ที่ไม่ว่าจะทวีตสักกี่ครั้งก็เรียกรอยยิ้มของเราได้ตลอดเลย 5555+ หายเหงากันเลยทีเดียว
บิ๊กคลุงยอดนักสืบ. พี่บิ๊กตัวแทนคนแอบรัก 555 เราชอบทวีตของพี่ค่ะ มันได้ทั้งสาระและความรู้สึกของคนแอบรักได้พร้อมๆกันเลย

แก้ไขชื่อทวีตนะคะ ตอนก๊อบในเวิร์ดเหมือนจะก๊อปไม่หมด
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่