☕~มาลาริน~ผลงานที่ทำสำเร็จในยุคนี้..ชาวนาเฮ! กฤษฏาแก้หนี้สำเร็จ นายกฯพอใจแก้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯสำเร็จมากที่สุดในรอบ 19 ปี


ชาวนาเฮ! กฤษฏาแก้หนี้สำเร็จ ธกส.ลดยอดหนี้50% หยุดดอกเบี้ยภายใน15 ปี



11 ส.ค.61 นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยผลจากประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรตามคำสั่ง คสช. ว่า เตรียมเสนอครม.เห็นชอบแนวทางแก้ไขและปรับโครงสร้างหนี้สินให้แก่เกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฯในลอตแรกกว่า 3.6 หมื่นราย ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรที่เป็นหนี้ค้างชำระธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.) ตั้งแต่ปี 2543 ถึงปัจจุบันวงเงินประมาณ 6 พันล้านบาท ซึ่งเกษตรกรเหล่านี้ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายกองทุนฯและเป็นหนี้ในระบบ โดยแนวทางมีการลดยอดหนี้เกษตรกรลง 50% และหยุดดอกเบี้ย ระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี ตามแนวทางแก้ไขหนี้สินเกษตรกร ตามที่ ครม.เคยมีมติไว้เมื่อปี2553 ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้

ทั้งนี้ ในส่วนเกษตรกรที่เหลือ ที่ประชุมชุดเฉพาะกิจฯมีมติให้ไปร่างกำหนดระเบียบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯใหม่ จากนั้นจะเปิดให้ขึ้นทะเบียนภายใน 60 วัน จากตามปกติจะเปิดให้ขึ้นทะเบียนทุกปี ตั้งแต่ ม.ค.ถึง มิ.ย. ซึ่งในปีนี้ยังไม่ได้เปิดขึ้นทะเบียน จึงมาเปิดให้ขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.เป็นต้นไป

นอกจากนี้ จะมีการปลดล็อควงเงินที่กำหนดเพดานวงเงินหนี้สิน ที่ลงทะเบียนไว้กับกองทุนฯจะช่วยเหลือไม่เกิน 2.5 ล้านบาทต่อราย เพื่อจะได้ช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นหนี้สินอยู่แล้ว และอาจมาเจอปัญหาภัยพิบัติ ทำให้มีหนี้เพิ่มกว่าวงเงินที่กำหนด ซึ่งจะมีการพิจารณาเป็นรายๆไป หลังจากที่ขึ้นทะเบียนสมาชิกกองทุนฯแล้ว จะมาแยกประเภทหนี้ให้มีความชัดเจนทั้งหมดโดยเร็ว ขณะเดียวกันได้มีมติให้สำนักงานกองทุนฯไปร่างแนวทางการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรร่วมกับธนาคาร ธกส. และกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรลูกหนี้มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะผลให้เกษตรกรมีโอกาสชำระหนี้ที่ผ่านมาปรับโครงสร้างหนี้ได้ตามสัญญาใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างบริเวณห้องโถงชั้น 1 ของกระทรวงเกษตรฯได้มีกลุ่มเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯเกือบ 100 คน นำโดยนางนิสา คุ้มกอง แกนนำเครือข่ายหนี้สินชาวนาภาคกลาง มาเฝ้ารอฟังมติคณะกรรมการเฉพาะกิจแก้หนี้ฯ โดยนายสไกร พิมพ์บึง รองเลขาธิการ รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการสำนักกองทุนฟื้นฟูฯลงมาแจ้งมติทำให้กลุ่มเกษตรกรปรบมือส่งเสียงเฮลั่นอย่างดีใจขอบคุณนายกฤษฏา ที่ได้ช่วยแก้หนี้ให้ชาวนาสำเร็จ



นายสไกร กล่าวว่า นายกฤษฏา ได้สั่งการด่วนให้นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน รองปลัดกระทรวงฯเร่งแก้ระเบียบกองทุนและออกประกาศขึ้นเบียนสมาชิกเริ่มต้น15 ส.ค. นี้ให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนไว้ก่อนโดยไม่มีเพดานหนี้ รวมทั้งตั้งอนุกรรมการฯทำหน้าที่อุทธรณ์ ให้เกษตรกรสมาชิกที่เป็นหนี้ถูกฟ้องบังคับคดี ยึดทรัพย์กว่า3 พันราย จะสามารถดำเนินการแก้หนี้ได้ทั้งหมดซึ่งกองทุนเข้าไปซื้อหนี้มาบริหาร

“เรื่องเร่งด่วนให้สำนักกองทุนทุกจังหวัดเสนอตั้งกรรมการอุทธรณ์รับเรื่องในพื้นที่ วันนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ รมว.เกษตรฯเจรจากับกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้ยอมรับเงื่อนไข เถียงแทนเกษตรกร ได้สำเร็จในหลายๆเรื่องทั้งให้แก้ระเบียบเพดานหนี้รายย่อย ผมดีใจแทนเกษตรกร ที่ท่านกฤษฏา ยืนหยัดทำในสิ่งรับปากไว้ และเรื่องหนี้ที่ใช้ตัวบุคคลค้ำประกัน ซึ่งในจัดการหนี้ กองทุนฯเปิดรับขึ้นทะเบียนหนี้สินเกษตรกรทั้งหมด รู้จำนวนยอดเกษตรกร เป็นหนี้เท่าไหร่ มาออกระเบียบจะแก้หนี้ประเภทไหน เป็นอำนาจกรรมการเฉพาะกิจชุดนี้” นายสไกร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลหนี้เกษตรกรเมื่อเดือนมีนาคม 2561 จากการคัดกรองตรวจสอบข้อมูลจากสถาบันเจ้าหนี้และข้อมูลทะเบียนหนี้เกษตรกรจาก 77 สาขาจังหวัดทั่วประเทศ จากการสำรวจข้อมูลหนี้ที่ผ่านมามีเกษตรกรมารายงานตัวจำนวน 290,657 ราย 524,720 สัญญา คิดเป็น 55.54 %  ในส่วนกรณีหนี้เร่งด่วนทั้งหมดในชั้นดำเนินคดีขึ้นไป (หนี้ล้มละลาย/ขายทอดตลาด/บังคับคดี/มีคำพิพากษาหรือชั้นฟ้องคดี) จำนวน 7,930 ราย โดยเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายมารายงานตัวประมาณ17 % จำนวน 40,179 ราย74,331 สัญญา เมื่อรวมเกษตรกรที่มายืนยันตน 330,836ราย 599,051 สัญญา

นอกจากนี้โอกาสให้เกษตรกรมารายงานตัวได้อีก60 วัน จากเดิมมีข้อมูลการขึ้นทะเบียนหนี้ทั้งหมดตั้งแต่ พ.ศ.2546 จำนวน 512,889 ราย โดยได้นำเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ กระทรวงมหาดไทย เพื่อตรวจสอบความซ้ำซ้อนและความมีอยู่จริงของเกษตรกรสมาชิกคงเหลืออยู่จำนวน 465,925 ราย 944,752 สัญญา มูลหนี้กว่า7-8 หมื่นล้านบาท

http://www.naewna.com/politic/357127


นายกฯพอใจแก้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯฟุ้งสำเร็จมากที่สุดในรอบ 19 ปี




นายกฯ พอใจการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ชี้ บรรลุผลสำเร็จมากที่สุดในรอบ 19 ปี หรือตั้งแต่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 42 

วันนี้ (11 ส.ค.) พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร โดยได้รับรายงานว่า 

“คณะอนุกรรมการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้สินสามารถตกลงปรับโครงสร้างหนี้ใหม่และเข้าซื้อหนี้ของเกษตรกรจากสถาบันการเงินเจ้าหนี้ เช่น ธ.ก.ส. สหกรณ์การเกษตร และธนาคารพาณิชย์ทั่วไป รวมประมาณ 36,000 ราย มูลค่าหนี้ราว 6,000 ล้านบาท โดยจะลดยอดหนี้แต่ละรายลงร้อยละ 50 และหยุดดอกเบี้ย ระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลสำเร็จมากที่สุด ตั้งแต่ตั้งกองทุนมา ในปี 2542”

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเกษตรกร จึงได้ตั้งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ เมื่อเดือน พ.ค. 60 เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินและพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกร แทนคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูตาม พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2542 ซึ่งประสบปัญหาไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งแต่ปี 2549-2557 แก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรไปได้เพียง 29,000 รายเท่านั้น จากจำนวนสมาชิกเกษตรกรที่ลงทะเบียนหนี้สินไว้ราว 460,000 ราย

“นายกฯ เน้นย้ำว่า เมื่อเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ได้แล้ว จะต้องส่งเสริมให้เกษตรกรลูกหนี้มีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถชำระหนี้ตามสัญญาใหม่ได้ โดยกำชับให้สำนักงานกองทุนฯ ไปหาแนวทางฟื้นฟูอาชีพร่วมกับ ธ.ก.ส. และกรมส่งเสริมการเกษตรต่อไป”

ทั้งนี้ กองทุนฯ จะร่างระเบียบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ใหม่ และเปิดรับลงทะเบียน เกษตรกรเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาหนี้สินเป็นระยะเวลา 60 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.เป็นต้นไป จากปกติที่เปิดให้ขึ้นทะเบียนทุกปี ตั้งแต่เดือน ม.ค.- มิ.ย. ซึ่งในปีนี้ยังไม่ได้เปิดรับลงทะเบียน

นอกจากนี้ จะยกเลิกเพดานวงเงินช่วยเหลือที่กำหนดไว้รายละไม่เกิน 2.5 ล้านบาท เพราะเกษตรกรบางคนมีหนี้สินมากกว่า ซึ่งจะต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป โดยหลังจากที่เกษตรกรขึ้นทะเบียนแล้วจะดำเนินการแยกประเภทหนี้ให้มีความชัดเจนโดยเร็ว

https://mgronline.com/politics/detail/9610000079990

รัฐบาลทำงานเพื่อประชาชนอย่างไม่ย่อท้อ
มองเห็นถึงความพยายามในการทำงานทุกเรื่อง
ต้องชมต้องเชียร์กันสิคะ...รักคุณรักคุณรักคุณรักคุณรักคุณ

คนทำงานจะได้มีกำลังใจนะคะ...หัวใจหัวใจหัวใจหัวใจหัวใจ

# ทีมนายกฯลุงตู่ค่ะ..จุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่