สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
สมัยหนุ่มๆเคยเป็นศัลยแพทย์สมองคนเดียวในร.พ.ศูนย์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
คนไข้อุบัติเหตุชอบมาตอนดึกๆ ไม่เคยได้นอนเป็นเวลาไม่มีพักเวรเพราะถึงนอนบ้านก็ต้องถูกตามอยู่ดี ไม่มีใครทำแทนได้
จะส่งต่อไปที่ร.พ.อื่นที่ผ่าตัดสมองได้ ระยะทางไกล100กว่ากิโลส่วนมากอาจไม่รอด
ผ่าตัดสมองคนเดียวเดือนละ40ราย และเป็นคนไข้วิกฤตต้องดูแลใกล้ชิดตลอดเวลาทั้งก่อนผ่าหลังผ่า รวมถึงรายที่ไม่ต้องผ่า
จะเหนื่อยจะง่วงยังไงก็ต้องทำ เพราะส่วนใหญ่เป็นคนไข้ฉุกเฉินรอไม่ได้ ทั้งคนไข้และตัวหมอเองไม่มีทางเลือกอื่น
ทำอย่างนี้อยู่หลายปีถึงมีน้องๆมาช่วยสบายขึ้น
ผ่านมาหลายปีมากแล้ว ตอนนี้คงกลับไปทำแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว
ตอนนั้นเป็นคนหนุ่มยังไม่มีครอบครัว มีพลังชีวิต มีอุดมการณ์ คิดถึงเรื่องคนไข้ก่อนเรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง รับราชการอย่างเดียวไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น มองโลกสวยงามมีความหวังมีความฝัน
ถึงตอนนี้แก่ลง อายุ50กว่า อาชีพการงานก้าวหน้าไปตามสมควร ไม่ได้ทำหน้าที่แบบนั้นอีกแล้ว และคิดว่ากำลังจะเลิกผ่าตัด
แต่ยังไงก็ตามยี่สิบกว่าปีผ่านไปผมยังคิดถึงวันเวลาตอนนั้นอยู่เสมอ มันเป็นเวลาแห่งความภูมิใจ และส่วนตัวแล้วเป็นช่วงที่มีความสำเร็จที่สุดในชีวิตแพทย์
คนไข้อุบัติเหตุชอบมาตอนดึกๆ ไม่เคยได้นอนเป็นเวลาไม่มีพักเวรเพราะถึงนอนบ้านก็ต้องถูกตามอยู่ดี ไม่มีใครทำแทนได้
จะส่งต่อไปที่ร.พ.อื่นที่ผ่าตัดสมองได้ ระยะทางไกล100กว่ากิโลส่วนมากอาจไม่รอด
ผ่าตัดสมองคนเดียวเดือนละ40ราย และเป็นคนไข้วิกฤตต้องดูแลใกล้ชิดตลอดเวลาทั้งก่อนผ่าหลังผ่า รวมถึงรายที่ไม่ต้องผ่า
จะเหนื่อยจะง่วงยังไงก็ต้องทำ เพราะส่วนใหญ่เป็นคนไข้ฉุกเฉินรอไม่ได้ ทั้งคนไข้และตัวหมอเองไม่มีทางเลือกอื่น
ทำอย่างนี้อยู่หลายปีถึงมีน้องๆมาช่วยสบายขึ้น
ผ่านมาหลายปีมากแล้ว ตอนนี้คงกลับไปทำแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว
ตอนนั้นเป็นคนหนุ่มยังไม่มีครอบครัว มีพลังชีวิต มีอุดมการณ์ คิดถึงเรื่องคนไข้ก่อนเรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง รับราชการอย่างเดียวไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น มองโลกสวยงามมีความหวังมีความฝัน
ถึงตอนนี้แก่ลง อายุ50กว่า อาชีพการงานก้าวหน้าไปตามสมควร ไม่ได้ทำหน้าที่แบบนั้นอีกแล้ว และคิดว่ากำลังจะเลิกผ่าตัด
แต่ยังไงก็ตามยี่สิบกว่าปีผ่านไปผมยังคิดถึงวันเวลาตอนนั้นอยู่เสมอ มันเป็นเวลาแห่งความภูมิใจ และส่วนตัวแล้วเป็นช่วงที่มีความสำเร็จที่สุดในชีวิตแพทย์
ความคิดเห็นที่ 4
ทำงานเริ่มเจ็ดนอ
ไม่ย้อท้อและอดทน
เลิกงานดึกเสียจน
สองทุ่มจึงบึ่งหนีลา
แต่กลับไปอาบน้ำ
จ้วงขันตามสามสี่ห้า
แล้วรีบกลับเข้ามา
ทำงานเข้าช่วงสามทุ่ม
ลากยาวมาเรื่อยเรื่อย
ไม่มีเอื่อยไม่มีกลุ่ม
เลิกงานเดินดุ่มดุ่ม
ตอนเจ็ดนอ จะขอนอน
ที่งานคนกลับขาด
เป็นตามคาดก่อนถึงหมอน
เจ้ยเอ๊ย อย่าเพิ่งนอน
กลับมาก่อน ต้องการตัว
อาบน้ำสามสี่ขัน
เท้าเดินปั่นแบบรัวรัว
ถึงงานแปดโมงชัวร์
แล้วลุยงานบานตะไท
แม้กายหนื่อยอ่อนล้า
แต่ใจกล้าเฮฮาไว้
คิดดี มีสไตล์
ว่างเมื่อไร ออกกำลังฯ
ขออภัยค่ะ คืออยากตอบเป็นกลอนหน่ะค่ะ เอิ๊กๆๆ
ไม่ย้อท้อและอดทน
เลิกงานดึกเสียจน
สองทุ่มจึงบึ่งหนีลา
แต่กลับไปอาบน้ำ
จ้วงขันตามสามสี่ห้า
แล้วรีบกลับเข้ามา
ทำงานเข้าช่วงสามทุ่ม
ลากยาวมาเรื่อยเรื่อย
ไม่มีเอื่อยไม่มีกลุ่ม
เลิกงานเดินดุ่มดุ่ม
ตอนเจ็ดนอ จะขอนอน
ที่งานคนกลับขาด
เป็นตามคาดก่อนถึงหมอน
เจ้ยเอ๊ย อย่าเพิ่งนอน
กลับมาก่อน ต้องการตัว
อาบน้ำสามสี่ขัน
เท้าเดินปั่นแบบรัวรัว
ถึงงานแปดโมงชัวร์
แล้วลุยงานบานตะไท
แม้กายหนื่อยอ่อนล้า
แต่ใจกล้าเฮฮาไว้
คิดดี มีสไตล์
ว่างเมื่อไร ออกกำลังฯ
ขออภัยค่ะ คืออยากตอบเป็นกลอนหน่ะค่ะ เอิ๊กๆๆ
ความคิดเห็นที่ 51
-ทำงานตั้งแต่อายุ 10 ปี ช่วยพ่อแม่ขายของที่บ้านร้านริมคลอง กลับจาก รร. ตักน้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ ข้าวสารใส่ถุงชั่งมัดไว้ นั่งเรือไปส่งของกับพี่ชาย แบกน้ำขวดเป็นลังๆ ลงเรือขึ้นเรือ ชักรอกข้ามคลองขายของ
-พอพ่อแม่ไปทำสวนกล้วยไม้ก็ต้องตื่นมารลากสายยางรถน้ำกล้วยไม้ให้ได้ 8 ร่องก่อนถงกินข้าว
-พอเรียน มหาลัย เช้าเสาร์-อาทิตย์ไปเปลี่ยนต้นไม้ตามห้างกลางกรุงอย่างมาบุญครอง โซโก้ตรงพระพรหม ขุดดิน รดน้ำ ตกแต่งต้นไม้ ถ้ามีเรียนวันเสาร์ก็ไปทั้งชุดนักศึกษา
-เรียนจบทำงาน กลับบ้านสามทุ่มอย่างเร็ว บางทีช่วงงานเยอะๆ ก็อยู่ตาม รร.ที่จัดงานดูช่างทำฉาก เวที ช่วยกันทำสคริปท์งาน ทำงานจนเช้า ติดๆกัน 5-6วัน
-กลับมาทำงานกิจการครอบครัว ถือว่างานน้อยได้ 2ปี ก็ ฟองสบู่แตก พ่อส้มป่วยเป็นเจ้าชายนินทรา ล้มละลาย บ้านโดนตัดน้ำ ตัดไฟ ลูกหนี้หนี เจ้าหนี้ตามทวง พอพ่อกลับมาอยู่บ้านต้องใช้เครื่องดูดเสลด ที่นอนลม แอบต่อไฟฟ้าใช้ รวมเงินทั้งบ้านได้ 800 บาทไปซื้อ ของใช้ให้พ่อ พอบ่ายออกจากออฟฟิต ไปขายของตลาดนัด เป็นรุ่นบุกเบิกตลาดเปิดท้าย ขายทุกอย่างที่ขายได้ รับน้ำมะพร้าวไปขาย ต้มน้ำจับเลี้ยง ทำปอเปี๊ยะ เอารายได้ตรงนี้ซื้อยาให้พ่อ ซื้อมาม่าสมัยนั้นซอง 5บาทตุนกินทุกวัน จนเพื่อนมาเห็นแล้วร้องไห้ไปซื้อข้าวกับข้าวให้กิน บอกเราลำบากขนาดนี้ ไม่ขอความช่วยเหลือใครบ้าง อยู่แบบนี้มา 2 ปีกว่าค่อยๆกระเตื้องขึ้นทุกอย่างขายใช้หนี้ บ้าน รถ ขายหมด มาเช่าตึกอยู่
ใครที่เราค้างหนี้เขา ก็ขอเวลาผลัดผ่อน มีทยอยคืน ทำงานหนัก ทั้งออฟฟิต ทั้งขายของตลาดนัด ตระเวนขายสินค้าของออฟฟิต ไปตามพื้นที่ต่างๆ ใส่รถจิ๊ฟไปขาย ผู้หญิงตัวคนเดียว แบกไปส่งลูกค้า
ทุกวันนี้ก็ยังทำงานแบบนั้น ยังทำทุกอย่าง บ้านที่ไปเช่าอยู่มา 15ปี ก็ได้ย้ายออกมาอยู่บ้านตัวเองที่ช่วยกัน ปลูกทำมา 10ปี ได้อยู่บ้านแล้ว
ตอนนี้ยังขับรถส่งของเอง ทำงานทุกอย่างที่แบ่งเบาได้ เหลือแม่ที่ต้องดูแล พ่อจากไป 9ปี นอนเป็นเจ้าชายนินทรา 12ปี รอลูกๆฟื้น ปลูกบ้านให้ แต่ยังไม่ได้ย้ายมาอยู่พ่อก็จากไปเสียก่อน
ขอบคุณความลำบาก ขอบคุณพ่อแม่ ขอบคุณเจ้าหนี้ ขอบคุณลูกหนี้ และศัตรู มิตร ทุกคนที่ผ่านเข้ามาให้เราผ่านมันไปได้มาถึงวันนี้
ขอบคุณจริงใจ
-พอพ่อแม่ไปทำสวนกล้วยไม้ก็ต้องตื่นมารลากสายยางรถน้ำกล้วยไม้ให้ได้ 8 ร่องก่อนถงกินข้าว
-พอเรียน มหาลัย เช้าเสาร์-อาทิตย์ไปเปลี่ยนต้นไม้ตามห้างกลางกรุงอย่างมาบุญครอง โซโก้ตรงพระพรหม ขุดดิน รดน้ำ ตกแต่งต้นไม้ ถ้ามีเรียนวันเสาร์ก็ไปทั้งชุดนักศึกษา
-เรียนจบทำงาน กลับบ้านสามทุ่มอย่างเร็ว บางทีช่วงงานเยอะๆ ก็อยู่ตาม รร.ที่จัดงานดูช่างทำฉาก เวที ช่วยกันทำสคริปท์งาน ทำงานจนเช้า ติดๆกัน 5-6วัน
-กลับมาทำงานกิจการครอบครัว ถือว่างานน้อยได้ 2ปี ก็ ฟองสบู่แตก พ่อส้มป่วยเป็นเจ้าชายนินทรา ล้มละลาย บ้านโดนตัดน้ำ ตัดไฟ ลูกหนี้หนี เจ้าหนี้ตามทวง พอพ่อกลับมาอยู่บ้านต้องใช้เครื่องดูดเสลด ที่นอนลม แอบต่อไฟฟ้าใช้ รวมเงินทั้งบ้านได้ 800 บาทไปซื้อ ของใช้ให้พ่อ พอบ่ายออกจากออฟฟิต ไปขายของตลาดนัด เป็นรุ่นบุกเบิกตลาดเปิดท้าย ขายทุกอย่างที่ขายได้ รับน้ำมะพร้าวไปขาย ต้มน้ำจับเลี้ยง ทำปอเปี๊ยะ เอารายได้ตรงนี้ซื้อยาให้พ่อ ซื้อมาม่าสมัยนั้นซอง 5บาทตุนกินทุกวัน จนเพื่อนมาเห็นแล้วร้องไห้ไปซื้อข้าวกับข้าวให้กิน บอกเราลำบากขนาดนี้ ไม่ขอความช่วยเหลือใครบ้าง อยู่แบบนี้มา 2 ปีกว่าค่อยๆกระเตื้องขึ้นทุกอย่างขายใช้หนี้ บ้าน รถ ขายหมด มาเช่าตึกอยู่
ใครที่เราค้างหนี้เขา ก็ขอเวลาผลัดผ่อน มีทยอยคืน ทำงานหนัก ทั้งออฟฟิต ทั้งขายของตลาดนัด ตระเวนขายสินค้าของออฟฟิต ไปตามพื้นที่ต่างๆ ใส่รถจิ๊ฟไปขาย ผู้หญิงตัวคนเดียว แบกไปส่งลูกค้า
ทุกวันนี้ก็ยังทำงานแบบนั้น ยังทำทุกอย่าง บ้านที่ไปเช่าอยู่มา 15ปี ก็ได้ย้ายออกมาอยู่บ้านตัวเองที่ช่วยกัน ปลูกทำมา 10ปี ได้อยู่บ้านแล้ว
ตอนนี้ยังขับรถส่งของเอง ทำงานทุกอย่างที่แบ่งเบาได้ เหลือแม่ที่ต้องดูแล พ่อจากไป 9ปี นอนเป็นเจ้าชายนินทรา 12ปี รอลูกๆฟื้น ปลูกบ้านให้ แต่ยังไม่ได้ย้ายมาอยู่พ่อก็จากไปเสียก่อน
ขอบคุณความลำบาก ขอบคุณพ่อแม่ ขอบคุณเจ้าหนี้ ขอบคุณลูกหนี้ และศัตรู มิตร ทุกคนที่ผ่านเข้ามาให้เราผ่านมันไปได้มาถึงวันนี้
ขอบคุณจริงใจ
ความคิดเห็นที่ 1
เป็นเจ้าของกิจการ
ทำ 10.30 - 21.00 ทุกวัน
เลิกเสด ถึงบ้านเชคบัญชี สต๊อก แนวโน้มตลาด
คร่าวๆ ต่อราวๆ 1 ชม
ตอนนี้ลุยตลาดออนไลน์ด้วย ต้องคอยเชค feedback อีก
ทำ เดือนละ 30 วัน (เดือนไหน มี 31 วันหยุด 1 วัน)
เคยทำต่อเนื่องยาวสุด 95 วันโดยไม่หยุดครับ
ความรับผิดชอบกดดันสูงมาก พลาดไม่ได้
นอกจากงาน ยังต้องคอยดูแลลูกน้อง สั่งสอนอบรม
แก้ปัญหา ทะเลาะกะแฟน หมาป่วย พ่อแม่ญาติ
ทำ 10.30 - 21.00 ทุกวัน
เลิกเสด ถึงบ้านเชคบัญชี สต๊อก แนวโน้มตลาด
คร่าวๆ ต่อราวๆ 1 ชม
ตอนนี้ลุยตลาดออนไลน์ด้วย ต้องคอยเชค feedback อีก
ทำ เดือนละ 30 วัน (เดือนไหน มี 31 วันหยุด 1 วัน)
เคยทำต่อเนื่องยาวสุด 95 วันโดยไม่หยุดครับ
ความรับผิดชอบกดดันสูงมาก พลาดไม่ได้
นอกจากงาน ยังต้องคอยดูแลลูกน้อง สั่งสอนอบรม
แก้ปัญหา ทะเลาะกะแฟน หมาป่วย พ่อแม่ญาติ
แสดงความคิดเห็น
มาแชร์ประสบการณ์กันครับว่าอาชีพของเพื่อนๆงานหนักขนาดไหนครับ
แถมเจ้านายก็สั่งงานทับถมกันลงมาเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้นสักที
เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่ไม่มีทางไปก็จำเป็นต้องทน เพื่อปากท้อง
ขนาดหยุด 4 วัน ยังต้องหอบงานมาทำที่บ้านเลยครับ
ชีวิตเศร้า