แชร์บันทึกสุขภาพเล็กๆบนเส้นทางของคนความดันสูง

สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม เป็นคล้ายๆบันทึกสุขภาพของผมเองที่อยากเปิดให้คนอื่นได้อ่านด้วยและเตือนตัวเองเอาไว้ให้ว่า ‘อย่ามองข้ามเรื่องสุขภาพไป’ ก็เลยเป็นที่มาของบันทึกสุขภาพของคนความดันสูงเล่มนี้ครับ

ก่อนจะเข้ากระทู้ บอกก่อนว่า เรื่องที่เกิดขึ้นค่อนข้างจะหลายปีมาพอสมควร อาจจะมีบางช่วงตกหล่นไปบ้างก็ขออภัยด้วยนะครับ แต่จะพยายามเขียนให้ครบถ้วนที่สุดเท่าที่ความจำจะอำนวย

ผมอายุ 55 ปี ทำอาชีพ ครูสอนดนตรี(ไวโอลิน)และเล่นดนตรีตามงานต่างๆ จุดเริ่มต้นของบันทึกเล่มนี้เกิดตอนเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ผมอายุ 46 ตอนนั้นมีปัญหาหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ เดี๋ยวช้าเดี๋ยวเร็ว ก็เลยเข้าทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลซึ่งพอรักษาตัวเรียบร้อย ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ปรากฎว่า มีของแถมออกมาด้วย คือ โรคเบาหวานและความดันครับ

อาการของผมคือ ความดันไม่คงที่ ไปตรวจแต่ละครั้งค่าไม่เคยปกติเลย ไม่ต่ำไปก็สูงไป ซึ่งค่าที่ผมจำได้ว่า สูงที่สุดของตัวเองคือ 158 ครับ มีค่าคอเรสเตอรอลมาด้วยคือ 234 ครับ ส่วนน้ำตาลนี่จำตัวเลขไม่ได้ครับ เลขอาจจะไม่เป๊ะนะครับแต่เรียกได้ว่า สูงๆทั้งนั้นเลย

ช่วงนั้นก็รักษาตัวด้วยการกินแต่ยาหมอครับ จำไม่ได้ว่า แรกเริ่มมีกี่ตัว เพราะเปลี่ยนตลอดตามอาการแต่ปัจจุบันมี 2 ตัวนี้ครับ

กินมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่ได้หันมาดูแลตัวเองจริงจัง พยายามคุมอาหารบ้าง ออกกำลังกายมากก็ไม่ไหวเพราะเหนื่อยง่าย อาศัยกินแค่ยาหมออย่างเดียว ช่วงนั้นก็มีคุยถามๆเรื่อง สุขภาพกับเพื่อนกันบ้างประสาคนสูงวัย ก็มีรุ่นพี่ที่รู้จักที่ผมคุยกับเค้าอยู่เรื่องนี้ แนะนำมาว่า ให้ลองกินเครื่องดื่มใยอาหารมั้ย เพราะเค้าก็กินอยู่แล้วรู้สึกว่า มันทำให้ระบบร่างกายดีขึ้นจริงๆ มันไปจะช่วยดูดน้ำตาลส่วนเกินทำให้น้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปลดลง อาจจะเป็นอีกตัวหนึ่งที่ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้
ผมก็ขอลองกินสักหน่อยครับ เพราะมันเป็นใยอาหารเหมือนๆผักผลไม้ที่เรากินๆอยู่เนี่ยแหละ แต่กินง่ายกว่า สะดวกกว่า ผมก็เลยเริ่มกินควบกับยาหมอไปตามปกติ

เวลากินผมจะชงกับน้ำเย็น คนนิดหน่อย ไม่รอให้ละลาย เพราะละลายจะเป็นเจลกินยาก  ครั้งแรกไม่รู้  แต่พอรู้วิธีอร่อยเลย ใช้หลอดคนในซองแล้วดูด ผมจะกินหลังอาหารเช้า และหลังอาหารเย็น เพราะพี่เขาบอกว่าเพื่อให้ใยอาหารเซลลูโลสละลายน้ำจะกลายเป็นเจล ผสมกับอาหารที่กระเพาะ ช่วยดูดซับน้ำตาลที่มากเกินกว่าร่างกายต้องการรวมถึงช่วยลดของเสียและสารก่อมะเร็งบางชนิดได้ด้วยครับ

หลังทำแบบนี้อยู่ 3 เดือน ผมก็รู้สึกว่า ระบบในร่างกายเริ่มทำงานดีขึ้น ขับถ่ายตรงเวลา ไม่รู้สึกว่า ร่างกายเหนื่อยง่ายหรือว่า เพลียง่ายเหมือนก่อน  คราวนี้ก็เลยตั้งใจหันกลับมาทำวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย

ควบคุมอาหาร ผมลดการกินหวาน ลดแป้ง มื้อเช้ากินข้าว เน้นผัดผัก ต้มจืด ปรุงรสอ่อนๆ แล้วกินซีโลสตาม กลางวันก็กินก๋วยเตี๋ยว กินอาหารจานเดียวแบบไม่ปรุงเพิ่มเด็ดขาด ส่วนตอนเย็นก็พยายามไม่กินอะไรเลยครับ แต่ถ้าหิวจริงๆก็จะกินก่อน 6 โมง มื้อเย็นจะไม่มีแป้งหรือของหวานจัด ถ้ามีก็ต้องให้น้อยที่สุดครับ

ยิ่งกินอาหารรสอ่อนก็ยิ่งดีต่อสุขภาพ ไม่ใช่แค่ความดัน น้ำตาลในเลือดจะลดลง แต่ยังดีต่อกระเพาะลำไส้ที่ไม่ต้องการกินอะไรรสจัดหรือหนักๆเพื่อให้กระเพาะทำงานหนักอีกด้วยครับ แถมยังทำให้ขับถ่ายได้สะดวกขึ้นด้วย

ส่วนออกกำลังกาย ผมวิ่งเบาๆเอาครับ อายุเยอะแล้ว ก่อนหน้านี้ ออกกำลังได้ไม่มาก มันเหนื่อยงาย ทนไม่ไหว แต่ตอนนี้ ร่างกายเบาสบาย ยิงออกกำลังยิ่งดีขึ้น เดินวิ่งใกล้ๆบ้าน จะให้ไปออกกำลังกายตามยิมหรือฟิตเนสคงไม่ไหว ผมวิ่งเฉลี่ย 4 กิโลต่อวัน


ทำแบบนี้ติดต่อกันมาหลายเดือน ตอนนั้นตรวจครั้งล่าสุด ปรากฎว่า น้ำตาลในเลือดน้อยลง ความดันคงที่ ไม่เหวี่ยงแล้ว และเกือบกลับมาปกติแล้วครับ

แล้วมันก็ลดลงมาเรื่อยๆ ถึงตรงนี้จะเป็นค่าความดันที่ผมเก็บไว้ช่วงที่ความดันเริ่มเป็นปกติแล้ว เอามาจากแชทที่คุยกับเพื่อนครับ  ค้นมาแล้วมีแค่นี้จริงๆ





อ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นว่า การดูแลตัวเองจากความดันและเบาหวานไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ สำคัญแค่อาหารกับการออกกำลังกายเท่านั้นครับ ซึ่งผมมองว่า ถ้าทำได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ความดันหรือน้ำตาลลดลงแต่ยังทำให้ร่างกายที่ร่วงไปตามวัยกลับมาแข็งแรง ระบบร่างกายต่างๆก็ดีขึ้น ทำให้ตัวผมห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บและมีความสุขมากขึ้นครับ

นอกจากออกกำลังกายแล้ว ผมต้องยกความดีให้ซีโลสด้วย  เพราะก่อนหน้านี้ แม้จะเหนื่อยมากแต่ก็พยายามออกกำลัง  มีแต่ต้องเพิ่มยา แต่ตอนนี้ลดยาลง  พี่เขาอธิบายว่า ร่างกายต้องดีจากภายใน เมื่อภายในดีแล้ว ยิ่งออกกำลังกาย สุขภาพยิ่งดี

สุดท้าย ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ หวังว่า บันทึกสุขภาพของผมจะทำให้คนวัยต่างๆตื่นตัวเรื่อง โรคภัยและสุขภาพของตัวเองมากขึ้นนะครับ ย้ำอีกครั้ง ว่า ความดันลดไม่ยากครับ ง่ายกว่าการไปนอนป่วยในโรงพยาบาลเสียอีก