เราก็เป็นคนกินทุกอย่างนะ

เราตัดสินใจว่าเราจะตั้งใจทำความฝันของเราอย่างจริงจัง เราตั้งใจว่าเราจะไม่แบบไดเอตสองเดือนละก็กินทุกอย่างเจ็ดเดือน
คนเรามีความฝันต่างกัน ความฝันของเราเกี่ยวกับหุ่น ไม่เกี่ยวกับหน้า 555
เราเลยตั้งใจไดเอตมาตั้งแต่ต้นปี จะถามว่าเรียกว่าไดเอตมั้ย เราก็กินทุกอย่างนะ ไก่ทอด พิซซ่า ไอติม ไก่ ทูน่า ผัก แครอท เค้ก นม น้ำตาล
ความอยากเราก็มีเหมือนทุกคนแหละ แต่ความฝันเราใหญ่กว่าความอยาก พิซซ่าเลยไม่ได้แอ้มเราบ่อยๆ อันที่จริงเราจะกินก็ได้นะ พิซซ่า แต่ด้วยความที่มันจะเปลืองตังและมันจะไม่มีสารอาหารเท่าไหร่นัก ขนมปังกับข้าวเลยเป็นสิ่งที่เราอยู่ด้วยบ่อยกว่า
มันมีหลายความเชื่อนะเกี่ยวกับการมีสุขภาพที่ดี บางคนบอกกินไอติมไม่ได้ นี่เทรนลูกค้า ลูกค้าก็ถามกันว่า กินอะไรได้บ้าง เราก็บอก กินได้หมดเลย แต่เราจะเขียนให้ตลอดว่ากินได้เท่าไหร่ เป้าหมายคืออะไร ถ้าอยากลดไขมัน โปรตีนเท่าไหร่ต้องถึงท้อง ถ้าจะเพิ่มน้ำหนักหรือสัดส่วน ต้องกินคาร์บเพิ่มเท่าไหร่
อย่างที่เรารู้กัน การลดน้ำหนัก (ส่วนเกิน) ไม่ใช่ทำแบบสามวัน เดือนนึง เราทำกันทั้งชีวิต การออกกำลังกายไม่ใช่แค่ทำเพื่อให้เราหุ่นดีเพื่อไปทะเล ซึ่งมันก็อาจจะใช่ส่วนนึง แต่ถ้าเรามีข้ออ้างว่าหลังจากไปทะเล หรือหลังจากมีแฟน หลังจากแต่งงาน เราจะไม่ดูแลตัวเองแล้ว อันนี้ท่าจะไม่ได้ละ
ลองนึกดูว่าคนเคยเดินไปจ่ายตลาดแบบลั้ลลา แต่พอน้ำหนักมากขึ้นเพราะกินเค้กแทนข้าว หรือกินน้ำหวานแต่น้ำเปล่า ปัญาหามันก็จะตามมา มันก็จะเหนื่อยง่ายขึ้น บางคนก็ไปลงที่เข่า พอกายไม่สบาย เราก็ไม่ค่อยแฮปปี้ถูกมะ ลองไปดูคุณลุงคุณป้าที่เค้าเดินปร๋อเลยสิ เค้าจะบอกได้เลยว่าออกกำลังกายกับกินอาหารที่ดีมันดีขนาดไหน
เราเรียนเทรนเนอร์จบมาเมื่อเดือนเมษายน เราเจอกรณีศึกษามามากกว่าก่อนเรียน ความรู้เรื่องเทรนร่างกายเยอะขึ้น
เราไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายทุกวัน เราไม่ต้องไปยิมวันละ 2-3 ชั่วโมง เคยได้ยินสโลแกนของใครวะ พี่ติ๊ก ชีโร่ป้ะ ที่บอก แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย
ตาม American Heart Association เขาบอกว่า การออกกำลังกายขึ้นอยู่กับเป้าหมายของเรา ถ้าเราอยากออกเพื่อกำจัดโรคภัยไข้เจ็บ เดินบนลู่วิ่ง หรือเดินตามสวนสาธารณะ 30 นาที 3-5 วันก็พอ แต่ถ้าเราอยากมีกำลังมากขึ้นแบบฟิตไรงี้ การเพิ่มเวทเทรนนิ่ง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เราควรพิจารณา แต่ถ้าอย่างพวกนักวิ่ง นางซ้อมกัน 7 วัน วันละหลายชั่วโมง
อย่างเรื่องการกิน เราพยายามกินดีมาตั้งแต่สมัยมหาลัยละ ตอนนี้เรียนจบมาสองปีละก็ยังกินดีเหมือนเดิม แต่กินดีต่างกัน ตอนเรียนมหาลัย เราก็พยามกินโปรตีน แต่ก็กินเค้ก โชคดีนะที่ไม่กินเบียร์ เราว่ามันไม่อร่อย 555 ตอนเรียนลาดกระบังช้ะ โหยชาชักกันทุกวันศุร์ นี่ก็วิ่งไปสิ ก็ยังจะชาชัก สรุปไม่ไดเอตแล้วก็ได้
แต่พอเป้าหมายมันเริ่มชัด บอกตัวเองตลอดว่าจากการประกวดครั้งแรก ครั้งต่อไปจะต้องดีกว่า
ถามว่าเรากินอะไร เราก็กินแบบง่ายๆอะ

ลองกดแท๊ก #foodbymoth ในไอจีก็ได้นะ
แบบก็ขี้เกียจอะ บางก็ขยัน แต่ส่วนมากก็ไม่ค่อย แค่ให้มั่นใจว่าเรามีโปรตีน มีคาร์บ มีแฟต กล้ามเนื้อมีสารอาหารครบพอที่จะโตให้เราก็พอละ
เราก็อัพวิดีโอออกกำลังกายในไอจีบ้าง แต่ก็เป็นแบบตามใจฉัน อยากอัพไรก็อัพ ส่วนมากจะเป็นข้อความแบบนี้มากกว่า

ต่อไปจะเป็นคำพูดสะกดจิตละนะ
ได้ผลกับคนอื่นป่าวไม่รู้ แต่เราชอบคุยกับตัวเองว่าแบบนี้...
เราเคยไม่ชอบตัวเองเพราะว่าเราไม่สวย
เราเคยก้มมองพุงตัวเองละแบบ ทำไมกูไม่ผอมซักทีวะ
เรามองรูปป๊ากับแม่แล้วแบบ จะปล่อยให้เค้ารอเราอีกนานแค่ไหนถึงจะเอาความสำเร็จมาให้เค้า
บางทีเราก็เหนื่อยนะ เราเทรนวันละ สองสามชั่วโมง (ไม่ต้องเทรนแบบเรานะ แค่อยากยกตัวอย่าง เรารู้คนเรามีความฝันไม่เหมือนกัน)
เรากินโปรตีนได้ 120
คาร์บ 130
แฟต 50
เราไม่เคยใช้เครื่องชั่งเลย ซื้อไก่มาก็หั่นๆ กะๆเอา หุงข้าวก็ไม่เคยตวง ใช้วิธีตามย่าสอน เอานิ้วจุ่มๆ
ไปยิมเราก็ไม่นั่งรถเมล์ เพราะตอนนี้เราก็ทำงานเก็บเงินจ่ายค่ากยศ บางวันก็ปั่นจย บางวันก็วิ่ง ไปยิมเสร็จก็กลับมาจกไก่
ช่วงเมนส์มานี่เป็นอะไรที่บับบบบบบบบบ จา-นั่น จา-นี่ แต่ถามว่าเรากินมั้ย เราก็กินนะ ช่วงเมนส์มานี่คาร์บพุ่งไปถึง 200 เลยมั้ง เดินจกกราโนล่าทั้งวัน
เราก็บ่นให้ป๊ากับแม่ฟังตลอดแหละ แต่เค้าก็ถามว่าโอเคมั้ย มันเป็นความฝันของเรานี่นา อยากทำมั้ย แฮปปี้มั้ย ถ้าอยากทำ เลือกที่จะทำแล้วก็ต้องอดทน มันก็เหนื่อยทั้งนั้นแหละ ไปยิมนะเห้ย ยกเหล็กหน่า ไม่ได้นั่งกินป้อบคอร์น พอเรารักตัวเองแล้ว เราทำอะไรดีๆให้ตัวเองแล้ว โลกแกจะเป็นสีชมพูทันทีเลยอะ เราไม่ได้บอกว่าการกินเคเอฟซีเป็นการไม่รักตัวเอง แต่การกินเคเอฟซีทุกวันเป็นการรักผู้พันมากกว่ารักตัวเอง ซึ่งไม่ค่อยดี
เราทุกคนอยากมีเรื่องไว้บอกคนรุ่นหลังว่าเชี่ย สมัยสาวๆนะ หุ่นป้านี่โคตรดีเลย มีคนจีบป้าวันละสิบคน แต่ป้าเลือกลุงเพราะลุงหาไก่ให้ป้ากินตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน มันน่ารักนะ
แต่เราก็ต้องไม่ลืมที่จะใช้ชีวิตถูกมะ เวลามีปาร์ตี้ช้ะ ไปดิ ไปเลย อยากกินไรก็กินดิ เราไม่ได้ไปปาร์ตี้ทุกวันซะหน่อย อย่างลูกค้าเราคนนึง นางเป็นคนบราซิล แฟนนางเป็นคนเยอรมัน นางบอกตอนบราซิลกับเยอรมันเล่นนะ เบียร์วันละสามกระป๋อง จะกินเบียร์ก็ไม่ได้ว่า แต่ก็ให้ดูด้วยความตัวเองกินคาร์บได้เท่าไหร่ แล้วถ้ากินเบียร์แล้วจะมาบ่น มันโอเคมั้ย ก็คุยกันไป ล่าสุดนางมาบอกไม่ได้กินเบียร์แล้วนะ เพราะบราซิลกับเยอรมันแพ้ สรุป คำพูดนี่ไม่ได้มีผล 55555555555555
ก็นั่นแหละ รักตัวเอง พอเรารักตัวเอง เราก็จะคิดได้เองว่าอะไรที่เราทำดีกับตัวเอง อะไรไม่ดี
ใครมีคำถามเรื่องพุงเพิง อยากให้คำนวณให้ว่ากินไรได้เท่าไหร่ อะไรแบบนี้ ไปทักในไอจีเด้อ ไม่เชคพันทิพ 555 แค่อยากมาเล่าให้ฟัง สู้ๆด้วยละกัน อย่ายอมแพ้ ยอมแพ้

ไม่ใช่ทางเลือกของนักสู้
[SR] อยากหุ่นดีอ่อ ก็แค่ตั้งใจ แล้วก็เชื่อว่าตัวเองจะทำได้ เดี๋ยวมันก็ได้เอง : )
คนเรามีความฝันต่างกัน ความฝันของเราเกี่ยวกับหุ่น ไม่เกี่ยวกับหน้า 555
เราเลยตั้งใจไดเอตมาตั้งแต่ต้นปี จะถามว่าเรียกว่าไดเอตมั้ย เราก็กินทุกอย่างนะ ไก่ทอด พิซซ่า ไอติม ไก่ ทูน่า ผัก แครอท เค้ก นม น้ำตาล
ความอยากเราก็มีเหมือนทุกคนแหละ แต่ความฝันเราใหญ่กว่าความอยาก พิซซ่าเลยไม่ได้แอ้มเราบ่อยๆ อันที่จริงเราจะกินก็ได้นะ พิซซ่า แต่ด้วยความที่มันจะเปลืองตังและมันจะไม่มีสารอาหารเท่าไหร่นัก ขนมปังกับข้าวเลยเป็นสิ่งที่เราอยู่ด้วยบ่อยกว่า
มันมีหลายความเชื่อนะเกี่ยวกับการมีสุขภาพที่ดี บางคนบอกกินไอติมไม่ได้ นี่เทรนลูกค้า ลูกค้าก็ถามกันว่า กินอะไรได้บ้าง เราก็บอก กินได้หมดเลย แต่เราจะเขียนให้ตลอดว่ากินได้เท่าไหร่ เป้าหมายคืออะไร ถ้าอยากลดไขมัน โปรตีนเท่าไหร่ต้องถึงท้อง ถ้าจะเพิ่มน้ำหนักหรือสัดส่วน ต้องกินคาร์บเพิ่มเท่าไหร่
อย่างที่เรารู้กัน การลดน้ำหนัก (ส่วนเกิน) ไม่ใช่ทำแบบสามวัน เดือนนึง เราทำกันทั้งชีวิต การออกกำลังกายไม่ใช่แค่ทำเพื่อให้เราหุ่นดีเพื่อไปทะเล ซึ่งมันก็อาจจะใช่ส่วนนึง แต่ถ้าเรามีข้ออ้างว่าหลังจากไปทะเล หรือหลังจากมีแฟน หลังจากแต่งงาน เราจะไม่ดูแลตัวเองแล้ว อันนี้ท่าจะไม่ได้ละ
ลองนึกดูว่าคนเคยเดินไปจ่ายตลาดแบบลั้ลลา แต่พอน้ำหนักมากขึ้นเพราะกินเค้กแทนข้าว หรือกินน้ำหวานแต่น้ำเปล่า ปัญาหามันก็จะตามมา มันก็จะเหนื่อยง่ายขึ้น บางคนก็ไปลงที่เข่า พอกายไม่สบาย เราก็ไม่ค่อยแฮปปี้ถูกมะ ลองไปดูคุณลุงคุณป้าที่เค้าเดินปร๋อเลยสิ เค้าจะบอกได้เลยว่าออกกำลังกายกับกินอาหารที่ดีมันดีขนาดไหน
เราเรียนเทรนเนอร์จบมาเมื่อเดือนเมษายน เราเจอกรณีศึกษามามากกว่าก่อนเรียน ความรู้เรื่องเทรนร่างกายเยอะขึ้น
เราไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายทุกวัน เราไม่ต้องไปยิมวันละ 2-3 ชั่วโมง เคยได้ยินสโลแกนของใครวะ พี่ติ๊ก ชีโร่ป้ะ ที่บอก แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย
ตาม American Heart Association เขาบอกว่า การออกกำลังกายขึ้นอยู่กับเป้าหมายของเรา ถ้าเราอยากออกเพื่อกำจัดโรคภัยไข้เจ็บ เดินบนลู่วิ่ง หรือเดินตามสวนสาธารณะ 30 นาที 3-5 วันก็พอ แต่ถ้าเราอยากมีกำลังมากขึ้นแบบฟิตไรงี้ การเพิ่มเวทเทรนนิ่ง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เราควรพิจารณา แต่ถ้าอย่างพวกนักวิ่ง นางซ้อมกัน 7 วัน วันละหลายชั่วโมง
อย่างเรื่องการกิน เราพยายามกินดีมาตั้งแต่สมัยมหาลัยละ ตอนนี้เรียนจบมาสองปีละก็ยังกินดีเหมือนเดิม แต่กินดีต่างกัน ตอนเรียนมหาลัย เราก็พยามกินโปรตีน แต่ก็กินเค้ก โชคดีนะที่ไม่กินเบียร์ เราว่ามันไม่อร่อย 555 ตอนเรียนลาดกระบังช้ะ โหยชาชักกันทุกวันศุร์ นี่ก็วิ่งไปสิ ก็ยังจะชาชัก สรุปไม่ไดเอตแล้วก็ได้
แต่พอเป้าหมายมันเริ่มชัด บอกตัวเองตลอดว่าจากการประกวดครั้งแรก ครั้งต่อไปจะต้องดีกว่า
ถามว่าเรากินอะไร เราก็กินแบบง่ายๆอะ
ลองกดแท๊ก #foodbymoth ในไอจีก็ได้นะ
แบบก็ขี้เกียจอะ บางก็ขยัน แต่ส่วนมากก็ไม่ค่อย แค่ให้มั่นใจว่าเรามีโปรตีน มีคาร์บ มีแฟต กล้ามเนื้อมีสารอาหารครบพอที่จะโตให้เราก็พอละ
เราก็อัพวิดีโอออกกำลังกายในไอจีบ้าง แต่ก็เป็นแบบตามใจฉัน อยากอัพไรก็อัพ ส่วนมากจะเป็นข้อความแบบนี้มากกว่า
ต่อไปจะเป็นคำพูดสะกดจิตละนะ
ได้ผลกับคนอื่นป่าวไม่รู้ แต่เราชอบคุยกับตัวเองว่าแบบนี้...
เราเคยไม่ชอบตัวเองเพราะว่าเราไม่สวย
เราเคยก้มมองพุงตัวเองละแบบ ทำไมกูไม่ผอมซักทีวะ
เรามองรูปป๊ากับแม่แล้วแบบ จะปล่อยให้เค้ารอเราอีกนานแค่ไหนถึงจะเอาความสำเร็จมาให้เค้า
บางทีเราก็เหนื่อยนะ เราเทรนวันละ สองสามชั่วโมง (ไม่ต้องเทรนแบบเรานะ แค่อยากยกตัวอย่าง เรารู้คนเรามีความฝันไม่เหมือนกัน)
เรากินโปรตีนได้ 120
คาร์บ 130
แฟต 50
เราไม่เคยใช้เครื่องชั่งเลย ซื้อไก่มาก็หั่นๆ กะๆเอา หุงข้าวก็ไม่เคยตวง ใช้วิธีตามย่าสอน เอานิ้วจุ่มๆ
ไปยิมเราก็ไม่นั่งรถเมล์ เพราะตอนนี้เราก็ทำงานเก็บเงินจ่ายค่ากยศ บางวันก็ปั่นจย บางวันก็วิ่ง ไปยิมเสร็จก็กลับมาจกไก่
ช่วงเมนส์มานี่เป็นอะไรที่บับบบบบบบบบ จา-นั่น จา-นี่ แต่ถามว่าเรากินมั้ย เราก็กินนะ ช่วงเมนส์มานี่คาร์บพุ่งไปถึง 200 เลยมั้ง เดินจกกราโนล่าทั้งวัน
เราก็บ่นให้ป๊ากับแม่ฟังตลอดแหละ แต่เค้าก็ถามว่าโอเคมั้ย มันเป็นความฝันของเรานี่นา อยากทำมั้ย แฮปปี้มั้ย ถ้าอยากทำ เลือกที่จะทำแล้วก็ต้องอดทน มันก็เหนื่อยทั้งนั้นแหละ ไปยิมนะเห้ย ยกเหล็กหน่า ไม่ได้นั่งกินป้อบคอร์น พอเรารักตัวเองแล้ว เราทำอะไรดีๆให้ตัวเองแล้ว โลกแกจะเป็นสีชมพูทันทีเลยอะ เราไม่ได้บอกว่าการกินเคเอฟซีเป็นการไม่รักตัวเอง แต่การกินเคเอฟซีทุกวันเป็นการรักผู้พันมากกว่ารักตัวเอง ซึ่งไม่ค่อยดี
เราทุกคนอยากมีเรื่องไว้บอกคนรุ่นหลังว่าเชี่ย สมัยสาวๆนะ หุ่นป้านี่โคตรดีเลย มีคนจีบป้าวันละสิบคน แต่ป้าเลือกลุงเพราะลุงหาไก่ให้ป้ากินตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน มันน่ารักนะ
แต่เราก็ต้องไม่ลืมที่จะใช้ชีวิตถูกมะ เวลามีปาร์ตี้ช้ะ ไปดิ ไปเลย อยากกินไรก็กินดิ เราไม่ได้ไปปาร์ตี้ทุกวันซะหน่อย อย่างลูกค้าเราคนนึง นางเป็นคนบราซิล แฟนนางเป็นคนเยอรมัน นางบอกตอนบราซิลกับเยอรมันเล่นนะ เบียร์วันละสามกระป๋อง จะกินเบียร์ก็ไม่ได้ว่า แต่ก็ให้ดูด้วยความตัวเองกินคาร์บได้เท่าไหร่ แล้วถ้ากินเบียร์แล้วจะมาบ่น มันโอเคมั้ย ก็คุยกันไป ล่าสุดนางมาบอกไม่ได้กินเบียร์แล้วนะ เพราะบราซิลกับเยอรมันแพ้ สรุป คำพูดนี่ไม่ได้มีผล 55555555555555
ก็นั่นแหละ รักตัวเอง พอเรารักตัวเอง เราก็จะคิดได้เองว่าอะไรที่เราทำดีกับตัวเอง อะไรไม่ดี
ใครมีคำถามเรื่องพุงเพิง อยากให้คำนวณให้ว่ากินไรได้เท่าไหร่ อะไรแบบนี้ ไปทักในไอจีเด้อ ไม่เชคพันทิพ 555 แค่อยากมาเล่าให้ฟัง สู้ๆด้วยละกัน อย่ายอมแพ้ ยอมแพ้
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้