คนเราชอบโทษคนอื่นอยู่เป็นประจำ เช่น เวลาถูกกฎหมายจัดการเพราะการกระทำของตัวเอง ถูกลบความเห็นจากกระทู้ เพราะการใช้ข้อมูลเท็จ เพราะหยาบคาย จึงอยากให้พิจารณาคำพังเพยนี้กันบ้างค่ะ
✏✏✏✏✏สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ🖊🖊🖊🖊🖊🖊
คำพังเพย "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" มีความหมายว่า ใจคนเรานั้นเป็นสำคัญ จะดีจะชั่วจะทุกข์จะสุขก็ย่อมขึ้นอยู่ที่ตัวของเรา จะเลือกที่จะคิดหรือที่จะเป็น
ซึ่งคำพังเพยนี้ท่านขุนวิจิตรมาตราได้อธิบายไว้ในหนังสือสำนวนไทย ว่าเทียบได้กับพุทธสุภาษิตที่ว่า
"นรกไม่มีผู้ใดก่อสร้างขึ้น คือไฟโกรธในใจให้เกิดไฟนรกและเผาผลาญเจ้าของไฟที่ให้เกิดขึ้นนั้น เมื่อผู้ใดทำการชั่ว ผู้นั้นจุดไฟนรกขึ้นและผู้นั้นย่อมไหม้ไปด้วยไฟของตนเอง"
ในโคลงโลกนิติสำนวนเก่า ได้มีโคลงกระทู้"สวรรค์ในอกนรกในใจ" ดังนี้
.........สวรรค์ แสวงสุขได้.........เสียกรรม
ในอก อิ่มบุญธรรม....................เที่ยงได้
นรก รักบาปนำ........................ไปสู่ ทุกข์แฮ
ในใจ ให้สุขให้.........................ทุกข์ด้วยใจเอง ฯ
อธิบายเพิ่มเติม ด้วยโคลงในหนังสือ "ปัญหาขัดข้องในวชิรญาณ ดังนี้
............เราดีเขาว่าร้าย..............ช่างเขา
สวรรค์นรกอกใจเรา...................ย่อมแจ้ง
ใช่ควรจะถือเอา........................เป็นมั่น
ดีชั่วอาจกลั่นแกล้ง....................กล่าวได้ดุจจริง ฯ
อก+ใจ ในที่นี้หมายถึงความคิดเรา
สุข หรือ ทุกข์ ก็อยู่ที่ใจ ( ความคิด ) เราเอง
สุขก็เหมือนขึ้นสวรรค์ ทุกข์ก็เหมือนตกนรก
บางครั้งกรรมและผลกรรมก็ทำให้เรามีความทุกข์ บางครั้งเราก็ทำใจเราให้คลายทุกข์ได้ด้วยการเข้าใจสัจธรรม ปล่อยวาง และใช้สติปัญญาแก้ไข
ขอบคุณyohoo!รู้รอบค่ะ....




ดิฉันจึงอยากขอแสดงความคิดเห็นว่า...จะดีจะชั่ว ตัวเรานั้นที่รู้ดียิ่งกว่าใคร ไม่มีใครมารู้ดีเท่าตัวเราได้เพราะอยู่ในตัวเรา
หรืออาจคิดเปรียบเทียบได้ว่า...จะทำผิดหรือทำถูก ตัวเรานั้นที่ทราบดีกว่าใคร อย่าไปโทษคนอื่นเลยดีกว่า ถ้าเราทำผิดและมีกติกาเล่นงาน ต้องพิจารณาที่ตัวเราเอง ไม่ต้องโทษคนอื่น
ในยามที่มีเรื่องกระทบจิตใจ อย่านำไปโมโหพาลคนอื่น




ตอนนี้มีเรื่องให้คิดทั้งเรื่องการเมืองและศาสนาที่มีนักการเมืองเห็นแก่ตัว จ้องแต่โทษคนอื่น หรือพระสงฆ์ทุจริตผิดศีลเบียดบังเงินทองไปเป็นของตัวเอง บางคนเข้าข้างนักการเมือง บางคนเข้าข้างพระสงฆ์
จิตใจย่อมขุ่นหมองไปกับเรื่องเหล่านี้
เราต้องพิจารณาดีๆว่าอะไรผิดอะไรถูก ไปคิดว่าเขาถูก จึงโกรธแค้นชิงชังที่เห็นคนที่รัก นับถือโดนกระทำ ทำให้ใจร้อนรุ่มเหมือนอยู่ในอเวจี การทำใจให้เป็นอุเบกขาจึงเป็นทางออกที่ดี สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ใครไม่ได้ทำอะไรผิดย่อมปลอดโปร่งใจ แก้ปัญหาได้ ส่วนคนที่ทำผิดก็ย่อมทุกข์ใจเหมือนมีไฟเผา บางคนจึงต้องหนีเพราะกลัวความผิด คนรักและศรัทธาควรต้องปล่อยวางอย่าไปทำให้ใจเป็นทุกข์มากนัก
การทราบว่าคนที่รักและศรัทธาทำผิด ย่อมมีความทุกข์ เหมือนมีนรกร้อนดั่งไฟอยู่ในใจ
การทราบว่าคนที่รักและศรัทธาทำถูกต้อง ย่อมร่าเริงสดใส เหมือนมีทางสวรรค์ให้เดินชม
ตัวเราเองก็เช่นกันย่อมทราบดีว่า...อก+ใจ ของเราเป็นเช่นไร หมั่นทำและคิดแต่สิ่งดีๆ สวรรค์จะอยู่ในใจของทุกคนค่ะ
☀️~มาลาริน~สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ...จะดีจะชั่ว ตัวเรานั้นที่รู้ดียิ่งกว่าใคร มองการเมืองอย่างมีสติ ยึดศาสนาอย่ายึดคน
✏✏✏✏✏สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ🖊🖊🖊🖊🖊🖊
คำพังเพย "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" มีความหมายว่า ใจคนเรานั้นเป็นสำคัญ จะดีจะชั่วจะทุกข์จะสุขก็ย่อมขึ้นอยู่ที่ตัวของเรา จะเลือกที่จะคิดหรือที่จะเป็น
ซึ่งคำพังเพยนี้ท่านขุนวิจิตรมาตราได้อธิบายไว้ในหนังสือสำนวนไทย ว่าเทียบได้กับพุทธสุภาษิตที่ว่า
"นรกไม่มีผู้ใดก่อสร้างขึ้น คือไฟโกรธในใจให้เกิดไฟนรกและเผาผลาญเจ้าของไฟที่ให้เกิดขึ้นนั้น เมื่อผู้ใดทำการชั่ว ผู้นั้นจุดไฟนรกขึ้นและผู้นั้นย่อมไหม้ไปด้วยไฟของตนเอง"
ในโคลงโลกนิติสำนวนเก่า ได้มีโคลงกระทู้"สวรรค์ในอกนรกในใจ" ดังนี้
.........สวรรค์ แสวงสุขได้.........เสียกรรม
ในอก อิ่มบุญธรรม....................เที่ยงได้
นรก รักบาปนำ........................ไปสู่ ทุกข์แฮ
ในใจ ให้สุขให้.........................ทุกข์ด้วยใจเอง ฯ
อธิบายเพิ่มเติม ด้วยโคลงในหนังสือ "ปัญหาขัดข้องในวชิรญาณ ดังนี้
............เราดีเขาว่าร้าย..............ช่างเขา
สวรรค์นรกอกใจเรา...................ย่อมแจ้ง
ใช่ควรจะถือเอา........................เป็นมั่น
ดีชั่วอาจกลั่นแกล้ง....................กล่าวได้ดุจจริง ฯ
อก+ใจ ในที่นี้หมายถึงความคิดเรา
สุข หรือ ทุกข์ ก็อยู่ที่ใจ ( ความคิด ) เราเอง
สุขก็เหมือนขึ้นสวรรค์ ทุกข์ก็เหมือนตกนรก
บางครั้งกรรมและผลกรรมก็ทำให้เรามีความทุกข์ บางครั้งเราก็ทำใจเราให้คลายทุกข์ได้ด้วยการเข้าใจสัจธรรม ปล่อยวาง และใช้สติปัญญาแก้ไข
ขอบคุณyohoo!รู้รอบค่ะ....
ดิฉันจึงอยากขอแสดงความคิดเห็นว่า...จะดีจะชั่ว ตัวเรานั้นที่รู้ดียิ่งกว่าใคร ไม่มีใครมารู้ดีเท่าตัวเราได้เพราะอยู่ในตัวเรา
หรืออาจคิดเปรียบเทียบได้ว่า...จะทำผิดหรือทำถูก ตัวเรานั้นที่ทราบดีกว่าใคร อย่าไปโทษคนอื่นเลยดีกว่า ถ้าเราทำผิดและมีกติกาเล่นงาน ต้องพิจารณาที่ตัวเราเอง ไม่ต้องโทษคนอื่น
ในยามที่มีเรื่องกระทบจิตใจ อย่านำไปโมโหพาลคนอื่น
ตอนนี้มีเรื่องให้คิดทั้งเรื่องการเมืองและศาสนาที่มีนักการเมืองเห็นแก่ตัว จ้องแต่โทษคนอื่น หรือพระสงฆ์ทุจริตผิดศีลเบียดบังเงินทองไปเป็นของตัวเอง บางคนเข้าข้างนักการเมือง บางคนเข้าข้างพระสงฆ์
จิตใจย่อมขุ่นหมองไปกับเรื่องเหล่านี้
เราต้องพิจารณาดีๆว่าอะไรผิดอะไรถูก ไปคิดว่าเขาถูก จึงโกรธแค้นชิงชังที่เห็นคนที่รัก นับถือโดนกระทำ ทำให้ใจร้อนรุ่มเหมือนอยู่ในอเวจี การทำใจให้เป็นอุเบกขาจึงเป็นทางออกที่ดี สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ใครไม่ได้ทำอะไรผิดย่อมปลอดโปร่งใจ แก้ปัญหาได้ ส่วนคนที่ทำผิดก็ย่อมทุกข์ใจเหมือนมีไฟเผา บางคนจึงต้องหนีเพราะกลัวความผิด คนรักและศรัทธาควรต้องปล่อยวางอย่าไปทำให้ใจเป็นทุกข์มากนัก
การทราบว่าคนที่รักและศรัทธาทำผิด ย่อมมีความทุกข์ เหมือนมีนรกร้อนดั่งไฟอยู่ในใจ
การทราบว่าคนที่รักและศรัทธาทำถูกต้อง ย่อมร่าเริงสดใส เหมือนมีทางสวรรค์ให้เดินชม
ตัวเราเองก็เช่นกันย่อมทราบดีว่า...อก+ใจ ของเราเป็นเช่นไร หมั่นทำและคิดแต่สิ่งดีๆ สวรรค์จะอยู่ในใจของทุกคนค่ะ