เรามีแพลนไปต่างประเทศกับครอบครัวเลยจัดการลาหยุดล่วงหน้าตามกฏบริษัทและเคลียร์งานทุกอย่างก่อนเดินทางพร้อมแจ้งหัวหน้าและคนที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจนแล้วนะคะ
แต่คืนก่อนวันเดินทางโดนที่ทำงานโทรตามพูดอ้อมๆโน้มน้าวให้แคนเซิลทริปอยากให้กลับมาช่วยงานด่วนที่บริษัท เราปฏิเสธแล้วบอกว่าจะขึ้นเครื่องพรุ้งนี้เช้า ในระหว่างนั้นก็มีไลน์จากที่ทำงานเข้ามาเรื่อยๆแต่เราปิดแจ้งเตือนทุกอย่างเพราะถือว่ามาพักผ่อน
กลับมาถึงไทยเปิดไลน์ก็เห็นข้อความตามจิกแซะรัวๆ พอไปทำงานก็เหมือนโดนสายตาทิ่มแทงส่งมา เจ้านายเรียกเข้าคุยแล้วบอกว่าเราต้องรู้จักมีน้ำใจและสปิริตมากกว่านี้ โอ้โห!!!หน้าชามากกลายเป็นความผิดเราซะงั้น
บริษัทนี้เป็นที่แรกที่เริ่มทำแถมอยู่ใกล้บ้านใจก็อยากอยู่ไปนานๆนะคะ แต่รู้สึกว่าวัฒนธรรมองค์กรไม่ถูกจริตเลย เช่น เพื่อนร่วมงานหยิบเครื่องเขียนไปใช้โดยไม่ขอ แม่บ้านมาวุ่นวายกับของบนโต๊ะทำงาน ชอบไลน์มาทวงงานในวันหยุด หัวหน้าบังคับให้ไปสังสรรค์กะทันหันทั้งๆที่นัดเทรนเนอร์ไว้แล้ว ที่ผ่านมาก็พยายามยืดหยุ่นตลอดจนมารอบนี้ที่ทนทำงานกับองค์กรที่ไม่เคารพความเป็นส่วนตัวไม่ไหวจริงๆ
สุดท้ายตัดสินใจยื่นใบลาออกก็ไม่วายโดนหัวหน้าถามซอกแซกกับเรื่องหางานใหม่พร้อมตบท้ายด้วยการสั่งสอนผสมแซะเรื่องความอดทนไปอีก หน้าก็ยิ้มรับคำค่ะๆแต่ในใจแอบคิดว่าเผือกกับชีวิตตรูจริ๊งงงง ตอนนี้กำลังพิจารณางานใหม่ที่เงินเดือนสูงกว่าแต่เงื่อนไขต้องไปอยู่เวียดนามหกเดือนเลยแอบกังวลเบาๆไม่รู้ว่าจะดีหรือแย่กว่าเดิม แต่ก็คิดซะว่าไปเก็บประสบการณ์การทำงานกับคนชาติอื่นบ้างล่ะกัน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ระบาย ลาออกจากงานเพราะโดนตามในวันลาพักร้อน
แต่คืนก่อนวันเดินทางโดนที่ทำงานโทรตามพูดอ้อมๆโน้มน้าวให้แคนเซิลทริปอยากให้กลับมาช่วยงานด่วนที่บริษัท เราปฏิเสธแล้วบอกว่าจะขึ้นเครื่องพรุ้งนี้เช้า ในระหว่างนั้นก็มีไลน์จากที่ทำงานเข้ามาเรื่อยๆแต่เราปิดแจ้งเตือนทุกอย่างเพราะถือว่ามาพักผ่อน
กลับมาถึงไทยเปิดไลน์ก็เห็นข้อความตามจิกแซะรัวๆ พอไปทำงานก็เหมือนโดนสายตาทิ่มแทงส่งมา เจ้านายเรียกเข้าคุยแล้วบอกว่าเราต้องรู้จักมีน้ำใจและสปิริตมากกว่านี้ โอ้โห!!!หน้าชามากกลายเป็นความผิดเราซะงั้น
บริษัทนี้เป็นที่แรกที่เริ่มทำแถมอยู่ใกล้บ้านใจก็อยากอยู่ไปนานๆนะคะ แต่รู้สึกว่าวัฒนธรรมองค์กรไม่ถูกจริตเลย เช่น เพื่อนร่วมงานหยิบเครื่องเขียนไปใช้โดยไม่ขอ แม่บ้านมาวุ่นวายกับของบนโต๊ะทำงาน ชอบไลน์มาทวงงานในวันหยุด หัวหน้าบังคับให้ไปสังสรรค์กะทันหันทั้งๆที่นัดเทรนเนอร์ไว้แล้ว ที่ผ่านมาก็พยายามยืดหยุ่นตลอดจนมารอบนี้ที่ทนทำงานกับองค์กรที่ไม่เคารพความเป็นส่วนตัวไม่ไหวจริงๆ
สุดท้ายตัดสินใจยื่นใบลาออกก็ไม่วายโดนหัวหน้าถามซอกแซกกับเรื่องหางานใหม่พร้อมตบท้ายด้วยการสั่งสอนผสมแซะเรื่องความอดทนไปอีก หน้าก็ยิ้มรับคำค่ะๆแต่ในใจแอบคิดว่าเผือกกับชีวิตตรูจริ๊งงงง ตอนนี้กำลังพิจารณางานใหม่ที่เงินเดือนสูงกว่าแต่เงื่อนไขต้องไปอยู่เวียดนามหกเดือนเลยแอบกังวลเบาๆไม่รู้ว่าจะดีหรือแย่กว่าเดิม แต่ก็คิดซะว่าไปเก็บประสบการณ์การทำงานกับคนชาติอื่นบ้างล่ะกัน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ