
สวัสดีครับ วันนี้ผมนักเขียนหน้าใหม่ อยากจะมาแบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยวที่สุดแสนประทับใจ กับที่แห่งนี้ครับ "หมู่บ้าน คีรีวง จ.นครศรีธรรมราช"

17/04/61 เราเริ่มออกเดินทางกันในช่วงหลังสงกรานต์ครับ โดยรถไฟชั้น 2 พัดลม กรุงเทพ - คลองจันดี ค่าโดยสาร 388 บาท แนะนำเพื่อนๆถ้ามีงบกันหน่อย นั่งชั้น 2 แอร์จะทำให้ท่านหลับสบายกว่ากันเยอะเรยครับ(ราคา 600 กว่าบาท )บรรยากาศในรถไฟถือว่าคนน้อย ผิดหูผิดตา รถไฟไทยมากครับ

18/04/61 ปู๊นๆๆๆๆ เวลาประมาณ 6 โมงเช้า เราก็มาถึง สถานี คลองจันดี จุดหมายของเราครับ โดยการเดินทางไปคีรีวงนี้ ถ้านั่งรถไฟเราสามารถเลือกลงได้ 2 สถานีครับ คือ สถานีคลองจันดี กับ สถานีนครศรีธรรมราช เหตุผลที่ผมเลือกลงที่นี่เพราะ 1.ค่ารถไฟจะถูกกว่าครับ 2.ประหยัดเวลา 3.จุดแลนมาร์คของเราครับ ตลาดเช้า @ คลองจันดี ถ้าเพื่อนๆมาไม่อยากให้พลาดเลยครับ เราไปชมบรรยากาศกันครับ

เราแวะทานอาหารเช้ากันที่นี่ครับ อยากจะบอกว่า อาหารถูกมากกกกก แถมอร่อยด้วย เรียกได้ว่ามาทริปนี้ น้ำหนักขึ้นไป 2 โลเลยครับ 555 โดยจุดเด่นของการมาทริปนี้ผมต้องยกให้อาหารใต้ เลยครับที่ทำเอาประทับใจไม่รู้ลืม


โจ๊กหมูใส่ไข่ 20 บาทเท่านั้น

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งนะครับ ของจริงเยอะมาก อิ่มมากด้วย เมื่อเรากินกันเรียบร้อย เราก็ไม่รีรอไปขึ้นสองแถวสาย คลองจันดี - นครศรีธรรมราชครับ ซึ่งรถก็มีมาตลอด ค่าโดยสาร 35 บาทครับ ระหว่างทางวิวสวยมากครับ อากาศดีซะด้วย เราใช้เวลาเดินทางประมาน 45 นาที ตอนขึ้นอย่าลืมบอกพี่คนขับนะครับว่าลงปากทางเข้า หมู่บ้านคีรีวง เขาจะจอดให้เราครับ

เมื่อมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งเราต้องเดินทางเข้าไปอีก 9 กิโลเมตรครับ ซึ่งก็เป็นความโชคดีที่สามารถขอติดรถนักท่องเที่ยวท่านอื่นเข้ามาได้ครับ แต่โดยปกติแล้วก็จะมีสองแถว ให้เราสามารถโดยสารเข้าไปได้ถึงตัวหมู่บ้านเลยครับ ระหว่างทางเข้าเราก็จะผ่านหมู่บ้านอื่นๆ ที่อยู่ใน ตำบล กำโลน อำเภอลานสกาครับ
หลังจากเดินทางกันข้ามคืน ในที่สุดเราก็มาถึงแล้วครับ คีรีวง ความรู้สึกแรกที่ถึงนะครับ ไม่เหมือนอย่างที่คิด หมู่บ้านนี้ ค่อนข้างครึกคักนะครับ แบบมีรถสัญจรกันตลอด นักท่องเที่ยวก็มีมาตลอดครับ ขนาดไปวันธรรมดานะเนี้ย เราไม่รอช้าครับ โทรหาทางบ้านพักเพื่อที่จะให้เขามารับเรา โดยเราเลือกพักกับ สวนปรางหวานครับ มีพี่โอ๋เป็นคนดูแล เหตุผลที่เลือกที่นี่เพราะว่า 1.ราคาถูกครับ 2.บรรยากาศดีครับ 3.ทำเลที่ตั้งของที่พัก ทำให้เราสามารถปั่นจักรยานไปเที่ยวที่ต่างๆได้ง่ายครับ คือผมขออธิบายอย่างที่ผมเข้าใจอย่างนี้นะครับ หมู่บ้านคีรีวงจะมีคลองท่าจันดี เปรียบเสมือนตัวแบ่งกลางหมู่บ้านให้เป็นสองฝั่งครับ ซึ่งผมคิดว่าฝั่งที่เราอยู่ (ฝั่งวัดคีรีวง) มีที่ให้เราปั่นจักรยานได้สะดวกกว่า แต่ถ้าหากใครต้องการความเงียบสงบหน่อย การเลือกที่พักอีกฝั่งหนึ่งก็ดูจะเข้าท่ากว่าครับ

กลับมาต่อในการเดินทางของเราครับ เมื่อมาถึงที่พัก เราก็ไม่ลืมที่จะเก็บบรรยากาศมาฝากเพื่อนๆกันครับ โดยที่พักเรานั้นคืนละ 600 บาทครับ พักได้ 2 ท่าน แต่ถ้าหากเรามาเป็นกลุ่ม ที่สวนปรางหวาน ก็มีที่พักรองรับครับ โดยเหตุผลที่ชื่อสวนปรางหวาน ผมได้ถามพี่เขา เพราะว่า ที่นี่มีต้นปรางหวาน หวานมากครับ และพี่โอ๋ยังฝากบอกอีกว่า ถ้าเรามาในช่วงเดือน 9 เดือน 10 ยังมีโอกาสได้รับประทานผลไม้ อร่อยๆด้วยนะครับ เราไปชมบรรยากาศบ้านพักกันครับ


ห้องจะค่อนข้างเล็กไปหน่อยนะครับ ที่เล็กเพราะว่าเตียงแอบใหญ่ไปนิดนึง แต่ก็นอนหลับสบายครับ

ห้องน้ำถือว่า โอเค เลยครับ สวยงาม น้ำไหลแรง และมีพื้นที่ใหญ่ดีครับ
หลังจากอาบน้ำ อาบท่า กันเสร็จสักช่วงเวลาเที่ยงๆ เราก็ได้เช่าจักรยานของพี่โอ๋ โดยค่าบริการวันละ 50บาท / คันครับ แนะนำครับ ควรเช่าคนละคันไปเลยครับ เพราะที่นี่ เป็นภูเขา ถ้ามีคนซ้อน ปั่นกันน่องโป่งแน่ครับ มอเตอร์ไซต์ก็มีนะครับสำหรับคนขี้เกียจปั่นวันละ 200 บาท

พาหนะคู่ใจของเราตลอด 3 วันครับ ผมมานั่งคิดมาอยู่ที่นี่ 3 วัน ผมปั่นไปประมาณ 25 กิโลได้ ผมก็ไม่รู้จะปั่นอะไรกันนักหนา หลังจากนั้นเราก็เริ่มทำการสำรวจสถานที่ครับ โดยปั่นย้อนขึ้นไปทาง วัดคีรีวง อยากจะบอกเพื่อนๆว่า บริเวณวัดคีรีวงเปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางของหมู่บ้านครับ เพราะบริเวณนี้ จะมีท่ารถสองแถวที่เราใช้เดินทาง มีตลาดนัดตอนเช้า มีซุปเปอร์มาเก็ตด้วยนะขอบอกเลยว่า ไม่ต้องง้อ เซเว่นครับ เผื่อใครมาเที่ยวจะได้ไม่ต้องตุนขนมมา เพราะเขามีขนม เครื่องดื่มขายครบครนครับ โดยซุปเปอร์จะตั้งอยู่หลังวัดนะครับ ลำเลก็จะหายากๆหน่อย

ติดๆกับซุปเปอร์ก็จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ถ้าโชคดีหน่อยก็จะเจอพี่ที่เขาดูแลครับ จะบอกว่าคุยกับพี่เขาก่อน จะได้ความรู้ในการเที่ยวมากๆครับ

หลังจากสำรวจได้สักพัก ท้องก็เริ่มร้อง เราจึงแวะทานอาหารกันที่แรก ที่นี่ครับ ร้านป้าเยาว์ อยู่ตรงข้ามกับวินสองแถวครับ โดยเรามีความภูมิใจเสนอมากว่า อาหารที่ คีรีวง แมร่งโคตรจะอร่อย แบบผมเป็นคนไม่ค่อยสนใจเรื่องอาหารนะครับเวลาเที่ยว แต่พอมาที่นี่คือแบบ อยากจะกินมันทุกอย่างครับ โดยเมนูแรกของเราคือ ผัดพริกแกงใต้ครับ ราคา 40 บาท แต่ความเผ็ดผมให้ 4000 เลยครับ เผ็ดแบบสุดตีน 5555

เมื่อกินอิ่มเราได้เวลาปั่นครับ จุดหมายแรกครับ น้ำตกวังไม้ปัก ระยะทางจากวัดคีรีวง 3 กิโลเมตร สภาพถนน ขึ้นเขาครับ ที่นี่พี่โอ๋บอกเราว่า ไม่อยากให้เราลงไปเล่นน้ำเท่าไหร่ เพราะมีน้ำวนครับอันตราย แต่ผมว่าบรรยากาศดีครับ มองไปจะเห็นยอดเขาหลวง อีกทั้งมีพี่ปลา พลวง เยอะเยะเต็มไปหมดเลยครับ เหมาะแก่การไปนั่งเล่นหย่อนขาแช่น้ำ สบายๆครับ

เมื่อนั่งเล่นสักพัก เราก็ปั่นจักยานกันกับมา ขากลับสบายๆครับลงเขา สนุกดี เราไม่ลืมที่จะเข้าไปไหว้พระกันที่วัดคีรีวงครับ ระหว่างที่เดินเล่นในวัดก็เจอ คุณลุงท่านนึงครับ แกเล่าให้ฟังว่า ในปี พ.ศ. 2531 ที่นี่เกิดอุทกภัยใหญ่ครับ แกเล่าให้ฟังว่า ฝนตกหนัก 7 วัน 7 คืน จนน้ำบนเขากักเก็บไม่อยู่ไหลลงมาเป็นน้ำป่า ลงมายังหมู่บ้าน แกบอกตอนนั้นน่ากลัวมาก แกเล่าให้ฟังอีกว่า ที่จริงตรงสะพานคลองท่าดี ที่เราชอบไปถ่ายรูปกัน ตรงนั้น เป็นโรงเรียนและหมู่บ้านแต่พอน้ำมาทำให้ทุกอย่างพังทลายไปหมด จึงเกิดเป็นสายน้ำใหม่ ผมเลยถามแล้วลุงรอดมาได้ไง แกตอบว่า ลุงไปหลบอยู่บนเมน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 13 คน และนี่ก็คือสภาพโบส ที่โดนน้ำท่วม ซึ่งทางหมู่บ้าน ได้คงรักษาให้อยู่ในสภาพเดิมตั้งแต่ปี 2531


เวลาตกบ่ายเราก็ไม่หยุดที่จะปั่นจักรยานไปเยี่ยมชมอีกฝั่งของหมู่บ้านครับ โดยอีกฝั่งหนึ่งก็จะไม่ค่อยมีที่เที่ยวอะไรมากครับ โดยถ้าปั่นไปจนสุดประมาณ 3 กิโล ก็จะเจอ สถานีวิจัยต้นน้ำ ครับ และก็จะมีเจ้าป่าสุดแสนน่ารัก คอยต้อนรับเราอยุ่ครับ คีรีวงที่นี่ ชาวบ้านนิยมเลี้ยงสุนัขกันมากครับ ละแต่ละตัวก็สวยๆ น่ารักๆ ทั้งนั้นครับ แทบไม่มีหมาขี้เรื้อนเหมือน กทม บ้านเรา เรียกได้ว่าเขาดูแลสัตว์กันดีมากครับ

เขาบอกเราว่า เขาชื่อ ดัมมี่ ครับ ใครไปก็อย่าลืมไปทักทายดัมมี่นะครับ ดูท่าหาเพื่อนเล่นอยู่
หลังจากเที่ยวมาทั้งวัน ก็ได้เวลาเย็นๆ ที่นี่เย็นๆ บรรยากาศดีมากนะครับ แบบท้องฟ้าสวย แล้วอากาศก็จะเริ่มเย็นลง คนที่นี่บอกว่าที่อากาศดีก็เพราะเราอยู่ท่ามกลางภูเขา และมีเขาหลวงนี่ละครับ ที่ทำให้ที่นี่อากาศดี โดยเมนูสำหรับเย็นนี้เรามาฝากท้องกันที่ ร้าน ครัวข้าวปั้น อยู่บริเวณ จุดชมวิว ร้านจะอยู่ช่วงริมๆหน่อย อาจจะหาค่อนข้างยาก แต่ขอบอกว่าอาหารอร่อยมากครับ โดยเมนูเย็นนี้คือ ข้าวคลุกกะปิราคา 50 บาท อยากจะบอกว่าอร่อยกว่า กทม อีกครับ เหมือนแบบกะปิที่เขาใช้ มันไม่เหมือนของ กทม แล้วให้เยอะคุ้มราคามากครับ และอีกเมนูคือ ข้าวผัดแหนมครับ อร่อยไม่แพ้กัน เลยครับ

บรรยากาศมื้อเย็นสุดโรแมนติกของเราครับ

เมื่อกินของคาวกันไปแล้วมันก็ต้องตบด้วยของหวานครับ และร้านของหวานที่นี่ก็ต้องร้านนี้เลยครับที่ขึ้นชื่อ "ร้านนายทั่ง" ถ้าตามความรู้สึกผม ร้านนี้ตกแต่งร้านได้วินเทจดีครับ แต่เมนูของหวานเครื่องดื่ม ก็ไม่แตกต่างอะไรจากร้านทั่วไปครับ


เวลา 20.00 น. Have a good Dream
19/04/61 Good morning in summer อุณหภูมิช่วงเช้าประมาน 24 องศาครับ เราตื่นกัน 6 โมงเช้า ไม่รีรอ ปั่นๆๆๆ กันไปดูบรรยากาศยามเช้า


แต่อย่างว่าครับนี่มันทริปกิน เราก็ต้องกินครับ เมนูยามเช้าวันนี้คือ ข้าวยำปักใต้ ราคาเพียง 20บาท แต่รสชาติความเผ็ดผมให้ 100000 มันเป็นเหมือนข้าวผัด มีปลาตัวเล็กๆมาให้ ละก็มีน้ำพริกของทางคนใต้เขา พูดแล้วนี่ผมก็หิวอยากกินอีกเลยครับ ปล.อย่าลืมพกน้ำเปล่าไปกินนะครับเผ็ดมาก

กลับมาที่บ้านพัก ก็จะมีโจ๊ก กาแฟ โอวัลติน เสริฟไว้ให้เราที่หน้าห้องเลยครับ โจ๊กก็อร่อยครับ ขนาดโจ๊กที่นี่ ยังมีรสชาติไม่จืดเลยนะครับ 55 แถมด้วยปลาท๋องโก๋ที่พี่ให้มาเยอะจนผมกินไม่หมด

เมื่อท้องอิ่มก็ถึงวลาไปเล่นน้ำกันที่ หนานหินท่าหา กันแล้วครับ ที่นี่เป็นอีกจุดแลนมาร์ก ที่ผู้คนนิยมมาเล่นน้ำครับ คนค่อนข้างครึกคัก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาจะเป็นคนในภูมิภาคครับ คือ มาเช้าเยนกลับ หรืออาจจะค้างแค่คืนเดียวกัน ทำให้มีนักท่องเที่ยว สัญจรเข้าออก ตลอดๆ ภาพบรรยากาศครับ

หลังจากเล่นน้ำมาเหนื่อยๆ ก็ต้องหาอะไรมาลงท้องกันครับ มาใต้ทั้งที จะพลาดกินขนมจีน น้ำยา ได้อย่างไรกัน ร้านต่อไปที่ภูมิใจนำเสนอคือ ร้านลูกลำเจี๊ยก ขนมจีนน้ำยาปูสุดเด็ด ในสนมราคาเพียง 30 บาท พร้อมอลังการงานผัก
หมู่บ้าน "คีรีวง" คงจำไม่รู้ลืม (ชิม ชิวๆ @ 3 DAYS)
สวัสดีครับ วันนี้ผมนักเขียนหน้าใหม่ อยากจะมาแบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยวที่สุดแสนประทับใจ กับที่แห่งนี้ครับ "หมู่บ้าน คีรีวง จ.นครศรีธรรมราช"
17/04/61 เราเริ่มออกเดินทางกันในช่วงหลังสงกรานต์ครับ โดยรถไฟชั้น 2 พัดลม กรุงเทพ - คลองจันดี ค่าโดยสาร 388 บาท แนะนำเพื่อนๆถ้ามีงบกันหน่อย นั่งชั้น 2 แอร์จะทำให้ท่านหลับสบายกว่ากันเยอะเรยครับ(ราคา 600 กว่าบาท )บรรยากาศในรถไฟถือว่าคนน้อย ผิดหูผิดตา รถไฟไทยมากครับ
18/04/61 ปู๊นๆๆๆๆ เวลาประมาณ 6 โมงเช้า เราก็มาถึง สถานี คลองจันดี จุดหมายของเราครับ โดยการเดินทางไปคีรีวงนี้ ถ้านั่งรถไฟเราสามารถเลือกลงได้ 2 สถานีครับ คือ สถานีคลองจันดี กับ สถานีนครศรีธรรมราช เหตุผลที่ผมเลือกลงที่นี่เพราะ 1.ค่ารถไฟจะถูกกว่าครับ 2.ประหยัดเวลา 3.จุดแลนมาร์คของเราครับ ตลาดเช้า @ คลองจันดี ถ้าเพื่อนๆมาไม่อยากให้พลาดเลยครับ เราไปชมบรรยากาศกันครับ
เราแวะทานอาหารเช้ากันที่นี่ครับ อยากจะบอกว่า อาหารถูกมากกกกก แถมอร่อยด้วย เรียกได้ว่ามาทริปนี้ น้ำหนักขึ้นไป 2 โลเลยครับ 555 โดยจุดเด่นของการมาทริปนี้ผมต้องยกให้อาหารใต้ เลยครับที่ทำเอาประทับใจไม่รู้ลืม
โจ๊กหมูใส่ไข่ 20 บาทเท่านั้น
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งนะครับ ของจริงเยอะมาก อิ่มมากด้วย เมื่อเรากินกันเรียบร้อย เราก็ไม่รีรอไปขึ้นสองแถวสาย คลองจันดี - นครศรีธรรมราชครับ ซึ่งรถก็มีมาตลอด ค่าโดยสาร 35 บาทครับ ระหว่างทางวิวสวยมากครับ อากาศดีซะด้วย เราใช้เวลาเดินทางประมาน 45 นาที ตอนขึ้นอย่าลืมบอกพี่คนขับนะครับว่าลงปากทางเข้า หมู่บ้านคีรีวง เขาจะจอดให้เราครับ
เมื่อมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งเราต้องเดินทางเข้าไปอีก 9 กิโลเมตรครับ ซึ่งก็เป็นความโชคดีที่สามารถขอติดรถนักท่องเที่ยวท่านอื่นเข้ามาได้ครับ แต่โดยปกติแล้วก็จะมีสองแถว ให้เราสามารถโดยสารเข้าไปได้ถึงตัวหมู่บ้านเลยครับ ระหว่างทางเข้าเราก็จะผ่านหมู่บ้านอื่นๆ ที่อยู่ใน ตำบล กำโลน อำเภอลานสกาครับ
หลังจากเดินทางกันข้ามคืน ในที่สุดเราก็มาถึงแล้วครับ คีรีวง ความรู้สึกแรกที่ถึงนะครับ ไม่เหมือนอย่างที่คิด หมู่บ้านนี้ ค่อนข้างครึกคักนะครับ แบบมีรถสัญจรกันตลอด นักท่องเที่ยวก็มีมาตลอดครับ ขนาดไปวันธรรมดานะเนี้ย เราไม่รอช้าครับ โทรหาทางบ้านพักเพื่อที่จะให้เขามารับเรา โดยเราเลือกพักกับ สวนปรางหวานครับ มีพี่โอ๋เป็นคนดูแล เหตุผลที่เลือกที่นี่เพราะว่า 1.ราคาถูกครับ 2.บรรยากาศดีครับ 3.ทำเลที่ตั้งของที่พัก ทำให้เราสามารถปั่นจักรยานไปเที่ยวที่ต่างๆได้ง่ายครับ คือผมขออธิบายอย่างที่ผมเข้าใจอย่างนี้นะครับ หมู่บ้านคีรีวงจะมีคลองท่าจันดี เปรียบเสมือนตัวแบ่งกลางหมู่บ้านให้เป็นสองฝั่งครับ ซึ่งผมคิดว่าฝั่งที่เราอยู่ (ฝั่งวัดคีรีวง) มีที่ให้เราปั่นจักรยานได้สะดวกกว่า แต่ถ้าหากใครต้องการความเงียบสงบหน่อย การเลือกที่พักอีกฝั่งหนึ่งก็ดูจะเข้าท่ากว่าครับ
กลับมาต่อในการเดินทางของเราครับ เมื่อมาถึงที่พัก เราก็ไม่ลืมที่จะเก็บบรรยากาศมาฝากเพื่อนๆกันครับ โดยที่พักเรานั้นคืนละ 600 บาทครับ พักได้ 2 ท่าน แต่ถ้าหากเรามาเป็นกลุ่ม ที่สวนปรางหวาน ก็มีที่พักรองรับครับ โดยเหตุผลที่ชื่อสวนปรางหวาน ผมได้ถามพี่เขา เพราะว่า ที่นี่มีต้นปรางหวาน หวานมากครับ และพี่โอ๋ยังฝากบอกอีกว่า ถ้าเรามาในช่วงเดือน 9 เดือน 10 ยังมีโอกาสได้รับประทานผลไม้ อร่อยๆด้วยนะครับ เราไปชมบรรยากาศบ้านพักกันครับ
ห้องจะค่อนข้างเล็กไปหน่อยนะครับ ที่เล็กเพราะว่าเตียงแอบใหญ่ไปนิดนึง แต่ก็นอนหลับสบายครับ
ห้องน้ำถือว่า โอเค เลยครับ สวยงาม น้ำไหลแรง และมีพื้นที่ใหญ่ดีครับ
หลังจากอาบน้ำ อาบท่า กันเสร็จสักช่วงเวลาเที่ยงๆ เราก็ได้เช่าจักรยานของพี่โอ๋ โดยค่าบริการวันละ 50บาท / คันครับ แนะนำครับ ควรเช่าคนละคันไปเลยครับ เพราะที่นี่ เป็นภูเขา ถ้ามีคนซ้อน ปั่นกันน่องโป่งแน่ครับ มอเตอร์ไซต์ก็มีนะครับสำหรับคนขี้เกียจปั่นวันละ 200 บาท
พาหนะคู่ใจของเราตลอด 3 วันครับ ผมมานั่งคิดมาอยู่ที่นี่ 3 วัน ผมปั่นไปประมาณ 25 กิโลได้ ผมก็ไม่รู้จะปั่นอะไรกันนักหนา หลังจากนั้นเราก็เริ่มทำการสำรวจสถานที่ครับ โดยปั่นย้อนขึ้นไปทาง วัดคีรีวง อยากจะบอกเพื่อนๆว่า บริเวณวัดคีรีวงเปรียบเสมือนจุดศูนย์กลางของหมู่บ้านครับ เพราะบริเวณนี้ จะมีท่ารถสองแถวที่เราใช้เดินทาง มีตลาดนัดตอนเช้า มีซุปเปอร์มาเก็ตด้วยนะขอบอกเลยว่า ไม่ต้องง้อ เซเว่นครับ เผื่อใครมาเที่ยวจะได้ไม่ต้องตุนขนมมา เพราะเขามีขนม เครื่องดื่มขายครบครนครับ โดยซุปเปอร์จะตั้งอยู่หลังวัดนะครับ ลำเลก็จะหายากๆหน่อย
ติดๆกับซุปเปอร์ก็จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ถ้าโชคดีหน่อยก็จะเจอพี่ที่เขาดูแลครับ จะบอกว่าคุยกับพี่เขาก่อน จะได้ความรู้ในการเที่ยวมากๆครับ
หลังจากสำรวจได้สักพัก ท้องก็เริ่มร้อง เราจึงแวะทานอาหารกันที่แรก ที่นี่ครับ ร้านป้าเยาว์ อยู่ตรงข้ามกับวินสองแถวครับ โดยเรามีความภูมิใจเสนอมากว่า อาหารที่ คีรีวง แมร่งโคตรจะอร่อย แบบผมเป็นคนไม่ค่อยสนใจเรื่องอาหารนะครับเวลาเที่ยว แต่พอมาที่นี่คือแบบ อยากจะกินมันทุกอย่างครับ โดยเมนูแรกของเราคือ ผัดพริกแกงใต้ครับ ราคา 40 บาท แต่ความเผ็ดผมให้ 4000 เลยครับ เผ็ดแบบสุดตีน 5555
เมื่อกินอิ่มเราได้เวลาปั่นครับ จุดหมายแรกครับ น้ำตกวังไม้ปัก ระยะทางจากวัดคีรีวง 3 กิโลเมตร สภาพถนน ขึ้นเขาครับ ที่นี่พี่โอ๋บอกเราว่า ไม่อยากให้เราลงไปเล่นน้ำเท่าไหร่ เพราะมีน้ำวนครับอันตราย แต่ผมว่าบรรยากาศดีครับ มองไปจะเห็นยอดเขาหลวง อีกทั้งมีพี่ปลา พลวง เยอะเยะเต็มไปหมดเลยครับ เหมาะแก่การไปนั่งเล่นหย่อนขาแช่น้ำ สบายๆครับ
เมื่อนั่งเล่นสักพัก เราก็ปั่นจักยานกันกับมา ขากลับสบายๆครับลงเขา สนุกดี เราไม่ลืมที่จะเข้าไปไหว้พระกันที่วัดคีรีวงครับ ระหว่างที่เดินเล่นในวัดก็เจอ คุณลุงท่านนึงครับ แกเล่าให้ฟังว่า ในปี พ.ศ. 2531 ที่นี่เกิดอุทกภัยใหญ่ครับ แกเล่าให้ฟังว่า ฝนตกหนัก 7 วัน 7 คืน จนน้ำบนเขากักเก็บไม่อยู่ไหลลงมาเป็นน้ำป่า ลงมายังหมู่บ้าน แกบอกตอนนั้นน่ากลัวมาก แกเล่าให้ฟังอีกว่า ที่จริงตรงสะพานคลองท่าดี ที่เราชอบไปถ่ายรูปกัน ตรงนั้น เป็นโรงเรียนและหมู่บ้านแต่พอน้ำมาทำให้ทุกอย่างพังทลายไปหมด จึงเกิดเป็นสายน้ำใหม่ ผมเลยถามแล้วลุงรอดมาได้ไง แกตอบว่า ลุงไปหลบอยู่บนเมน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 13 คน และนี่ก็คือสภาพโบส ที่โดนน้ำท่วม ซึ่งทางหมู่บ้าน ได้คงรักษาให้อยู่ในสภาพเดิมตั้งแต่ปี 2531
เวลาตกบ่ายเราก็ไม่หยุดที่จะปั่นจักรยานไปเยี่ยมชมอีกฝั่งของหมู่บ้านครับ โดยอีกฝั่งหนึ่งก็จะไม่ค่อยมีที่เที่ยวอะไรมากครับ โดยถ้าปั่นไปจนสุดประมาณ 3 กิโล ก็จะเจอ สถานีวิจัยต้นน้ำ ครับ และก็จะมีเจ้าป่าสุดแสนน่ารัก คอยต้อนรับเราอยุ่ครับ คีรีวงที่นี่ ชาวบ้านนิยมเลี้ยงสุนัขกันมากครับ ละแต่ละตัวก็สวยๆ น่ารักๆ ทั้งนั้นครับ แทบไม่มีหมาขี้เรื้อนเหมือน กทม บ้านเรา เรียกได้ว่าเขาดูแลสัตว์กันดีมากครับ
เขาบอกเราว่า เขาชื่อ ดัมมี่ ครับ ใครไปก็อย่าลืมไปทักทายดัมมี่นะครับ ดูท่าหาเพื่อนเล่นอยู่
หลังจากเที่ยวมาทั้งวัน ก็ได้เวลาเย็นๆ ที่นี่เย็นๆ บรรยากาศดีมากนะครับ แบบท้องฟ้าสวย แล้วอากาศก็จะเริ่มเย็นลง คนที่นี่บอกว่าที่อากาศดีก็เพราะเราอยู่ท่ามกลางภูเขา และมีเขาหลวงนี่ละครับ ที่ทำให้ที่นี่อากาศดี โดยเมนูสำหรับเย็นนี้เรามาฝากท้องกันที่ ร้าน ครัวข้าวปั้น อยู่บริเวณ จุดชมวิว ร้านจะอยู่ช่วงริมๆหน่อย อาจจะหาค่อนข้างยาก แต่ขอบอกว่าอาหารอร่อยมากครับ โดยเมนูเย็นนี้คือ ข้าวคลุกกะปิราคา 50 บาท อยากจะบอกว่าอร่อยกว่า กทม อีกครับ เหมือนแบบกะปิที่เขาใช้ มันไม่เหมือนของ กทม แล้วให้เยอะคุ้มราคามากครับ และอีกเมนูคือ ข้าวผัดแหนมครับ อร่อยไม่แพ้กัน เลยครับ
บรรยากาศมื้อเย็นสุดโรแมนติกของเราครับ
เมื่อกินของคาวกันไปแล้วมันก็ต้องตบด้วยของหวานครับ และร้านของหวานที่นี่ก็ต้องร้านนี้เลยครับที่ขึ้นชื่อ "ร้านนายทั่ง" ถ้าตามความรู้สึกผม ร้านนี้ตกแต่งร้านได้วินเทจดีครับ แต่เมนูของหวานเครื่องดื่ม ก็ไม่แตกต่างอะไรจากร้านทั่วไปครับ
เวลา 20.00 น. Have a good Dream
19/04/61 Good morning in summer อุณหภูมิช่วงเช้าประมาน 24 องศาครับ เราตื่นกัน 6 โมงเช้า ไม่รีรอ ปั่นๆๆๆ กันไปดูบรรยากาศยามเช้า
แต่อย่างว่าครับนี่มันทริปกิน เราก็ต้องกินครับ เมนูยามเช้าวันนี้คือ ข้าวยำปักใต้ ราคาเพียง 20บาท แต่รสชาติความเผ็ดผมให้ 100000 มันเป็นเหมือนข้าวผัด มีปลาตัวเล็กๆมาให้ ละก็มีน้ำพริกของทางคนใต้เขา พูดแล้วนี่ผมก็หิวอยากกินอีกเลยครับ ปล.อย่าลืมพกน้ำเปล่าไปกินนะครับเผ็ดมาก
กลับมาที่บ้านพัก ก็จะมีโจ๊ก กาแฟ โอวัลติน เสริฟไว้ให้เราที่หน้าห้องเลยครับ โจ๊กก็อร่อยครับ ขนาดโจ๊กที่นี่ ยังมีรสชาติไม่จืดเลยนะครับ 55 แถมด้วยปลาท๋องโก๋ที่พี่ให้มาเยอะจนผมกินไม่หมด
เมื่อท้องอิ่มก็ถึงวลาไปเล่นน้ำกันที่ หนานหินท่าหา กันแล้วครับ ที่นี่เป็นอีกจุดแลนมาร์ก ที่ผู้คนนิยมมาเล่นน้ำครับ คนค่อนข้างครึกคัก ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาจะเป็นคนในภูมิภาคครับ คือ มาเช้าเยนกลับ หรืออาจจะค้างแค่คืนเดียวกัน ทำให้มีนักท่องเที่ยว สัญจรเข้าออก ตลอดๆ ภาพบรรยากาศครับ
หลังจากเล่นน้ำมาเหนื่อยๆ ก็ต้องหาอะไรมาลงท้องกันครับ มาใต้ทั้งที จะพลาดกินขนมจีน น้ำยา ได้อย่างไรกัน ร้านต่อไปที่ภูมิใจนำเสนอคือ ร้านลูกลำเจี๊ยก ขนมจีนน้ำยาปูสุดเด็ด ในสนมราคาเพียง 30 บาท พร้อมอลังการงานผัก