เรื่องของเราเริ่มต้นที่ ปี 2016 แม่เราป่วยเข้า รพ. มีอาการมือชา แขนชา แรงหาย แม่เข้า admin รพ.เอกชน แถวบ้าน หมอตรวจเจอ ว่าเป็นเนื้องอกในสมอง ซึ่งหมอบอกเป็นเนื้อดียังไม่เป็นเนื้อร้าย แต่ เนื้อทับเส้นประสาท ทำให้ แม่เราเดินไม่ได้ เรารักษาแม่ที่ รพ.เอกชน อยู่ประมาณ 1 เดือน หมอที่ทำการรักษาบอกว่าต้องรักษานานประมาณ 4 เดือนจึงทำเรื่องส่งตัวไป รพ.รัฐ ให้ เรื่องเงินไม่ต้องพูดถึง แม่อยู่ห้องพิเศษ ยาบางตัวไม่เข้าร่วมสิทธิ (จ่ายเอง) ค่า MRI Scan เราไม่ได้ทำประกันสุขภาพให้แม่ เราจ่ายเองหมด เงินเก็บที่มี เอามารักษาแม่ทั้งหมด คิดอย่างเดียวว่ามีแม่คนเดียว เงินไม่ตายก็หาใหม่ได้ ซึ่งตอนที่จะทำเรื่องย้ายไปที่ รพ.รัฐ แม่เราอาการหนักเอาการ แพ้ยา เดินไม่ได้แล้ว พอไปที่ รพ. รัฐ เราก็ต้องเริ่มรักษาใหม่หมด ทดลองยา เปลี่ยนทุกอย่าง กว่าแม่จะเข้ากับยาได้ ก็นานพอสมควร ตอนนั้น สงสารแม่มาก ทั้งเจาะเลือด แขนขาช้ำหมด ไหนจะต้องกายภาพอีก มีช่วงแรกที่แม่เราถามหมอ " ป้าจะกลับมาเดินได้ไหม" หมอตอบ " เดินไม่ได้หรอก ป้าจะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตแหละ" เอาสิ เรา 3 คน มองหน้าหมอคนนั้นแล้วร้องไห้ มันใช่หรา ที่หมอจะพูดแบบนี้กับคนไข้ที่ใจยังไม่ปกติแบบนี้

ครอบครัวเราใช้ชีวิตอยู่ที่ รพ. มา 4 เดือนเต็ม พ่อ นอนเฝ้าแม่ตลอด ดึกๆ ทำกายภาพให้ทุกวัน เช็ดตัว สระผม ทำทุกอย่างบนเตียงคนไข้ให้ ป้อนข้าวทุกอย่าง ส่วนเราจะกลับไปหาพ่อกับแม่เฉพาะวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เพราะทำงานอีกทีหนึ่ง แต่เราก้จ้างผู้ช่วยพยาบาลไว้ดูแม่บ้าง เพราะต้องช่วยดูแม่ ตอนที่พ่อเราไม่อยู่ ช่วงนั้นเป็นช่วงชีวิตที่เหนื่อยมาก ทำงานไม่รู้เรื่อง ทำงานไปร้องไห้ไป ขาดงานลางานบ่อยมาก ดีที่หัวหน้าเข้าใจและช่วยเราพอสมควร เวลาไป รพ. สิ่งที่ทำเป็นประจำคือ กายภาพให้แม่ เช็ดตัว รับยา นอนเฝ้าแม่ เช็คไปก็ร้องไห้ไป ชีวิตจิตตกมาก แม่จะพูดตลอด เพราะ แม่เราจึงไม่มีเงินเก็บ เงินต้องเอามารักษาแม่ แม่ทำให้เราเหนื่อย ถ้าแม่ตายไปคงไม่ลำบากขนาดนี้ #ร้องไห้สิรออะไร

แต่เชื่อไหม ช่วงเดือนที่ 4 แม่เรากลับมาขยับแขนขาได้ และกลับมาเดินได้เหมือนเดิม พยาบาลกับหมอที่รักษาตกใจมาก เพราะแม่เราสามารถฝืนตัวเองกลับมาได้เร็วขนาดนี้ คงเป็นบุญเก่าแม่และคงเพราะกำลังใจที่เราสามคนมีให้กันมั้ง มีช่วงหนึ่งที่แม่ทำให้พยาบาลทั้งชั้นตกใจมาก คือ ช่วงประมาณ ตี 4 ทุกคนนอนกันหมดร่วมทั้งพ่อด้วย แม่ลุกมาฝึกเดินคนเดียว แต่ไม่ได้แค่ในห้องนะคะ เสียงคนเดิน เสาน้ำเกลือ แล้วบรรยากาศก็เงียบ พยาบาลตกใจ นึกว่าแม่เราละเมอลุกมาเดิน พี่บางคนที่ไม่รู้ก็คิดว่าเป็นผี 555 คิดแล้วก็ตลกนะคะ แม่อยู่ใน รพ. จนรู้จักกับ คนในนั้นจนหมด สนิทไปหมด วันที่แม่ก็ได้ออกจาก รพ. วันนั้น เป็นวันที่เราสามคนดีใจมาก. ปล่อยบ้านร้างมา 4 เดือนเต็มๆ แต่ถึงจะออกจาก รพ.แล้ว หมอก็นัดไปรับยา เช็คเนื้องอกตลอด กินยากันชักตลอดชีวิต แต่ พอแม่มาอยู่บ้าน ยาที่รับจาก รพ.รัฐ มันเข้ากับร่างกายแม่ไม่ได้เลย เพราะตอนที่อยู่ที่ รพ.หมอรักษาโดนใช้เป็นการให้ยาผ่านสายเป็นหลัก พอมาใช้ยากิน มันเลยทำให้แม่ชักเหมือนเดิม แต่ สรุปเรื่องยา คือแม่ ไปรับยากันชัก กับ รพ.เอกชน ที่รักษาตั้งแต่แรกคะ ค่ายา+ค่าหมอแต่ละเดือน กินตลอดชีวิตอีก ไม่ต้องพูดถึงเลย
ช่วงที่อยู่ รพ. ทำให้เรารู้สัจธรรมของชีวิตมากขึ้น เจอคนเจ็บ คนป่วย คนตาย การรักษาที่ดีและไม่ดีบ้าง เจอหมอ บุคคลากร ดี ก็โชคดีไป แต่ถ้าเจอ หมอ กับพยาบาล ที่ทำรักษาไปงั้นๆ ปากไม่ดีก็มีเยอะ ถ้ามีเงินก็ดูแลดีหน่อย เราเคยเจอพยาบาลคนหนึ่งพูดใส่เรา เสียงแข็งๆบอกว่าค่าห้องแพงนะ น้องจะมีเงินจ่ายเหรอ ให้เราทำเรื่องย้ายไปห้องปกติ นางคงคิดว่าเราไม่มีเงินมั้ง ตอนนั้นเลยตอบไปว่า มีปัญญาหาได้คะ “แม่คนเดียว” เงิบคะ ปวดใจกับบุคลากรแบบนี้ ถ้าผู้ป่วย 30 บาทนี้ ไม่อยากพูดถึงเลย บางครั้งเราไปเจอคนไข้นอนเละอยู่ ไม่มีญาติ ไม่มีคนดู พยาบาล ผู้ช่วยก็ไม่มีใครเข้าไปดู สุดท้ายตัวเรานั้นแหละที่ไปช่วยเช็คและเก็บให้ พอเช็คให้เสร็จ ป้าร้องไห้และขอบคุณเราใหญ่ บอกว่าถูกทิ้งไว้เป็น ชม. กว่า ไม่มีใครมาดู น่าสงสารไปอีกคะ
............,.....,.,,,,,.....
ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่เข้ามาอ่านและก็ให้กำลังใจกับเรานะค่ะ. 😭 เราจะสู้ต่อมาถึงขนาดนี้คงถอยไม่ได้แล้วค่ะ และ เราหวังว่าเรื่องของเราจะเป็นกำลังใจให้กับคนที่มีปัญหาชีวิต มีกำลังใจสู้ต่อไปนะคะ #พิมผิดไปบ้าง ต้องขอโทษด้วยนะคะ
แชร์ช่วงชีวิตสุดโหด อดทนทั้งแม่ป่วย หนี้บัตร โรคซึมเศร้า ผ่านมาได้แบบงงๆ
ครอบครัวเราใช้ชีวิตอยู่ที่ รพ. มา 4 เดือนเต็ม พ่อ นอนเฝ้าแม่ตลอด ดึกๆ ทำกายภาพให้ทุกวัน เช็ดตัว สระผม ทำทุกอย่างบนเตียงคนไข้ให้ ป้อนข้าวทุกอย่าง ส่วนเราจะกลับไปหาพ่อกับแม่เฉพาะวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เพราะทำงานอีกทีหนึ่ง แต่เราก้จ้างผู้ช่วยพยาบาลไว้ดูแม่บ้าง เพราะต้องช่วยดูแม่ ตอนที่พ่อเราไม่อยู่ ช่วงนั้นเป็นช่วงชีวิตที่เหนื่อยมาก ทำงานไม่รู้เรื่อง ทำงานไปร้องไห้ไป ขาดงานลางานบ่อยมาก ดีที่หัวหน้าเข้าใจและช่วยเราพอสมควร เวลาไป รพ. สิ่งที่ทำเป็นประจำคือ กายภาพให้แม่ เช็ดตัว รับยา นอนเฝ้าแม่ เช็คไปก็ร้องไห้ไป ชีวิตจิตตกมาก แม่จะพูดตลอด เพราะ แม่เราจึงไม่มีเงินเก็บ เงินต้องเอามารักษาแม่ แม่ทำให้เราเหนื่อย ถ้าแม่ตายไปคงไม่ลำบากขนาดนี้ #ร้องไห้สิรออะไร
แต่เชื่อไหม ช่วงเดือนที่ 4 แม่เรากลับมาขยับแขนขาได้ และกลับมาเดินได้เหมือนเดิม พยาบาลกับหมอที่รักษาตกใจมาก เพราะแม่เราสามารถฝืนตัวเองกลับมาได้เร็วขนาดนี้ คงเป็นบุญเก่าแม่และคงเพราะกำลังใจที่เราสามคนมีให้กันมั้ง มีช่วงหนึ่งที่แม่ทำให้พยาบาลทั้งชั้นตกใจมาก คือ ช่วงประมาณ ตี 4 ทุกคนนอนกันหมดร่วมทั้งพ่อด้วย แม่ลุกมาฝึกเดินคนเดียว แต่ไม่ได้แค่ในห้องนะคะ เสียงคนเดิน เสาน้ำเกลือ แล้วบรรยากาศก็เงียบ พยาบาลตกใจ นึกว่าแม่เราละเมอลุกมาเดิน พี่บางคนที่ไม่รู้ก็คิดว่าเป็นผี 555 คิดแล้วก็ตลกนะคะ แม่อยู่ใน รพ. จนรู้จักกับ คนในนั้นจนหมด สนิทไปหมด วันที่แม่ก็ได้ออกจาก รพ. วันนั้น เป็นวันที่เราสามคนดีใจมาก. ปล่อยบ้านร้างมา 4 เดือนเต็มๆ แต่ถึงจะออกจาก รพ.แล้ว หมอก็นัดไปรับยา เช็คเนื้องอกตลอด กินยากันชักตลอดชีวิต แต่ พอแม่มาอยู่บ้าน ยาที่รับจาก รพ.รัฐ มันเข้ากับร่างกายแม่ไม่ได้เลย เพราะตอนที่อยู่ที่ รพ.หมอรักษาโดนใช้เป็นการให้ยาผ่านสายเป็นหลัก พอมาใช้ยากิน มันเลยทำให้แม่ชักเหมือนเดิม แต่ สรุปเรื่องยา คือแม่ ไปรับยากันชัก กับ รพ.เอกชน ที่รักษาตั้งแต่แรกคะ ค่ายา+ค่าหมอแต่ละเดือน กินตลอดชีวิตอีก ไม่ต้องพูดถึงเลย
ช่วงที่อยู่ รพ. ทำให้เรารู้สัจธรรมของชีวิตมากขึ้น เจอคนเจ็บ คนป่วย คนตาย การรักษาที่ดีและไม่ดีบ้าง เจอหมอ บุคคลากร ดี ก็โชคดีไป แต่ถ้าเจอ หมอ กับพยาบาล ที่ทำรักษาไปงั้นๆ ปากไม่ดีก็มีเยอะ ถ้ามีเงินก็ดูแลดีหน่อย เราเคยเจอพยาบาลคนหนึ่งพูดใส่เรา เสียงแข็งๆบอกว่าค่าห้องแพงนะ น้องจะมีเงินจ่ายเหรอ ให้เราทำเรื่องย้ายไปห้องปกติ นางคงคิดว่าเราไม่มีเงินมั้ง ตอนนั้นเลยตอบไปว่า มีปัญญาหาได้คะ “แม่คนเดียว” เงิบคะ ปวดใจกับบุคลากรแบบนี้ ถ้าผู้ป่วย 30 บาทนี้ ไม่อยากพูดถึงเลย บางครั้งเราไปเจอคนไข้นอนเละอยู่ ไม่มีญาติ ไม่มีคนดู พยาบาล ผู้ช่วยก็ไม่มีใครเข้าไปดู สุดท้ายตัวเรานั้นแหละที่ไปช่วยเช็คและเก็บให้ พอเช็คให้เสร็จ ป้าร้องไห้และขอบคุณเราใหญ่ บอกว่าถูกทิ้งไว้เป็น ชม. กว่า ไม่มีใครมาดู น่าสงสารไปอีกคะ
............,.....,.,,,,,.....
ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่เข้ามาอ่านและก็ให้กำลังใจกับเรานะค่ะ. 😭 เราจะสู้ต่อมาถึงขนาดนี้คงถอยไม่ได้แล้วค่ะ และ เราหวังว่าเรื่องของเราจะเป็นกำลังใจให้กับคนที่มีปัญหาชีวิต มีกำลังใจสู้ต่อไปนะคะ #พิมผิดไปบ้าง ต้องขอโทษด้วยนะคะ