ปวดหัวธรรมดา (ที่ไม่ธรรมดา) นำไปสู่มหากาพย์ของ "เนื้องอกในสมอง"

สวัสดีค่ะเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของจขกท.นั่นคือคุณแม่นั่นเอง จะมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน ตั้งแต่ยังไม่ทราบว่าคุณแม่ป่วยจนถึงขั้นตอนรักษาทั้งหมดค่ะ แต่ ณ ปัจจุบันนี้แม่ของ จขกท.ก็ยังไม่หายขาดนะคะ ถ้าท่านใดมีข้อเสนอแนะหรืออธิบายเพิ่มเติมจากส่วนของจขกท.ยินดีรับฟังค่ะ

 

เริ่มเรื่อง ในวันที่ 25 ตุลาคม 2561

กลางดึกเวลาประมาณตี3 - ตี4 คุณแม่เข้าห้องน้ำบอกว่ารู้สึกมือกระตุกและเริ่มมีอวัยวะส่วนอื่นกระตุกตามมา (บอกหลังจากหายดีจากการชักแล้ว) แล้วคุณแม่ก็กลับมานอน นอนไปได้สักพักก็เกิดอาการชักเกร็ง ชักกระตุก ตาเหลือก เรียกไม่รู้สึกตัว (ชักครั้งที่ 1) ชักอยู่แบบนั้นประมาณ เกือบๆ 5 นาทีได้ พอหยุดแล้วก็พูดคุยตอบโต้ได้ปกติ ให้คุณแม่นั่งพักดมยาดม เป่าพัดลมให้ ให้หายร้อน แล้วก็พากันตัดสินใจพาคุณแม่ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ในระหว่างทางที่พาคุณแม่ไปส่งรพ. ก็เกิดอาการชักขึ้นอีกครั้งบนรถ (ชักครั้งที่ 2) มีอาการเช่นเดียวกันกับครั้งแรก แล้วก็หายแต่รอบนี้สติไม่ค่อยเต็ม 100% คุณแม่มีอาการเบลอถาม-ตอบได้ช้า หมดแรงไปเลย พอถึงรพ.ต้องหามขึ้นรถเข็นเตียงผู้ป่วย และระหว่างที่รอหมอมาตรวจเช็คดูอาการก็เกิดอาการชักอีครั้ง (ชักครั้งที่ 3 ทราบจากพยาบาล) จขกท.ไม่แน่ใจว่ามีอาการเหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะตอนนี้แม่อยู่ในห้องฉุกเฉินแล้ว นั่งรอหน้าห้องฉุกเฉินพักใหญ่ ก็มีพยาบาลมาเรียกเข้าไปพบคุณหมอเพื่อที่จะแจ้งว่าต้องทำ CT scan ด่วน จขกท.ก็ไปชำระเงินพาเสร็จก็ไปกับเจ้าหน้าที่รพ. พาคุณแม่ไปยังห้อง CT scan ในระหว่างนี้คุณแม่หลับไปจากฤทธิ์ยานอนหลับที่คุณหมอฉีดให้ หลังจาก CT scan เสร็จผลออกตอน 8 โมงเช้ากว่าๆคุณหมอก็เรียกเข้าไปฟังผล หมอแจ้งว่ามีก้อนฝีในสมอง ซึ่ง CT scan ไม่ค่อยชัดว่าเป็นถุงน้ำหรือเนื้องอก??? แล้วหลังจากนั้นทางรพ.ก็ได้รีเฟอร์คุณแม่ไปที่รพ.ประจำจังหวัดในเย็นวันนั้นเลย

นอนรพ.ประจำจังหวัด (รพ.ที่ 1) เย็นวันนั้นแม่ถูกส่งตัวไปยังรพ.ประจำจังหวัด โดยรถโรงพยาบาล เป็นครั้งแรกของ จขกท.และแม่ที่ได้ขึ้นรถ Ambulance ตอนนั้นยังรู้สึกงงๆ พอไปถึงรพ.ก็เกือบเย็นแล้วแต่มีคุณหมอรอรับคุณแม่อยู่ พอมาถึงก็เข้าห้องฉุกเฉินอีกครั้ง คุณหมอก็อ่านผล CT scan ละบอกว่าไม่แน่ใจว่าเป็นเนื้องอกหรือฝี ปรึกษากับเพื่อนๆคุณหมอไปๆมาสรุป แม่ของคุณเป็นฝีในสมอง (สาเหตุที่หมอแจ้งมาคร่าวๆซักถามประวัติเบื้องต้นว่าเคยประสบอุบัติเหตุแล้วสมองกระเทือนมามั้ย คุณแม่ก็ตอบว่าไม่เคย คุณหมอเลยสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดขึ้นเองได้โดยไม่มีสาเหตุ) ต้องแอดมิทให้ยาฆ่าเชื้ออย่างต่อเนื่องและคอยติดตามผลว่ามันจะฝ่อลงมั้ย อะทางเราก็รับทราบและให้คุณแม่แอดมิท และต้องให้อยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นเคสที่มีประวัติการชักมา แม้แต่ม่านก็ห้ามเลื่อนมาปิด พยาบาลต้องสามารมองเห็นได้ตลอด คุณแม่แอทมิทได้ประมาณ 3 คืนก็ต้องส่งต่อไปยังรพ.ต้นสังกัดเนื่องจากรพ.นี้รับไว้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ก็เลยรีเฟอร์ไปยังรพ.ต้นสังกัด ในความยากของการย้ายรพ.ครั้งนี้คือ จากรพ.ประจำจังหวัดไปยังรพ.ประจำจังหวัดอีกจังหวัดนึงซึ่งห่างกันหลายร้อยกี่โลเมตร และต้องไปถึงรพ.ไม่เกิน 6 โมงเย็นเพื่อที่จะให้ย่าฆ่าเชื้อและยากันชัก (ทางเส้นเลือด) อย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดิมที่ทางรพ.ก่อนหน้าได้เซทเอาไว้เพื่อประสิทธภาพการทำงานของยา

นอนรพ.ประจำจังหวัด (รพ.2) สุดท้ายก็ไปถึงทันเวลาและได้แอดมิทในหัวค่ำวันนั้น หลังจากนั้นอีกประมาณ 3 วันก็มีอาจารย์หมอมาขึ้นวอร์ดและมาดูคุณแม่ หมอเค้าก็สงสัยจากผล CT scan ว่ามันไม่ชัดว่าเป็นอะไรกันแน่ คุณหมอเลยตัดสินใจส่งคุณแม่ทำ MRI อีก2 วันต่อมาผลปรากฎว่าเป็นเนื้องอกในสมอง (หยุดยาฆ่าเชื้อส่วนยากันชักเปลี่ยนมาเป็นแบบทาน) มีขนาดประมาณ 3 เซนติเมตรซึ่งถือว่าใหญ่ในระดับนึง ตำแหน่งของเนื้องอกนั้นอยู่ที่สมองซีกขวาซึ่งอยู่ใกล้กับตำแหน่งการควบคุมของแขนและขา และคุณหมอรพ.นี้แจ้งว่าเป็นเคสที่ยากและถ้าผ่าแล้วก็คงเอาออกไม่หมด สุดท้ายหมอเลยเขียนใบส่งตัวไปให้และให้ทางเราเลือกรพ.มี 1.รพ.ศิริราช 2.รพ.รามาฯ เราก็ตัดสินใจกันอยู่ 2 วัน สุดท้ายเป็นที่รพ.รามาฯ พอแจ้งคุณหมอคืนนั้นวันต่อมาคุณหมอก็ให้เรามารับคุณแม่ไปยังรพ.รามาฯเลย

รพ.รามาฯ เดี๋ยวมาต่อค่ะ 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่