ยี่สิบเอ็ด เดือนสี่ ปีสองพันห้าร้อยหกสิบเอ็ด
ลืมตาตื่นตอนนาฬิกาจะปลุกพอดี ยิ้มให้ตัวเอง อืมม ฉันยังไม่ตายยังมีอีกวันให้ทำสิ่งที่อยากทำ
วันนี้ต้องเดินทางไปหาอดีต ไปบ้านเก่าสมัยยังเด็ก พอไปถึงบรรยากาศตอนเด็กแจ่มชัดขึ้นมา
ที่ตรงนี้เราเคยวิ่งเล่น ที่ตรงนี้เราเคยนอนร้องไห้ บ้านหลังนี้เราเคยอยู่ คลองนี้เราเคยลงเล่นน้ำ
มีคนเคยพูดว่า การเสียเวลาคิดถึงอดีต ทำให้เราเสียเวลาปัจจุบันที่จะพัฒนาอนาคตไปมากโข
คงจะจริง แต่วันนี้ขอหนึ่งวัน
อย่างน้อยฉันก็มีความสุข ถึงแม้จะเป็นความสุขแบบไม่ได้สดๆร้อนๆ
แต่มันก็ยังอุ่นๆอยู่ข้างในหัวใจ
ตอนนี้ชีวิตเราดีกว่าตอนเด็กตั้งเยอะ
เรารู้อะไรมากกว่าตอนนั้นตั้งแยะ
เราสามารถทำนั่นนี่ได้อีกละ
เราจะมัวทุกข์ใจทำไม เราต้องขอบคุณชีวิตสิถึงจะถูก
ที่ผ่านมาเราพัฒนาตัวเอง พัฒนาชีวิต พัฒนาสมองเราไปมากโขแล้วนะ ฉันคิดแล้วอมยิ้มกับตัวเอง
ปมในใจหลายๆ อย่างคลี่คลายไปหมด เหมือนยกภูเขาออกจากอก
ไม่รู้จะเขียนบอกเล่าอย่างไรดี คือมันเป็นความรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเฉยๆ
เหมือนคนที่ อยู่ดีๆ ก็อยากร้องให้ แต่กลับกัน อยู่ดีๆ ฉันก็เก็ททุกสิ่งอย่างที่ค้างคา ที่รบกวนจิตใจ
รู้สึกว่า เห้ย!! ชีวิตฉันดีนะไม่ได้แย่
ประมาณนั้น
ตอนนี้เหรอก็มองโลกดีขึ้น กล้ายอมรับข้อเสียของตัวเองทุกข้อ ที่นึกออก พร้อมจะเปลี่ยน
และที่สำคัญ ชีวิตของฉันมันเปลี่ยนไปตรงที่
ฉันมีความสุขเพราะอยากทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่แค่ทำเพื่อเงิน เพื่อตัวเองอีกต่อไป
พูดไปก็ดูโลกสวย แต่ฉันคิดเช่นนั้นจริงๆ ฉันลองเปลี่ยนมุมมองตามเป้าหมาย คือ
อยากทำให้ชีวิตคนรอบข้างดีขึ้น
อยากเห็นรอยยิ้มของคนที่ฉันรัก
เล่าเพิ่มก่อนว่าทำไมคิดได้แบบนี้ มันมีเหตุ
คือ ฉันมีพี่ที่สนิทกันมากคนหนึ่ง หน้าที่การงานดี รายได้เยอะ ที่สำคัญถูกหวยเกือบทุกงวด
แต่ไม่เคยบอกใครว่าจะซื้ออะไร T_T
คือ..ชีวิตพี่เค้าดูไม่มีความสุขเลย ไม่ทุกข์ขนาดนั้น แต่พี่เค้าดูไม่สุขเต็มที่ ดูเหงา ดูแบบชีวิตว่างเปล่า
ไม่รู้ว่าเอาความรู้สึกตัวเองไปตัดสินเค้าไหม แต่ถ้าลองเปลี่ยนกัน ให้ฉันไปเป็นพี่คนนั้น บอกเลยว่า
ไม่ มี ทาง
ดังนั้นแปลว่า ฉันเป็นฉัน ก็โครตโชคดีแล้ว เงินเหรอ ถ้ามีแล้วไม่สุขจริง เราจะทำเพื่อเงินไปทำไม
ตอนนี้ก็เลยโพกัสที่ความสุขแทน แน่นอนว่ายังต้องหาเงินอยู่ เพราะความสุขเอามาคลุกข้าวกินไม่ได้
คือแบบไม่ได้อิ่มทิพย์นี้เนอะ แต่มันกลายเป็นประเด็นรองไปแล้ว
จบบันทึกวันนี้ พร้อมร้อยยิ้มกว้างๆ ^_______^
ร้อยวันที่ฉันเปลี่ยน วันที่ สามสิบสอง
ลืมตาตื่นตอนนาฬิกาจะปลุกพอดี ยิ้มให้ตัวเอง อืมม ฉันยังไม่ตายยังมีอีกวันให้ทำสิ่งที่อยากทำ
วันนี้ต้องเดินทางไปหาอดีต ไปบ้านเก่าสมัยยังเด็ก พอไปถึงบรรยากาศตอนเด็กแจ่มชัดขึ้นมา
ที่ตรงนี้เราเคยวิ่งเล่น ที่ตรงนี้เราเคยนอนร้องไห้ บ้านหลังนี้เราเคยอยู่ คลองนี้เราเคยลงเล่นน้ำ
มีคนเคยพูดว่า การเสียเวลาคิดถึงอดีต ทำให้เราเสียเวลาปัจจุบันที่จะพัฒนาอนาคตไปมากโข
คงจะจริง แต่วันนี้ขอหนึ่งวัน
อย่างน้อยฉันก็มีความสุข ถึงแม้จะเป็นความสุขแบบไม่ได้สดๆร้อนๆ
แต่มันก็ยังอุ่นๆอยู่ข้างในหัวใจ
ตอนนี้ชีวิตเราดีกว่าตอนเด็กตั้งเยอะ
เรารู้อะไรมากกว่าตอนนั้นตั้งแยะ
เราสามารถทำนั่นนี่ได้อีกละ
เราจะมัวทุกข์ใจทำไม เราต้องขอบคุณชีวิตสิถึงจะถูก
ที่ผ่านมาเราพัฒนาตัวเอง พัฒนาชีวิต พัฒนาสมองเราไปมากโขแล้วนะ ฉันคิดแล้วอมยิ้มกับตัวเอง
ปมในใจหลายๆ อย่างคลี่คลายไปหมด เหมือนยกภูเขาออกจากอก
ไม่รู้จะเขียนบอกเล่าอย่างไรดี คือมันเป็นความรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเฉยๆ
เหมือนคนที่ อยู่ดีๆ ก็อยากร้องให้ แต่กลับกัน อยู่ดีๆ ฉันก็เก็ททุกสิ่งอย่างที่ค้างคา ที่รบกวนจิตใจ
รู้สึกว่า เห้ย!! ชีวิตฉันดีนะไม่ได้แย่
ประมาณนั้น
ตอนนี้เหรอก็มองโลกดีขึ้น กล้ายอมรับข้อเสียของตัวเองทุกข้อ ที่นึกออก พร้อมจะเปลี่ยน
และที่สำคัญ ชีวิตของฉันมันเปลี่ยนไปตรงที่
ฉันมีความสุขเพราะอยากทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่แค่ทำเพื่อเงิน เพื่อตัวเองอีกต่อไป
พูดไปก็ดูโลกสวย แต่ฉันคิดเช่นนั้นจริงๆ ฉันลองเปลี่ยนมุมมองตามเป้าหมาย คือ
อยากทำให้ชีวิตคนรอบข้างดีขึ้น
อยากเห็นรอยยิ้มของคนที่ฉันรัก
เล่าเพิ่มก่อนว่าทำไมคิดได้แบบนี้ มันมีเหตุ
คือ ฉันมีพี่ที่สนิทกันมากคนหนึ่ง หน้าที่การงานดี รายได้เยอะ ที่สำคัญถูกหวยเกือบทุกงวด
แต่ไม่เคยบอกใครว่าจะซื้ออะไร T_T
คือ..ชีวิตพี่เค้าดูไม่มีความสุขเลย ไม่ทุกข์ขนาดนั้น แต่พี่เค้าดูไม่สุขเต็มที่ ดูเหงา ดูแบบชีวิตว่างเปล่า
ไม่รู้ว่าเอาความรู้สึกตัวเองไปตัดสินเค้าไหม แต่ถ้าลองเปลี่ยนกัน ให้ฉันไปเป็นพี่คนนั้น บอกเลยว่า
ไม่ มี ทาง
ดังนั้นแปลว่า ฉันเป็นฉัน ก็โครตโชคดีแล้ว เงินเหรอ ถ้ามีแล้วไม่สุขจริง เราจะทำเพื่อเงินไปทำไม
ตอนนี้ก็เลยโพกัสที่ความสุขแทน แน่นอนว่ายังต้องหาเงินอยู่ เพราะความสุขเอามาคลุกข้าวกินไม่ได้
คือแบบไม่ได้อิ่มทิพย์นี้เนอะ แต่มันกลายเป็นประเด็นรองไปแล้ว
จบบันทึกวันนี้ พร้อมร้อยยิ้มกว้างๆ ^_______^