แม่ของแม่เสียชีวิตไปกะทันหันโดยทียังไม่ได้ทำเรื่องพินัยกรรมไว้

ที่บ้านแม่มีปัญหากับป้าๆ ตอนยายมีชีวิตอยู่ยายได้แบ่งที่ดินให้ลูกๆ แต่มีแม่เราคนเดียวที่ไม่เคยขายที่ดิน
ซึ่งในบรรดาลูกของยายมีลูกคนนึงพิการเป็นผู้ชาย ยายเคยพูดไว้ว่าถ้าใครดูแลลูกคนนี้ยายจะยกที่ดินนั้นให้
ไม่นานลุงก็เสียซึ่งที่ผ่านมาคนที่คอยดูแลทั้งลุงและยายก็คือแม่เรา ยายจึงไว้ใจว่ามรดกจะไม่หมดไปเพราะถูกขาย
มีช่วงนึงที่ยายไปอบสมุนไพรที่วัด ได้มีลูกชายคนนึงมายายไป แล้วถนนมันขรุขระมาก
แล้วลุงก็เป็นขับรถเร็วแล้วยายแกมากแล้วมันสะเทนและกระแทก
จนวันนึงยายบ่นว่าปวดท้อง ไม่นานก็เป็นไข้และยายไม่กินข้าวแม่เราจึงพาไปหาหมอ
หมอก็บอกยายเป็นมะเร็งลำไส้ แต่สำหรับเราคิดว่ากระดูกน่าจะไปทิ่มข้างในจนเป็นแผล
เพราะยายก็แกมากแล้ว แล้วมานั่งรถที่กระแทกแบบนี้ กระดูกแกคงไม่แข็งแรง
แต่แม่เราก็ไม่ได้คิดอะไรไม่ได้คิดว่าแกจะไปไวขนาดนี้เพราะหมอบอกว่าอยู่ได้ไม่ถึง5เดือนจึงไม่ได้ทำเรื่องพินัยกรรมไว้
และเคยพูดกับลูกหลานคนในหมู่บ้านบ่อยๆเรื่องว่าใครเป็นคนดูแลและลูกคนไหนเป็นยังไง
และเคยพูดให้เรากับน้องฟังว่าแม่ดูแลกูมาตลอดมีแต่แม่นี่แหละกูก็จะให้นานอกบ้านกับมัน
และตอนนั้นแม่พายายไปหาหมออีกครั้งแล้วแวะไปทำธุระ(แต่ลืมเอาเอกสารไป) ในวันนั้นยายได้นั่งคุยกับเจ้าหน้าที่อำเภอ
เรื่องแบ่งที่ดินว่ายายจะยกนานอกบ้านให้แม่เรา ซึ่งไม่มีหลักฐานเพราะลืมเอาไป
-- แต่พอมาช่วงหลังจากยายเสียชีวิต ลูกๆก็หวังในสมบัติ
ป้าได้มาบอกให้แบ่งที่นานอกบ้าน ซึ่งแม่เราไม่ยอม (ก็กลัวแกขายอีกนั่นแหละ)
ป้าเลยบอกแม่ว่าป้าต้องมีสิทธิมากกว่าเพราะทะเบียนบ้านแกอยู่หลังเดียวกับยายแล้วอ้างว่าเป็นคนเลี้ยงดูยาย
แม่เราแยกทะเบียนก็จริงแต่บ้านห่างจากบ้านยายไม่เกิน200เมตร ป้าเลยจะฟ้องว่าจะให้แบ่ง
เราเลยอยากรู้ว่าถ้าเราฟ้องจะใช้พยานปากได้หรือไม่?
แล้วแบบนี้ใครที่มีสิทธิมากกว่ากัน
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
หารครึ่งจบๆ
ทะเบียนบ้านเดียวกันไม่มีผล
ทรัพย์สินหารตามจำนวนทายาท ลูกของเจ้าของทรัพย์สิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่