คือเราทำงานบริษัท A มาได้เกือบสองปีแล้ว เป็นธุรกิจครอบครัว บริษัทเล็กๆ (แต่แข็งแรง) มีพนักงานไม่ถึง 10 คน
เป็นที่ที่ให้ประสบการณ์อย่างมาก และมีโอกาสได้เข้าไปในแวดวดอสังหาริมทรัพย์ โปรดักส์ไฮเอ็น และพบ/สัมภาษณ์เจ้าของธุรกิจ
แต่สิ่งที่ทำอยากให้ออกก็คือว่าเงินเดือนไม่ไปถึงไหนซะที สตาร์ทให้ 13,000 (ที่เราตกลงทำ เพราะอยากได้ประสบการณ์สายนี้)
ปรับเงินเดือนครั้งแรกเมื่อปี 2560 เป็น 14,000 แล้วก็มาปรับอีกครั้งเมื่อต้นปีนี้เป็น 14,500
ถ้าหากว่าไม่มีภาระค่าห้อง ค่าน้ำไฟ ค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายภาระต่างๆ ที่มากขึ้น ก็คงไม่คิดอะไรมาก
แต่เพราะเงินมันเริ่มช็อต เริ่มฝืดเคือง ทำงานมาเงินเก็บก็ยังไม่ถึงไหน อายุก็จะเข้า 27 แล้ว ก็เลยต้องมาคิดเรื่องนี้มากขึ้น
บวกกับบริษัท A ใช้งานเรามากขึ้น ให้ทำงานเกินขอบข่ายมากเกินไป แต่ก็ทำให้ไม่ปริปาก คิดซะว่าได้ฝึกฝน
แต่พอมันสะสม และมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มทำให้รู้สึกเหนื่อยใจเหมือนกัน คือเห็นเราว่างไม่ได้ก็จะหางานต่างๆ มาให้ทำ อันนี้ไม่ค่อยโอเค
เพราะงานของเราเป็นงานที่จะมีช่วงว่างๆ ที่ทำงานได้เรื่อยๆ ไม่เร่ง กับช่วงที่งานเยอะมาก ต้องอยู่ล่วงเวลาเสมอ (แต่ไม่ได้เงินโอที)
ซึ่งจุดนี้เราเข้าใจ เพราะว่าเนื้องานมันมีช่วงยุ่งกับช่วงว่าง ก็เหมือนถัวเฉลี่ยไป (แต่จริงๆ ตามกฏหมายก็ควรจะให้โอที)
อย่างการไปทำงานต่างจังหวัด เลิกกว่าจะกลับถึงบางทีก็เที่ยงคืนก็มี
รุ่นที่พี่เป็นฟรีแลนซ์ประจำของบริษัท A มานานหลายสิบปี ซึ่งทำงานร่วมกับเรา ก็บอกว่าเจ้านายชอบเรา เพราะทำงานดี ไม่มีเงื่อนไขแบบคนก่อนหน้า
ซึ่งเราก็สัมผัสได้ว่าเจ้านายเค้าก็เอ็นดูเราอยู่พอสมควร แต่มันสวนทางกับเงินเดือนที่ไม่ขึ้นอย่างที่เราพอใจเท่าไหร่
ทั้งหมดทั้งมวลทำให้มีชั่วแว๊บหนึ่ง อยากหางานใหม่ ก็เลยสมัครไปสองที่ ซึ่งมีบริษัทหนึ่งตอบกลับมา ขอเรียกว่าบริษัท B
บริษัท B เป็นบริษัทสตาร์ทอัพ ซึ่งตอนนี้ทำเกมส์ เว็ปไซต์อยู่สี่ห้าตัว ซึ่งติดตลาดไปแล้ว 1 เจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น
ซึ่งบริษัท B ตอบเมลกลับมา โดยให้โจทย์ในการทำข้อสอบ (การเขียน) มา 2 ข้อ ให้เลือกทำหนึ่งหัวข้อหรือจะทำสองเลยก็ได้
เราก็ทำไปทั้ง 2 ข้อ ส่งไปไม่กี่วัน ก็เรียกสัมภาษณ์รอบแรก หลังจากนั้นหนึ่งวัน เจ้าหน้าที่ก็บอกว่านายญี่ปุ่น(เจ้าของบริษัท) เรียกสัมภาษณ์
ซึ่งเราก็ไปสัมภาษณ์มาแล้ว นายญี่ปุ่นยังไม่แก่เลย ออกแนวคนญี่ปุ่นหัวใหม่ การทำงาน องค์กรก็ดูเปิดกว้างเรื่องความคิด
และวันนี้บริษัท B โทรมาว่าตอบรับ อยากให้เราไปร่วมงานด้วย โดย HR ก็บอกรายละเอียดต่างๆ อย่างครบถ้วน
แล้วก็พูดเรื่องเงินเดือน ซึ่งตอนนั้นด้วยความไม่กล้าใส่ตัวเลขเยอะ เราใส่ไป 16,000+ ซึ่งเขาก็บอกว่าเงินเดือนตามตัวเลขนี้ที่เราระบุ
แต่ก่อนจะวางสายไป เราพูดเรื่อเงินเดือนว่า ในใบสมัครเขียนไปว่า 16,000 ขึ้นไป
แต่ใจจริงก็คาดหวังว่าบริษัทอาจจะให้มากกว่านี้ (ตอนนั้นอยากตีปากตัวเองมาก แลดูเหมือนจะเสียมารยาทไป)
แต่ HR ก็ถามด้วยเสียงสุภาพไม่โกรธว่า ในใจอยากสตาร์ทที่เท่าไหร่คะ เราก็บอกว่า 17,000 ก็โอเคอยู่ค่ะ
(เพราะจะมีค่าเบี้ยขยันที่ยังไงก็ได้ทุกเดือน 2,000 บาท และเงิน OT พร้อมสวัสดิการต่างๆ เยอะพอสมควร และการปรับเงินเดือนอยู่เรื่อยๆ)
HR บอกว่าจะคุยกับนาย แล้วจะแจ้งกลับ ไม่กี่นาทีต่อมาก็โทรมาบอกว่าเงินเดือนโอเคค่ะ
และเราสามารถเริ่มงานได้หลังวันแรงงานตามที่ขอเอาไว้ และจะส่งสัญญาจ้างมาให้ทางอีเมลค่ะ
พูดมายาวมากเลย สรุปคือว่าบริษัท A ให้ประสบการณ์เยอะ องค์กรเล็กไม่วุ่นวาย แต่เงินเดือนน้อย เติบโตยาก มีวันหยุดน้อยเพราะทำงานเสาร์เว้นเสาร์
ส่วนบริษัท B เงินเดือนสูงกว่า แต่ยังเป็นบริษัทที่ยังเริ่มต้นได้ไม่กีปี่ (โดยเฉพาะส่วนที่เราเข้าไป ยังต้องการพัฒนาอีกมาก) มีความท้าทายสูง
ได้วันหยุดเสาร์อาทิตย์ (ซึ่งเราต้องการมาก เพราะอยากเอาเวลาไปเรียนพวกภาษากับการออกแบบ)
ตามที่ว่ามานี้ ช่วยชี้แนะได้มั้ยคะว่าควรเลือกทางไหน ปกติไม่เคยลังเลอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย
เพราะที่ทำงานเก่า ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยคลิกกับเราอย่างชัดเจน จนไม่สามารถทำงานด้วยได้จนต้องออกอย่างไร้เยื่อใย
ขอบคุณค่ะ
บริษัทใหม่ตอบรับ แต่กลับรู้สึกเสียดายบริษัทเก่า เลือกอย่างไหนดี
เป็นที่ที่ให้ประสบการณ์อย่างมาก และมีโอกาสได้เข้าไปในแวดวดอสังหาริมทรัพย์ โปรดักส์ไฮเอ็น และพบ/สัมภาษณ์เจ้าของธุรกิจ
แต่สิ่งที่ทำอยากให้ออกก็คือว่าเงินเดือนไม่ไปถึงไหนซะที สตาร์ทให้ 13,000 (ที่เราตกลงทำ เพราะอยากได้ประสบการณ์สายนี้)
ปรับเงินเดือนครั้งแรกเมื่อปี 2560 เป็น 14,000 แล้วก็มาปรับอีกครั้งเมื่อต้นปีนี้เป็น 14,500
ถ้าหากว่าไม่มีภาระค่าห้อง ค่าน้ำไฟ ค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายภาระต่างๆ ที่มากขึ้น ก็คงไม่คิดอะไรมาก
แต่เพราะเงินมันเริ่มช็อต เริ่มฝืดเคือง ทำงานมาเงินเก็บก็ยังไม่ถึงไหน อายุก็จะเข้า 27 แล้ว ก็เลยต้องมาคิดเรื่องนี้มากขึ้น
บวกกับบริษัท A ใช้งานเรามากขึ้น ให้ทำงานเกินขอบข่ายมากเกินไป แต่ก็ทำให้ไม่ปริปาก คิดซะว่าได้ฝึกฝน
แต่พอมันสะสม และมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มทำให้รู้สึกเหนื่อยใจเหมือนกัน คือเห็นเราว่างไม่ได้ก็จะหางานต่างๆ มาให้ทำ อันนี้ไม่ค่อยโอเค
เพราะงานของเราเป็นงานที่จะมีช่วงว่างๆ ที่ทำงานได้เรื่อยๆ ไม่เร่ง กับช่วงที่งานเยอะมาก ต้องอยู่ล่วงเวลาเสมอ (แต่ไม่ได้เงินโอที)
ซึ่งจุดนี้เราเข้าใจ เพราะว่าเนื้องานมันมีช่วงยุ่งกับช่วงว่าง ก็เหมือนถัวเฉลี่ยไป (แต่จริงๆ ตามกฏหมายก็ควรจะให้โอที)
อย่างการไปทำงานต่างจังหวัด เลิกกว่าจะกลับถึงบางทีก็เที่ยงคืนก็มี
รุ่นที่พี่เป็นฟรีแลนซ์ประจำของบริษัท A มานานหลายสิบปี ซึ่งทำงานร่วมกับเรา ก็บอกว่าเจ้านายชอบเรา เพราะทำงานดี ไม่มีเงื่อนไขแบบคนก่อนหน้า
ซึ่งเราก็สัมผัสได้ว่าเจ้านายเค้าก็เอ็นดูเราอยู่พอสมควร แต่มันสวนทางกับเงินเดือนที่ไม่ขึ้นอย่างที่เราพอใจเท่าไหร่
ทั้งหมดทั้งมวลทำให้มีชั่วแว๊บหนึ่ง อยากหางานใหม่ ก็เลยสมัครไปสองที่ ซึ่งมีบริษัทหนึ่งตอบกลับมา ขอเรียกว่าบริษัท B
บริษัท B เป็นบริษัทสตาร์ทอัพ ซึ่งตอนนี้ทำเกมส์ เว็ปไซต์อยู่สี่ห้าตัว ซึ่งติดตลาดไปแล้ว 1 เจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น
ซึ่งบริษัท B ตอบเมลกลับมา โดยให้โจทย์ในการทำข้อสอบ (การเขียน) มา 2 ข้อ ให้เลือกทำหนึ่งหัวข้อหรือจะทำสองเลยก็ได้
เราก็ทำไปทั้ง 2 ข้อ ส่งไปไม่กี่วัน ก็เรียกสัมภาษณ์รอบแรก หลังจากนั้นหนึ่งวัน เจ้าหน้าที่ก็บอกว่านายญี่ปุ่น(เจ้าของบริษัท) เรียกสัมภาษณ์
ซึ่งเราก็ไปสัมภาษณ์มาแล้ว นายญี่ปุ่นยังไม่แก่เลย ออกแนวคนญี่ปุ่นหัวใหม่ การทำงาน องค์กรก็ดูเปิดกว้างเรื่องความคิด
และวันนี้บริษัท B โทรมาว่าตอบรับ อยากให้เราไปร่วมงานด้วย โดย HR ก็บอกรายละเอียดต่างๆ อย่างครบถ้วน
แล้วก็พูดเรื่องเงินเดือน ซึ่งตอนนั้นด้วยความไม่กล้าใส่ตัวเลขเยอะ เราใส่ไป 16,000+ ซึ่งเขาก็บอกว่าเงินเดือนตามตัวเลขนี้ที่เราระบุ
แต่ก่อนจะวางสายไป เราพูดเรื่อเงินเดือนว่า ในใบสมัครเขียนไปว่า 16,000 ขึ้นไป
แต่ใจจริงก็คาดหวังว่าบริษัทอาจจะให้มากกว่านี้ (ตอนนั้นอยากตีปากตัวเองมาก แลดูเหมือนจะเสียมารยาทไป)
แต่ HR ก็ถามด้วยเสียงสุภาพไม่โกรธว่า ในใจอยากสตาร์ทที่เท่าไหร่คะ เราก็บอกว่า 17,000 ก็โอเคอยู่ค่ะ
(เพราะจะมีค่าเบี้ยขยันที่ยังไงก็ได้ทุกเดือน 2,000 บาท และเงิน OT พร้อมสวัสดิการต่างๆ เยอะพอสมควร และการปรับเงินเดือนอยู่เรื่อยๆ)
HR บอกว่าจะคุยกับนาย แล้วจะแจ้งกลับ ไม่กี่นาทีต่อมาก็โทรมาบอกว่าเงินเดือนโอเคค่ะ
และเราสามารถเริ่มงานได้หลังวันแรงงานตามที่ขอเอาไว้ และจะส่งสัญญาจ้างมาให้ทางอีเมลค่ะ
พูดมายาวมากเลย สรุปคือว่าบริษัท A ให้ประสบการณ์เยอะ องค์กรเล็กไม่วุ่นวาย แต่เงินเดือนน้อย เติบโตยาก มีวันหยุดน้อยเพราะทำงานเสาร์เว้นเสาร์
ส่วนบริษัท B เงินเดือนสูงกว่า แต่ยังเป็นบริษัทที่ยังเริ่มต้นได้ไม่กีปี่ (โดยเฉพาะส่วนที่เราเข้าไป ยังต้องการพัฒนาอีกมาก) มีความท้าทายสูง
ได้วันหยุดเสาร์อาทิตย์ (ซึ่งเราต้องการมาก เพราะอยากเอาเวลาไปเรียนพวกภาษากับการออกแบบ)
ตามที่ว่ามานี้ ช่วยชี้แนะได้มั้ยคะว่าควรเลือกทางไหน ปกติไม่เคยลังเลอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย
เพราะที่ทำงานเก่า ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยคลิกกับเราอย่างชัดเจน จนไม่สามารถทำงานด้วยได้จนต้องออกอย่างไร้เยื่อใย
ขอบคุณค่ะ