โรคซึมเศร้าที่ฉันเป็น

สวัสดีค่ะ เราเป็นคนนึงที่กำลังเผชิญโรคนี้อยู่ และอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ต่างๆตั้งแต่เริ่มรู้ตัวว่าเป็นโรคซึมเศร้า จนไปถึงการไปพบจิตแพทย์ คนที่กำลังอ่านตอนนี้คงกังวลว่าตัวเองจะเป็นโรคนี้หรืออาจจะไม่เข้าใจกับในการไปพบจิตแพทย์ใช่มั้ยคะ ก่อนอื่นเราจะบอกว่าเราเป็นโรคนี้มา 3 ปีแล้วค่ะ ตอนนี้เราอายุ 17 ย่าง18 ปีนะคะ คิดดูว่าเราทนกับมันมาได้ยังไงตั้ง3 ปี

เราเป็นคนนึงค่ะที่มั่นใจในตัวเองมากๆ แต่เรามีน้าที่มักจะเปรียบเทียบให้เราดูด้อยตั้งแต่เด็ก จนมันกลายเป็นปมด้อยของเราไปเลยค่ะ เราชอบร้องเพลงมาก ตอนเด็กนี่พุ่งเข้าหาเวทีอย่างเดียว จนเราโดนเปรียบเทียบเข้ามากๆ เราก็ไม่คิดที่จะแตะไมค์ร้องเพลงอีกเลย เราเป็นเด็กที่มีปมด้อยทั้งๆที่มีพ่อแม่ครบ งงไหมคะ พ่อเรามักคิดว่าการมีพ่อแม่มันทำให้เราอบอุ่น เลยพยายามที่จะรั้งแม่ไว้เพื่อลูก แต่จริงๆแล้วไม่เลยค่ะ ถ้าครอบครัวไหนทะเลาะกันทุกวัน มีสิทธิ์เป็นโรคนี้มากกว่าพ่อแม่เลิกกันอีกค่ะ เพราะมันจะบั่นทอนจิตใจเราทุกวัน

ตอนอายุ 15 ปี เราเริ่มเครียดค่ะ เราไม่รู้เหมือนกันว่าเราเครียดเรื่องอะไรบ้าง มันมีปัญหารุมเร้าเข้ามาจนแยกไม่ออกว่าเครียดเรื่องไหนบ้าง เอาล่ะค่ะ เริ่มเก็บตัว อยู่คนเดียว เศร้า ไม่กะจิตกะใจทำอะไรละ มีบ้างที่ไปเที่ยวกับเพื่อน

จนอายุ 16 ปี ย้ายโรงเรียนค่ะ เพราะที่โรงเรียนมีถึงแค่ม.3 เริ่มเศร้าหนักแล้วค่ะ หดหู่ แต่ยังอยู่ในช่วงที่สามารถหาอะไรทำแก้เบื่อได้ เราเริ่มกลายเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวตนของเราแล้วค่ะ มันเป็นเพราะโรคซึมเศร้ามันคอยควบคุมร่างกายและจิตใจของเราอยู่ตลอด เริ่มรู้ตัวแล้วค่ะว่าเป็นโรคนี้ แต่ไม่กล้าไปพบจิตแพทย์เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองเราไม่ดี

พออายุ 17 ขึ้นม.5 ค่ะ ไม่ไหวแล้ว กลายเป็นคนอีกคนโดยปริยาย ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลย เราเป็นติ่งเกาหลีค่ะ ติ่งเกาหลีคนอื่นเวลาเขาเศร้าธรรมดาเขายังมองหน้าหรือฟังเพลงผู้ชายของตัวเองให้หายเศร้าได้ใช่มั้ยคะ แต่นี่ไม่ค่ะ กลายเป็นเบื่อศิลปินที่ตัวเองชอบไปเลย เบื่อทุกอย่างในชีวิต คิดตลอดว่าอยากตาย หดหู่ โทษตัวเองทุกอย่าง ตัวเองผิด ตัวเองไม่ดี ไม่มีอะไรดีเลย ไม่มีใครเข้าใจเราเลย บลาๆๆ เกลียดตัวเองที่อ่อนแอแบบนี้ เกลียดตัวเองที่คิดเรื่องร้ายๆตลอดเวลา ร้องไห้แทบทุกวัน ไม่รู้ว่าร้องทำไม แต่มันหาความสุขไม่เจอแล้ว ความสุขคืออะไรไม่รู้จัก รู้จักแต่ความทุกข์ โอ้โห สารพัดค่ะ มีอีกอย่างนึงค่ะที่เราเป็นก็คือ หูเแว่ว เดี๋ยวจะอธิบายอีกทีว่าเป็นยังไง เราเคยพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งแล้วค่ะ แต่กลัวว่าถ้าเราตายไปพ่อแม่จะอยู่ยังไง เพราะตอนนี้เราเหมือนเสาหลักของครอบครัว เราเศร้ามาก กลายเป็นคนไม่พูดไม่จา เอาแต่ใส่หูฟัง ไม่อยากเจอใคร หวาดกลัวสังคม เริ่มไม่ไปเที่ยวไหนแล้ว อยู่แต่กับบ้าน โรงเรียนเลิกก็กลับบ้านเลย ไม่นั่งเม้ามอยกับเพื่อนเหมือนคนอื่นๆ ช่วงปีที่แล้วเรามีแฟนค่ะ เชื่อไหมคะ ว่าเขาทำให้เราอยากตายน้อยลง แต่ใช่ว่าจะอยากอยู่บนโลกนี้ต่อนะ 55555 จนเลิกกันสิ้นปีค่ะ เค้าดาวพอดี ฟิลลิ่งดรอป ดับทุกอย่าง ฮึดสู้ค่ะ พยายามไม่คิดเรื่องฆ่าตัวตายอีก แต่ทำไม่ได้ อยากตายอยู่ดี จนวันที่30มกราคม2018 มีงานโรงเรียนค่ะ มีกิจกรรมแข่งร้องเพลง เอาแล้ว ความรู้สึกที่อยากเป็นนักร้องกลับมาอีกแล้ว ตอนฟังเขาร้องก็คิดตามนะคะว่า แค่นี้อะ แค่กิจกรรมโรงเรียนยังทำไม่ได้ แล้วจะไปยืนอยู่บนเวทีได้ไง ตอนนี้ได้ยินเสียงเลยค่ะ หูแว่วอีกแล้ว เป็นเสียงตัวเองนี่แหละค่ะ "เนี่ย มันอ่อนแอ เสียงเพราะปะ มั่นใจได้เหมือนเขาปะ อะทำอะไรไม่ได้หรอก มันไม่มีอะไรดี" ฟิลลิ่งดรอปตรงนั้น พอโรงเรียนเลิกปุ๊ป นี่รีบกลับบ้านเลยค่ะ ไม่บอกลาเพื่อนด้วย กลับบ้านไปนอนร้องไห้ค่ะ เราเหงามาก เราอยากมีคนกอดเราตรงนั้น แต่เรารู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวในห้องกว้างๆ เราไม่ไหวแล้วค่ะ กลัวว่าตัวเองจะฆ่าตัวตายโดยไม่ยั้งคิด โทรหาพ่อเลยค่ะ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ร้องไห้แล้วโทรหาใครซักคน เราบอกกับพ่อว่า ให้รีบกลับบ้าน เราไม่อยากอยู่คนเดียว เราไม่ไหวแล้ว พ่อตกใจมากที่เราร้องไห้แล้วโทรหาเขา เขาพูดกับเราว่า "เป็นอะไร ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวจะรีบกลับบ้าน รอพ่อก่อนนะ" เรารอค่ะ หลับตา พยายามใจเย็นให้มากที่สุด พอพ่อกลับบ้านเราก็บอกเลยค่ะว่าอยากไปหาหมอจิตแพทย์ พาไปที วันที่ 31 เลยหยุดเรียนค่ะ เพื่อไปหาหมอ

เดี๋ยวเราจะมาเล่าเรื่องตอนไปหาหมออีกทีนะคะ แล้วข้าจะกลับมา รอข้าก่อนนะออเจ้า

ปล. เราอาจจะเข้าห้องผิด ถ้าเข้าห้องผิดก็ขอโทษด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่