แยกโรคซึมเศร้ากับสมาธิ

จากประสบการณ์ส่วนตน
ตอนผมเป็นโรคซึมเศร้าและจิตเภทใหม่ๆ ยังไม่ได้กินยา
อารมณ์จะค่อนข้างนิ่งเหมือนมีสมาธิอยู่ภายในไม่สนใจรับรู้ภายนอก
นิ่งๆ ตอนนอนบางทีก็เกิดสมาธิเกิดฝันขณะที่ยังรู้ตัวว่ากำลังจะหลับ
รู้ตัวต่อเนื่องว่าภาพฝันค่อยๆ เข้ามา การรับรู้กายเริ่มหายไป จนเข้าสู่ฝันเต็มรูป
ที่เป็นอย่างนี้เพราะภาวนาไปด้วยขณะที่ยังเป็นโรค

ไปหาพระพระท่านก็ทักจิตว่าจิตนิ่งดี
จริงๆ แล้วที่จิตมันนิ่งๆ ไม่คิดอะไร เป็นอาการของโรคซึมเศร้า ทำให้ดูเหมือนคนมีสมาธิภายใน
คนปฏิบัติธรรมต้องแยกให้ออกระหว่างสมาธิกับโรค

ถ้าเป็นโรคซึมเศร้า จะนิ่งๆ ไม่รับรู้ภายนอกเท่าไหร่ ใครพูดอะไร สมองก็ไม่ประมวลผล ต้องพูดหลายๆ รอบ
ถึงจะเริ่มคิดได้ บางทีมันนิ่งเกิน จนเวลาจะคิดอะไรก็คิดไม่ค่อยออก ต้องพยายามคิดมากๆ

โรคกับสมาธิลึก คงมีส่วนคล้ายๆ กันบ้าง พระท่านจึงทัก และตอนเป็นโรคจะเจอสภาวะทางธรรมเพราะจิตมันนิ่ง
เราต้องสังเกตุตัวเองดีๆ เพราะบางคนเป็นคนปฏิบัติแต่เป็นโรคด้วย จึงทำให้เข้าใจผิด
ว่าตนเองมีสมาธิ แต่มันก็มีความต่าง ถ้าเป็นโรคซึมเศร้า มันจะไม่เหมือนคนมีสมาธิมีสติแบบ 100%
มันมีความคล้ายกันในบางจุดแค่เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

ผู้ปฏิบัติธรรมควรคำนึงถึงข้อนี้ดีๆ ถ้าแยกโรคกับสมาธิออกจะรักษาได้เร็ว
ไม่หลงว่าเป็นนั่นเป็นนี่ ได้นั่นได้นี่

ถ้าใครสงสัยว่าเป็นโรคหรือไม่ก็ลองหาข้อมูลดู ลองทำแบบทดสอบโรคดูครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
เคยเจอไหมท่าน  จิตไม่รับรู้ อะไร ไม่ยอมออกมารับรู้ อะไร  มันก็ เชืองซึม  นิ่ง  เคลิ้ม สงบ     นั่นไม่ใช่อาการของ สมาธิ (จิตตั้งมั่น)   บางทีมันก็ นอนนิ่ง แบบนั้นแหละ    มันคือ อาการ จิตขี้เกียจ    นั่นแหละ กิเลส แทรก เต็มที่ เลย    

จิต นิมิต  มัน ปรุงแต่งได้หลายหลาย    อย่าไปให้ค่า  กับ สิ่งที่เห็น ได้ยิน   รับรู้     มันจะเป็นของจริงหรือไม่ก็ไม่รู้    แล้ว  ถึงรู้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรด้วย   สิ่งสำคัญกว่า  คือ การเห็น การดู ว่า   มันเกิด แล้ว  มันก็ ดับเอง ได้        

สมาธิ คือ จิตตั้งมั่น ที่เกิดจากการมีสติ     จิตตั้งมั่น แต่ รับรู้  ตั้งแต่  สิ่งที่กระทบ  เกิด  เสื่อม และ  ดับ   ไม่จมไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่