สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
การที่จะนิยามว่าใครเป็นคนดีหรือไม่ดีนั้นเป็นเรื่องยากครับ
สำหรับฟอลคอน คนที่เคยเจอเขา ก็มีทั้งคนที่ชอบกับไม่ชอบ คนที่ชอบก็ชม คนที่ไม่ชอบก็ด่า เขียนกันไปกันหลายทางมาก แม้แต่คนฝรั่งเศสหลายคนก็ไม่ได้ชอบเขาครับ
แต่ก็เขียนค่อนข้างตรงกันว่าว่าเขาเป็นคนฉลาดมีความสามารถ ทำการค้าเก่ง สามารถช่วยเหลืองานราชการได้เป็นอย่างดีเป็นที่ไว้วางพระทัย มีความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระนารายณ์ไม่ได้คิดกบฏล้มล้างราชสมบัติ ส่วนหนึ่งก็เพราะเขายังต้องอาศัยบารมีของพระองค์คุ้มกันตนเองอยู่จากคนไทยที่ไม่ชอบเขามาก
พวกบาทหลวงฝรั่งเศสนิกายเยซูอิตซึ่งเข้ามาพร้อมคณะทูตฝรั่งเศสซึ่งมีผลประโยชน์ผูกพันกับเขา ก็มักจะกล่าวถึงเขาในแง่บวก เห็นว่าเขาเป็นคาทอลิกที่ดี อุปถัมภ์ศาสนาคริสต์อย่างดีมาก มีสติปัญญาบุคลิกน่านับถือ แต่บาทหลวงคณะมิสซังต่างประเทศกรุงปารีสซึ่งอยู่เมืองไทยมานานกลับเห็นต่างไปว่าเขาเป็นคนทะเยอทะยาน จนพลเมืองล้วนเกลียดชัง แต่ก็เห็นว่าอุปถัมภ์ศาสนาอย่างดีเหมือนกัน
พวกพ่อค้าและราชทูตชาวฝรั่งเศส ก็ว่าเขาเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง โมโหร้าย หยาบคาย ชอบข่มคนอื่นเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนโดยหวังจะใช้ฝรั่งเศสเป็นเครื่องมือ ใช้กลอุบายในการกำจัดศัตรูคู่แข่ง ตัวอย่างหนึ่งคือในบันทึกของเวเรต์ (Veret) หัวหน้าสถานีการค้าบริษัทอินเดียตะวันออกของฝรั่งเศส เขาเคยไม่คืนเงินพ่อค้าฝรั่งเศสที่ชื่อรูอัง ต่อมาเมื่อรูอังเอาไม้จันทน์บรรทุกใส่เรือมาขาย ก็บังคับให้เสียภาษีปากเรือทั้งที่สมเด็จพระนารายณ์ทรงยกเว้นให้แล้ว และห้ามขายไม้จันทน์ที่นำมา แล้วก็ใช้อำนาจยึดไม้จันทน์และสินค้าอื่นๆ ไปโดยกล่าวหาว่ารูอังโก่งราคาเกินควร แล้วก็อ้างพระราชโองการจับรูอังไปขังโดยจะยอมปล่อยตัวเมื่อรูอังจ่ายเงินให้ ๑,๐๐๐ ปอนด์
เชอลาวิเยร์ เดอ ฟอร์แบ็ง (Claude, Chevalier de Forbin) หรือ ออกพระศักดิสงคราม เห็นว่าฟอลคอนเป็นคนขี้อิจฉาริษยา และพยายามวางแผนกำจัดฟอร์แบ็งหลายครั้ง ด้วยการลอบวางยาพิษบ้าง ให้ไปยึดเรือแขกมักกะสันจนเกือบถูกฆ่าบ้าง ไปยึดเรือสินค้าอังกฤษบ้าง จนสุดท้ายฟอร์แบ็งต้องหนีกลับฝรั่งเศส
ชาวอังกฤษคนหนึ่งก็กล่าวว่าเขาเป็นพวกเสือผู้หญิง มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมาหลายคนก่อนแต่งงาน เมื่อแต่งงานกับท้าวทองกีบม้าแล้ว ก็ยังแอบไปมีความสัมพันธ์กับเด็กสาวที่ท้าวทองกีบม้าเลี้ยงไว้ในบ้าน
อย่างไรก็ตามเรื่องที่ฟอลคอนพยายามแทรกแซงการเมืองปกครองของอยุทธยาเป็นเรื่องจริง แม้ว่าเขาจะไม่ได้มองไกลขนาดจะขึ้นเป็นกษัตริย์เองก็ตาม
ฟอลคอนได้เริ่มวางแผนให้ฝรั่งเศสเข้ามาแทรกแซงการปกครองกรุงศรีอยุทธยาในแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยได้ร่างแผนกับบาทหลวงเยซูอิตเชื้อสายฟลาม็องด์ที่มีความสนิทสนมอย่างบาทหลวงมัลโดนาโด (Jean-Baptiste Maldonado) แต่เมื่อคณะทูตฝรั่งเศสเข้ามาถึง เขาเลยไปผูกสัมพันธ์กับบาทหลวงกีย์ ตาชารด์ (Guy Tachard) ที่มาในคณะทูตด้วย และได้ร่วมปรับปรุงแผนการใหม่ โดยที่ฟอลคอนอาจเป็นคนกุมอำนาจโดยเอาเชื้อพระวงศ์ขึ้นมาเป็นหุ่นเชิดซึ่งเป็นคนที่จะมีนโยบายสนองผลประโยชน์ให้ฝรั่งเศสได้หลังสมเด็จพระนารายณ์สวรรคต (ซึ่งมักกล่าวกันว่าคือพระปีย์) แล้วจะมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะเปลี่ยนไทยให้เป็นดินแดนของคริสต์อย่างค่อยเป็นค่อยไป
แผนฉบับปรับปรุงใหม่ที่คิดร่วมกับตาชาร์ดคือให้พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ส่งข้าราชสำนัก ๗๐ คนที่มีคุณภาพเก็บความลับได้ดี มีบาทหลวงเยซูอิตที่ปลอมตัวมาให้ดูเหมือนคนธรรมดา พอคนกลุ่มนี้เรียนรู้ภาษาไทยได้แล้ว ฟอลคอนจะให้คนพวกนี้ได้ทำงานในระบบราชการที่สำคัญเช่นเป็นเจ้าเมืองคุมเมืองท่าบ้าง แม่ทัพบ้าง และให้คนกลุ่มนี้คอยสร้างสัมพันธ์อันดีกับคนไทยแล้วพยายามชักนำให้เข้ารีต โดยคนกลุ่มนี้จะต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาของฟอลคอน นอกจากนี้ยังเสนอให้นำคนฝรั่งเศสระดับชาวบ้านเพื่อมาก่อตั้งชุมชนเล็กๆขึ้นโดยจะมีการจัดสรรที่ดิน อาคารและปศุสัตว์ให้เพื่อให้ใช้เป็นฐานสำหรับชาวคริสต์เวลาเกิดความวุ่นวายทางการเมือง รวมถึงเสนอเมืองสงขลาให้ฝรั่งเศสเป็นที่จอดเรือ ถ้ามีความจำเป็นก็นำเรือไปปิดปากน้ำเจ้าพระยาได้ ให้บาทหลวงไปสอนศาสนาแถวนั้นก็ได้ นอกจากนี้สงขลายังสามารถปลูกข้าวได้ปีละสองครั้ง
ตามแผนนี้บริษัทอินเดียตะวันออกของฝรั่งเศสจะได้ผลประโชน์คือได้ไทยเป็นฐานทำการค้าและท่าจอดเรือสำคัญที่จะสามารถแข่งกับดัตช์ได้ (คนละความหมายกับการยึดเป็นอาณานิคม) คริสตจักรทั้งที่ฝรั่งเศสและวาติกันจะได้ประโยชน์ในการเผยแผ่ศาสนา ส่วนฟอลคอนก็กลายเป็นผู้กุมอำนาจหลักในราชสำนักไทยโดยมีฝรั่งเศสเป็นผู้คุ้มครอง
แผนนี้เขียนเป็นภาษาโปรตุเกสส่งไปถวายพระสันตปาปาอินโนเซนต์ที่ ๑๑ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ พระอธิการเดอ ลาแชส (Confessor พระไถ่บาปของพระเจ้าหลุยส์) และบาทหลวงเดอ นัวแยล เจ้าอธิการใหญ่คณะเยซูอิตประจำกรุงโรม ส่วนแผนภาษาฝรั่งเศสส่งให้เฉพาะพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ กับพระอธิกรณ์เดอ ลาแชส โดยมีบาทหลวงตาชารด์ซึ่งติดตามคณะทูตของออกพระวิสุทสุนธร (ปาน) กลับไปฝรั่งเศสเป็นผู้ดำเนินการในฐานะ "ราชทูต" ตัวจริง ในขณะที่ออกพระวิสุทสุนธรนั้นแทบไม่ได้มีบทบาทอะไรเลย และได้ใช้ส่วนใหญ่ไปกับการถูกพาไปท่องเที่ยวในฝรั่งเศส
ตั้งแต่ตาชาร์ดยังไม่กลับไปฝรั่งเศส ฟอลคอนก็เริ่มดำเนินตามแผน ดึงคนในคณะทูตฝรั่งเศสของโชมงต์ไว้ในกรุงไทยหลายคนเช่นเชอวาลิเยร์ เดอ ฟอร์แบ็ง ส่งไปเป็นเจ้าเมืองธนบุรีในบรรดาศักดิ์ออกพระศักดิสงคราม บิลลี (Billy) ผู้ดูแลส่วนตัวราชทูตส่งไปเป็นเจ้าเมืองถลาง (ภูเก็ต) ริวาลส์ (Rivals) เป็นเจ้าเมืองบางคลี เชอวาลิเยร์ เดอ โบเรอการด์ (Chevalier de Beauregard) ไปเป็นเจ้าเมืองมะริด
แต่ทางฝรั่งเศสกลับหวังจะได้ผลประโยชน์มากกว่าแผนที่ฟอลคอนกับตาชาร์ดวางไว้ จึงได้มีการเจรจาระหว่างมาร์กีส์ เดอ เซนเญอเลย์ (Jean-Baptiste Antoine Colbert, Marquis de Seignelay) เสนาบดีกระทรวงทหารเรือฝรั่งเศสกับออกพระวิสุทสุนธร ทางฝรั่งเศสอ้างว่าสงขลามีแต่ซากปรักหักพังใช้การไม่ได้จะขอเมืองบางกอกกับเมืองมะริดซึ่งเป็นเมืองสำคัญของอยุทธยาแทน ซึ่งถ้าฝรั่งเศสสามารถครอบครองป้อมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางกอกไปก็สามารถถึงโซ่ปิดแม่น้ำเจ้าพระยาเลยเท่ากับคุมเส้นทางหลักสู่อยุทธยา มะริดก็เป็นเมืองท่าทางทะเลที่สำคัญมากเช่นกัน นอกจากนี้จะส่งกำลังทหารไปด้วยอ้างว่า "นายทหารเหล่านี้จะช่วยฝึกสอนชาวสยาม" เรื่องนี้ทำให้ขุนนางไทยจำนวนมากไม่พอใจโดยเฉพาะออกพระเพทราชาที่คัดค้านการให้ทหารฝรั่งเศสเข้ามาประจำการในป้อมเมืองธนบุรีแต่ไม่สำเร็จ
เรื่องนี้ผิดไปจากแผนที่ฟอลคอนกับตาชาร์ดวางไว้มาก ตัวตาชาร์ดเองคิดว่าเป็นการเร่งรีบเกินไป (แม้กระทั่งเรื่องการยกสงขลาให้ฝรั่งเศสตามแผนด้วย) จะก่อให้เกิดความไม่วางใจจากคนไทย ควรดำเนินตามแผนอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า แต่ทางฝรั่งเศสหวังได้ผลประโยชน์มากกว่าที่ฟอลคอนเสนอ
ผลคือคณะทูตชุดใหม่นำโดยลาลูแบร์ (Simon de La Loubère) ให้มาเจรจาเรื่องเมืองบางกอกกับมะริด ทางฝรั่งเศสส่งทหารมา ๖๓๖ นายภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลเดส์ฟาร์ฌส์ (le général Desfarges) แต่ตายเสียกลางทางเหลือ ๔๙๓ บรรจุปืนใหญ่ปืนครกมาเต็มอัตราโดยนายพลเดส์ฟาร์ฌส์ได้รับคำสั่งลับมาว่าหากการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จให้ "โจมตีป้อมบางกอกและใช้กำลังยึดไว้ให้ได้" (ซึ่งฝรั่งเศสอาจจะคิดไปเองว่าทหารเพียงแค่นี้สามารถยึดเมืองได้ เพราะน้อยมาก)
แม้ไม่มีการปฏิบัติตามแผนของฟอลคอน แต่ทางฝรั่งเศสก็ยังให้ฟอลคอนเป็นตัวดำเนินการในไทยอยู่ นอกจากนี้ยังมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้เช่นให้ยศชั้นกงต์ (comte-เคานท์) พระราชทางเครื่องราชชั้นแซงต์มิเชลให้ พระราชทานสิทธิในการตั้งถิ่นฐานในฝรั่งเศส รวมถึงเสนอให้ร่วมหุ้นในบริษัทอินเดียตะวันออกของฝรั่งเศสด้วย ซึ่งน่าจะเป็นช่องทางในการย้ายไปฝรั่งเศสในอนาคต ในกรณีที่เขาไม่อยากอยู่ในเมืองไทยแล้ว
การเจรจาขอเมืองบางกอกกับมะริดของฝรั่งเศสแทนที่จะเป็นสงขลาที่ฟอลคอนเสนอ (ตัวฟอลคอนเองก็ลำบากใจในเรื่องนี้ และเขารู้ว่าคนไทยจะต้องไม่พอใจมากจนอาจส่งผลเสียได้ เขาจึงเสนอให้ฝรั่งเศสจัดการอย่างค่อยเป็นค่อยไป) ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์ก็พระราชทานให้โดยที่ออกพระเพทราชาคัดค้านเรื่องนี้อย่างที่สุดแต่กลับไม่สำเร็จ
แต่การนำทหารฝรั่งเศสเจ้ามาประจำการที่ธนบุรีทำให้ฟอลคอนโดนคนไทยเพ่งเล็งมากขึ้น ประกอบด้วยหลายปัจจัยจึงนำไปสู่การรัฐประหารสมเด็จพระนารายณ์โดยการนำของออกพระเพทราชา และการปฏิวัติขับไล่ทหารฝรั่งเศสใน พ.ศ.๒๒๓๑ ครับ
การรัฐประหารของออกพระเพทราชามีคนไทยในตอนนั้นสนับสนุนจำนวนมากไม่ว่าจะขุนนาง สถาบันสงฆ์ซึ่งได้รับความเสียหายจากนโยบายบริหารของสมเด็จพระนารายณ์จากเรื่องสึกพระมาทำงานหลวง หรือการให้ฆราวาสอย่างออกหลวงสุรศักดิ์มาควบคุมการสอบ รวมไปกระทั่งไพร่และเชื้อพระวงศ์ เพราะล้วนแต่กลัวว่าฝรั่งเศสจะมายึดบ้านยึดเมือง เจ้านายองค์หลักที่หนุนการรัฐประหารครั้งนี้ก็คือกรมหลวงโยธาเทพ พระธิดาของสมเด็จพระนารายณ์
หลายคนที่เข้ากับพระเพทราชาเพราะพระเพทราชาด้วยยข้ออ้างว่าเพื่อปกป้องบ้านเมืองและพระศาสนา (ซึ่งก็คงมีเจตนานั้นจริง) และแสดงท่าทีว่าจะยกพระอนุชาให้ครองบัลลังก์ต่อ เจ้านายอย่างกรมหลวงโยธาเทพจึงทรงเห็นชอบ
แต่พอถึงเวลาออกหลวงสุรศักดิ์กลับเอาเจ้าฟ้าอภัยทศ เจ้าฟ้าน้อยไปสำเร็จโทษ เพื่อที่ตนจะได้ครองบัลลังก์เอง (พวกฝรั่งเศสได้รู้เรื่องนี้จากปากคำของหลวงราชนิกุลนิตยภักดี ที่ถูกฝรั่งเศสฉุดขึ้นเรือ) นี่ก็แสดงเจตนาจะยึดครองบัลลังก์เช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อเรื่องนี้หลุดออกไปก็ทำให้คนไทย จนถึงพระสงฆ์หรือกรมหลวงโยธาเทพไม่พอใจด้วยกันทั้งนั้นจนนนำมาสู่การต่อต้านและการก่อกบฏอย่างรุนแรงในเวลาต่อมา แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าการสำเร็จโทษพระอนุชาทั้งสองเป็นเจตนาของพระเพทราชาหรือ ออกหลวงสุรศักดิ์ทำโดยพลการครับ
สำหรับฟอลคอน คนที่เคยเจอเขา ก็มีทั้งคนที่ชอบกับไม่ชอบ คนที่ชอบก็ชม คนที่ไม่ชอบก็ด่า เขียนกันไปกันหลายทางมาก แม้แต่คนฝรั่งเศสหลายคนก็ไม่ได้ชอบเขาครับ
แต่ก็เขียนค่อนข้างตรงกันว่าว่าเขาเป็นคนฉลาดมีความสามารถ ทำการค้าเก่ง สามารถช่วยเหลืองานราชการได้เป็นอย่างดีเป็นที่ไว้วางพระทัย มีความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระนารายณ์ไม่ได้คิดกบฏล้มล้างราชสมบัติ ส่วนหนึ่งก็เพราะเขายังต้องอาศัยบารมีของพระองค์คุ้มกันตนเองอยู่จากคนไทยที่ไม่ชอบเขามาก
พวกบาทหลวงฝรั่งเศสนิกายเยซูอิตซึ่งเข้ามาพร้อมคณะทูตฝรั่งเศสซึ่งมีผลประโยชน์ผูกพันกับเขา ก็มักจะกล่าวถึงเขาในแง่บวก เห็นว่าเขาเป็นคาทอลิกที่ดี อุปถัมภ์ศาสนาคริสต์อย่างดีมาก มีสติปัญญาบุคลิกน่านับถือ แต่บาทหลวงคณะมิสซังต่างประเทศกรุงปารีสซึ่งอยู่เมืองไทยมานานกลับเห็นต่างไปว่าเขาเป็นคนทะเยอทะยาน จนพลเมืองล้วนเกลียดชัง แต่ก็เห็นว่าอุปถัมภ์ศาสนาอย่างดีเหมือนกัน
พวกพ่อค้าและราชทูตชาวฝรั่งเศส ก็ว่าเขาเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง โมโหร้าย หยาบคาย ชอบข่มคนอื่นเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนโดยหวังจะใช้ฝรั่งเศสเป็นเครื่องมือ ใช้กลอุบายในการกำจัดศัตรูคู่แข่ง ตัวอย่างหนึ่งคือในบันทึกของเวเรต์ (Veret) หัวหน้าสถานีการค้าบริษัทอินเดียตะวันออกของฝรั่งเศส เขาเคยไม่คืนเงินพ่อค้าฝรั่งเศสที่ชื่อรูอัง ต่อมาเมื่อรูอังเอาไม้จันทน์บรรทุกใส่เรือมาขาย ก็บังคับให้เสียภาษีปากเรือทั้งที่สมเด็จพระนารายณ์ทรงยกเว้นให้แล้ว และห้ามขายไม้จันทน์ที่นำมา แล้วก็ใช้อำนาจยึดไม้จันทน์และสินค้าอื่นๆ ไปโดยกล่าวหาว่ารูอังโก่งราคาเกินควร แล้วก็อ้างพระราชโองการจับรูอังไปขังโดยจะยอมปล่อยตัวเมื่อรูอังจ่ายเงินให้ ๑,๐๐๐ ปอนด์
เชอลาวิเยร์ เดอ ฟอร์แบ็ง (Claude, Chevalier de Forbin) หรือ ออกพระศักดิสงคราม เห็นว่าฟอลคอนเป็นคนขี้อิจฉาริษยา และพยายามวางแผนกำจัดฟอร์แบ็งหลายครั้ง ด้วยการลอบวางยาพิษบ้าง ให้ไปยึดเรือแขกมักกะสันจนเกือบถูกฆ่าบ้าง ไปยึดเรือสินค้าอังกฤษบ้าง จนสุดท้ายฟอร์แบ็งต้องหนีกลับฝรั่งเศส
ชาวอังกฤษคนหนึ่งก็กล่าวว่าเขาเป็นพวกเสือผู้หญิง มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมาหลายคนก่อนแต่งงาน เมื่อแต่งงานกับท้าวทองกีบม้าแล้ว ก็ยังแอบไปมีความสัมพันธ์กับเด็กสาวที่ท้าวทองกีบม้าเลี้ยงไว้ในบ้าน
อย่างไรก็ตามเรื่องที่ฟอลคอนพยายามแทรกแซงการเมืองปกครองของอยุทธยาเป็นเรื่องจริง แม้ว่าเขาจะไม่ได้มองไกลขนาดจะขึ้นเป็นกษัตริย์เองก็ตาม
ฟอลคอนได้เริ่มวางแผนให้ฝรั่งเศสเข้ามาแทรกแซงการปกครองกรุงศรีอยุทธยาในแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยได้ร่างแผนกับบาทหลวงเยซูอิตเชื้อสายฟลาม็องด์ที่มีความสนิทสนมอย่างบาทหลวงมัลโดนาโด (Jean-Baptiste Maldonado) แต่เมื่อคณะทูตฝรั่งเศสเข้ามาถึง เขาเลยไปผูกสัมพันธ์กับบาทหลวงกีย์ ตาชารด์ (Guy Tachard) ที่มาในคณะทูตด้วย และได้ร่วมปรับปรุงแผนการใหม่ โดยที่ฟอลคอนอาจเป็นคนกุมอำนาจโดยเอาเชื้อพระวงศ์ขึ้นมาเป็นหุ่นเชิดซึ่งเป็นคนที่จะมีนโยบายสนองผลประโยชน์ให้ฝรั่งเศสได้หลังสมเด็จพระนารายณ์สวรรคต (ซึ่งมักกล่าวกันว่าคือพระปีย์) แล้วจะมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะเปลี่ยนไทยให้เป็นดินแดนของคริสต์อย่างค่อยเป็นค่อยไป
แผนฉบับปรับปรุงใหม่ที่คิดร่วมกับตาชาร์ดคือให้พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ส่งข้าราชสำนัก ๗๐ คนที่มีคุณภาพเก็บความลับได้ดี มีบาทหลวงเยซูอิตที่ปลอมตัวมาให้ดูเหมือนคนธรรมดา พอคนกลุ่มนี้เรียนรู้ภาษาไทยได้แล้ว ฟอลคอนจะให้คนพวกนี้ได้ทำงานในระบบราชการที่สำคัญเช่นเป็นเจ้าเมืองคุมเมืองท่าบ้าง แม่ทัพบ้าง และให้คนกลุ่มนี้คอยสร้างสัมพันธ์อันดีกับคนไทยแล้วพยายามชักนำให้เข้ารีต โดยคนกลุ่มนี้จะต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาของฟอลคอน นอกจากนี้ยังเสนอให้นำคนฝรั่งเศสระดับชาวบ้านเพื่อมาก่อตั้งชุมชนเล็กๆขึ้นโดยจะมีการจัดสรรที่ดิน อาคารและปศุสัตว์ให้เพื่อให้ใช้เป็นฐานสำหรับชาวคริสต์เวลาเกิดความวุ่นวายทางการเมือง รวมถึงเสนอเมืองสงขลาให้ฝรั่งเศสเป็นที่จอดเรือ ถ้ามีความจำเป็นก็นำเรือไปปิดปากน้ำเจ้าพระยาได้ ให้บาทหลวงไปสอนศาสนาแถวนั้นก็ได้ นอกจากนี้สงขลายังสามารถปลูกข้าวได้ปีละสองครั้ง
ตามแผนนี้บริษัทอินเดียตะวันออกของฝรั่งเศสจะได้ผลประโชน์คือได้ไทยเป็นฐานทำการค้าและท่าจอดเรือสำคัญที่จะสามารถแข่งกับดัตช์ได้ (คนละความหมายกับการยึดเป็นอาณานิคม) คริสตจักรทั้งที่ฝรั่งเศสและวาติกันจะได้ประโยชน์ในการเผยแผ่ศาสนา ส่วนฟอลคอนก็กลายเป็นผู้กุมอำนาจหลักในราชสำนักไทยโดยมีฝรั่งเศสเป็นผู้คุ้มครอง
แผนนี้เขียนเป็นภาษาโปรตุเกสส่งไปถวายพระสันตปาปาอินโนเซนต์ที่ ๑๑ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ พระอธิการเดอ ลาแชส (Confessor พระไถ่บาปของพระเจ้าหลุยส์) และบาทหลวงเดอ นัวแยล เจ้าอธิการใหญ่คณะเยซูอิตประจำกรุงโรม ส่วนแผนภาษาฝรั่งเศสส่งให้เฉพาะพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ กับพระอธิกรณ์เดอ ลาแชส โดยมีบาทหลวงตาชารด์ซึ่งติดตามคณะทูตของออกพระวิสุทสุนธร (ปาน) กลับไปฝรั่งเศสเป็นผู้ดำเนินการในฐานะ "ราชทูต" ตัวจริง ในขณะที่ออกพระวิสุทสุนธรนั้นแทบไม่ได้มีบทบาทอะไรเลย และได้ใช้ส่วนใหญ่ไปกับการถูกพาไปท่องเที่ยวในฝรั่งเศส
ตั้งแต่ตาชาร์ดยังไม่กลับไปฝรั่งเศส ฟอลคอนก็เริ่มดำเนินตามแผน ดึงคนในคณะทูตฝรั่งเศสของโชมงต์ไว้ในกรุงไทยหลายคนเช่นเชอวาลิเยร์ เดอ ฟอร์แบ็ง ส่งไปเป็นเจ้าเมืองธนบุรีในบรรดาศักดิ์ออกพระศักดิสงคราม บิลลี (Billy) ผู้ดูแลส่วนตัวราชทูตส่งไปเป็นเจ้าเมืองถลาง (ภูเก็ต) ริวาลส์ (Rivals) เป็นเจ้าเมืองบางคลี เชอวาลิเยร์ เดอ โบเรอการด์ (Chevalier de Beauregard) ไปเป็นเจ้าเมืองมะริด
แต่ทางฝรั่งเศสกลับหวังจะได้ผลประโยชน์มากกว่าแผนที่ฟอลคอนกับตาชาร์ดวางไว้ จึงได้มีการเจรจาระหว่างมาร์กีส์ เดอ เซนเญอเลย์ (Jean-Baptiste Antoine Colbert, Marquis de Seignelay) เสนาบดีกระทรวงทหารเรือฝรั่งเศสกับออกพระวิสุทสุนธร ทางฝรั่งเศสอ้างว่าสงขลามีแต่ซากปรักหักพังใช้การไม่ได้จะขอเมืองบางกอกกับเมืองมะริดซึ่งเป็นเมืองสำคัญของอยุทธยาแทน ซึ่งถ้าฝรั่งเศสสามารถครอบครองป้อมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางกอกไปก็สามารถถึงโซ่ปิดแม่น้ำเจ้าพระยาเลยเท่ากับคุมเส้นทางหลักสู่อยุทธยา มะริดก็เป็นเมืองท่าทางทะเลที่สำคัญมากเช่นกัน นอกจากนี้จะส่งกำลังทหารไปด้วยอ้างว่า "นายทหารเหล่านี้จะช่วยฝึกสอนชาวสยาม" เรื่องนี้ทำให้ขุนนางไทยจำนวนมากไม่พอใจโดยเฉพาะออกพระเพทราชาที่คัดค้านการให้ทหารฝรั่งเศสเข้ามาประจำการในป้อมเมืองธนบุรีแต่ไม่สำเร็จ
เรื่องนี้ผิดไปจากแผนที่ฟอลคอนกับตาชาร์ดวางไว้มาก ตัวตาชาร์ดเองคิดว่าเป็นการเร่งรีบเกินไป (แม้กระทั่งเรื่องการยกสงขลาให้ฝรั่งเศสตามแผนด้วย) จะก่อให้เกิดความไม่วางใจจากคนไทย ควรดำเนินตามแผนอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า แต่ทางฝรั่งเศสหวังได้ผลประโยชน์มากกว่าที่ฟอลคอนเสนอ
ผลคือคณะทูตชุดใหม่นำโดยลาลูแบร์ (Simon de La Loubère) ให้มาเจรจาเรื่องเมืองบางกอกกับมะริด ทางฝรั่งเศสส่งทหารมา ๖๓๖ นายภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลเดส์ฟาร์ฌส์ (le général Desfarges) แต่ตายเสียกลางทางเหลือ ๔๙๓ บรรจุปืนใหญ่ปืนครกมาเต็มอัตราโดยนายพลเดส์ฟาร์ฌส์ได้รับคำสั่งลับมาว่าหากการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จให้ "โจมตีป้อมบางกอกและใช้กำลังยึดไว้ให้ได้" (ซึ่งฝรั่งเศสอาจจะคิดไปเองว่าทหารเพียงแค่นี้สามารถยึดเมืองได้ เพราะน้อยมาก)
แม้ไม่มีการปฏิบัติตามแผนของฟอลคอน แต่ทางฝรั่งเศสก็ยังให้ฟอลคอนเป็นตัวดำเนินการในไทยอยู่ นอกจากนี้ยังมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้เช่นให้ยศชั้นกงต์ (comte-เคานท์) พระราชทางเครื่องราชชั้นแซงต์มิเชลให้ พระราชทานสิทธิในการตั้งถิ่นฐานในฝรั่งเศส รวมถึงเสนอให้ร่วมหุ้นในบริษัทอินเดียตะวันออกของฝรั่งเศสด้วย ซึ่งน่าจะเป็นช่องทางในการย้ายไปฝรั่งเศสในอนาคต ในกรณีที่เขาไม่อยากอยู่ในเมืองไทยแล้ว
การเจรจาขอเมืองบางกอกกับมะริดของฝรั่งเศสแทนที่จะเป็นสงขลาที่ฟอลคอนเสนอ (ตัวฟอลคอนเองก็ลำบากใจในเรื่องนี้ และเขารู้ว่าคนไทยจะต้องไม่พอใจมากจนอาจส่งผลเสียได้ เขาจึงเสนอให้ฝรั่งเศสจัดการอย่างค่อยเป็นค่อยไป) ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์ก็พระราชทานให้โดยที่ออกพระเพทราชาคัดค้านเรื่องนี้อย่างที่สุดแต่กลับไม่สำเร็จ
แต่การนำทหารฝรั่งเศสเจ้ามาประจำการที่ธนบุรีทำให้ฟอลคอนโดนคนไทยเพ่งเล็งมากขึ้น ประกอบด้วยหลายปัจจัยจึงนำไปสู่การรัฐประหารสมเด็จพระนารายณ์โดยการนำของออกพระเพทราชา และการปฏิวัติขับไล่ทหารฝรั่งเศสใน พ.ศ.๒๒๓๑ ครับ
การรัฐประหารของออกพระเพทราชามีคนไทยในตอนนั้นสนับสนุนจำนวนมากไม่ว่าจะขุนนาง สถาบันสงฆ์ซึ่งได้รับความเสียหายจากนโยบายบริหารของสมเด็จพระนารายณ์จากเรื่องสึกพระมาทำงานหลวง หรือการให้ฆราวาสอย่างออกหลวงสุรศักดิ์มาควบคุมการสอบ รวมไปกระทั่งไพร่และเชื้อพระวงศ์ เพราะล้วนแต่กลัวว่าฝรั่งเศสจะมายึดบ้านยึดเมือง เจ้านายองค์หลักที่หนุนการรัฐประหารครั้งนี้ก็คือกรมหลวงโยธาเทพ พระธิดาของสมเด็จพระนารายณ์
หลายคนที่เข้ากับพระเพทราชาเพราะพระเพทราชาด้วยยข้ออ้างว่าเพื่อปกป้องบ้านเมืองและพระศาสนา (ซึ่งก็คงมีเจตนานั้นจริง) และแสดงท่าทีว่าจะยกพระอนุชาให้ครองบัลลังก์ต่อ เจ้านายอย่างกรมหลวงโยธาเทพจึงทรงเห็นชอบ
แต่พอถึงเวลาออกหลวงสุรศักดิ์กลับเอาเจ้าฟ้าอภัยทศ เจ้าฟ้าน้อยไปสำเร็จโทษ เพื่อที่ตนจะได้ครองบัลลังก์เอง (พวกฝรั่งเศสได้รู้เรื่องนี้จากปากคำของหลวงราชนิกุลนิตยภักดี ที่ถูกฝรั่งเศสฉุดขึ้นเรือ) นี่ก็แสดงเจตนาจะยึดครองบัลลังก์เช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อเรื่องนี้หลุดออกไปก็ทำให้คนไทย จนถึงพระสงฆ์หรือกรมหลวงโยธาเทพไม่พอใจด้วยกันทั้งนั้นจนนนำมาสู่การต่อต้านและการก่อกบฏอย่างรุนแรงในเวลาต่อมา แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าการสำเร็จโทษพระอนุชาทั้งสองเป็นเจตนาของพระเพทราชาหรือ ออกหลวงสุรศักดิ์ทำโดยพลการครับ
ความคิดเห็นที่ 17
เคยตอบประเด็นนี้ไว้บ้างแล้วในโพสนี้
https://pantip.com/topic/37452251
ประเด็นที่ 1 : ฟอลคนเป็นคนอย่างไร...
ในมุมมองของผม ฟอลคอนเป็นคนเทาเข้มๆ ครับ ที่จงรักภักดีกับพระนารายณ์ เพราะอำนาจของเขาแปรผันตรงกับอำนาจของพระนารายณ์ ถ้าพระนารายณ์ถูกปฏิวัติ ชีวิตเขาก็พังไปด้วย ดังนั้นจึงต้องพยายามให้พระนารายณ์ครองราชย์ไปนานๆ เพื่อให้อำนาจวาสนาตัวเองยังอยู่ต่อไป
แต่เมื่อเห็นว่าสุขภาพพระนารายณ์เริ่มอ่อนแอ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าถูกวางยาพิษทีละน้อยๆ ให้อาการค่อยๆ ทรุด ทำให้ฟอลคอนต้องเร่งหาแบ็คคอยถ่วงดุลย์อำนาจ ก็เลยประสานกับฝรั่งเศสให้ส่งคนหนุ่มมีการศึกษาดีๆ มาหลายๆ คน จากนั้นเขาจะเอามาฝึกภาษาไทยให้เก่ง แล้วส่งไปครองเมืองสำคัญต่างๆ จากนั้นจะดันพระปีย์ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระนารายณ์โดยมีตัวเองเป็นหุ่นเชิด และฝรั่งเศสจะได้เมืองท่าสำคัญของสยามทั้งหมดเพื่อใช้ในการค้าขาย ซึ่งทุกอย่างมีบันทึกเป็นจดหมายส่งไปกับบาทหลวงว่าเขาคิดแบบนี้จริงๆ เพราะรู้ว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง พอพระนารายณ์สวรรคต ตัวเองก็คงถูกฆ่า ไม่ก็เนรเทศออกไป เพราะไม่มีขุนนางคนไหนชอบเขาเลย
เรื่องการค้าขาย ฟอลคอนทำกำไรให้คลังหลวงได้มากขึ้นก็จริง แต่เป็นเพราะระบบการค้าแบบผูกขาด ซื้อถูก ขายแพง ทำให้ช่วงปลายยุคพระนารายณ์ สำเภาเข้ามาค้าขายกับอยุธยาน้อยลง เพราะกำไรน้อย ส่วนฟอลคอนก็เอาของตัวเองฝากเรือหลวงไปขาย ทำกำไรกับแซมมัวร์ ไวท์กันจนได้เงินมาซื้อหุ้นบริษัทการค้าของฝรั่งเศสมากมาย ดังนั้นเรื่องโกงก็คงไม่ใช่ย่อย คงไม่แพ้ขุนนางแขกเดิมที่ดูแลการค้าทางฝั่งขวาทะเลอันดามันสักเท่าไหร่
ฟอลคอนพึ่งเจริญพรวดๆ ก็หลังพระยาโกษาเหล็กเสียชีวิตในปี 2226 ครับ จากนั้นก็ได้เป็นพระยาวิไชยเยนตอนคณะทูตจากฝรั่งเศสมา แต่ก็อยู่ในอำนาจไม่กี่ปี พอปี 2231 ก็โดนพระเพทราชายึดอำนาจ จับประหารตายไปด้วยกันกับพระปีย์นะแหละ จบชีวิตนักเผชิญโชคตามสำนวนที่ว่า หากคุณคิดจะเล่นกับอำนาจ ไม่นานอำนาจก็จะเล่นงานคุณ
ประเด็นที่ 2 : ฟอลคอนต้องการยึดอำนาจจริงหรือไม่
ประเด็นนี้ต้องเข้าใจก่อนว่าฟอลคอนไม่ได้คิดจะเป็นพระมหากษัตริย์เอง แต่ต้องการหนุนพระปีย์ขึ้นเป็นกษัตริย์ โดยมีเงื่อนไขให้พระปีย์เปลี่ยนศาสนาเป็นคริสต์ก่อน จากนั้นจะใช้กำลังของฝรั่งเศสมาเป็นฐานอำนาจในการหนุนบัลลังค์ของหม่อมปีย์ ซึ่งก็คงมีการขอทหารฝรั่งเศสทัพใหญ่มาช่วยอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นพระปีย์ก็จะเป็นกษัตริย์หุ่นเชิดให้กับฟอลคอน แล้วมีฟอลคอนคอยคุมนโยบายต่างๆ ให้ แต่งตั้งคนของฝรั่งเศสไปคุมกำลังพลในเมืองสำคัญต่างๆ และใช้กองทัพฝรั่งเศสเข้ามาควบคุมอำนาจทางการทหารของอยุธยา
จากนั้นถ้าเป็นไปตามที่คิด ฟอลคอนก็แค่กอบโกย ผ่องถ่ายเงินออกไปพร้อมกับเรือสินค้าของฝรั่งเศส แล้วเมื่อถึงเวลาก็ไปเสวยสุขอยู่ฝรั่งเศสซึ่งน่าจะได้รับการอวยยศเป็นผู้ดีมีตระกูลไปแล้ว และนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่เขาคิดฝัน ผมไม่คิดว่าฟอลคอนอยากอยู่ที่ไทยจนวันตายหรอก ต้องย้ายไปเมื่อกอบโกยจนหนำใจแล้วนะแหละ
ประเด็นที่ 3 : ฝรั่งเศสจะมายึดอยุธยาเป็นอาณานิคมหรือเปล่า
ผมว่าก็คงไม่ได้คิดขนาดนั้น เพราะสมัยนั้นเรือต้องอ้อมแหลม Goodhope ที่แอฟริกา เดินทางทีนึงครึ่งปีหรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับลมทะเล ดังนั้นการเคลื่อนทัพใหญ่มาบุกยึดเมืองที่ห่างไกลทั้งอาณาจักรไม่ใช่เรื่องที่ทำกันง่าย
การล่าอาณานิคมเกิดขึ้นเพราะเรือกลไฟ และคลองสุเอซนี่แหละครับ ถ้าไม่มีการขุดคลองสุเอซ บางทีการล่าอาณานิคมของอังกฤษ และฝรั่งเศสอาจจะไม่ง่ายดายแบบนี้ก็เป็นได้
ดังนั้นที่ฝรั่งเศสต้องการจากอยุธยาก็คือการยึดเมืองท่าสำคัญๆ ในการค้าขายของภูมิภาคฝั่งนี้ เช่นทวาย, มะริด, ถลาง, ปัตตานี, บางกอก และหัวเมืองที่ส่งสินค้าป่าสำคัญๆ เป็นหลัก พูดง่ายๆ คือให้พระปีย์เป็นกษัตริย์ที่อำนวยความสะดวกในการค้าขายให้กับฝรั่งเศสนั่นเอง โดยฝรั่งเศสที่คุมเมืองท่าต่างๆ ก็จะไม่ค้าขายกับเมืองคู่แข่งอย่างอังกฤษหรือฮอลันดา สินค้าที่ได้ก็เอาไปค้าขายต่อเอง ทำกำไรเต็มๆ แบบไม่แบ่งปันใคร ซึ่งน่าจะสร้างกำไรได้มหาศาลอย่างแน่นอน
ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดูละกันครับ ผมยกบทท้ายเล่มที่เขาวิเคราะห์ว่าฟอลคอนเป็นคนอย่างไรมาให้อ่านดูละกัน ส่วนรายละเอียดที่น่าสนใจ ผมแปะไว้ในความเห็นด้านล่าง ลองอ่านกันดูครับ โดยเฉพาะในความเห็นที่ 29 จะพูดถึงสาเหตุที่สยามต้องประกาศสงครามกับบริษัทการค้าของอังกฤษอย่างอินเดียตะวันออก ซึ่งจะทำให้เห็นว่าฟอลคอนค้าขายอย่างไร ทำไมหาเงินเข้าตัวเองได้มากมายขนาดนั้นในเวลาสั้น
หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหน้าน่าสนใจเยอะมากครับ แล้วก็เป็นแนววิเคราะห์อ้างอิงหลักฐานหลายด้าน ไม่ได้ถือเอาแต่หลักฐานฝรั่งเศส หรือของประเทศไทยเพียงอย่างเดียว ทำให้มีให้เลือกมองได้หลายมุม ใครเจอที่ไหนแนะนำให้ซื้อเก็บไว้ครับ หากว่าสนใจจะศึกษาประวัติศาสตร์ในช่วงยุคพระนารายณ์ครับ





https://pantip.com/topic/37452251
ประเด็นที่ 1 : ฟอลคนเป็นคนอย่างไร...
ในมุมมองของผม ฟอลคอนเป็นคนเทาเข้มๆ ครับ ที่จงรักภักดีกับพระนารายณ์ เพราะอำนาจของเขาแปรผันตรงกับอำนาจของพระนารายณ์ ถ้าพระนารายณ์ถูกปฏิวัติ ชีวิตเขาก็พังไปด้วย ดังนั้นจึงต้องพยายามให้พระนารายณ์ครองราชย์ไปนานๆ เพื่อให้อำนาจวาสนาตัวเองยังอยู่ต่อไป
แต่เมื่อเห็นว่าสุขภาพพระนารายณ์เริ่มอ่อนแอ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าถูกวางยาพิษทีละน้อยๆ ให้อาการค่อยๆ ทรุด ทำให้ฟอลคอนต้องเร่งหาแบ็คคอยถ่วงดุลย์อำนาจ ก็เลยประสานกับฝรั่งเศสให้ส่งคนหนุ่มมีการศึกษาดีๆ มาหลายๆ คน จากนั้นเขาจะเอามาฝึกภาษาไทยให้เก่ง แล้วส่งไปครองเมืองสำคัญต่างๆ จากนั้นจะดันพระปีย์ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระนารายณ์โดยมีตัวเองเป็นหุ่นเชิด และฝรั่งเศสจะได้เมืองท่าสำคัญของสยามทั้งหมดเพื่อใช้ในการค้าขาย ซึ่งทุกอย่างมีบันทึกเป็นจดหมายส่งไปกับบาทหลวงว่าเขาคิดแบบนี้จริงๆ เพราะรู้ว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง พอพระนารายณ์สวรรคต ตัวเองก็คงถูกฆ่า ไม่ก็เนรเทศออกไป เพราะไม่มีขุนนางคนไหนชอบเขาเลย
เรื่องการค้าขาย ฟอลคอนทำกำไรให้คลังหลวงได้มากขึ้นก็จริง แต่เป็นเพราะระบบการค้าแบบผูกขาด ซื้อถูก ขายแพง ทำให้ช่วงปลายยุคพระนารายณ์ สำเภาเข้ามาค้าขายกับอยุธยาน้อยลง เพราะกำไรน้อย ส่วนฟอลคอนก็เอาของตัวเองฝากเรือหลวงไปขาย ทำกำไรกับแซมมัวร์ ไวท์กันจนได้เงินมาซื้อหุ้นบริษัทการค้าของฝรั่งเศสมากมาย ดังนั้นเรื่องโกงก็คงไม่ใช่ย่อย คงไม่แพ้ขุนนางแขกเดิมที่ดูแลการค้าทางฝั่งขวาทะเลอันดามันสักเท่าไหร่
ฟอลคอนพึ่งเจริญพรวดๆ ก็หลังพระยาโกษาเหล็กเสียชีวิตในปี 2226 ครับ จากนั้นก็ได้เป็นพระยาวิไชยเยนตอนคณะทูตจากฝรั่งเศสมา แต่ก็อยู่ในอำนาจไม่กี่ปี พอปี 2231 ก็โดนพระเพทราชายึดอำนาจ จับประหารตายไปด้วยกันกับพระปีย์นะแหละ จบชีวิตนักเผชิญโชคตามสำนวนที่ว่า หากคุณคิดจะเล่นกับอำนาจ ไม่นานอำนาจก็จะเล่นงานคุณ
ประเด็นที่ 2 : ฟอลคอนต้องการยึดอำนาจจริงหรือไม่
ประเด็นนี้ต้องเข้าใจก่อนว่าฟอลคอนไม่ได้คิดจะเป็นพระมหากษัตริย์เอง แต่ต้องการหนุนพระปีย์ขึ้นเป็นกษัตริย์ โดยมีเงื่อนไขให้พระปีย์เปลี่ยนศาสนาเป็นคริสต์ก่อน จากนั้นจะใช้กำลังของฝรั่งเศสมาเป็นฐานอำนาจในการหนุนบัลลังค์ของหม่อมปีย์ ซึ่งก็คงมีการขอทหารฝรั่งเศสทัพใหญ่มาช่วยอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นพระปีย์ก็จะเป็นกษัตริย์หุ่นเชิดให้กับฟอลคอน แล้วมีฟอลคอนคอยคุมนโยบายต่างๆ ให้ แต่งตั้งคนของฝรั่งเศสไปคุมกำลังพลในเมืองสำคัญต่างๆ และใช้กองทัพฝรั่งเศสเข้ามาควบคุมอำนาจทางการทหารของอยุธยา
จากนั้นถ้าเป็นไปตามที่คิด ฟอลคอนก็แค่กอบโกย ผ่องถ่ายเงินออกไปพร้อมกับเรือสินค้าของฝรั่งเศส แล้วเมื่อถึงเวลาก็ไปเสวยสุขอยู่ฝรั่งเศสซึ่งน่าจะได้รับการอวยยศเป็นผู้ดีมีตระกูลไปแล้ว และนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่เขาคิดฝัน ผมไม่คิดว่าฟอลคอนอยากอยู่ที่ไทยจนวันตายหรอก ต้องย้ายไปเมื่อกอบโกยจนหนำใจแล้วนะแหละ
ประเด็นที่ 3 : ฝรั่งเศสจะมายึดอยุธยาเป็นอาณานิคมหรือเปล่า
ผมว่าก็คงไม่ได้คิดขนาดนั้น เพราะสมัยนั้นเรือต้องอ้อมแหลม Goodhope ที่แอฟริกา เดินทางทีนึงครึ่งปีหรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับลมทะเล ดังนั้นการเคลื่อนทัพใหญ่มาบุกยึดเมืองที่ห่างไกลทั้งอาณาจักรไม่ใช่เรื่องที่ทำกันง่าย
การล่าอาณานิคมเกิดขึ้นเพราะเรือกลไฟ และคลองสุเอซนี่แหละครับ ถ้าไม่มีการขุดคลองสุเอซ บางทีการล่าอาณานิคมของอังกฤษ และฝรั่งเศสอาจจะไม่ง่ายดายแบบนี้ก็เป็นได้
ดังนั้นที่ฝรั่งเศสต้องการจากอยุธยาก็คือการยึดเมืองท่าสำคัญๆ ในการค้าขายของภูมิภาคฝั่งนี้ เช่นทวาย, มะริด, ถลาง, ปัตตานี, บางกอก และหัวเมืองที่ส่งสินค้าป่าสำคัญๆ เป็นหลัก พูดง่ายๆ คือให้พระปีย์เป็นกษัตริย์ที่อำนวยความสะดวกในการค้าขายให้กับฝรั่งเศสนั่นเอง โดยฝรั่งเศสที่คุมเมืองท่าต่างๆ ก็จะไม่ค้าขายกับเมืองคู่แข่งอย่างอังกฤษหรือฮอลันดา สินค้าที่ได้ก็เอาไปค้าขายต่อเอง ทำกำไรเต็มๆ แบบไม่แบ่งปันใคร ซึ่งน่าจะสร้างกำไรได้มหาศาลอย่างแน่นอน
ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ดูละกันครับ ผมยกบทท้ายเล่มที่เขาวิเคราะห์ว่าฟอลคอนเป็นคนอย่างไรมาให้อ่านดูละกัน ส่วนรายละเอียดที่น่าสนใจ ผมแปะไว้ในความเห็นด้านล่าง ลองอ่านกันดูครับ โดยเฉพาะในความเห็นที่ 29 จะพูดถึงสาเหตุที่สยามต้องประกาศสงครามกับบริษัทการค้าของอังกฤษอย่างอินเดียตะวันออก ซึ่งจะทำให้เห็นว่าฟอลคอนค้าขายอย่างไร ทำไมหาเงินเข้าตัวเองได้มากมายขนาดนั้นในเวลาสั้น
หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหน้าน่าสนใจเยอะมากครับ แล้วก็เป็นแนววิเคราะห์อ้างอิงหลักฐานหลายด้าน ไม่ได้ถือเอาแต่หลักฐานฝรั่งเศส หรือของประเทศไทยเพียงอย่างเดียว ทำให้มีให้เลือกมองได้หลายมุม ใครเจอที่ไหนแนะนำให้ซื้อเก็บไว้ครับ หากว่าสนใจจะศึกษาประวัติศาสตร์ในช่วงยุคพระนารายณ์ครับ






ความคิดเห็นที่ 3
ฟอลคอนก็คนธรรมดาที่ทำทุกอย่างเพื่ออำนาจและความร่ำรวย เหมือนนักธุรกิจนักการเมืองสมัยนี้แหละค่ะ
ที่เค้าภักดีต่อพระนารายน์ก็เพราะเค้ารู้ว่าอำนาจวาสนาของเค้าขึ้นอยู่กับพระนารายน์ท่าน
หากวันใดพระนารายน์ท่านสิ้น เค้าอยู่ลำบากแน่ จึงพยายามที่จะให้พระปีย์เป็นผู้สืบทอดอำนาจ แล้วตนเองอยู่เบื้องหลังต่อไป
ฝั่งสมเด็จพระนารายน์ ท่านก็ไม่สามารถไว้ใจขุนนางไทยได้เต็มที่ อย่างที่เราเรียนๆกันมาแหละค่ะ อยุธยารัฐประหารบ่อยมาก
แทบทุกครั้งที่ผลัดแผ่นดิน พระนารายน์เองกว่าจะได้ครองราชย์ก็ผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มา ความไว้เนื้อเชื่อใจต่อเหล่าขุนนางจึงน้อย
ต่างจากอิตาฟอลคอน ที่ยังไงก็ไม่กล้าทรยศท่านแน่ เพราะท่านก็ต้องรู้ว่าฟอลคอนเองต้องการบารมีของท่านเหมือนกัน
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเหมือนต้องพึ่งพาอาศัยกัน
ส่วนการยึดอำนาจของพระเพทราชานั้น มองรวมๆก็คืออยากเป็นคิงนั่นแหละ แต่เหตุผลที่นำมาอ้างก็มีน้ำหนักอยู่เหมือนกัน
เรามองเป็นเรื่องธรรมดาของการยึดอำนาจ ที่ต้องมีข้ออ้างเพื่อจูงใจเหล่าขุนนางให้ร่วมก่อการ
ที่เค้าภักดีต่อพระนารายน์ก็เพราะเค้ารู้ว่าอำนาจวาสนาของเค้าขึ้นอยู่กับพระนารายน์ท่าน
หากวันใดพระนารายน์ท่านสิ้น เค้าอยู่ลำบากแน่ จึงพยายามที่จะให้พระปีย์เป็นผู้สืบทอดอำนาจ แล้วตนเองอยู่เบื้องหลังต่อไป
ฝั่งสมเด็จพระนารายน์ ท่านก็ไม่สามารถไว้ใจขุนนางไทยได้เต็มที่ อย่างที่เราเรียนๆกันมาแหละค่ะ อยุธยารัฐประหารบ่อยมาก
แทบทุกครั้งที่ผลัดแผ่นดิน พระนารายน์เองกว่าจะได้ครองราชย์ก็ผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มา ความไว้เนื้อเชื่อใจต่อเหล่าขุนนางจึงน้อย
ต่างจากอิตาฟอลคอน ที่ยังไงก็ไม่กล้าทรยศท่านแน่ เพราะท่านก็ต้องรู้ว่าฟอลคอนเองต้องการบารมีของท่านเหมือนกัน
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเหมือนต้องพึ่งพาอาศัยกัน
ส่วนการยึดอำนาจของพระเพทราชานั้น มองรวมๆก็คืออยากเป็นคิงนั่นแหละ แต่เหตุผลที่นำมาอ้างก็มีน้ำหนักอยู่เหมือนกัน
เรามองเป็นเรื่องธรรมดาของการยึดอำนาจ ที่ต้องมีข้ออ้างเพื่อจูงใจเหล่าขุนนางให้ร่วมก่อการ
แสดงความคิดเห็น
หลวงสุรสาคร หรือ ฟอลคอน เป็นคนไม่ดีจริงๆหรอ
แต่เท่าที่เราอ่าน เราว่าเขาไม่น่าเป็นคนร้ายกาจขนาดนั้น อย่างบันทึกของบาทหลวงฝรั่งเศสที่เขียนว่า ฟอลคอนยอมเปลี่ยนนิกายจากคริสเตียน เป็น คริสตัง ตามตองกีมาร์เลยคิดว่า ถ้าเขาร้ายกับมารีจริงๆคงไม่ยอมเปลี่ยนแน่ๆ ก็เลยแคลงใจหน่อยๆ
ต้องบอกก่อนว่าจขกท.แค่เป็นคนที่ชอบอ่านประวัติศาสตร์ ไม่เคยอ่านจดหมายเหตุ หรือ พงศาวดารตามพิพิทธภัณฑ์ เคยแต่อ่านในเน็ทอย่างเดียว ก็ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือผิดยังไง
แต่อย่างเรื่องฟอลคอนเป็นกบฏหวังยึดไทย อย่างที่ละครกำลังพูดถึง(คิดว่าตรงนี้คุณรอมแพงอาจจะอิงจากหลักฐานฝั่งพระเพทราชาและคนที่เป็นอริกับฟอลคอนอยู่เดิม-ซึ่งมีเยอะ555) ส่วนตัวจขกท.ไม่คิดงั้น ขอแชร์เหตุผลตามนี้
1.ทหารฝรั่งเศสในอยุธยามีน้อยไป
น่าจะประมาณหลักพัน(ถ้าจำไม่ผิด) จำนวนเท่านี้ไม่น่ายึดกรุงได้ และต่อให้ยึดได้ ก็ยึดได้แค่อยุธยา ยึดทั้งประเทศไม่ได้ แล้วเดี๋ยวก็โดนเจ้าเมืองต่างๆมาชิงกลับอยู่ดี
2. ยุคนั้นไม่ใช่ยุคล่าอาณานิคม
ต่อให้อยากยึดก็ต้องใช้ทหารเยอะมาก ต้องส่งเรือขนทหารมาเยอะ และกว่าฟอลคอนจะส่งจดหมายเชิญไป-กลับก็น่าจะกินเวลาหลายปี แถมช่วงนั้น หลุยส์ที่14 ก็เริ่มมีปัญหากับตัวเบ้งๆด้วยกันอยู่ (เรือกับอาวุธยังไม่โหดเท่าสมัยร.4 ร.5 อีก) แต่ถ้าคิดจะยึดจริงๆ น่าจะยึดเมืองมะริดมากกว่าค่ะ เพราะเป็นท่าเรือที่สำคัญมากๆ หรือไม่เขาคงกลับมาถล่มสยามไปแล้ว หลุยส์ก็บ้าอำนาจเหมือนกัน
3. ฟอลคอน ไม่ป๊อปในหมู่คนไทยเลยยย
จะเป็นคิงอย่างน้อยต้องซื้อใจปชช.หน่อย ไม่พอยังมีแต่ศัตรูรอบตัว ยกเว้นบาทหลวง ต่อให้เป็นก็เป็นได้ไม่นาน
เลยคิดว่าเป็นการใส่ร้ายฟอลคอนในเกมการเมืองของกลุ่มพระเพทราชามากกว่า
ช่วงนั้นกระแสรักศาสนาและเกลียดฝรั่งกำลังมาแรง
เพราะฝรั่งเข้ามาเยอะ+มาเผยแผ่ศาสนาด้วย
การทำหนังสือจินดามณีในยุคนั้น นอกจากเรื่องการศึกษาก็มีแฝงเรื่องศาสนาเหมือนกัน ที่จะมีในบทนึงเขียนทำนองว่า "ไม่ให้คนไทยเข้ารีต" + นโยบายส่งเสริมการบวชเลย ทำให้บาทหลวงที่มาเผยแผ่ นก เกือบหมด ได้แต่จีน มอญ และพระปีย์ ทำให้เวลาต่อมาพระปีย์ก็โดนประหารไปด้วย
อีกอย่างถ้าเขาไม่ดีจริงๆ พระนารายณ์คงไม่เก็บไว้นาน
เราว่านิสัยทะเยอทะยานสำหรับฝรั่งถือเป็นข้อดีค่ะ
แต่คนเอเชียมักมองเป็นมักใหญ่ ใฝ่สูง เป็นภัย
ก็ไม่ได้คิดนะว่าฟอลคอนเป็นคนดีเลิศเลอแบบที่บาทหลวงเขียน แต่ก็ไม่คิดว่าร้ายแบบละครเหมือนกัน และถ้ากลุ่มพระเพท หวังแค่ปัดฝรั่งออกไป ก็ไม่น่าจะต้องฆ่าพระอนุชาทั้ง 2 คนของพระนารายณ์
ที่เขียนไปเป็นข้อมูลทั้งหมดเท่าที่จขกท.รู้จริงๆ
เป็นยุคเดียวที่จขกท.ติดใจมาโดยตลอด ไม่เข้าใจเหมือนกัน เลยอยากให้ผู้รู้คนอื่นๆ มาเพิ่มเติมหรือแก้ไขความเข้าใจด้วยค่ะ
ขอบน้ำใจนะ ออเจ้า
.
.
แต่มีอย่างนึงที่สงสัยในตัวฟอลคอน
ทำไมฟอลคอนถึงไม่รีบหนีไป ?
ทั้งๆ ที่ก็น่าจะรู้เรื่องปราบดาฯ อยู่แล้ว