จากหัวข้อ กรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร ในวิกิพีเดียตามลิงค์
ปราสาทพระวิหาร ถ้าข้อมูลนี้เป็นจริง ลำดับเหตุการณ์โดยสรุป มีดังนี้
1.
สละดินแดนบางส่วน เพื่อความอยู่รอดยุคอาณานิคม
ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไทยสละดินแดน พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ให้ฝรั่งเศส
เพื่อรักษาพื้นที่ส่วนใหญ่ไว้ ปกติการจัดแบ่งเขตแดนใช้สันปันน้ำ ประสาทพระวิหาร อยู่บนยอดเขาในเขตแดนไทย
ฝรั่งเศสทำแผนที่ฝ่ายเดียว ส่งมอบให้ไทย ปรากฏว่า แผนที่นั้น ลากเลยเส้นสันปันน้ำ กินพื้นที่อันเป็นที่ตั้งเขาพระวิหาร
แต่ไม่รวมพื้นที่ทางขึ้นเขาพระวิหาร ซึ่งผูกโยงกับวัฒนธรรมการสร้างสถาปัตยกรรม
สยามไม่มีข้อโต้แย้งต่อแผนที่ดังกล่าว ที่กินเนื้อที่เข้ามาฝั่งไทยส่วนหนึ่ง มีภาพสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เยือนเขาพระวิหาร
โดยฝ่ายฝรั่งเศสต้อนรับ มีธงชาติฝรั่งเศสปักไว้ บ่งบอกความเป็นเจ้าของ
(สันนิษฐานว่า ฝรั่งเศสอาจต้องการที่ตรงนั้น ซึ่งเป็นที่สูง
เพื่อยุทธศาสตร์ทางทหาร และความหลงใหลในคุณค่าของโบราณ
ประกอบกับไทยอยู่ในฐานะที่อ่อนแอกว่าจึงหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
หากการลากเส้นในแผนที่ ไม่ตรงกับข้อความในสนธิสัญญาที่ระบุให้ใช้สันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดน เป็นจริง
แสดงว่า ฝรั่งเศสไม่ทำตามสัญญา แต่ไทยยินยอม เพราะอาจมองว่า ประนีประนอม เพื่อรักษาความสัมพันธ์ ?
บางแหล่งข้อมูล กล่าวว่า ไทยได้ใช้แผนที่ที่ฝรั่งเศสทำให้นี้ ในส่วนราชการอีกด้วย )
2.
รบเรียกร้องดินแดนคืน
ปี คศ 1940 ฝรั่งเศสแพ้สงครามต่อเยอรมนี แสนยานุภาพเริ่มอ่อนแอลง
จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรียุคนั้น ยื่นข้อเสนอเรียกร้องดินแดนที่เสียไปสมัยรัชกาลที่ 5 คืนจากฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสปฏิเสธ เกิดสงครามไทย-ฝรั่งเศส / สงครามอินโดจีน ไทยรบชนะ
ไทยได้ดินแดนคืนมา จากความช่วยเหลือไกล่เกลี่ยโดยญี่ปุ่น
เขาพระวิหารกลับคืนมาเป็นของไทย ตามอนุสัญญาโตเกียว
( ขอวิเคราะห์ว่า ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ที่ค่อนข้างดีนี้
นำไทยไปสู่จุดเสี่ยงที่ไทยจะเป็นฝ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2)
3.
ลดความเสียหายช่วงจบสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 (คศ 1945) [ตามที่ทราบกัน ไทยยึดบทบาทเสรีไทย
รัฐบาลอยู่ฝ่ายญี่ปุ่นในภาวะจำยอม] เพื่อไม่ให้เป็นฝ่ายแพ้สงคราม ซึ่งต้องชดใช้เป็นเงิน
ไทยต้องการเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ
จึงตกลงคืนดินแดน 4 จังหวัดให้ฝรั่งเศส เพื่อแลกกับการสนับสนุน
(จากคลิปใน Youtube:
"อ.ปานเทพ เปิดหลักฐาน การคืนมณฑลบูรพาให้ฝรั่งเศส อาจขัดรัฐธรรมนูญไทย: News Hour 26-08-68"
พบว่า การประกาศสงครามกับอังกฤษและฝรั่งเศส มีการลงนามของผู้นำประเทศไทยไม่ครบทุกคน ทำให้ประกาศนั้นอาจเป็นโมฆะ
และการยกเลิกสัญญาโตเกียว ต้องเป็น พรบ ที่ผ่านสภา เพราะเป็นเรื่องดินแดน
การกระทำโดยรัฐบาลในเรื่องความมั่นคงซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา อาจเกินอำนาจที่ให้ไว้ตามรัฐธรรมนูญ
ในบันทึกการประชุมสภา พบว่า เสียงส่วนใหญ่ 43 ต่อ 19 เสียง เห็นว่า "
ไม่ควรให้ความเห็นรัฐบาล" -- เป็นถ้อยคำ
ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกการประชุมสภา ปรากฏ นาทีที่ 26.12 ของคลิป ซึ่งทำให้กระบวนการคืนมณฑลบูรพาให้ฝรั่งเศส ไม่สมบูรณ์)
4.
การให้คืนดินแดน รวมพื้นที่เขาพระวิหารหรือไม่
ในยุครัฐบาลของพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ พบว่า ไทยยังครอบครองเขาพระวิหารอยู่
ไทยขับไล่ผู้อพยพกัมพูชาอย่างเหี้ยมโหดจากเขาพระวิหาร
ตัวเอนคือข้อความคัดลอกจากวิกิพีเดีย คาดว่า มีชาวกัมพูชา 3,000 คนเสียชีวิต อีก 7,000 คนหายไป
พระวิหารตั้งอยู่บนยอดผาสูง 2,000 ฟุต มองเห็นที่ราบกัมพูชาด้านล่าง ผู้ลี้ภัยถูกนำลงจากรถบัสและผลักลงจากผาชัน
"ไม่มีทางเดิน" ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งเล่า "ทางที่เราต้องลงเป็นเพียงหน้าผา บางคนหลบอยู่บนยอดเขารอดชีวิต บางคนถูกยิงหรือผลักตกหน้าผา คนส่วนใหญ่เริ่มปีนลงโดยใช้เถาวัลย์เป็นเชือก พวกเขามัดลูกไว้บนหลังและผูกไว้บนหน้าอก ขณะที่คนปีนลง ทหารโยนก้อนหินใหญ่ลงจากหน้าผา"
ข้อมูลตามแหล่งอ้างอิงในวิกีพีเดีย: ทอมป์สัน, ลาร์รี คลินตัน.
ผู้ทำงานช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในการอพยพจากอินโดจีน พ.ศ. 2518-2525.
เจฟเฟอร์สัน, นอร์ทแคโรไลนา: แมคฟาร์แลนด์ แอนด์ โค, 2553, หน้า 175 - 178
(น่าจะต้องสืบค้นพิสูจน์ว่า การให้ดินแดนเพื่อแลกกับเสียงสนับสนุนจากฝรั่งเศสใน UN ช่วงสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมพื้นที่ปราสาทพระวิหารหรือไม่
หรือให้เฉพาะพื้นที่อีกฝั่งของสันปันน้ำ ทำให้ทหารไทยยังคงใช้กำลังทหารปกป้องเขาพระวิหาร ยอดเขาในพื้นที่เขตแดนไทยหากยึดตามสันปันน้ำ
และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เพราะเป็นที่สูง)
5. ปี
พ.ศ. 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีคำพิพากษาให้
พื้นที่ตั้งปราสาทพระวิหารอยู่ในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชา
โดยพื้นที่โดยรอบเป็นของไทย
ด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3
คำตัดสินของศาลโลก ยึดตามแผนที่ ตามคำอธิบายข้อ 1 วรรค 2
ข้อมูลจาก
ปราสาทพระวิหาร
6. ปี
2548 กัมพูชาได้เสนอต่อองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร
7. ปี 2554 กัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลโลกเพื่อขอให้ศาล
ตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร พ.ศ. 2505
เพื่อให้พิจารณา
พื้นที่บริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร (ซึ่งอาจรวมพื้นที่ชายแดนไทยที่ชาวกัมพูชาตั้งถิ่นฐานในปัจจุบัน/2568 หรือไม่ ?)
ผลการพิจารณาของศาลโลก คือ ไทยไม่ได้สูญเสียพื้นที่ดังกล่าว และ
ไทยยอมรับคำตัดสินของศาลโลก ซึ่งอาจมาจากมุมคิดไทยมีผลประโยชน์
ทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับกัมพูชา และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการอยู่ร่วมกัน
ต่อไปนี้ เป็นส่วนหนึ่งจากบทความ เอาจริงหรือสร้างคอนเทนต์ เมื่อกัมพูชายื่นเรื่องต่อศาลโลก แต่จุดยืนไทยไม่รับเขตอำนาจ
"ผศ. ดร.ภาวัฒน์ สัตยานุรักษ์ ได้อธิบายว่า ศาลโลก (ICJ) เป็นองค์กรตุลาการขององค์การสหประชาชาติ (UN) ตามข้อ 92 ของกฎบัตรสหประชาชาติ รัฐสมาชิก UN ทุกรัฐเป็นภาคีธรรมนูญของศาลโลกโดยอัตโนมัติ แต่การเป็นภาคีธรรมนูญนั้น ก็ไม่จำเป็นจะต้องยอมรับเขตอำนาจศาลโลก นอกจากนี้กฎบัตร UN มาตรา 33 กำหนดให้รัฐสมาชิกระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีอื่นได้หลากหลาย ไม่ได้บังคับว่าต้องไปศาลโลกเพียงอย่างเดียว"
"กัมพูชาอ้างถึงแผนที่ภาคผนวก 1 (แผนที่มาตราส่วน 1:200,000) ว่ามีผลผูกพันเป็นเส้นเขตแดนที่ระบุให้ปราสาทและบริเวณโดยรอบอยู่ในดินแดนกัมพูชาและรวมถึงพื้นที่ พนมตรับ (Phnom Trap) ด้วย แต่ไทยโต้แย้งว่าคำตัดสินปี 2505 ไม่ได้กำหนดสถานะของเส้นเขตแดนตามแผนที่ดังกล่าว และไทยไม่เคยยอมรับแผนที่นี้ในฐานะเส้นเขตแดน"
ผลคือ ศาลโลก ยืนตามคำพิพากษาเดิมเมื่อปี พ.ศ.2505
ในแง่วัฒนธรรม หากกัมพูชาใช้ตรรกะว่า ปราสาทหินที่มาจากวัฒนธรรมขอม ย่อมเป็นของกัมพูชา
น่าจะไม่สามารถทำได้ เพราะปราสาทหินมีกระจายทั่วบริเวณตะวันออกเฉียงใต้
และนักประวัติศาสตร์บางกลุ่ม ยังแยกคำว่า
ขอม ออกจาก
เขมร
ขอม เป็นอาณาจักรโบราณ ที่น่าจะเป็นชาวอินเดียกลุ่มพราหมณ์ ที่เคลื่อนย้าย
มาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอาจจะมาจากความขัดแย้งลัทธิภายในอินเดียเอง
วัฒนธรรมของศาสนาพราหมณ์ สัมพันธ์ใกล้ชิด กับ ราชสำนักไทย ตั้งแต่สมัยอยุธยา
ส่วนเขมร คือ ชื่อชนชาติ ในพื้นที่ประเทศกัมพูชาในปัจจุบัน
หากใครทราบข้อมูลอื่นๆ หรือ มองเห็นข้อเท็จจริง/กลยุทธ์ อย่างไร ลองแชร์กัน
ทบทวนประวัติศาสตร์ ปราสาทพระวิหารเป็นของไทย...จริงหรือ ?
ปราสาทพระวิหาร ถ้าข้อมูลนี้เป็นจริง ลำดับเหตุการณ์โดยสรุป มีดังนี้
1. สละดินแดนบางส่วน เพื่อความอยู่รอดยุคอาณานิคม
ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไทยสละดินแดน พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ให้ฝรั่งเศส
เพื่อรักษาพื้นที่ส่วนใหญ่ไว้ ปกติการจัดแบ่งเขตแดนใช้สันปันน้ำ ประสาทพระวิหาร อยู่บนยอดเขาในเขตแดนไทย
ฝรั่งเศสทำแผนที่ฝ่ายเดียว ส่งมอบให้ไทย ปรากฏว่า แผนที่นั้น ลากเลยเส้นสันปันน้ำ กินพื้นที่อันเป็นที่ตั้งเขาพระวิหาร
แต่ไม่รวมพื้นที่ทางขึ้นเขาพระวิหาร ซึ่งผูกโยงกับวัฒนธรรมการสร้างสถาปัตยกรรม
สยามไม่มีข้อโต้แย้งต่อแผนที่ดังกล่าว ที่กินเนื้อที่เข้ามาฝั่งไทยส่วนหนึ่ง มีภาพสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เยือนเขาพระวิหาร
โดยฝ่ายฝรั่งเศสต้อนรับ มีธงชาติฝรั่งเศสปักไว้ บ่งบอกความเป็นเจ้าของ
(สันนิษฐานว่า ฝรั่งเศสอาจต้องการที่ตรงนั้น ซึ่งเป็นที่สูง
เพื่อยุทธศาสตร์ทางทหาร และความหลงใหลในคุณค่าของโบราณ
ประกอบกับไทยอยู่ในฐานะที่อ่อนแอกว่าจึงหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
หากการลากเส้นในแผนที่ ไม่ตรงกับข้อความในสนธิสัญญาที่ระบุให้ใช้สันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดน เป็นจริง
แสดงว่า ฝรั่งเศสไม่ทำตามสัญญา แต่ไทยยินยอม เพราะอาจมองว่า ประนีประนอม เพื่อรักษาความสัมพันธ์ ?
บางแหล่งข้อมูล กล่าวว่า ไทยได้ใช้แผนที่ที่ฝรั่งเศสทำให้นี้ ในส่วนราชการอีกด้วย )
2. รบเรียกร้องดินแดนคืน
ปี คศ 1940 ฝรั่งเศสแพ้สงครามต่อเยอรมนี แสนยานุภาพเริ่มอ่อนแอลง
จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรียุคนั้น ยื่นข้อเสนอเรียกร้องดินแดนที่เสียไปสมัยรัชกาลที่ 5 คืนจากฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสปฏิเสธ เกิดสงครามไทย-ฝรั่งเศส / สงครามอินโดจีน ไทยรบชนะ
ไทยได้ดินแดนคืนมา จากความช่วยเหลือไกล่เกลี่ยโดยญี่ปุ่น
เขาพระวิหารกลับคืนมาเป็นของไทย ตามอนุสัญญาโตเกียว
( ขอวิเคราะห์ว่า ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ที่ค่อนข้างดีนี้
นำไทยไปสู่จุดเสี่ยงที่ไทยจะเป็นฝ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2)
3. ลดความเสียหายช่วงจบสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 (คศ 1945) [ตามที่ทราบกัน ไทยยึดบทบาทเสรีไทย
รัฐบาลอยู่ฝ่ายญี่ปุ่นในภาวะจำยอม] เพื่อไม่ให้เป็นฝ่ายแพ้สงคราม ซึ่งต้องชดใช้เป็นเงิน
ไทยต้องการเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ
จึงตกลงคืนดินแดน 4 จังหวัดให้ฝรั่งเศส เพื่อแลกกับการสนับสนุน
(จากคลิปใน Youtube: "อ.ปานเทพ เปิดหลักฐาน การคืนมณฑลบูรพาให้ฝรั่งเศส อาจขัดรัฐธรรมนูญไทย: News Hour 26-08-68"
พบว่า การประกาศสงครามกับอังกฤษและฝรั่งเศส มีการลงนามของผู้นำประเทศไทยไม่ครบทุกคน ทำให้ประกาศนั้นอาจเป็นโมฆะ
และการยกเลิกสัญญาโตเกียว ต้องเป็น พรบ ที่ผ่านสภา เพราะเป็นเรื่องดินแดน
การกระทำโดยรัฐบาลในเรื่องความมั่นคงซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา อาจเกินอำนาจที่ให้ไว้ตามรัฐธรรมนูญ
ในบันทึกการประชุมสภา พบว่า เสียงส่วนใหญ่ 43 ต่อ 19 เสียง เห็นว่า "ไม่ควรให้ความเห็นรัฐบาล" -- เป็นถ้อยคำ
ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกการประชุมสภา ปรากฏ นาทีที่ 26.12 ของคลิป ซึ่งทำให้กระบวนการคืนมณฑลบูรพาให้ฝรั่งเศส ไม่สมบูรณ์)
4. การให้คืนดินแดน รวมพื้นที่เขาพระวิหารหรือไม่
ในยุครัฐบาลของพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ พบว่า ไทยยังครอบครองเขาพระวิหารอยู่
ไทยขับไล่ผู้อพยพกัมพูชาอย่างเหี้ยมโหดจากเขาพระวิหาร
ตัวเอนคือข้อความคัดลอกจากวิกิพีเดีย คาดว่า มีชาวกัมพูชา 3,000 คนเสียชีวิต อีก 7,000 คนหายไป
พระวิหารตั้งอยู่บนยอดผาสูง 2,000 ฟุต มองเห็นที่ราบกัมพูชาด้านล่าง ผู้ลี้ภัยถูกนำลงจากรถบัสและผลักลงจากผาชัน
"ไม่มีทางเดิน" ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งเล่า "ทางที่เราต้องลงเป็นเพียงหน้าผา บางคนหลบอยู่บนยอดเขารอดชีวิต บางคนถูกยิงหรือผลักตกหน้าผา คนส่วนใหญ่เริ่มปีนลงโดยใช้เถาวัลย์เป็นเชือก พวกเขามัดลูกไว้บนหลังและผูกไว้บนหน้าอก ขณะที่คนปีนลง ทหารโยนก้อนหินใหญ่ลงจากหน้าผา"
ข้อมูลตามแหล่งอ้างอิงในวิกีพีเดีย: ทอมป์สัน, ลาร์รี คลินตัน. ผู้ทำงานช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในการอพยพจากอินโดจีน พ.ศ. 2518-2525.
เจฟเฟอร์สัน, นอร์ทแคโรไลนา: แมคฟาร์แลนด์ แอนด์ โค, 2553, หน้า 175 - 178
(น่าจะต้องสืบค้นพิสูจน์ว่า การให้ดินแดนเพื่อแลกกับเสียงสนับสนุนจากฝรั่งเศสใน UN ช่วงสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมพื้นที่ปราสาทพระวิหารหรือไม่
หรือให้เฉพาะพื้นที่อีกฝั่งของสันปันน้ำ ทำให้ทหารไทยยังคงใช้กำลังทหารปกป้องเขาพระวิหาร ยอดเขาในพื้นที่เขตแดนไทยหากยึดตามสันปันน้ำ
และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ เพราะเป็นที่สูง)
5. ปี พ.ศ. 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีคำพิพากษาให้พื้นที่ตั้งปราสาทพระวิหารอยู่ในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชา
โดยพื้นที่โดยรอบเป็นของไทย
ด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 คำตัดสินของศาลโลก ยึดตามแผนที่ ตามคำอธิบายข้อ 1 วรรค 2
ข้อมูลจาก ปราสาทพระวิหาร
6. ปี 2548 กัมพูชาได้เสนอต่อองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร
7. ปี 2554 กัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลโลกเพื่อขอให้ศาลตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร พ.ศ. 2505
เพื่อให้พิจารณาพื้นที่บริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร (ซึ่งอาจรวมพื้นที่ชายแดนไทยที่ชาวกัมพูชาตั้งถิ่นฐานในปัจจุบัน/2568 หรือไม่ ?)
ผลการพิจารณาของศาลโลก คือ ไทยไม่ได้สูญเสียพื้นที่ดังกล่าว และไทยยอมรับคำตัดสินของศาลโลก ซึ่งอาจมาจากมุมคิดไทยมีผลประโยชน์
ทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับกัมพูชา และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการอยู่ร่วมกัน
ต่อไปนี้ เป็นส่วนหนึ่งจากบทความ เอาจริงหรือสร้างคอนเทนต์ เมื่อกัมพูชายื่นเรื่องต่อศาลโลก แต่จุดยืนไทยไม่รับเขตอำนาจ
"ผศ. ดร.ภาวัฒน์ สัตยานุรักษ์ ได้อธิบายว่า ศาลโลก (ICJ) เป็นองค์กรตุลาการขององค์การสหประชาชาติ (UN) ตามข้อ 92 ของกฎบัตรสหประชาชาติ รัฐสมาชิก UN ทุกรัฐเป็นภาคีธรรมนูญของศาลโลกโดยอัตโนมัติ แต่การเป็นภาคีธรรมนูญนั้น ก็ไม่จำเป็นจะต้องยอมรับเขตอำนาจศาลโลก นอกจากนี้กฎบัตร UN มาตรา 33 กำหนดให้รัฐสมาชิกระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีอื่นได้หลากหลาย ไม่ได้บังคับว่าต้องไปศาลโลกเพียงอย่างเดียว"
"กัมพูชาอ้างถึงแผนที่ภาคผนวก 1 (แผนที่มาตราส่วน 1:200,000) ว่ามีผลผูกพันเป็นเส้นเขตแดนที่ระบุให้ปราสาทและบริเวณโดยรอบอยู่ในดินแดนกัมพูชาและรวมถึงพื้นที่ พนมตรับ (Phnom Trap) ด้วย แต่ไทยโต้แย้งว่าคำตัดสินปี 2505 ไม่ได้กำหนดสถานะของเส้นเขตแดนตามแผนที่ดังกล่าว และไทยไม่เคยยอมรับแผนที่นี้ในฐานะเส้นเขตแดน"
ผลคือ ศาลโลก ยืนตามคำพิพากษาเดิมเมื่อปี พ.ศ.2505
ในแง่วัฒนธรรม หากกัมพูชาใช้ตรรกะว่า ปราสาทหินที่มาจากวัฒนธรรมขอม ย่อมเป็นของกัมพูชา
น่าจะไม่สามารถทำได้ เพราะปราสาทหินมีกระจายทั่วบริเวณตะวันออกเฉียงใต้
และนักประวัติศาสตร์บางกลุ่ม ยังแยกคำว่า ขอม ออกจาก เขมร
ขอม เป็นอาณาจักรโบราณ ที่น่าจะเป็นชาวอินเดียกลุ่มพราหมณ์ ที่เคลื่อนย้าย
มาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอาจจะมาจากความขัดแย้งลัทธิภายในอินเดียเอง
วัฒนธรรมของศาสนาพราหมณ์ สัมพันธ์ใกล้ชิด กับ ราชสำนักไทย ตั้งแต่สมัยอยุธยา
ส่วนเขมร คือ ชื่อชนชาติ ในพื้นที่ประเทศกัมพูชาในปัจจุบัน
หากใครทราบข้อมูลอื่นๆ หรือ มองเห็นข้อเท็จจริง/กลยุทธ์ อย่างไร ลองแชร์กัน