"อะเมซซิ่ง!!" สาวจอยร้องอุทาน
"แล้ว..กัปตัน รู้ได้ไงคะ ? พวกนั้นบอกเองเหรอคะ ?"
"เปล่าหรอกครับ เรื่องอะไรพวกมันจะบอก!"
"อ้าว ?"
"แอนดี้น่ะครับ เขาแอบใช้ X-Ray Eyes สแกนตรวจดูทั่วบริเวณนี้ ตอนที่พวกนั้นไม่อยู่ด้วย และค้นพบเข้า ก็เลยบอกผม"
สองสาวทึ่งสุดจะบรรยาย
"แอนดี้ อยู่ใกล้ๆกับพวกเราหรือคะ ?" สาวเล็กถามด้วยความห่วงใย หลายครั้งที่เธอรู้สึกว่าแอนดรอยด์คนโปรดคือผู้ชายคนหนึ่งดีๆนี่เอง
"ครับ ตอนนี้พวกเรา 4 คนอยู่รวมกันหมด ในห้องซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นห้องแล็ป"
"พวกนั้นไม่ได้อยู่ด้วยหรือคะ ?"
"ถ้าอยู่ด้วย ผมจะคุยกับคุณสองคนได้ไงเล้า!"
"อ่า...จริงด้วยค่ะ แหะๆ" หล่อนหัวเราะแก้เขิน แล้วก็โดนมะเหงกจากเพื่อนเบาๆ
"ผมว่า พวกคุณสองคน รีบเอายานไปจอดซ่อนก่อนเถอะครับ ก่อนที่พวกนั้นจะจับความเคลื่อนไหวได้ จากนั้นค่อยหาทางเข้ามา ไปเข้าทางปิรามิดกีซ่านะครับ มันมีช่องทางเข้าได้สบายเลยเพราะยังสร้างไม่เสร็จ แล้วค่อยหาโอกาสติดต่อกันอีกที ไม่ต้องห่วงพวกผม อาวุธและอุปกรณ์สำคัญต่างๆเตรียมมาให้พร้อม ระวังตัวกันให้มากด้วย"
"โอเคค่ะ งั้นเราสองคนไปก่อนนะคะ"
"ครับ รีบไปครับ ดูเหมือนพวกนั้นกำลังกลับมาหาพวกผมแล้ว!"
"ค่ะ!" สองสาวตอบพร้อมกัน แล้วพายาน THE FUGITIVE บินกลับไปทางหุบผากษัตริย์อีกครั้ง
"เราหาที่จอดที่ใหม่กันดีกว่านะจอย"
"ดีค่ะ เห็นด้วยเลย เพราะพวกนั้นเคยเห็นจุดที่เราเคยจอดแล้ว"
"งั้นต้องมองหากันก่อน ลองไปทางทิศเหนือดู"
ทั้งสองพายานสำรวจบริเวณตอนเหนือของหุบผากษัตริย์ แล้วก็พบปากทางเข้าถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งกว้างใหญ่พอที่ยาน THE FUGITIVE จะบินลอดเข้าไปได้ จึงนำยานบินเข้าไปอย่างช้าๆ และปรากฏว่ายานลอดปากทางเข้าถ้ำนั้นได้พอดิบพอดีอย่างเหลือเชื่อ เพราะถ้ายานลำใหญ่กว่านี้อีกนิดเดียวก็จะไม่สามารถลอดเข้าไปได้แล้ว!
ภายในถ้ำนั้นลึกพอประมาณ สองสาวค่อยๆนำยานลงจอด เตรียมอาวุธปืนเลเซอร์และอุปกรณ์สำคัญที่อาจจำเป็นต้องใช้ เช่นนาฬิกาจั๊มเปอร์ซึ่งไม่ได้ใช้โดดข้ามเวลามานานแล้วเนื่องจากมันมีขีดจำกัด กำไลเทเลพอร์ท และเครื่องอำพรางตัวเป็นต้น เมื่อเห็นว่าพร้อมแล้วก็พากันออกมาจากยาน
เล็กหยิบ "รีโมทคอนโทรล" ขนาดเล็กพอๆกับกุญแจรถยนต์ออกมาจากกระเป๋า จิ้มนิ้วบนแผงควบคุมขนาดประมาณหน้าปัทม์นาฬิกาข้อมือ แล้วยื่นมือซึ่งถือรีโมทนั้นชี้ไปยังตัวยาน แล้วกดปุ่มตรงกลางรีโมท
"ตี๊ดด......วิ้วๆๆๆ"
ยาน THE FUGITIVE ค่อยๆ ลางเลือน แล้วหายไปต่อหน้าต่อตา! ด้วยคำสั่งให้อำพรางตัวซึ่งสั่งจากรีโมทในมือของสาวเล็กนั่นเอง
"มันจะพรางตัวได้นานแค่ไหนคะ ผู้การ ?" สาวจอยถามขณะยืนมองอย่างทึ่ง หล่อนยังอ่านคู่มือการใช้งานสำหรับยานยังไม่จบ จึงมีอีกหลายอย่างที่ีตนเองยังไม่รู้ ผิดกับสาวเล็กซึ่งทำการศึกษามาหมดแล้ว
"เลิกเรียกเค้าว่าผู้การได้แล้วจ้ะ! เราออกมานอกยานแล้วนิ" ว่าแล้วก็แลบลิ้น "กลับมาเป็นเพื่อนกันๆ"
"เย่!" สาวจอยชูกำปั้นขึ้นอย่างเริงร่า "อยู่ด้วยกันสองคนในยาน อึดอัดจังเนอะ!"
"เค้าอึดอัดมากกว่าตัวอีก! อ้อ...เกือบลืมตอบ ยานจะพรางตัวอยู่ได้ประมาณสามชั่วโมงจ้ะ แต่ก็จะใช้พลังงานเยอะเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เราทำภารกิจเสร็จเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี ไปกันเถอะจ้ะ!"
"คงต้องพรางตัวไปด้วยสิเนี่ย ?" จอยเอ่ยถามและทำท่าจะล้วงเข้าไปในอกเสื้อเพื่อจะกดปุ่มเครื่องอำพรางตัวซึ่งติดตั้งไว้ข้างในชุดขาวที่สวม
"ใช่แล้นน....ขืนออกไปโชว์ตัวแบบนี้ พวกอียิปต์เห็นก็จะนึกว่าเราเป็นเทพีอะไรซักอย่างอะดิ เดี๋ยวก็จะพากันมากราบไหว้กันวุ่น"
"น่าสนุกนาเพื่อน" จอยกล่าวพร้อมแยกเขี้ยวยิ้ม
"สนุกกะผีไรเล่า จะวุ่นวายละสิตัว! แต่ที่สำคัญและอันตรายก็คืออาจจะถูกพวกต่างดาวพบเจอ"
"อันนั้นเค้าว่าวุ่นกว่าแฮะ!"
"เปิดเครื่องเหอะ แล้วเดินจับมือกันไป"
"โอเคจ้ะ!"
สองสาวเปิดเครื่องอำพรางตัวแล้วจึงเดินจูงมือกันออกจากถ้ำ มองไปที่ปิรามิดและสฟิงค์เพื่อกำหนดจดจำทิศทาง ก่อนจะค่อยๆพากันลงจากหุบผากษัตริย์แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เป้าหมายคือมหาปิรามิดกีซ่า ซึ่งสร้างเสร็จไปเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น และยังไม่มีการดำเนินงานสร้างต่อในขณะนี้
ไม่นานนัก ทั้งสองก็มาถึงตัวปิรามิด มีช่องทางที่เข้าไปข้างในได้ซึ่งมองเห็นอย่างชัดเจนด้านทิศตะวันตก สองสาวจึงรีบเข้าไปด้วยกันโดยไม่รอช้า
พอเข้ามาข้างใน ก็พบกับความมืดมิด ทั้งสองคนจึงหยิบปืนเลเซอร์ออกมาจากซองเหน็บที่เข็มขัด ผลักสวิทช์เปิดไฟฉายที่ปลายกระบอกปืน แสงสว่างจากหลอดไฟ MICRO EXTRA LED พุ่งออกจากปลายปืนเลเซอร์ และขยายกว้างออกตามแต่เจ้าของจะบังคับ
สองสาวกวาดแสงไฟฉายสำรวจทางโน้นทีทางนี้ทีในขณะที่พากันเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ แล้วพวกหล่อนก็เริ่มรู้สึกว่าทางเดินค่อยๆลาดต่ำลงๆ จนเป็นทางชันแล้วเจอบันไดทางลงไปอีก
"ลงใต้ดินชัวร์เลยตัว" จอยกระซิบ แต่แค่เสียงกระซิบ ก็ได้ยินก้องอย่างชัดเจน
"หูย แค่ตัวกระซิบ ยังดังก้อง ปิดเครื่องพรางตัวเหอะไม่มีใคร"
"จ้ะ"
ทั้งสองปิดเครื่องพรางตัว แล้วเดินลงบันไดไปประมาณ 30 ขั้น จึงถึงข้างล่าง ซึ่งเป็นห้องชั้นใต้ดิน มีทางเดินต่อไปในทั้ง 4 ทิศ ซึ่งไม่รู้ว่าแต่ละทิศจะนำไปสู่ที่ไหนบ้าง ฝาผนังทั้ง 4 ด้าน เริ่มมีการแกะสลักภาพ และภาพวาดประดับบ้างแล้ว ทั้งภาพการทำงานของคนงานอียิปต์ที่ช่วยกันขนลากหิน ภาพของเทพต่างๆ และภาพของฟาโรห์ นักบวช ข้าราชบริพาร ฯลฯ
ความสวยงามวิจิตรซึ่งยังดูสดๆ ทำให้สองสาวเผลอตัวยืนดูอย่างเพลิดเพลิน
"สวยจัง...สวยกว่าที่เราเคยเห็นจากภาพที่เคยเห็นในเวลาปัจจุบันที่เราจากมาเป็นร้อยเท่า!" เล็กเอ่ยกระซิบเบาๆ
"แน่ละสิตัว เพราะพวกนี้ตอนนี้มันใหม่ๆทั้งนั้น"
พูดจบ จอยก็สะดุดตากับภาพๆหนึ่ง...
มันเป็นภาพวาดของฟาโรห์ มีจารึกพระนามไว้ ทั้งสองคาดเดาว่าน่าจะเป็น "คูฟู" ผู้ซึ่งรู้กันว่าเป็นผู้ทรงสร้างมหาปิรามิด จากรูปนั้น พระองค์ทรงมีพระพักตรคมคาย "หล่อ" ในสายตาของสาวเล็ก และมีภาพนางสนมนางหนึ่งถวายการรับใช้อยู่ใกล้ๆ โดยยื่นจอกซึ่งน่าจะเป็นจอกน้ำจัณฑ์ถวายแด่องค์ฟาโรห์ซึ่งประทับนั่งอยู่บนพระแท่น มีภาพเทวีไอสิสกางปีกนกเหมือนเป็นเทพผู้พิทักษ์ด้านขวาของฟาโรห์ และภาพเทพ "โซคาร์" เทพแห่งยมโลกเบื้องล่างและเทพแห่งความมืด ยืนอยู่ทางซ้ายของนางสนมนั้น
สาวจอย ก้าวเดินเข้าไปดูใกล้ๆ อย่างช้าๆ เหมือนถูกมนต์สะกด และเล็กก็จำต้องเดินตามไปด้วยเพราะจูงมือกันอยู่ หล่อนมองหน้าเพื่อนอย่างฉงน แล้วกระซิบถาม
"จอย...เป็นอะไรตัว ?"
"ไม่เป็นไรจ้ะ แป๊บนึง"
แล้วทั้งสองก็หยุดยืนมองดูภาพวาดนั้น อย่างเงียบงัน โดยที่เล็กรู้สึกแปลกใจกับท่าทางของเพื่อนซึ่งกำลังมองภาพเหมือนพินิจพิจารณาอย่างลึกซึ้ง สายตาเหม่อลอย มองภาพฟาโรห์ สลับกับภาพนางสนม...
และเมื่อเล็กเพ่งมองภาพของนางสนมนั้น หล่อนก็ถึงกับเบิกตากว้าง เกือบจะอุทานออกมาดังๆ แต่ยังควบคุมตัวเองให้เพียงแค่กระซิบ "คุณพระช่วย!"
เพราะว่า...ใบหน้าของนางสนมนั้น เหมือนกับใบหน้าของสาวจอย ราวกับพิมพ์เดียวกัน ไม่ผิดเพี้ยน!!
เล็กตกตะลึง มองหน้าเพื่อนที มองภาพนางสนมนั้นที สลับกันไปมา แล้วก็ได้สติ กระซิบร้องเรียกเพื่อนพร้อมกับเขย่าแขน
"จอย! จอย!!"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในห้วงแห่งภวังค์ ขณะที่จอยกำลังมองเหม่อเหมือนไม่รู้ตัวอยู่นั้น... หล่อนได้ยินเสียงเหมือนมาจากอดีตกาล....
"อามุนต้า..."
"เพคะ ฝ่าบาท..." หล่อนตอบเบาๆ ด้วยภาษาอียิปต์โบราณ! ซึ่งชั่วชีวิตของหล่อนอย่าว่าแต่ภาษาโบราณเลย แม้แต่ภาษาที่ชาวอียิปต์พูดกันในปัจจุบันก็ไม่เคยเรียนแม้แต่คำเดียว!!
"เจ้า...กลับมาหาข้า...ใช่ไหม ?"
"หามิได้เพคะ หากแต่ หม่อมฉันกำลังตามหา..."
"หาผู้ใด ? "
"ท่านหัวหน้านักบวช..."
"
สังฆราช เชพเพ็สคาฟ..."
"เขากลับมาแล้ว ใช่ไหมเพคะ ฝ่าบาท"
"แล้วเจ้า...ก็กลับมา เพื่อตามหามันอีก!" น้ำเสียงนั้นฟังดูพิโรธ เจือด้วยความขมขื่น "อามุนต้า...ข้ารักเจ้ายิ่ง เจ้าเกือบจะได้เป็นมเหสีของข้าอยู่แล้ว ไม่ควรเลือกทางเดินผิดเลย!"
"หม่อมฉันขอพระราชทานอภัยโทษด้วยเถิด ฝ่าบาท เพราะหม่อมฉันรักเขายิ่งนัก จนแม้กระทั่งชีวิต หม่อมฉันก็ยอมสละให้เขา เพื่อให้เขาอยู่รอดปลอดภัย"
"แต่ท้ายที่สุด มันก็ต้องโทษประหารอยู่ดี! การเสียสละของเจ้าจึงสูญเปล่า!"
"ถึงกระนั้น หม่อมฉันก็พึงพอใจ ที่ได้มีโอกาสสละชีพเพื่อความรัก"
"เจ้าช่างโง่งมนัก! อามุนต้า ข้าขอถามเจ้า ข้าด้อยกว่าเชพเพสตรงไหน เจ้าจึงตัดสินใจละทิ้งข้าไปหามัน ?"
"พระองค์มิได้ด้อยกว่าเขาเลยเพคะ ฝ่าบาท พระองค์ทรงเหนือกว่าเขาทุกประการ ยกเว้น.."
"ยกเว้น ประการเดียว คือเจ้า หาได้รักข้าไม่"
"เพคะ ฝ่าบาท"
"ข้าแค้นใจนัก! บัดนี้เจ้ากับมัน ซึ่งกลับมาเกิดใหม่ทั้งคู่ หลังจากเวลาของที่นี่กับปัจจุบันกาลของพวกเจ้าห่างกันเกือบห้าพันปี! ยังบังอาจหวนกลับมาสู่อาณาจักรของข้าอีก เฮอะ! พวกเจ้า ค้นหากันเองเถิด! แต่จงรู้เอาไว้ หากมีช่องทางใดที่ข้าจะกำจัดเชพเพส และทำให้เจ้าอยู่กับข้าชั่วนิจนิรันดร์ได้ไซร้ ข้าจะไม่ยอมพลาดโอกาสคว้าเอาช่องทางนั้นไว้แน่!"
แล้วความเงียบก็เข้ามาปกคลุม...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"จอย! จอย!!! ตื่นสิจอย!!"
เล็กพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า เขย่าตัวเพื่อนให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ด้วยความห่วงใยและตื่นตระหนก
ในที่สุด จอยก็เหมือนจะรู้สึกตัว กะพริบตาถี่ๆ คลายความเกร็งตัว แล้วหันมาหาเพื่อน
"เล็ก..."
"อ้าว รู้สึกตัวแล้วเหรอ"
"อืมม..."
"ตัวเป็นอะไรไปห๊ะ? ยังกะโดนสะกดจิตเลย เค้าเรียกตั้งนาน เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เอาแต่ตาลอยจ้องแต่รูปนั่น"
จอยหันไปดูภาพบนฝาผนังนั้นอีกครั้ง แล้วก็ทำตาโต
"เฮ้ย! นี่มัน..."
"อื้อ...เค้าเห็นแล้วก็อึ้งเหมือนกันแหละ"
"ผู้หญิงนั่น...นางสนม หรือมเหสีของฟาโรห์ ทำไมหน้าเหมือนเค้าเลย เล็ก!"
"ไม่รู้ดิ ตัวถามเค้า แล้วเค้าจะถามใครได้!"
"เฮ้ยย ประหลาดพิสดารมากอะ! ถ้าอยู่ในเวลาปัจจุบันปี พ.ศ.2699 ของเรา แล้วเห็นภาพนี้บนกำแพงที่ไหนจะไม่แปลกใจเลย เพราะอาจมีหนุ่มหน้าไหนก็ได้แอบวาดรูป
คนสวยอย่างเค้าแบบนี้ที่ไหนเมื่อไรก็ได้ ว่ามะ!"
"อะ...จ้า! มิสยูนิเวอร์ส!!" เล็กพยักหน้าหงึกๆ แล้วค้อนให้เพื่อนไปหนึ่งวง ตอนนี้หล่อนรู้สึกหลายอย่าง ทั้งขำ หมั่นไส้ และผ่อนคลายสบายใจขึ้นที่เห็นเพื่อนกลับมาเป็นเหมือนเดิม "ตามบายใจเลยเพื่อน!"
จอยหัวเราะกิ๊กๆ หันไปมองภาพบนฝาผนังอีกครั้ง แล้วล้วงกระเป๋าที่อกชุดขาว หยิบกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กเท่ากล่องไม้ขีดไฟออกมาถ่ายเก็บไว้สองสามช็อต แล้วยื่นกล้องให้เพื่อน
"เดี๋ยวเค้าจะไปยืนข้างๆนางสนมนั่น ตัวถ่ายให้หน่อยนะ"
"โอเคจ้ะ"
เล็กรับกล้องไว้ รอจนเพื่อนไปยืนเคียงข้างภาพนางสนมแล้วจึงถ่ายภาพไว้
"ซูมเข้ามาใกล้ๆด้วยจ้ะ ถ่ายเน้นเฉพาะใบหน้าทั้งสองคนเลย"
"โอเคๆ"
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ สองสาวก็ปรึกษากัน
"ตัวคิดว่าไงกับเรื่องนี้ ?" เล็กถามก่อน
"เรื่องไหน เรื่องสาวสองคนต่างกาลเวลากันตั้งเกือบห้าพันปี หน้าตาเหมือนกันเนี่ยเหรอ ?"
"เออดิ"
"ไม่รู้เหมือนกัน หล่อนคงบังเอิญสวยเหมือนเค้า!"
"หรือไม่ ตัวก็บังเอิญสวยเหมือนหล่อน!"
"อ่าฮะ! คงงั้นแหละ อย่างแรกมากกว่ามั้ง กิกิ ไม่งั้นก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง"
หมั่นไส้จนอดไม่ได้ เล็กเลยทุบหลังเพื่อนไปตุ้บหนึ่ง ก่อนจะถามต่อ
"ถามหน่อยดิ ตอนที่ตัวเหม่อๆเอ๋อๆอยู่น่ะ จำอะไรได้บ้าง ?"
"อืมม..." จอยทำท่าครุ่นคิด เม้มปาก เหลือบตาดูข้างบน แล้วสั่นศีรษะ "จำไม่ได้แฮะ มันลางๆเลือนๆ คล้ายๆกับหลับแล้วฝันถึงอะไรสักอย่าง แล้วก็ตื่นขึ้นมาเพราะตัวช่วยปลุกเค้า"
"นี่...เชื่อไหม..." เล็กพูดช้าๆ "ว่าตัวอะ พูดอะไรแปลกๆด้วยหละ ฟังไม่รู้เรื่องซักคำ"
"พูดไรว้า...?"
"ไม่รู้ดิ ภาษาอียิปต์มั้ง"
"เฮ้ยยย...ทำไมตัวคิดยังงั้น ?"
"ก็มันแปลกจริงๆนี่นา พูดหลายคำหลายประโยคด้วย"
(มีต่อครับ)
⚡️💦⚡️ หลงกาล Episode-27 ท่องไอยคุปต์ ภาค 2/2 (ปฐมกาลไอยคุปต์ ตอนที่ 2) ⚡️💦⚡️
"อะเมซซิ่ง!!" สาวจอยร้องอุทาน "แล้ว..กัปตัน รู้ได้ไงคะ ? พวกนั้นบอกเองเหรอคะ ?"
"เปล่าหรอกครับ เรื่องอะไรพวกมันจะบอก!"
"อ้าว ?"
"แอนดี้น่ะครับ เขาแอบใช้ X-Ray Eyes สแกนตรวจดูทั่วบริเวณนี้ ตอนที่พวกนั้นไม่อยู่ด้วย และค้นพบเข้า ก็เลยบอกผม"
สองสาวทึ่งสุดจะบรรยาย
"แอนดี้ อยู่ใกล้ๆกับพวกเราหรือคะ ?" สาวเล็กถามด้วยความห่วงใย หลายครั้งที่เธอรู้สึกว่าแอนดรอยด์คนโปรดคือผู้ชายคนหนึ่งดีๆนี่เอง
"ครับ ตอนนี้พวกเรา 4 คนอยู่รวมกันหมด ในห้องซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นห้องแล็ป"
"พวกนั้นไม่ได้อยู่ด้วยหรือคะ ?"
"ถ้าอยู่ด้วย ผมจะคุยกับคุณสองคนได้ไงเล้า!"
"อ่า...จริงด้วยค่ะ แหะๆ" หล่อนหัวเราะแก้เขิน แล้วก็โดนมะเหงกจากเพื่อนเบาๆ
"ผมว่า พวกคุณสองคน รีบเอายานไปจอดซ่อนก่อนเถอะครับ ก่อนที่พวกนั้นจะจับความเคลื่อนไหวได้ จากนั้นค่อยหาทางเข้ามา ไปเข้าทางปิรามิดกีซ่านะครับ มันมีช่องทางเข้าได้สบายเลยเพราะยังสร้างไม่เสร็จ แล้วค่อยหาโอกาสติดต่อกันอีกที ไม่ต้องห่วงพวกผม อาวุธและอุปกรณ์สำคัญต่างๆเตรียมมาให้พร้อม ระวังตัวกันให้มากด้วย"
"โอเคค่ะ งั้นเราสองคนไปก่อนนะคะ"
"ครับ รีบไปครับ ดูเหมือนพวกนั้นกำลังกลับมาหาพวกผมแล้ว!"
"ค่ะ!" สองสาวตอบพร้อมกัน แล้วพายาน THE FUGITIVE บินกลับไปทางหุบผากษัตริย์อีกครั้ง
"เราหาที่จอดที่ใหม่กันดีกว่านะจอย"
"ดีค่ะ เห็นด้วยเลย เพราะพวกนั้นเคยเห็นจุดที่เราเคยจอดแล้ว"
"งั้นต้องมองหากันก่อน ลองไปทางทิศเหนือดู"
ทั้งสองพายานสำรวจบริเวณตอนเหนือของหุบผากษัตริย์ แล้วก็พบปากทางเข้าถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งกว้างใหญ่พอที่ยาน THE FUGITIVE จะบินลอดเข้าไปได้ จึงนำยานบินเข้าไปอย่างช้าๆ และปรากฏว่ายานลอดปากทางเข้าถ้ำนั้นได้พอดิบพอดีอย่างเหลือเชื่อ เพราะถ้ายานลำใหญ่กว่านี้อีกนิดเดียวก็จะไม่สามารถลอดเข้าไปได้แล้ว!
ภายในถ้ำนั้นลึกพอประมาณ สองสาวค่อยๆนำยานลงจอด เตรียมอาวุธปืนเลเซอร์และอุปกรณ์สำคัญที่อาจจำเป็นต้องใช้ เช่นนาฬิกาจั๊มเปอร์ซึ่งไม่ได้ใช้โดดข้ามเวลามานานแล้วเนื่องจากมันมีขีดจำกัด กำไลเทเลพอร์ท และเครื่องอำพรางตัวเป็นต้น เมื่อเห็นว่าพร้อมแล้วก็พากันออกมาจากยาน
เล็กหยิบ "รีโมทคอนโทรล" ขนาดเล็กพอๆกับกุญแจรถยนต์ออกมาจากกระเป๋า จิ้มนิ้วบนแผงควบคุมขนาดประมาณหน้าปัทม์นาฬิกาข้อมือ แล้วยื่นมือซึ่งถือรีโมทนั้นชี้ไปยังตัวยาน แล้วกดปุ่มตรงกลางรีโมท
"ตี๊ดด......วิ้วๆๆๆ"
ยาน THE FUGITIVE ค่อยๆ ลางเลือน แล้วหายไปต่อหน้าต่อตา! ด้วยคำสั่งให้อำพรางตัวซึ่งสั่งจากรีโมทในมือของสาวเล็กนั่นเอง
"มันจะพรางตัวได้นานแค่ไหนคะ ผู้การ ?" สาวจอยถามขณะยืนมองอย่างทึ่ง หล่อนยังอ่านคู่มือการใช้งานสำหรับยานยังไม่จบ จึงมีอีกหลายอย่างที่ีตนเองยังไม่รู้ ผิดกับสาวเล็กซึ่งทำการศึกษามาหมดแล้ว
"เลิกเรียกเค้าว่าผู้การได้แล้วจ้ะ! เราออกมานอกยานแล้วนิ" ว่าแล้วก็แลบลิ้น "กลับมาเป็นเพื่อนกันๆ"
"เย่!" สาวจอยชูกำปั้นขึ้นอย่างเริงร่า "อยู่ด้วยกันสองคนในยาน อึดอัดจังเนอะ!"
"เค้าอึดอัดมากกว่าตัวอีก! อ้อ...เกือบลืมตอบ ยานจะพรางตัวอยู่ได้ประมาณสามชั่วโมงจ้ะ แต่ก็จะใช้พลังงานเยอะเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เราทำภารกิจเสร็จเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี ไปกันเถอะจ้ะ!"
"คงต้องพรางตัวไปด้วยสิเนี่ย ?" จอยเอ่ยถามและทำท่าจะล้วงเข้าไปในอกเสื้อเพื่อจะกดปุ่มเครื่องอำพรางตัวซึ่งติดตั้งไว้ข้างในชุดขาวที่สวม
"ใช่แล้นน....ขืนออกไปโชว์ตัวแบบนี้ พวกอียิปต์เห็นก็จะนึกว่าเราเป็นเทพีอะไรซักอย่างอะดิ เดี๋ยวก็จะพากันมากราบไหว้กันวุ่น"
"น่าสนุกนาเพื่อน" จอยกล่าวพร้อมแยกเขี้ยวยิ้ม
"สนุกกะผีไรเล่า จะวุ่นวายละสิตัว! แต่ที่สำคัญและอันตรายก็คืออาจจะถูกพวกต่างดาวพบเจอ"
"อันนั้นเค้าว่าวุ่นกว่าแฮะ!"
"เปิดเครื่องเหอะ แล้วเดินจับมือกันไป"
"โอเคจ้ะ!"
สองสาวเปิดเครื่องอำพรางตัวแล้วจึงเดินจูงมือกันออกจากถ้ำ มองไปที่ปิรามิดและสฟิงค์เพื่อกำหนดจดจำทิศทาง ก่อนจะค่อยๆพากันลงจากหุบผากษัตริย์แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เป้าหมายคือมหาปิรามิดกีซ่า ซึ่งสร้างเสร็จไปเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น และยังไม่มีการดำเนินงานสร้างต่อในขณะนี้
ไม่นานนัก ทั้งสองก็มาถึงตัวปิรามิด มีช่องทางที่เข้าไปข้างในได้ซึ่งมองเห็นอย่างชัดเจนด้านทิศตะวันตก สองสาวจึงรีบเข้าไปด้วยกันโดยไม่รอช้า
พอเข้ามาข้างใน ก็พบกับความมืดมิด ทั้งสองคนจึงหยิบปืนเลเซอร์ออกมาจากซองเหน็บที่เข็มขัด ผลักสวิทช์เปิดไฟฉายที่ปลายกระบอกปืน แสงสว่างจากหลอดไฟ MICRO EXTRA LED พุ่งออกจากปลายปืนเลเซอร์ และขยายกว้างออกตามแต่เจ้าของจะบังคับ
สองสาวกวาดแสงไฟฉายสำรวจทางโน้นทีทางนี้ทีในขณะที่พากันเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ แล้วพวกหล่อนก็เริ่มรู้สึกว่าทางเดินค่อยๆลาดต่ำลงๆ จนเป็นทางชันแล้วเจอบันไดทางลงไปอีก
"ลงใต้ดินชัวร์เลยตัว" จอยกระซิบ แต่แค่เสียงกระซิบ ก็ได้ยินก้องอย่างชัดเจน
"หูย แค่ตัวกระซิบ ยังดังก้อง ปิดเครื่องพรางตัวเหอะไม่มีใคร"
"จ้ะ"
ทั้งสองปิดเครื่องพรางตัว แล้วเดินลงบันไดไปประมาณ 30 ขั้น จึงถึงข้างล่าง ซึ่งเป็นห้องชั้นใต้ดิน มีทางเดินต่อไปในทั้ง 4 ทิศ ซึ่งไม่รู้ว่าแต่ละทิศจะนำไปสู่ที่ไหนบ้าง ฝาผนังทั้ง 4 ด้าน เริ่มมีการแกะสลักภาพ และภาพวาดประดับบ้างแล้ว ทั้งภาพการทำงานของคนงานอียิปต์ที่ช่วยกันขนลากหิน ภาพของเทพต่างๆ และภาพของฟาโรห์ นักบวช ข้าราชบริพาร ฯลฯ
ความสวยงามวิจิตรซึ่งยังดูสดๆ ทำให้สองสาวเผลอตัวยืนดูอย่างเพลิดเพลิน
"สวยจัง...สวยกว่าที่เราเคยเห็นจากภาพที่เคยเห็นในเวลาปัจจุบันที่เราจากมาเป็นร้อยเท่า!" เล็กเอ่ยกระซิบเบาๆ
"แน่ละสิตัว เพราะพวกนี้ตอนนี้มันใหม่ๆทั้งนั้น"
พูดจบ จอยก็สะดุดตากับภาพๆหนึ่ง...
มันเป็นภาพวาดของฟาโรห์ มีจารึกพระนามไว้ ทั้งสองคาดเดาว่าน่าจะเป็น "คูฟู" ผู้ซึ่งรู้กันว่าเป็นผู้ทรงสร้างมหาปิรามิด จากรูปนั้น พระองค์ทรงมีพระพักตรคมคาย "หล่อ" ในสายตาของสาวเล็ก และมีภาพนางสนมนางหนึ่งถวายการรับใช้อยู่ใกล้ๆ โดยยื่นจอกซึ่งน่าจะเป็นจอกน้ำจัณฑ์ถวายแด่องค์ฟาโรห์ซึ่งประทับนั่งอยู่บนพระแท่น มีภาพเทวีไอสิสกางปีกนกเหมือนเป็นเทพผู้พิทักษ์ด้านขวาของฟาโรห์ และภาพเทพ "โซคาร์" เทพแห่งยมโลกเบื้องล่างและเทพแห่งความมืด ยืนอยู่ทางซ้ายของนางสนมนั้น
สาวจอย ก้าวเดินเข้าไปดูใกล้ๆ อย่างช้าๆ เหมือนถูกมนต์สะกด และเล็กก็จำต้องเดินตามไปด้วยเพราะจูงมือกันอยู่ หล่อนมองหน้าเพื่อนอย่างฉงน แล้วกระซิบถาม
"จอย...เป็นอะไรตัว ?"
"ไม่เป็นไรจ้ะ แป๊บนึง"
แล้วทั้งสองก็หยุดยืนมองดูภาพวาดนั้น อย่างเงียบงัน โดยที่เล็กรู้สึกแปลกใจกับท่าทางของเพื่อนซึ่งกำลังมองภาพเหมือนพินิจพิจารณาอย่างลึกซึ้ง สายตาเหม่อลอย มองภาพฟาโรห์ สลับกับภาพนางสนม...
และเมื่อเล็กเพ่งมองภาพของนางสนมนั้น หล่อนก็ถึงกับเบิกตากว้าง เกือบจะอุทานออกมาดังๆ แต่ยังควบคุมตัวเองให้เพียงแค่กระซิบ "คุณพระช่วย!"
เพราะว่า...ใบหน้าของนางสนมนั้น เหมือนกับใบหน้าของสาวจอย ราวกับพิมพ์เดียวกัน ไม่ผิดเพี้ยน!!
เล็กตกตะลึง มองหน้าเพื่อนที มองภาพนางสนมนั้นที สลับกันไปมา แล้วก็ได้สติ กระซิบร้องเรียกเพื่อนพร้อมกับเขย่าแขน
"จอย! จอย!!"
ในห้วงแห่งภวังค์ ขณะที่จอยกำลังมองเหม่อเหมือนไม่รู้ตัวอยู่นั้น... หล่อนได้ยินเสียงเหมือนมาจากอดีตกาล....
"อามุนต้า..."
"เพคะ ฝ่าบาท..." หล่อนตอบเบาๆ ด้วยภาษาอียิปต์โบราณ! ซึ่งชั่วชีวิตของหล่อนอย่าว่าแต่ภาษาโบราณเลย แม้แต่ภาษาที่ชาวอียิปต์พูดกันในปัจจุบันก็ไม่เคยเรียนแม้แต่คำเดียว!!
"เจ้า...กลับมาหาข้า...ใช่ไหม ?"
"หามิได้เพคะ หากแต่ หม่อมฉันกำลังตามหา..."
"หาผู้ใด ? "
"ท่านหัวหน้านักบวช..."
"สังฆราช เชพเพ็สคาฟ..."
"เขากลับมาแล้ว ใช่ไหมเพคะ ฝ่าบาท"
"แล้วเจ้า...ก็กลับมา เพื่อตามหามันอีก!" น้ำเสียงนั้นฟังดูพิโรธ เจือด้วยความขมขื่น "อามุนต้า...ข้ารักเจ้ายิ่ง เจ้าเกือบจะได้เป็นมเหสีของข้าอยู่แล้ว ไม่ควรเลือกทางเดินผิดเลย!"
"หม่อมฉันขอพระราชทานอภัยโทษด้วยเถิด ฝ่าบาท เพราะหม่อมฉันรักเขายิ่งนัก จนแม้กระทั่งชีวิต หม่อมฉันก็ยอมสละให้เขา เพื่อให้เขาอยู่รอดปลอดภัย"
"แต่ท้ายที่สุด มันก็ต้องโทษประหารอยู่ดี! การเสียสละของเจ้าจึงสูญเปล่า!"
"ถึงกระนั้น หม่อมฉันก็พึงพอใจ ที่ได้มีโอกาสสละชีพเพื่อความรัก"
"เจ้าช่างโง่งมนัก! อามุนต้า ข้าขอถามเจ้า ข้าด้อยกว่าเชพเพสตรงไหน เจ้าจึงตัดสินใจละทิ้งข้าไปหามัน ?"
"พระองค์มิได้ด้อยกว่าเขาเลยเพคะ ฝ่าบาท พระองค์ทรงเหนือกว่าเขาทุกประการ ยกเว้น.."
"ยกเว้น ประการเดียว คือเจ้า หาได้รักข้าไม่"
"เพคะ ฝ่าบาท"
"ข้าแค้นใจนัก! บัดนี้เจ้ากับมัน ซึ่งกลับมาเกิดใหม่ทั้งคู่ หลังจากเวลาของที่นี่กับปัจจุบันกาลของพวกเจ้าห่างกันเกือบห้าพันปี! ยังบังอาจหวนกลับมาสู่อาณาจักรของข้าอีก เฮอะ! พวกเจ้า ค้นหากันเองเถิด! แต่จงรู้เอาไว้ หากมีช่องทางใดที่ข้าจะกำจัดเชพเพส และทำให้เจ้าอยู่กับข้าชั่วนิจนิรันดร์ได้ไซร้ ข้าจะไม่ยอมพลาดโอกาสคว้าเอาช่องทางนั้นไว้แน่!"
แล้วความเงียบก็เข้ามาปกคลุม...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"จอย! จอย!!! ตื่นสิจอย!!"
เล็กพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า เขย่าตัวเพื่อนให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ด้วยความห่วงใยและตื่นตระหนก
ในที่สุด จอยก็เหมือนจะรู้สึกตัว กะพริบตาถี่ๆ คลายความเกร็งตัว แล้วหันมาหาเพื่อน
"เล็ก..."
"อ้าว รู้สึกตัวแล้วเหรอ"
"อืมม..."
"ตัวเป็นอะไรไปห๊ะ? ยังกะโดนสะกดจิตเลย เค้าเรียกตั้งนาน เรียกเท่าไรก็ไม่ตื่น เอาแต่ตาลอยจ้องแต่รูปนั่น"
จอยหันไปดูภาพบนฝาผนังนั้นอีกครั้ง แล้วก็ทำตาโต
"เฮ้ย! นี่มัน..."
"อื้อ...เค้าเห็นแล้วก็อึ้งเหมือนกันแหละ"
"ผู้หญิงนั่น...นางสนม หรือมเหสีของฟาโรห์ ทำไมหน้าเหมือนเค้าเลย เล็ก!"
"ไม่รู้ดิ ตัวถามเค้า แล้วเค้าจะถามใครได้!"
"เฮ้ยย ประหลาดพิสดารมากอะ! ถ้าอยู่ในเวลาปัจจุบันปี พ.ศ.2699 ของเรา แล้วเห็นภาพนี้บนกำแพงที่ไหนจะไม่แปลกใจเลย เพราะอาจมีหนุ่มหน้าไหนก็ได้แอบวาดรูปคนสวยอย่างเค้าแบบนี้ที่ไหนเมื่อไรก็ได้ ว่ามะ!"
"อะ...จ้า! มิสยูนิเวอร์ส!!" เล็กพยักหน้าหงึกๆ แล้วค้อนให้เพื่อนไปหนึ่งวง ตอนนี้หล่อนรู้สึกหลายอย่าง ทั้งขำ หมั่นไส้ และผ่อนคลายสบายใจขึ้นที่เห็นเพื่อนกลับมาเป็นเหมือนเดิม "ตามบายใจเลยเพื่อน!"
จอยหัวเราะกิ๊กๆ หันไปมองภาพบนฝาผนังอีกครั้ง แล้วล้วงกระเป๋าที่อกชุดขาว หยิบกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กเท่ากล่องไม้ขีดไฟออกมาถ่ายเก็บไว้สองสามช็อต แล้วยื่นกล้องให้เพื่อน
"เดี๋ยวเค้าจะไปยืนข้างๆนางสนมนั่น ตัวถ่ายให้หน่อยนะ"
"โอเคจ้ะ"
เล็กรับกล้องไว้ รอจนเพื่อนไปยืนเคียงข้างภาพนางสนมแล้วจึงถ่ายภาพไว้
"ซูมเข้ามาใกล้ๆด้วยจ้ะ ถ่ายเน้นเฉพาะใบหน้าทั้งสองคนเลย"
"โอเคๆ"
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ สองสาวก็ปรึกษากัน
"ตัวคิดว่าไงกับเรื่องนี้ ?" เล็กถามก่อน
"เรื่องไหน เรื่องสาวสองคนต่างกาลเวลากันตั้งเกือบห้าพันปี หน้าตาเหมือนกันเนี่ยเหรอ ?"
"เออดิ"
"ไม่รู้เหมือนกัน หล่อนคงบังเอิญสวยเหมือนเค้า!"
"หรือไม่ ตัวก็บังเอิญสวยเหมือนหล่อน!"
"อ่าฮะ! คงงั้นแหละ อย่างแรกมากกว่ามั้ง กิกิ ไม่งั้นก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง"
หมั่นไส้จนอดไม่ได้ เล็กเลยทุบหลังเพื่อนไปตุ้บหนึ่ง ก่อนจะถามต่อ
"ถามหน่อยดิ ตอนที่ตัวเหม่อๆเอ๋อๆอยู่น่ะ จำอะไรได้บ้าง ?"
"อืมม..." จอยทำท่าครุ่นคิด เม้มปาก เหลือบตาดูข้างบน แล้วสั่นศีรษะ "จำไม่ได้แฮะ มันลางๆเลือนๆ คล้ายๆกับหลับแล้วฝันถึงอะไรสักอย่าง แล้วก็ตื่นขึ้นมาเพราะตัวช่วยปลุกเค้า"
"นี่...เชื่อไหม..." เล็กพูดช้าๆ "ว่าตัวอะ พูดอะไรแปลกๆด้วยหละ ฟังไม่รู้เรื่องซักคำ"
"พูดไรว้า...?"
"ไม่รู้ดิ ภาษาอียิปต์มั้ง"
"เฮ้ยยย...ทำไมตัวคิดยังงั้น ?"
"ก็มันแปลกจริงๆนี่นา พูดหลายคำหลายประโยคด้วย"
(มีต่อครับ)