ประวัติของสายนาฬิกาไนลอน G10 หรือที่หลายๆคนเรียกว่าสาย NATO นั้น หากเราหาประวัติโดยทั่วไป ก็จะบอกคล้ายๆกันว่า มีต้นกำเนิดมาจากกองทัพอังกฤษ ที่ได้ออกกำหนดมาตรฐานออกมาใน British Ministry of Defence Standard 66-15 Issue 1 (DEF-STAN 66-15/1) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 1973 โดยกำหนดให้ใช้ใน Royal Navy และ British Army แต่ไม่ได้กำหนดให้ใช้ใน Royal Air Force ซึ่งหน่วยนี้จะใช้สายแบบเส้นเดียวเหมือนกัน แต่ไม่มีชิ้นข้างล่าง แต่จะเป็นแผ่นหนังที่สอดสายผ่านแทน ประเภทเดียวกับพวกสาย bund strap นั่นเอง เรียกชื่อเล่นว่า สาย RAF ซึ่งก็ใช้เรียกกับพวกสายแบบเส้นเดียว ที่ไม่มีแผ่นหนังรองข้างล่างเหมือนกัน
ชื่อ NATO ก็ไม่ได้หมายความว่าใช้ในกองทัพนาโต้ทั่วไป มันเป็นสายที่กำหนดให้ใช้ภายในกองทัพอังกฤษเท่านั้น เพียงแต่ชื่อนี้ มาจากเลข stock ของสาย นั้นเรียกว่า NATO Strock Number (NSN) ซึ่งสำหรับสายนี้คือ 6645-99-124-2986 และมี spec กำหนดชัดเจนว่า ต้องทำด้วยไนลอน กว้าง 20 มม. ยาว 28 ซม. สีเทา Admiralty Grey BS 4800 มี 12 รู ตัวห่วงและหัวเข็มขัดทำด้วยทองเหลืองชุบโครเมี่ยม การเชื่อมติดของวัสดุ ทำโดยการเชื่อมไนลอนด้วยความร้อน ไม่มีการเย็บ ซึ่งเหตุผลที่เดาได้ก็คงเพราะ แบบนี้แข็งแรงกว่าการเย็บ ระยะห่างต่างๆดูได้ในรูป ซึ่งผม cap มาจาก DEF-STAN 66-47/2 อันเป็นมาตรฐานที่ใช้ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สายนี้ในมาตรฐานเล่มใหม่ ก็ยังคงใช้ NSN เดียวกันกับเล่มแรก DEF-STAN 66-15/1 คือ 6645-99-124-2986 แต่ในเล่มใหม่นี้ Royal Air Force ได้ถูกกำหนดให้ใช้สายสเป็คเดียวกันนี้แล้ว แต่ใช้ NSN คนละรหัสกันเท่านั้น คือ 6645-99-527-7059

[
ภาพจาก DEF-STAN 66-47/2: http://www.h-spot.net/watches/mod/watchstraps_2001.pdf]
ส่วนที่มาของคำว่า G10 นั้นมาจากการที่ทหารต้องกรอกแบบฟอร์ม G1098 หรือเรียกกันย่อๆว่า G10 เพื่อที่จะได้รับแจกสายนี้มา สรุปแล้ว สายนี้มันไม่มีชื่อจริงๆเป็นทางการหรอก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แล้วผมก็ไปเจอคนที่ได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าสาย G10 นี้ เขาพบว่า มันมีสายหน้าตาคล้ายๆกันอยู่ คือ เป็นสายแบบเส้นเดียว มีชิ้นล่างที่เย็บติด และมีห่วงเพื่อสอดเข้าที่ปลายสายเข้ามาล็อคตัวนาฬิกาเอาไว้เหมือนกัน ซึ่งสายนี้ถูกจดสิทธิบัตรการออกแบบ (Registered Design) เลขที่ 529336 ใน British Board of Trade เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 1908 โดยบริษัท E. J. Pearson and Sons และได้ทำออกขายในชื่อ "Victor" สายในรูปข้างล่างมีปั๊มคำว่า "VICTOR 529336" และ "Made in England" อยู่

[
ที่มา: Information/images from VintageWatchstraps.com © David Boettcher]
ภาพข้างล่างนี้ ได้มาจากอีเบย์อิตาลี เป็นอีกมุมมองของสาย Victor RD 529336 นี้ เมื่อใส่กับนาฬิกาสมัยนั้น ซึ่งหูร้อยสายของนาฬิกาข้อมือสมัยก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ จะเป็นแบบเชื่อมติดกับตัวเรือน และมีความกว้างระหว่าง 10 - 14 มม.


เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 อุบัติขึ้นในปี 1914 กองทัพอังกฤษยังไม่มีการแจกนาฬิกาให้ทหาร ทหารต้องซื้อใช้เอง แต่ก็เป็นช่วงเวลาทีผู้ชายเริ่มใส่นาฬิกาข้อมือมากขึ้น เพราะความสะดวกในสนามรบ (ก่อนสงคราม นาฬิกาข้อมือถูกมองว่าเป็นเครื่องประดับของผู้หญิง ไม่ใช่ของใช้ของผู้ชาย) และหลังสงครามจบในปี 1918 นาฬิกาข้อมือก็แพร่กระจายเป็นแฟชั่นในหมู่ผู้ชายอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นสัญลักษณ์ของฮีโร่ อย่างไรก็ดี David Boettcher เจ้าของรูปถ่ายสายรูปบนสุด ก็ได้สันนิษฐานว่า น่าจะมีพวกทหารในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซื้อสาย Victor นี้มาใช้เหมือนกัน จนกระทั่งหลังสงคราม ก็น่าจะมีคนใช้ และเป็นที่ผ่านตาของคนในกองทัพอยู่บ่อยๆ ซึ่งมันอาจจะกลายเป็นดีไซน์ของสายรูปแบบที่ถูกคัดเลือกมาใช้เป็นมาตรฐานของกองทัพใน 50 - 60 กว่าปีต่อมา โดยเหตุผลน่าจะมาจาก การออกแบบที่มีชิ้นด้านล่างที่เย็บติดนี้ ให้ความแข็งแรงและความปลอดภัยจากนาฬิกาเลื่อนหลุดจากสาย กับความสะดวกดายในการถอดและใส่นาฬิกาออกจากและเข้าไปในสาย โดยใช้เวลาสั้นๆ การใส่และถอดนาฬิกาบนและออกจากข้อมือก็ทำได้รวดเร็วเช่นกัน จึงได้กลายเป็นสาย NATO หรือ G10 ที่เรารู้จักกัน จากมาตรฐานของสาย G10 ของทหาร ก็มีในส่วนของพลเรือนทำเป็นรูปแบบต่างๆออกมามากมาย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นอกจากสาย Victor RD 529336 ที่ลงทะเบียนเมื่อ 27 สิงหาคม 1908 แล้ว บริษัท E. J. Pearson and Sons ก็ยังลงทะเบียนสายอีกแบบในวันเดียวกัน เลขที่การออกแบบ RD 529337 ต่างกันนิดหน่อยตรงที่ ชิ้นล่างมีปีกขยายออกมารองรับตัวเรือนนาฬิกา ตามรูปข้างล่าง

[
ที่มา: Information/images from VintageWatchstraps.com © David Boettcher]
แถมภาพโฆษณานาฬิกาปี 1916 ที่ชูเรื่องหน้าปัดแบบใหม่ ตกไม่แตก (มันคือเซลลูลอยด์) กับพรายน้ำเรืองแสงในที่มืด (เรเดียมผสมฟอสเฟตที่ถูกโด๊ป) ที่มีนัยว่าเหมาะกับกองทัพพันธมิตรเป็นอย่างยิ่ง

[
ที่มา: Information/images from VintageWatchstraps.com © David Boettcher]
สายนาฬิกา NATO/G10 จากกองทัพอังกฤษ อาจมีประวัติยาวนานกว่ายุค 1970s
ชื่อ NATO ก็ไม่ได้หมายความว่าใช้ในกองทัพนาโต้ทั่วไป มันเป็นสายที่กำหนดให้ใช้ภายในกองทัพอังกฤษเท่านั้น เพียงแต่ชื่อนี้ มาจากเลข stock ของสาย นั้นเรียกว่า NATO Strock Number (NSN) ซึ่งสำหรับสายนี้คือ 6645-99-124-2986 และมี spec กำหนดชัดเจนว่า ต้องทำด้วยไนลอน กว้าง 20 มม. ยาว 28 ซม. สีเทา Admiralty Grey BS 4800 มี 12 รู ตัวห่วงและหัวเข็มขัดทำด้วยทองเหลืองชุบโครเมี่ยม การเชื่อมติดของวัสดุ ทำโดยการเชื่อมไนลอนด้วยความร้อน ไม่มีการเย็บ ซึ่งเหตุผลที่เดาได้ก็คงเพราะ แบบนี้แข็งแรงกว่าการเย็บ ระยะห่างต่างๆดูได้ในรูป ซึ่งผม cap มาจาก DEF-STAN 66-47/2 อันเป็นมาตรฐานที่ใช้ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สายนี้ในมาตรฐานเล่มใหม่ ก็ยังคงใช้ NSN เดียวกันกับเล่มแรก DEF-STAN 66-15/1 คือ 6645-99-124-2986 แต่ในเล่มใหม่นี้ Royal Air Force ได้ถูกกำหนดให้ใช้สายสเป็คเดียวกันนี้แล้ว แต่ใช้ NSN คนละรหัสกันเท่านั้น คือ 6645-99-527-7059
ส่วนที่มาของคำว่า G10 นั้นมาจากการที่ทหารต้องกรอกแบบฟอร์ม G1098 หรือเรียกกันย่อๆว่า G10 เพื่อที่จะได้รับแจกสายนี้มา สรุปแล้ว สายนี้มันไม่มีชื่อจริงๆเป็นทางการหรอก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แล้วผมก็ไปเจอคนที่ได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าสาย G10 นี้ เขาพบว่า มันมีสายหน้าตาคล้ายๆกันอยู่ คือ เป็นสายแบบเส้นเดียว มีชิ้นล่างที่เย็บติด และมีห่วงเพื่อสอดเข้าที่ปลายสายเข้ามาล็อคตัวนาฬิกาเอาไว้เหมือนกัน ซึ่งสายนี้ถูกจดสิทธิบัตรการออกแบบ (Registered Design) เลขที่ 529336 ใน British Board of Trade เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 1908 โดยบริษัท E. J. Pearson and Sons และได้ทำออกขายในชื่อ "Victor" สายในรูปข้างล่างมีปั๊มคำว่า "VICTOR 529336" และ "Made in England" อยู่
ภาพข้างล่างนี้ ได้มาจากอีเบย์อิตาลี เป็นอีกมุมมองของสาย Victor RD 529336 นี้ เมื่อใส่กับนาฬิกาสมัยนั้น ซึ่งหูร้อยสายของนาฬิกาข้อมือสมัยก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ จะเป็นแบบเชื่อมติดกับตัวเรือน และมีความกว้างระหว่าง 10 - 14 มม.
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 อุบัติขึ้นในปี 1914 กองทัพอังกฤษยังไม่มีการแจกนาฬิกาให้ทหาร ทหารต้องซื้อใช้เอง แต่ก็เป็นช่วงเวลาทีผู้ชายเริ่มใส่นาฬิกาข้อมือมากขึ้น เพราะความสะดวกในสนามรบ (ก่อนสงคราม นาฬิกาข้อมือถูกมองว่าเป็นเครื่องประดับของผู้หญิง ไม่ใช่ของใช้ของผู้ชาย) และหลังสงครามจบในปี 1918 นาฬิกาข้อมือก็แพร่กระจายเป็นแฟชั่นในหมู่ผู้ชายอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นสัญลักษณ์ของฮีโร่ อย่างไรก็ดี David Boettcher เจ้าของรูปถ่ายสายรูปบนสุด ก็ได้สันนิษฐานว่า น่าจะมีพวกทหารในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซื้อสาย Victor นี้มาใช้เหมือนกัน จนกระทั่งหลังสงคราม ก็น่าจะมีคนใช้ และเป็นที่ผ่านตาของคนในกองทัพอยู่บ่อยๆ ซึ่งมันอาจจะกลายเป็นดีไซน์ของสายรูปแบบที่ถูกคัดเลือกมาใช้เป็นมาตรฐานของกองทัพใน 50 - 60 กว่าปีต่อมา โดยเหตุผลน่าจะมาจาก การออกแบบที่มีชิ้นด้านล่างที่เย็บติดนี้ ให้ความแข็งแรงและความปลอดภัยจากนาฬิกาเลื่อนหลุดจากสาย กับความสะดวกดายในการถอดและใส่นาฬิกาออกจากและเข้าไปในสาย โดยใช้เวลาสั้นๆ การใส่และถอดนาฬิกาบนและออกจากข้อมือก็ทำได้รวดเร็วเช่นกัน จึงได้กลายเป็นสาย NATO หรือ G10 ที่เรารู้จักกัน จากมาตรฐานของสาย G10 ของทหาร ก็มีในส่วนของพลเรือนทำเป็นรูปแบบต่างๆออกมามากมาย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นอกจากสาย Victor RD 529336 ที่ลงทะเบียนเมื่อ 27 สิงหาคม 1908 แล้ว บริษัท E. J. Pearson and Sons ก็ยังลงทะเบียนสายอีกแบบในวันเดียวกัน เลขที่การออกแบบ RD 529337 ต่างกันนิดหน่อยตรงที่ ชิ้นล่างมีปีกขยายออกมารองรับตัวเรือนนาฬิกา ตามรูปข้างล่าง
[ที่มา: Information/images from VintageWatchstraps.com © David Boettcher]
แถมภาพโฆษณานาฬิกาปี 1916 ที่ชูเรื่องหน้าปัดแบบใหม่ ตกไม่แตก (มันคือเซลลูลอยด์) กับพรายน้ำเรืองแสงในที่มืด (เรเดียมผสมฟอสเฟตที่ถูกโด๊ป) ที่มีนัยว่าเหมาะกับกองทัพพันธมิตรเป็นอย่างยิ่ง
[ที่มา: Information/images from VintageWatchstraps.com © David Boettcher]